เสียงเคาะประตูที่เปิดอยู่ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมอง“มีคนมาขอพบคุณค่ะ เอวา” ลิเดียพูดในที่สุดฉันก็ทำให้เธอเรียกชื่อฉันแทนคำว่าคุณหญิงหรือคุณนายได้สำเร็จ ฉันรู้สึกขอบคุณที่เล็ตตี้โน้มน้าวฉันยอมให้เธออยู่ต่อ เพราะเธอช่วยฉันได้เยอะมาก เธอยังช่วยทำงานบ้านให้ฉันด้วย ฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีเธอ“นั่นใครเหรอครับแม่?”ฉันบอกเธอให้ปล่อยใครก็ตามที่มาหาฉันเข้ามาก่อนที่ฉันจะหันกลับมาสนใจลูกชายสุดที่รักของฉัน“เป็นผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งชื่อลิเดีย เธอมาช่วยแม่ทำงานบ้านจ้ะ” ฉันตอบเขา ในใจฉันนึกไปแล้วว่าใครกันที่มาเยี่ยมฉันถ้าฉันเดาถูกก็คงเป็นเล็ตตี้หรืออีธาน ทั้งสองคนมักจะแวะมาหาฉันอยู่บ่อยครั้ง“ทำไมแม่ถึงต้องการความช่วยเหลือเหรอครับ? แม่ไม่เคยต้องการความช่วยเหลือจากใครมาก่อนเลย แม่เป็นแม่ที่เก่งมากมาเสมอ” เขาจ้องมาที่ฉันอย่างสงสัยแน่นอนว่าเขาพูดถูก ฉันทำทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอ แม้แต่ตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ของโรแวน ฉันอยากจะทำให้เขาเห็นฉันในมุมมองที่ต่างออกไป เขาจะได้เห็นว่าฉันไม่ได้เอาแต่ใจเหมือนเอ็มม่าที่ต้มน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ นั่นจะเป็นข้อเสียของเอ็มม่าแต่ฉันคิดผิดไปมาก เข
โรแวนผมนั่งดูเอกสารด่วนที่โต๊ะของตัวเอง ผมพยายามจะมีสมาธิแต่ก็ทำไม่ได้ผมยังนึกถึงความจริงที่ว่าเอวาไม่รับสายผมอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะผมจ้างลิเดีย ผมคงไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้างผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ พูดได้เต็มปากเลยว่าเอวาที่ผมรู้จักหายไปนานแล้ว เหลือแค่คนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิงเมื่อเอ็มม่าตัดสินใจย้ายกลับมา ผมกลัวว่าเอวาจะสร้างปัญหาให้พวกเรา เธอคงจะเป็นตัวป่วนเหมือนตอนสมัยที่เธอเป็นวัยรุ่น แต่เธอก็พิสูจน์ให้ผมเห็นว่าผมคิดผิดผมควรจะดีใจที่เธอรักษาระยะห่างและไม่ได้สร้างปัญหาให้ผม แต่ผมกลับรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ มันแปลกมากที่ผมกังวลใจและเกลียดที่เธออยู่ในความคิดของผมตลอดเวลาในที่สุดผมก็ยอมแพ้กับการพยายามตั้งสมาธิและลุกขึ้นยืน ผมเดินไปที่หน้าต่างและจ้องออกไปข้างนอกเพื่อพยายามลบเรื่องเอวาออกจากหัว“ท่านคะ หัวหน้าผู้ตรวจการมาถึงแล้วค่ะ” คริสติน เลขาของผมกล่าวผมจมอยู่กับความคิดจนไม่ได้ยินเสียงเธอเข้ามาในห้องทำงานของผมด้วยซ้ำ“ให้เขาเข้ามา” ผมหันไปมองเธอก่อนจะเดินกลับไปที่เก้าอี้ของผมไบรอัน หัวหน้าผู้ตรวจการเข้ามาพอดีตอนที่ผมกำลังนั่งลง พวกเราจับมือกั
ผมรู้ว่าเขาคงสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าผมไม่เคยสนใจเอวาเลย ก็คิดดูทั้งที่พวกเราแต่งงานกันและผมมีทั้งอิทธิพลและศัตรู แต่ผมไม่เคยสั่งให้บอดี้การ์ดไปติดตามเธอเลย ในขณะที่โนอามีถึงสองคนเอวาเองก็เคยถามผมว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ทำไมผมถึงสนใจความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของเธอขึ้นมาทันทีทันใดแบบนี้ ทุกคนคงคิดเหมือนเธอเพราะผมเองก็สับสนเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงมีความสำคัญกับผมขึ้นมากะทันหันแบบนี้ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าผมดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือแล้วก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงแล้ว ผมควรจะไปพบกับทราวิสและเกเบรียลเพื่อดื่มกันตอนหกโมงครึ่งก่อนจะกลับบ้านผมออกจากสำนักงานพร้อมกับเอกสารต่าง ๆ ผมอารมณ์ไม่ดี พนักงานของผมจึงไม่มีใครกล้าแม้แต่จะทักผมด้วยซ้ำผมไปถึงคลับทันเวลาและรีบตรงไปที่โซนส่วนตัว นี่เป็นคลับพิเศษแห่งหนึ่งจากหลาย ๆ แห่งที่เกเบรียลและผมเป็นเจ้าของ“มาถึงสักที… นายช่วยจัดการเขาหน่อยได้ไหม? ฉันทนความขี้ขลาดของเขาไม่ไหวแล้ว” เกเบรียลบ่นก่อนจะยกเครื่องดื่มของเขาและมองทราวิสด้วยความรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้น?” ผมหันไปหาทราวิสสภาพเขาดูแย่มาก“ฉันไปหาเอวามาเมื่อสองสามวันก่อน และเธอไล่ฉั
เอวาฉันรู้สึกประหม่ามากขณะเตรียมตัวออกเดตกับอีธาน ตอนนี้ผ่านไปสองสัปดาห์แล้วตั้งแต่ฉันออกจากโรงพยาบาลและทุกอย่างก็ดีขึ้น คุณหมอบอกว่าฉันหายดีแล้วและฉันก็กลับไปทำงานได้ตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อนในช่วงสองสัปดาห์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เล็ตตี้กับฉันสนิทกันมากขึ้น และอีธานกับฉันเองก็เช่นกัน เขาขอฉันออกเดตเมื่อสองสามวันก่อน ฉันตอบตกลงอย่างเต็มใจอีธานช่วยเรื่องความภูมิใจในตัวเองของฉัน เขาทำให้ฉันหัวเราะและผ่อนคลาย ฉันรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับเขา เมื่อฉันอยู่ใกล้เขา ฉันลืมโรแวนได้ ฉันลืมหัวใจที่แตกสลายของตัวเองได้“ปล่อยผมหรือรวบผมดี?” ฉันถามเล็ตตี้เราคุยกันผ่านวิดีโอคอลและเธอก็ช่วยฉันเตรียมตัวพูดตามตรงนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันออกเดต เหมือนที่ฉันเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผู้ชายจะชวนออกเดตมาก่อนตอนที่ฉันแต่งงาน โรแวนไม่เคยพาฉันออกไปข้างนอกเลย จริง ๆ แล้วเราไม่เคยทำอะไรแบบที่คู่รักทำกัน เราไม่เคยไปทานอาหารค่ำด้วยกันเลยด้วยซ้ำ แค่โรแวนกลับบ้านมาทานอาหารค่ำเกือบทุกวันได้ก็ถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจแล้ว“แน่นอนว่าต้องรวบผม คุณมีคอที่ยาวระหง คุณควรอวดมัน” เล็ตตี้พูดเพ
ฉันดมกลิ่นดอกกุหลาบด้วยความรู้สึกขอบคุณ โรแวนไม่เคยซื้อดอกไม้ให้ฉันเลยสักครั้ง เขาไม่เคยปฏิบัติกับฉันราวกับว่าฉันมีความสำคัญต่อเขาเลย ในความคิดของเขาฉันเป็นเพียงคนน่ารำคาญที่เขามีลูกด้วย“ฉันขอแช่ดอกไม้ในน้ำก่อนที่จะไปนะคะ” ฉันหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวหลังจากที่ใส่ดอกไม้ลงในแจกันแล้ว เราก็ออกไปฉันรู้สึกทั้งประหม่าและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำหรือพูดอะไร ระหว่างที่ออกเดต คนเขาทำอะไรกันเหรอ? พวกคุณคุยเรื่องอะไร? และใครควรเป็นคนเริ่มบทสนทนา? ฉันออกนอกกรอบของตัวเองมากจนกลัวว่าจะทำให้ทุกอย่างพัง“แปลกไหมครับที่ผมประหม่าจนตัวสั่น ทั้ง ๆ ที่ผมเคยออกเดตหลายรอบจนนับไม่ถ้วน?” อีธานถามขึ้นและทำลายความเงียบฉันหัวเราะด้วยความโล่งใจ ความวิตกกังวลที่ฉันอดกลั้นเอาไว้ก็หายไป“ไม่เลยค่ะ… ฉันก็เป็นเหมือนกัน ฉันรู้สึกประหม่ามาทั้งวันเลย” ฉันสารภาพ “ฉันเกือบจะเสียสมาธิในการสอนเลยค่ะ”แม้ว่านักเรียนของฉันจะดีใจที่ฉันกลับมา แต่พวกเขาก็รู้ว่าฉันสมาธิล่องลอย พวกเขาถึงกับชี้แจ้งพฤติกรรมผิดปกติของฉันด้วย“ผมต้องยื่นรายงานซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะผมทำพังอยู่เรื่อย” เขาหัวเราะและฉัน
“แล้วอะไรคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดเกี่ยวกับงานของคุณเหรอคะ?” ฉันเปลี่ยนเรื่องรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาเมื่อเขาเริ่มเล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับงานของเขา ไม่นานอาหารของเราก็มาถึงและเราก็ลงมือทานอาหารกันฉันพยายามมีสมาธิ แต่ยิ่งมีคนมากันมากขึ้นเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกประหม่ามากขึ้นเท่านั้น ฉันพยายามผ่อนคลายและจดจ่อกับอีธานแต่ก็ไม่เป็นผล“คุณเป็นไรหรือเปล่าครับเอวา? คุณดูประหม่า ๆ” เขาถามฉันช้า ๆ ราวกับรับรู้ถึงความไม่สบายใจของฉัน“ประหม่าเหรอคะ?” ฉันสำลัก“ใช่ครับ คุณดูกระสับกระส่ายและแถมคุณก็กวาดตามองไปมา” เขาบอกฉัน “คุณไม่สนุกเหรอครับ?”โอ้พระเจ้า! ตอนนี้ฉันรู้สึกแย่มาก ฉันควรบอกความจริงกับเขาหรือจะปล่อยให้มันจะทำลายทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรา สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการคือการถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักบุญคุณ“คุณบอกผมได้เลยนะครับ ผมสัญญาว่าจะไม่โกรธ” สายตาของเขาจ้องมาที่ฉันราวกับว่าเขาสามารถเห็นการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นภายในตัวฉันได้“ฉันชอบอยู่กับคุณและรู้สึกสนุกที่ได้อยู่ใกล้คุณนะคะ แต่... ฉันรู้สึกไม่สบายใจกับบรรยากาศแบบนี้” ฉันพึมพำอย่างจริงใจ“คุณหมายถึงร้านอาหารเหรอครับ
โรแวนวันนี้ผมหวังว่าจะได้ใช้เวลาช่วงเย็นกับเอมม่าอย่างมีความสุข แต่สุดท้ายมันก็พังทลายลงเมื่อผมเห็นเอวามาออกเดตกับอีธาน“โรแวน” เอมม่าเรียกผม แต่เหมือนสมองผมไม่ทำงานเอวากำลังอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายอีกคน ตอนแรกผมคิดว่าผมตาฝาด ผมหลงดีใจด้วยซ้ำที่เห็นอีธานมาออกเดตกับผู้หญิงคนอื่นเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ จนกระทั่งผมตระหนักว่าผู้หญิงคนนั้นคือเอวาเธอสวยจนน่าทึ่งแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผิวกระจ่างไร้ที่ติของเธอถูกเปิดเผย และชุดเดรสสีดำเข้ารูปที่เธอใส่ก็เน้นให้เห็นส่วนโค้งเว้าของเธอแน่นอนว่าผมเคยเห็นเธอเปลือยกายมาก่อน แต่ภาพนี้ทำให้ผมรู้สึกแตกต่างออกไป เธอตั้งใจแต่งตัวแบบที่เธอไม่เคยทำเมื่อเราอยู่ด้วยกัน บางทีอาจเป็นเพราะผมไม่เคยชวนเธอออกเดตและไม่เคยสนใจเธอเลยผมมองดูอีธานทัดผมของเธอไว้หลังหู นั่นทำให้เลือดในกายผมเต้นเร่า แต่ไม่เท่ากับการเห็นเขาลูบแก้มของเธอก่อนจะจูบหน้าผาก การเห็นเขาทำแบบนั้นทำให้ผมถึงกับหน้ามืดด้วยความโมโหเธอส่งยิ้มให้เขา รอยยิ้มนั้นทำให้ผมแทบจะเข่าทรุดโดยไม่ทราบสาเหตุ“โรแวน ฉันเจ็บ!” เอมม่าตวาดตอนนั้นเองที่ผมรู้ตัวว่าผมได้กำมือเธอแน่นมาก ผมคลาย
เอมม่าฉันไม่ได้ขยับตัวเลยตั้งแต่ที่โรแวนจากไป ฉันรู้สึกเหมือนกำแพงกำลังปิดล้อมตัวฉันและฉันไม่มีทางหนี ไม่มีทางที่จะระงับความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึกอยู่ภายในได้ทุกอย่างมันเจ็บไปหมดและฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหยุดมันอย่างไร ฉันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรหรือจะต้องตอบสนองอย่างไรทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นกับฉัน? นั่นคือคำถามที่ฉันถามตัวเองอยู่เสมอ แต่ฉันไม่เคยได้รับคำตอบเลย ไม่มีแม้แต่คำใบ้ว่าทำไมฉันถึงยังต้องเจอเรื่องแย่ ๆ แม้จะได้ผู้ชายคนนั้นมาครองแล้วก็ตามฉันรู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลรินลงมาบนใบหน้า ฉันเกลียดที่ต้องอ่อนแอ ฉันเกลียดที่ต้องร้องไห้ ฉันเช็ดน้ำตาออกไปเพราะโกรธตัวเองที่ปล่อยให้มันไหลลงมาเมื่อตอนที่พ่อเสียชีวิต ฉันพังทลายมาก ฉันเป็นเจ้าหญิงของเขา และเขาคือฮีโร่ของฉัน ฉันไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับเขามากนักเพราะฉันย้ายไปอยู่เมืองอื่น แต่เมื่อเราได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน มันก็เยี่ยมมากฉันคิดว่าฉันจะไม่มีวันทำใจได้กับการตายของเขา ฉันคิดว่าโลกนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว จนกระทั่งโรแวนกับฉันได้คุยกัน เขาบอกฉันว่าเขากับเอวาหย่าร้างกันแล้ว และขอโอกาสจากฉันฉันรักเขาตั้งแต่ฉันจำความได้ ฉันไม่เคยหยุดรักเขาเลยแ