ผมหันหลังกลับไปเห็นเอมม่า ผู้ที่ยืนอยู่ข้างเธอนั้นคือทราวิส เขาดูไม่จืดเลยเมื่อเทียบกับเอมม่า“เอวาได้สติหรือยัง?” ทราวิสเอ่ยถามเสียงอ่อนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทำให้เขาตระหนกไม่น้อย ไม่เพียงแต่ทราวิสเท่านั้น ทุกคนก็ไม่ต่างกัน เขาเกือบจะสูญเสียน้องสาวไป และนั่นทำให้เขาได้ตระหนัก“ยัง” ผมตอบกลับ“คุณกลับบ้านไปก่อนดีกว่านะ โรแวน” เอมม่าเอ่ย “ไปอาบน้ำล้างเนื้อตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยกลับมาก็ได้นะ สภาพคุณตอนนี้เหมือนซอมบี้เลย”“ผมไม่กลับ เอมม่า” ผมปฏิเสธออกไปผมไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นขณะผมไม่อยู่ที่นี่เล่า?“ถ้าคุณทรุดลงไปอีกคนหนึ่งเล่า มันไม่ได้ดีต่อเอวาหรือใครเลยนะ… กลับบ้านเถอะ ฉันมั่นใจว่าคุณอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยมันใช้เวลาไม่นานหรอก” เอมม่าโต้แย้งทราวิสมองผมพร้อมทั้งเสริมขึ้น “เอมม่าพูดถูกแล้วโรแวน ฉันสัญญาเลยนะว่าจะไม่ให้เอวาคลาดสายตาสักวินาทีเดียว”ผมหันไปมองเอวา เธอยังคงนอนหลับอยู่และดูเหมือนว่าจะยังไม่ตื่นเร็ว ๆ นี้“ถ้างั้นก็ได้ แต่ห้ามทิ้งเธอให้อยู่คนเดียวเด็ดขาดนะ” ผมกล่าวคำขาดเธอเพิ่งโดนลอบฆ่ามา ใครจะไปรู้ว่าคนร้ายพวกนั้นอาจพยายามกลับมาจัด
อีธานนั่งอยู่ฝั่งขวาของเอวาพร้อมการ์ดหลายใบ ส่วนเอวานั่งเอนอยู่ ถ้าไม่นับว่ามีผ้าพันแผลพันอยู่รอบศีรษะรวมถึงรอยขีดข่วนบนใบหน้า เธอก็กำลังยิ้มอยู่ซึ่งแปรเปลี่ยนสีหน้าของเธออย่างสิ้นเชิงเมื่อเห็นหน้าของผม รอยยิ้มนั้นเลือนหายไปทันตา“ออกไป” เธอออกคำสั่งผมเดาได้เลยว่าเธอกลับมาเย็นชาอีกครั้ง“ไม่ออกไปแน่ เอวา” ผมโต้ตอบกับเธออย่างใจเย็นพร้อมเดินไปนั่งฝั่งซ้ายของเธอใบหน้านั้นเริ่มเต็มไปด้วยความเดือดดาล สายตาฉายแววคมปลาบ เมื่อวานนี้เธอยังดี ๆ อยู่แล้วตอนนี้มันเกิดขึ้นอะไรขึ้นกันแน่?“ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณที่นี่ ดังนั้นช่วยออกไปเสียตอนนี้ พาสองคนข้างนอกนั้นไปด้วย… ฉันไม่ต้องการพวกคุณสักคนที่นี่”ผมเดาว่าเธอหมายถึงเอมม่าและทราวิส มีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่นอน เมื่อวานนี้ท่าทีของเธอเป็นมิตรอย่างมากแต่วันนี้กลับกลายเป็นคนละคน ผมไม่ควรปล่อยเธอไว้กับเอมม่าและทราวิสจริง ๆ“คุณใจเย็นก่อนนะเอวา คุณยังไม่หายดี ดังนั้นไม่ควรทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้นะ” อีธานกล่าวขัดจังหวะเจ้าหนุ่มนั่นกุมมือเธออย่างอ่อนโยน เธอหันมองมือทั้งสองที่ประสานกันจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเขา สายตาเธอช่างอ่อนโยนและความ
เอวา“ผมคิดถึงแม่จัง ทำไมแม่ไม่โทรมาหาผมเลย?” โนอาถามฉันด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าสิ่งที่ฉันปรารถนามากที่สุดตอนนี้คือโอบกอดลูกชายเอาไว้ในอ้อมแขน เพื่อให้มั่นใจว่าฉันยังอยู่กับเขา ยังไม่ได้ปล่อยให้เขาเป็นเด็กกำพร้าแม่“แม่ขอโทษนะลูกรัก โทรศัพท์แม่หายเลยต้องยืมของพ่อลูกมาแทนก่อนน่ะจ้ะ”“ขอวิดีโอคอลได้ไหมครับ? ผมอยากเห็นหน้าแม่” เด็กน้อยเอ่ยปากฉันรับรู้ได้ว่าโนอาจับสังเกตสิ่งผิดปกติได้ แต่ฉันก็ไม่สามารถให้เขาเห็นฉันนอนป่วยอยู่บนเตียงโรงพยาบาลได้เพราะเด็กชายต้องเป็นกังวลและอยากกลับบ้านแน่ แถมตอนนี้ฉันยังกลายเป็นเป้าหมาย ฉันก็ยิ่งไม่อาจเสี่ยงพาคนที่จ้องโจมตีฉันให้ไปเจอลูกชายได้ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าจะมีโอกาสที่ฉันกลายเป็นเป้าหมายหลักของเหตุครั้งนี้ ไม่อยากเชื่อว่ามีคนต้องการให้ฉันตาย“ตอนนี้ยังไม่ได้นะลูก พอดีว่าที่แม่อยู่ตอนนี้เขาไม่ให้วิดีโอคอล” ฉันโกหกออกไป“กฏงี่เง่าชะมัด! ใครมันเป็นคนสร้างกฎแบบนี้นะ?” เด็กชายโวยวายผ่านโทรศัพท์แม้รู้ว่าลูกชายอารมณ์เสียมากเพียงใด แต่ฉันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้“โนอา…”“ผมแค่อยากเห็นหน้าแม่นี่ครับ ให้พ่อทำให้พวกเขาไม่ยุ่งกับแม่ได้ไหม?
เอมม่าโผล่หน้ามาที่นี่ทำไม? ใครปล่อยให้เธอเข้ามา ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าเธอ ฉันไม่ต้องการให้เธอเข้าใกล้ฉัน ใครจะไปรู้ว่าตอนที่ฉันหลับอยู่ เอมม่าจะทำอะไรลงไปบ้าง“ฉันไม่ได้วางแผนอะไรไว้ทั้งนั้นก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า ฉันภาวนาว่าแก๊งบ้านั้นจะไม่ได้เผลอฆ่าหล่อนตายไปก่อน เพราะฉันอยากให้หล่อนได้เห็นว่าฉันขโมยทุกอย่างมาจากหล่อน แบบที่หล่อนเคยทำกับฉัน รวมถึงลูกชายของหล่อนด้วย อีกไม่นานเขาก็ต้องเรียกฉันว่าแม่”เราทั้งสองเป็นญาติพี่น้องกันได้ยังไงเนี่ย? ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่ฉันทำกับเธอลงไปนั้นผิดมหันต์ แต่ให้ตายสิฉันยังชดใช้บาปไม่เพียงพอหรือ?“เธอมันเลวเอมม่า แต่จำใส่กระโหลกเอาไว้นะ โนอาไม่มีวันมองเธอเป็นแม่แน่…จำไม่ได้หรือไง ที่สนามบินวันนั้น เขาไม่ได้ชายตามองเธอด้วยซ้ำ? เธอไม่มีค่าอะไรสำหรับเขาเลย ต่อให้แต่งงานกับโรแวนแล้ว เธอก็ยังไม่มีค่ากับเขาหรอก”ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว ความเดือดดาลเข้าแทนที่สีหน้าของผู้ชนะที่เธอมีเมื่อครู่ไปจนหมด“ก็ดี…อย่างน้อยยามค่ำคืนโรแวนก็จะครางชื่อฉันออกมาอยู่ดี ฉันกับเขาจะบรรเลงเพลงรักกันให้ฉ่ำจนฉันท้อง และเมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะลืมทั้งเธอและเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ฉันจะท
“หมายความว่ายังไง?” โรแวนนิ่วหน้า“เราทั้งสองต่างรู้ดีว่าฉันเป็นคนที่คุณไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่? คุณควรไปอยู่ที่บ้านกับเอมม่าแล้วมีความสุขที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือ?” ฉันเอ่ยถามอย่างขมขื่น คำพูดของเอมม่ายังวนเวียนอยู่ในหัวเขาถอนหายใจ “คุณกำลังหาหาเรื่องทะเลาะนะ แต่ผมไม่เล่นด้วยหรอก…ผมแค่มารับคุณออกจากโรงพยาบาลแล้วก็พาคุณกลับบ้าน”“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ชายที่เกลียดฉันเข้าไส้หรอกนะ! กลับไปเถอะโรแวน เราต่างรู้ดีว่าคุณไม่อยากมาอยู่ตรงนี้”“งั้นหรือ? คุณไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผมเลยหรือ? แล้วคุณจะโทรขอให้ใครมาช่วยพาออกจากโรงพยาบาลกันเล่า? เพื่อนสักคนก็ยังไม่มีเลยเอวา”“อีธานไง อีธานพาฉันกลับบ้านได้” นั่นคือความจริงที่ว่าฉันไม่มีเพื่อนเลย แต่ถ้าฉันขอ อีธานจะต้องมาช่วยแน่นอนสีหน้าของโรแวนแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว มือของเขากำแน่น สันกรามสบกันดังกรอด“ข้ามศพผมไปก่อนเถอะ” เขาคำรามลั่น “คุณมีทางเลือกสองทางนะเอวา จะยอมกลับบ้านกับผมดี ๆ หรือว่าจะนอนอยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกสักสองสามวัน ไม่ว่ายังไงเจ้าหมอนั่นก็ไม่มีทางมารับคุณกลับบ้านได้หรอก”“พูดจริง
ฉันตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ลำพังบนเตียง ฉันอดถอนหายใจไม่ได้ เพราะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันที่โรแวนจะนอนอยู่บนเตียงเดียวกันฉันได้ ฉันจำสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากผล็อยหลับที่โรงพยาบาลไม่ได้เลย ฉันได้รับยาหลายขนานเกินไปจนเริ่มจินตนาการถึงสิ่งที่ไม่เป็นจริงฉันค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียง แต่ต้องเปลี่ยนเป็นนั่งเสียก่อนเพราะเวียนหัวจนห้องหมุน จากนั้นอีกสองสามนาที ฉันจึงค่อย ๆ เดินมุ่งไปยังห้องน้ำอย่างระมัดระวังที่สุดและอาบน้ำ ฉันเพียงต้องชำระล้างกลิ่นโรงพยาบาลที่ติดตามร่างกายออกให้หมดฉันมีหลายสิ่งจะต้องทำ แต่กลับไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มที่ไหนก่อนดี ตอนนี้ฉันไม่มีทั้งโทรศัพท์และรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกฉันว่าโทรศัพท์ฉันพังไปแล้วตอนที่ตัวฉันกระเด็นไปกระแทกกับพื้น ฉันสามารถลางานกับทางโรงเรียนได้สองสามสัปดาห์ แต่ฉันต้องหาทางจัดการปัญหาเรื่องรถก่อนกลับไปทำงานกว่าที่ฉันจะแต่งตัวเรียบร้อย ศีรษะของฉันก็ปวดจนแทบทนไม่ไหว‘ให้ตายสิ! ยาแก้ปวดอยู่ไหนนะ’ ฉันคุยกับตนเองฉันเดินลงมาชั้นล่างพลางสงสัยว่าฉันจะเอาชีวิตรอดอย่างไรในช่วงสองสามวันนี้ ฉันยังอ่อนแออยู่เพียงแค่ยกนิ้วขึ้นมายังเป็นเร
“ฉันชื่อสการ์เล็ตค่ะ แต่จะเรียกว่าเล็ตตี้ก็ได้นะ…ฉันเป็นแฟนของพี่ชายคุณค่ะ”ฉันไม่ควรหลวมตัวฟังเสียงในหัวแสนโง่เง่าของฉันจริง ๆ “โอเค พอกันแค่นี้นะ…เชิญออกไปด้วยค่ะ”ฉันไม่มีอะไรต้องพูดกับคนที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเช่นนั้น เพราะอย่างไรเสียคงมีนิสัยไม่ต่างกันและฉันก็พอแล้วกับการยอมให้คนเช่นนี้เข้ามาในชีวิต“ได้โปรดฟังฉันก่อนนะคะ” เธอขอร้องและฉันก็ยอมฟังทั้งที่ขัดกับความตั้งใจ ฉันไม่รู้ว่าเธอมีอะไรในตัวเพราะฉันรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้เธอ ทั้งที่เธอเป็นคนแปลกหน้าและฉันไม่ใช่คนที่จะเชื่อใจใครได้ง่าย ๆ “จะว่ายังไงดี ฉันรู้ว่าที่ทราวิสทำมันไม่ดี ฉันอาจรักเจ้าซื่อบื้อนั่น แต่ฉันก็ยอมรับด้วยว่าเขาทำตัวเลวร้ายกับคุณมาก ไม่ว่าคุณจะเคยทำเรื่องอะไรมาก็ตาม แต่คุณก็ไม่ควรจะถูกปฏิบัติอย่างที่เขากับคนอื่นในครอบครัวทำกับคุณ”“ฉันตั้งใจจะมาพบคุณสักพักแล้วล่ะค่ะ แต่ฉันกลัวว่าคุณจะไล่ฉันออกไป พอได้ยินข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณ ฉันจึงคิดว่าต้องมา ฉันรู้ว่าคุณยังไม่รู้จักฉันหรือแม้แต่จะเชื่อใจฉัน แต่ฉันหวังว่าคุณจะให้โอกาสฉันได้เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้นะคะ”ฉันเปลี่ยนอิริยาบถ ยกขาขึ้นมาบนโซฟาและเอน
“ฉันชื่อลิเดียค่ะ คุณชาร์ป” พยาบาลกล่าวโดยยังคงยิ้มอยู่ฉันมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นจึงหันไปหาเล็ตตี้ซึ่งก็ทำแบบเดียวกัน“ฉันไม่เคยจ้างพยาบาลมานะคะ” ฉันบอกทั้งสองคน “ฉันอยากจะบอกว่าคุณมาผิดบ้านแล้ว แต่นั่นก็ดูเป็นไปไม่ได้เพราะคุณรู้ชื่อฉัน ดังนั้นจึงเหลือเพียงตัวเลือกเดียว นั่นก็คือมีคนอื่นจ้างคุณมา หรือไม่นี่อาจจะเป็นเพียงกลอุบายของใครบางคน”อย่าเข้าใจฉันผิดนะ การมีพยาบาลมาดูแลฉันในช่วงสองสามวันหรือสองสามสัปดาห์ข้างหน้าก็คงจะดี แต่นี่มันแปลกจริง ๆลิเดียวางกระเป๋าของเธอลงก่อนจะหันมาหาฉัน “คนที่จ้างฉันมาคือคุณวูดส์ค่ะ และเขายังบอกให้ฉันต้องเริ่มงานทันทีด้วยค่ะ”เสียงโอดครวญอย่างรำคาญใจหลุดออกจากริมฝีปากของฉัน ฉันรู้สึกประหลาดใจและโกรธในเวลาเดียวกันที่เขาทำแบบนี้ พอฉันตัดสินใจว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา เขาก็อยากเป็นฮีโร่ขึ้นมาทันที แล้วเขาอยู่ไปไหนมาตลอดเวลาที่ฉันต้องการเขาในช่วงที่เราแต่งงานกัน? เขาเมินฉันและปฏิบัติกับฉันราวกับว่าฉันไม่มีตัวตนมาเสมอ“ฉันขอโทษที่คุณเสียเวลามาที่นี่ แต่คุณกลับไปเถอะค่ะ” ฉันบอกเธอขณะนอนลงพิงโซฟาช้า ๆฉันจะไม่รับอะไรจากโรแวนเด็ดขาด สิ่
ผมพยักหน้าแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา ขณะที่โรแวนรินบรั่นดีให้ผมแก้วหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมต้องการ“ฉันต้องเห็นด้วยกับที่แม่พูดเลยนะ ลิลลี่เหมือนนายไม่มีผิด เธอทำให้ฉันประหลาดใจกับความฉลาดนั่น และเธอยังรู้เรื่องเงินทองเยอะมากด้วย” โรแวนพูดขึ้นหลังจากจิบบรั่นดีในแก้วผมยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ก็เหมือนกับโนอาที่เหมือนนายไง เขาเก่งมากเรื่องมองออกหมดว่าบริษัทไหนมีศักยภาพ”มันเป็นเรื่องจริง โนอาเฉียบคมเรื่องการมองศักยภาพของบริษัทเหมือนกับโรแวน โรแวนสามารถวิเคราะห์ศักยภาพของบริษัทใหม่ ๆ หรือแม้แต่บริษัทที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วได้และก็เป็นเพราะเขา เราไม่เคยทำการลงทุนที่ผิดพลาดเมื่อเข้าซื้อกิจการบริษัทใหม่“ฉันรู้สึกว่าพวกเขาสองคนจะได้ครองโลกธุรกิจแน่ พวกเขาจะพาบริษัทวู้ด คอเปอร์เรชั่นของเราไปสู่ความสำเร็จยิ่งกว่าเดิม เหมือนกับพวกเราที่เป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบกันไง” โรแวนเอ่ยสิ่งที่ผมก็คิดเช่นเดียวกันผมหยิบแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด แล้วรินเพิ่มอีกครั้ง ของเหลวที่ไหลลงคอทำให้รู้สึกร้อนวาบ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจอะไร หลังจากดื่มแก้วที่สอง ผมเริ่มรู้สึกว่าความตึงเครียดในร่างกายผ่อนคลายลง“เล่ามาได้แล้วล่ะ” โรแ
เกเบรียล“คืนนี้ทั้งสองคนอยู่กันได้นะ?” ผมถามขณะเปิดประตูรถให้ฮาร์เปอร์และลิลลี่“ค่ะ” เธอตอบ แต่หลบสายตาผมอย่างชัดเจน “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เราสองคนพอหัวถึงหมอนก็คงหลับกันเลย”“โอเค” ผมเดินเข้าไปจูบแก้มลิลลี่เบา ๆ เธอดูเหมือนจะง่วงจนแทบหลับคาที่ “ราตรีสวัสดิ์นะลูกรัก”“ราตรีสวัสดิ์ค่ะพ่อ” เธอพึมพำตอบให้ตายเถอะ ผมไม่คิดว่าผมจะเคยชินกับการที่เธอเรียกผมว่าพ่อแบบนี้ได้ อย่างที่เคยบอกไป ตอนที่รู้เรื่องลิลลี่ใหม่ ๆ ผมวางแผนจะใช้เธอเป็นไม้ตายเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการจากฮาร์เปอร์ แต่ตอนนี้เรื่องมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงทุกครั้งที่เธอเรียกผมว่าพ่อเหมือนวันนี้ หัวใจผมพองโต ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่างไหลซึมลึกเข้าไปในตัวผม มันแตกต่างออกไปมาก เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยมีมาก่อนหลังจากโบกมือลาและได้ยินคำราตรีสวัสดิ์จากฮาร์เปอร์ เธอและลิลลี่ก็เดินเข้าตึกไป หลังจากมั่นใจว่าพวกเธอเข้าข้างในอย่างปลอดภัย ผมถึงหันกลับมาที่รถโดยไม่สนใจสายตาที่ฮาร์เปอร์มองผม มันเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ เหมือนเธอคิดว่าผมจะไปเจอผู้หญิงคนอื่น หรือพูดง่าย ๆ คือคิดว่าผมจะนอกใจผมไม่ได้บอกเธอว่าผมกำลังจะไปไหน ตอนที่บอก
“สวัสดี” ไม่รู้เพราะอะไร ฉันถึงพูดออกมาเสียงแปลก ๆการได้เจอกับเอวาตัวต่อตัวแบบนี้ มันเหมือนกับการได้เจอคนที่เราแอบชอบมาตลอด จู่ ๆ ฉันก็เหงื่อซึมและรู้สึกประหม่าเธอไม่ตอบอะไรแต่กลับดึงฉันเข้าไปกอดแน่น กอดนั้นอบอุ่น ราวกับได้กอดตุ๊กตาหมีนุ่ม ๆ“ยินดีที่ได้เจออย่างเป็นทางการนะ ฮาร์เปอร์ ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเราจ๊ะ” เธอกระซิบก่อนจะผละออกไปเกเบรียลพาฉันเดินไปยังพื้นที่จัดเลี้ยงกลางแจ้งที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายบนโต๊ะ เขาจัดที่นั่งให้ฉันนั่งอยู่ข้าง ๆเขาจะรู้ไหมว่าฉันมีเหตุผลที่ไม่อยากอยู่ใกล้เขา?ไม่กี่วินาทีต่อมา ทุกคนก็เริ่มลงมือรับประทานอาหารกัน“แล้วนี่ฮาร์เปอร์ หนูทำงานอะไรล่ะ?” แม่ของเกเบรียลถามฉันกลืนน้ำลายเมื่อทุกสายตาหันมาที่ฉัน ฉันไม่ชอบเลยเวลาที่คนสนใจฉันแบบนี้“นักออกแบบภายในค่ะ” ฉันตอบโดยพยายามไม่หลบตาถ้ามีสิ่งหนึ่งที่แม่ฉันสอนฉันก็คือการสบตาสำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในโลกแบบเรา คนรวยและมีอิทธิพลมองว่าการหลบสายตาเป็นสัญญาณของความอ่อนแอ แม่ปลูกฝังให้พวกเราไม่มีวันแสดงความอ่อนแอนั้นออกมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม“พอดีเลย” เอวาพูดเสริม “ฉันอยากปรับเปลี่ยน
“เขาแต่งงานกับเอวาเหรอ?” ฉันถามด้วยความตกใจ“ก็ใช่น่ะสิ” เกเบรียลตอบก่อนจะหรี่ตาใส่ฉัน “ทำไมคุณถึงดูตกใจกับเรื่องนี้ขนาดนั้น?”ฉันยักไหล่พร้อมตอบ “ก็คงเพราะฉันตกใจจริง ๆ”และฉันตกใจจริง ๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ไม่เคยแม้แต่นิดเดียว จากที่ฉันจำได้ โรแวนเกลียดเอวามาก แล้วเขาลงเอยกับเธอได้ยังไง? อะไรทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากขนาดนี้จนเขามีความสุขสุด ๆ แบบนี้?โรแวนที่ฉันจำได้เป็นคนอารมณ์ร้าย ขมขื่น และเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขามีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา และแทบไม่ยิ้มเลย ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากเขานอนกับเอวาและเลิกกับเอมม่าโรแวนคนใหม่ที่ฉันเห็นนี้ทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เขาอยู่กับเอมม่า ตอนนั้นใบหน้าของเขาจะสดใสขึ้นทันทีที่เห็นเธอหรืออยู่ใกล้เธอ เขายิ้มอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับว่าแค่การมีเอมม่าอยู่ในชีวิตก็ทำให้เขามีความสุขด้วยเหตุนี้ คุณคงเข้าใจว่าทำไมฉันถึงสงสัยว่าเอวาเป็นคนที่ทำให้เขามีความสุขขนาดนี้ เว้นแต่มีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไปในช่วงที่ฉันไม่อยู่ หรือพวกเขาแค่ตัดสินใจอยู่ด้วยกันเพราะเห็นแก่ความสุขลูก ๆ“ไม่ดีเลยนะที่ไปตัดสินคนอื่นแบบนั้น” เสียงของเกเบรียลดึงฉันอ
โรแวนดูมีความสุขในตอนนี้ ซึ่งทำให้ฉันคิดว่าเขาคงกลับไปคบกับเอมม่าอีกครั้ง นั่นน่าจะเป็นคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ จากที่เกเบรียลเคยเล่าให้ฟัง โรแวนเคยเกลียดเอวาแบบสุดใจ เช่นเดียวกับที่เกเบรียลเคยเกลียดฉันสายตาของฉันเลื่อนไปที่เด็กผู้หญิงตัวน้อย เธอดูคุ้น ๆ แต่ฉันนึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน บางทีเธออาจเป็นลูกสาวของโรแวนกับเอมม่าก็ได้ ถึงแม้เธอจะดูไม่เหมือนเอมม่าที่ฉันจำได้เลยก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะพันธุกรรมที่แปลกประหลาด“แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” ฉันถาม“ชื่อไอริส” เกเบรียลตอบ พร้อมกับยืนใกล้ฉันจนทำให้รู้สึกแปลก ๆฉันขยับถอยหลังเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่างฉันมองไอริสต่อ เธอเหมือนพลังงานน้อย ๆ ที่สดใส ดวงตาสีฟ้าสวยส่องประกายจนฉันมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากที่ที่ฉันยืนอยู่ เธอไม่เหมือนเอมม่าเลย แต่ถ้าจำไม่ผิด เอมม่ามีดวงตาสีฟ้า ดังนั้นไอริสน่าจะได้มาจากแม่“งั้นโรแวนก็กลับไปคบกับเอมม่าแล้วใช่ไหม” ฉันพูดเบา ๆ “พวกเขากลับไปคบกันตอนไหน แล้วเอวารับมือกับมันยังไง?”ฉันไม่เคยคิดว่าเอมม่าจะเป็นคนไม่ดี เราทุกคนเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน เธออายุมากกว่า ในขณะที่เอวากับฉันรุ่นเดียวกันเอมม่าต่
ฉันไม่สามารถหยุดขยับตัวอย่างกระวนกระวายได้เลย ขณะที่ฉันและเกเบรียลเดินตามพ่อแม่ของเขาเข้าไปข้างใน หากพูดตรง ๆ การพูดคุยในออฟฟิศนั้นดีกว่าที่ฉันคาดไว้มาก ฉันไม่แน่ใจว่าฉันคาดหวังอะไร แต่ฉันไม่ได้คาดว่าจะเจอความสงบแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมา?ฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมเกเบรียลไม่บอกพวกเขาว่าเราเคยแต่งงานกันมาก่อน แม้การแต่งงานของเราจะจบลงอย่างเลวร้าย แต่มันก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด ฉันไม่ชอบที่เขาปิดบังเรื่องนี้“ไหวไหม?” เสียงของเขาดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา และพบว่าสายตาเขาจ้องมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ มันช่างลึกซึ้งเหมือนว่าเขากำลังอ่านฉันจนถึงจิตวิญญาณ ฉันดึงสายตาจากเขาแล้วมองไปข้างหน้าแทน“ไหว แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” ฉันตอบตามตรงส่วนที่ยากที่สุดผ่านไปแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงรู้สึกกระวนกระวายอยู่ บางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ฉันต้องใช้เวลาทั้งวันอยู่กับครอบครัวของเขา บางทีอาจเป็นเพราะฉันยังคงรู้สึกถึงลมหายใจของเขาบนผิวของฉันเมื่อตอนที่เขาเกือบจะจูบฉัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขายอมรับความผิดทั้งหมดในความล้มเหลวของความสัม
ขอบคุณพี่ชายของเธอที่ทำให้ผมรู้ว่าเธอต้องการผม และมันก็กลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการต่อต้านเธอ ผมอยากทำร้ายเธอ อยากทำลายเธอและทำให้เธอเจ็บปวดเพราะเธอพรากอิสระไปจากผม ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็รู้ได้ทันทีว่าการนอกใจจะทำให้เธอเจ็บปวด ผมเลยทำ และผมก็ทำให้เธอรู้ด้วย ผมอยากให้เธอเสียใจที่คิดจะวางกับดักผมและมันได้ผล ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ ผมรู้ว่ามันทำให้ผมเป็นคนเลว แต่การเห็นความเจ็บปวดในตาเธอมันทำให้ผมพอใจ“เวลาผ่านไปก็นานแล้วนะ แล้วลูกไปเจอเธออีกครั้งได้ยังไง?” แม่ถามต่อเมื่อผมไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับข้อสังเกตของพ่อ“ผมออกตามหาเธอครับ” ผมยักไหล่ “พวกกรรมการบริหารนั่นอยากให้ผมแต่งงานเป็นหลักเป็นแหล่งสักที ผมเลยทำแบบนี้”สายตาของแม่หันไปทางฮาร์เปอร์ “แล้วเธอยอมแต่งงานกับเขา ทั้งที่เขาปฏิบัติกับเธออย่างเลวร้ายขนาดนั้นเหรอ?”ผมสะดุ้งกับคำพูดของแม่ ผมเกลียดที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกับผม ฮาร์เปอร์ยักไหล่ตอบ “เขามีสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันก็เลยตอบตกลงค่ะ”พ่อกับแม่หันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับมาทางเรา“หมายถึงอะไร?” พ่อถามด้วยสายตาที่จ้องจับผิด“บริษั
ผมรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะต้องรุนแรงแน่ ๆ ใครล่ะจะไม่ตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกบอกว่ามีลูกสะใภ้กับหลานสาวที่ไม่เคยรู้มาก่อนพ่อเริ่มเดินไปเดินมา และผมก็รู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไร พ่อพร่ำสอนผมกับโรแวนเสมอ เรารู้เสมอว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะเราเองก็คิดแบบเดียวกันเขาน่าจะกำลังสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สงสัยว่าผมตรวจดีเอ็นเอแล้วหรือยังว่าลิลลี่เป็นลูกสาวของผมจริง หรือเปล่า และเขาคงสงสัยด้วยว่าฮาร์เปอร์หลอกล่อหรือวางกับดักอะไรผมหรือเปล่า เขากำลังพยายามคิดถึงทุกแง่มุม“แล้ว…มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ไปมีเมียมีลูกตอนไหนยังไง?” แม่เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาเลื่อนจากผมไปที่ฮาร์เปอร์ ซึ่งกำลังก้มหน้ามองพื้นอย่างเงียบ ๆ เธอดูประหม่าและตื่นตระหนกน ผมรู้สึกอยากจะโอบกอดเธอ อยากปลอบโยนเธอด้วยสัมผัสของผมความรู้สึกที่รุนแรงต่อเธอนั้นทำให้ผมงุนงง มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนตอนที่เรายังแต่งงานกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ ผมถึงอยากทำในสิ่งที่ผมไม่เคยอยากทำมาก่อน?“ตอบแม่สิ เกบ” เสียงเข้มของพ่อทำให้ผมหลุดจากความคิด“เราเคยมีความสัมพันธ์กันเมื่อหลายปีก่อน” ผมเริ่มพู
เกเบรียล“แม่ครับ!” ผมตะโกนเรียกพลางรีบวิ่งไปหาเธอแม่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่ต้องมีใครบอก ผมก็รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะช็อกตอนเห็นลิลลี่ เหมือนตอนที่ผมเจอครั้งแรก เธอแค่เห็นตาสีเทาคู่นั้นครั้งเดียวก็รู้ทันทีว่าลิลลี่เป็นหนึ่งในสายเลือดของตระกูลวู้ดผมค่อย ๆ ตบแก้มของแม่เบา ๆ แต่เธอก็ยังไม่ฟื้น ผมจึงค่อย ๆ สอดแขนข้างหนึ่งใต้บ่า และอีกข้างหนึ่งใต้หัวเข่าของแม่ แล้วยกเธอขึ้นมาวางบนโซฟาที่ใกล้ที่สุด“พ่อ! โรแวน!” ผมตะโกนเรียกอย่างร้อนรน เพราะไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว“คุณย่าจะเป็นอะไรไหมคะ?” ลิลลี่ถามเสียงแผ่วเบาและเปราะบาง “หนูทำอะไรผิดหรือเปล่า? หรือที่คุณย่าเป็นแบบนี้เพราะหนูใช่ไหมคะ?”น้ำตาที่เอ่ออยู่ในดวงตาของเธอทำให้ผมใจอ่อน ในเวลาไม่นาน ลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตผม การเห็นเธอร้องไห้ทำให้ผมเจ็บปวด ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมไม่เคยรักใครมากเท่าที่ผมรักลิลลี่ แม้แต่โรแวน ฝาแฝดของผมเอง ก็ยังไม่อาจเทียบได้ก่อนที่ผมจะตอบคำถามของเธอ ฮาร์เปอร์ก็พูดแทรกขึ้นมา“ไม่หรอกจ้ะ ลูกรัก” ฮาร์เปอร์ตอบพร้อมวางผ้าชุบน้ำเย็นลงบนหน้าผากแม่ ผมไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอไปเอาผ้ามาเมื่อไหร่“