Share

บทที่ 8

Author: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
โรแวน

ผมเห็นจังหวะที่อารมณ์ของเอวาเปลี่ยนเป็นเฉยชา วินาทีที่แสงแห่งความอบอุ่นก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บทำให้ผมรู้สึกสะท้านถึงขั้วหัวใจ

“คุณมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงของเธอปราศจากซึ่งอารมณ์ใด ขณะที่ผมฝืนแทรกตัวเข้าไปด้านในบ้าน

ราวกับว่าเอวากำลังสนทนากับชายแปลกหน้าอยู่ ราวกับว่าผมเป็นแค่ฝุ่นผงไร้ค่าสำหรับเธอไปเสียแล้ว ผมจ้องมองใบหน้านั้นโดยอ่านสิ่งใดไม่ออก ผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้มาเกือบสิบปีแต่ตอนนี้กลับหาคำดี ๆ เพียงสักคำพูดกับเธอยังไม่ได้

ผมมองแขนของเธอที่ยังคล้องอยู่บนสายห้อย จุดประสงค์วันนี้คือมาตรวจดูอาการของเธอและรับโนอา เพราะนี่เป็นช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นเวลาของผมกับลูกชาย

ภาพของชายหนุ่มก่อนหน้าที่เห็นว่าเดินออกไปผุดขึ้นมา ผมก็คิ้วกระตุก ต้องเป็นชายคนนี้แน่ที่เอวามอบรอยยิ้มให้ เมื่อตระหนักได้ดังนี้ ผมอดไม่ได้ที่กัดฟันกรอด

“ผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรที่นี่?” ผมเอ่ยถามแทนที่จะตอบเธอพร้อมทั้งเก็บซ่อนอารมณ์เดือดดาลที่หาเหตุผลที่มาไม่ได้เอาไว้

ผมรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและยังเป็นคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเอวาเอาไว้ แต่เขาก็ล้ำเส้นเกินไป ผมไม่ชอบผู้ชายคนนั้นและไม่ต้องการใ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
พอตอนเอวาไม่อยากหย่าก็ทำท่าทีเย็นชาใส่ พอเอวาขอหย่า กลับไม่อยากหย่าซะงั้น
goodnovel comment avatar
อาษิรญา อินทนนท์
สนุกสนุกมากมาก
goodnovel comment avatar
สุภาวดี เข็มทอง
อ่านกำลังสนุก และกำลังตื่นเต้นน่าค้นหา
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ธุลีใจ   บทที่ 9

    “แล้วคุณอยากให้ผมพูดอะไรละ? ในเมื่อผมไม่เคยหลอกลวงคุณเลย คุณเองก็รู้มาตลอดนี่ว่าผมรักเธอ” เอวาขว้างผ้าเช็ดจานด้วยความโกรธเกรี้ยว “รู้แบบนั้นแล้วก็กล้ามาแตะต้องร่างกายของฉันอีกหรือ? ให้ตายเถอะ ฉันโคตรจะเกลียดคุณเลย ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าคุณมีดีอะไรฉันถึงได้หลงคุณนักหนา ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าต้องมานั่งเสียเวลาชีวิตขนาดนี้ไปทำไมกัน”ผมกัดฟันกรอด แต่ละคำของเธอทวีความเดือดดาลของผมขึ้น แน่นอนเราทั้งสองหลับนอนด้วยกันช่วงแต่งงาน แต่นั่นเป็นความสุขและสนุกทางกายเท่านั้น ผมให้คำสัตย์สาบานไว้ตอนแต่งงาน แม้ว่าผมจะไม่ได้รักเธอแต่ผมก็ไม่ได้ผิดคำสัตย์สาบานด้วยการนอกใจเธอ“ผมไม่ได้มาคุยเรื่องอดีต ผมมาเพราะอยากคุยเรื่องโนอา” ผมพูดเปลี่ยนประเด็นเรื่องราวเริ่มเลยเถิดไปไกลแล้ว ผมจำเป็นต้องพูดประเด็นที่ผมเดินทางมาที่นี่ และรีบจากไปก่อนจะทำหรือพูดอะไรที่ผมต้องมานั่งเสียใจภายหลังชื่อของโนอาเสมือนเครื่องเตือนสติหญิงสาว ดังนั้นเอวาจึงไม่ตอบโต้กลับ เพียงเดินไปเปิดตู้และนำขวดยาออกมา เธอเปิดขวดยาด้วยมือเพียงข้างเดียวและกินยาเข้าไปสองเม็ดเมื่ออ่านฉลากยาผ่านสายตา ผมจึงตระหนักได้ว่านั่นคือยาบรรเทาอาการปวด“แขนคุ

  • ธุลีใจ   บทที่ 10

    เอวา“ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับแม่ว่าทำไมผมต้องไปด้วย อยู่กับแม่แบบนี้ไม่ได้หรือ?” โนอาบ่นอุบ ความบูดบึ้งปรากฎบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเด็กน้อยไม่พอใจตั้งแต่วินาทีที่ฉันอธิบายกับลูกว่าต้องไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าช่วงหนึ่งลูกชายกระโดดโลดเต้นในแวบแรก และกลายเป็นหน้าหงอยเมื่อพบว่าทั้งพ่อและแม่ตนไม่ได้ไปด้วยทางโรงเรียนของโนอาเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี แม้แต่คุณครูก็เข้าใจเช่นกัน ดังนั้นจึงตั้งใจส่งบทเรียนและการบ้านผ่านทางแม่เพื่อให้เด็กชายไม่ห่างหายการเรียนนานจนเกินไป “แม่บอกแล้วนี่ลูก นี่เป็นวันหยุดพักผ่อนแบบปู่ย่ายายหลานไง…ดังนั้น ก็ต้องมีแค่ลูก คุณปู่ คุณย่าแล้วก็คุณยายไปไงจ๊ะ”หลังจากพูดคุยกับกับหัวหน้าทีมคุ้มกัน ได้รับการยืนยันว่าทุกคนจะไปเก็บซ่อนตัวแถบเมืองชายทะเล“ลูกจะไปเที่ยวทะเลด้วยนะ ลูกขอให้พ่อกับแม่พาไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ?” ฉันเสริมคำบรรยายด้วยรอยยิ้มแสนหยอกเย้าคำว่า ‘ทะเล’ สามารถล่อซื้อจิตใจเด็กชายได้โดยง่าย คำบ่นอุบต่าง ๆ นานาก่อนหน้าเงียบลงทันตาโนอานั้นชื่นชอบทะเลและมหาสมุทรเป็นชีวิตจิตใจ เด็กน้อยชอบทะเลมากเสียจนครั้งหนึ่งเคยร้องไห้งอแงทั้งอาทิตย์ หล

  • ธุลีใจ   บทที่ 11

    โรแวนก้าวเข้ามาประชิดร่างฉัน แววตาเขาแผดเผาและรูจมูกขยับอย่างโมโหจัด ฉันยังคงยืนกรานไม่ยอมให้เขามาข่มขู่ฉันได้“ผมไม่ไป ยกเลิกอูเบอร์แล้วก็ย้ายก้นไปขึ้นรถผมเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ราวมีพายุพัดโหมในแววตามือของฉันกำแน่นเป็นสัญญาณแห่ความเดือดดาลที่กำลังปะทุ ยามปกติฉันคงยอมถอยเพราะไม่ต้องการยั่วโทสะเขา แต่ตอนนี้ฉันไม่สนแล้ว“เลิกมั่นหน้ามั่นใจสักที…คิดว่าใหญ่มาจากไหนมิทราบ? ฉันไม่ใช่ลูกหมาที่คุณจะมาชี้นิ้วออกคำสั่งได้นะ” ฉันเริ่มขึ้นเสียงเพราะเดือดจัดหลายปีที่ผ่านมาฉันยอมให้เขาบงการฉันมาตลอด หลายปีที่ผ่านมาฉันยอมเงียบปากเพียงเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีที่คิดว่าเราทั้งสองมีต่อกัน กระนั้นฉันได้รับสิ่งใดตอบแทนมาเล่า? ความอดทนและอดกลั้นช่วยนำสิ่งใดมาบ้าง? ไม่มีเลยเว้นเพียงความทุกข์กายและทุกข์ใจ“เอวา…” โรแวนเรียกชื่อฉันเพื่อเตือนสติ“พ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกแล้วหรือครับ?” น้ำเสียงเล็กของโนอาสลายบรรยากาศตึงเครียดตรงหน้าฉันหันไปเจอกับสายตาแสนเศร้าของเด็กน้อย ให้ตายสิ! ฉันไม่ต้องการให้โนอาเห็นเราทั้งสองเป็นเช่นนี้ ลูกไม่ควรเห็นเราทะเลาะกันตลอดเวลา“เปล่าจ้ะ เราไม่ได้ทะเลาะกัน เราแค่

  • ธุลีใจ   บทที่ 12

    “แม่คุณถามถึงคุณอยู่นะ พักหลังมานี้ได้คุยกับท่านบ้างหรือเปล่า?”ฉันส่งเสียงรำคาญใจ “คุณพูดมากไม่หยุดจนประสาทฉันเริ่มกินแล้วนะโรแวน ช่วยทำเหมือนฉันไร้ตัวตนต่อไปเหมือนที่เคยทำมาตลอดได้ไหม?”มือชายหนุ่มกำพวงมาลัยแน่น ฉันเห็นเขาขบกรามเขม็ง รู้สึกได้เลยว่าเขาหัวเสียไม่น้อย อาจเป็นเพราะฉันไม่ได้เป็นลูกไก่ในกำมือเขาแล้วก็เป็นได้ กระดานพลิกแล้วและเขาไม่ชอบเลยสักนิดฉันเคยทุ่มสุดตัวเพื่อให้ชายหนุ่มมีความสุข พยายามเป็นอย่างที่เขาต้องการ พยายามเป็นเช่นเอมม่า ทำทุกอย่างเพื่อให้กลายเป็นดั่งศรีภรรยาที่เขาหมายปอง ตอนนี้ฉันไม่สวมบทบาทนั้นแล้วและดูเหมือนเขาจะไม่พอใจกับการที่ฉันเลิกเป็นเบี้ยล่างอย่างมาก ฉันยกยิ้มการปั่นประสาทชายหนุ่มทำให้บางสิ่งในจิตใจบรรเทาลงได้นับจากนั้นตลอดการเดินทางก็เป็นไปอย่างเงียบเชียบ เราทั้งสองนั่งนิ่งในเบาะนั่งของตนขณะที่โนอาหัวเราะกับการ์ตูนอย่างมีความสุข หนึ่งชั่วโมงให้หลังเราจึงเดินทางถึงสนามบิน ฉันจูงมือโนอาเอาไว้และโรแวนก็ทำหน้าที่พนักงานขนกระเป๋า“ผมตื่นเต้นอยากเห็นทะเลจังครับ” โนอาเอ่ยพร้อมกระโดดโลดเต้นอย่างเริงร่า“ถ้างั้นก็ไปเลยไหม…พวกเราไม่ถ่วงเวลาลูกแล้ว” โรแ

  • ธุลีใจ   บทที่ 13

    หนึ่งสัปดาห์แล้วที่โนอาเดินทางไป ฉันรู้สึกเหมือนจับต้นชนปลายถูกเมื่อไร้ลูกชายอยู่ข้างกาย หนึ่งสัปดาห์คงเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดแล้วที่เราสองแม่ลูกห่างกัน ฉันไม่อายเลยหากบอกว่ารับมือได้ไม่ดีนักโนอาเป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ หากปราศจากเขา ฉันก็ไร้สิ่งค้ำจุนจิตใจ ราวกับเรือลำน้อยไหลไปตามกระแสน้ำเมื่อขาดสมอ ทุกวันฉันเฝ้ารอรับสายจากลูกเพราะเป็นสิ่งเดียวที่สงบจิตใจฉันได้ โทรศัพท์พร้อมเสียงหวานใสของลูกทำให้ฉันไม่สติแตกการติดต่อจากโรแวนขาดหายไปนับตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อนที่สนามบิน เศษเสี้ยวจิตใจฉันยังโหยหาเขาอยู่ แต่ฉันรู้ดีว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด ระหว่างเราไม่มีอนาคตใดและฉันคงทำใจใช้ชีวิตเคียงคู่กับชายที่ไม่มีใจให้ฉันไม่ได้ สรุปก็คือตอนนี้ทุกอย่างเงียบสงบ ไม่มีใครติดต่อมาเพื่อแจ้งข่าวสารใดกับฉันเลย เพราะก็ไม่มีเหตุยิงกันหรือว่าไม่ได้มีใครตายอีก ก็สบายใจได้เปราะหนึ่งว่ากลุ่มฆาตกรนั้นคงไปหลบซ่อนตัวแล้วทันใดนั้น ฉันเดินชนกับใครสักคนจนตื่นจากห้วงความคิด“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ทันมองเห็นคุณ” ฉันกล่าวคำขอโทษออกไปพลางก้มเก็บหนังสือของตนที่หล่นเกลื่อนฉันเพิ่งเลิกงานและอยู่ในระหว่างทางกลับบ้าน วันน

  • ธุลีใจ   บทที่ 14

    เราทั้งสองยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ฉันยืนขยับเท้าไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก อีธานจ้องมองฉันด้วยดวงตาสีฟ้าสดใสราวกับว่าจะมองทะลุไปถึงจิตวิญญาณก็มิปาน ฉันจึงหลบเลี่ยงสายตาจับจ้องคู่นั้น“อีธาน” เสียงเรียกของบางคนดังขึ้น ฉันจึงหันไปตามทิศทางนั้น พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนกำลังกวักมือเรียกอยู่“กำลังไป” อีธานตะโกนตอบรับ จากนั้นหันกลับมาหา “ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะครับคนสวย คงจะได้เจอกันอีกใช่ไหม?“ค่ะ” ฉันตอบด้วยเสียงแผ่วเบาจากนั้นชายหนุ่มจึงโอบกอดฉันโดยไม่ทันให้ได้ตั้งตัวก่อนเดินจากไป ฉันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นได้แต่คิดว่าเมื่อครู่คืออะไรกันแน่ฉันใช้เวลาสักครู่หนึ่งดึงสติกลับมาและเริ่มก้าวเดินต่อไปพลางคิดว่าจำเป็นต้องซื้อของใช้เสียหน่อย ฉันจึงตัดสินใจเดินไปยังร้านขายของเพราะไม่ได้ห่างจากโรงเรียนมากนักตอนนี้ฉันไม่ได้ใช้ผ้าคล้องแขนเล้วแม้ว่าแขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บจะรู้สึกเจ็บหรือปวดอยู่บ้าง แต่แขนก็ยังใช้งานได้ปกติ สิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อแล่นเข้ามาในความคิดรวมถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างฉันกับอีธานวิธีที่เขาปฏิบัติต่อฉันช่างแตกต่างกับโรแวนอย่างที่ฉันไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร ไม่เคยมีใครเอ่ยชมว่าฉันสวยสัก

  • ธุลีใจ   บทที่ 15

    “วันนี้เป็นไงบ้าง ลูกรัก?” ฉันเอ่ยถามโนอาโทรศัพท์ถูกหนีบอยู่ระหว่างหัวไหล่และกกหูขณะง่วนอยู่กับการทำความสะอาด ฉันพยายามคุยกับลูกชายให้ได้มากที่สุด แม้ว่าจะทุลักทุเลอยู่บ้างแต่หัวไหล่ของฉันก็อาการดีขึ้นมาก“อย่างเจ๋งเลยครับ!” เสียงตะโกนของเด็กน้อยส่งผ่านทางโทรศัพท์จนหูฉันแทบระเบิด “เราเพิ่งกินไอศกรีมกัน แล้วตอนนี้กำลังไปเล่นสไลเดอร์ครับ ที่นี่มีสไลเดอร์ด้วยมันยาวออกไปถึงทะเลเลยครับ”เสียงแสนตื่นเต้นของเด็กน้อยทำให้ฉันสุขใจเป็นอย่างยิ่ง เขามีความสุขฉันก็มีความสุข ขอเพียงแค่เขาปลอดภัยและสนุกสนานได้อย่างเต็มที่ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน“เยี่ยมไปเลยใช่ไหมลูก…เห็นไหม แม่บอกแล้วไงว่าต้องสนุกแน่นอน”ฉันหยุดทำความสะอาดแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา คุยกับลูกให้เสร็จก่อนน่าจะดีกว่า“แล้วแม่ล่ะครับ วันหยุดเป็นยังไงบ้าง?”จะให้ฉันตอบยังไงดี? มันโคตรน่าเบื่อ ลูกชายวัยแปดขวบกำลังสนุกสนานมากกว่าฉัน คนไร้เพื่อนอย่างฉัน ไม่มีที่ให้ออกไป ไม่มีใครให้เที่ยวด้วย เพื่อนสมัยเรียนเคยชวนฉันออกไปเที่ยวอยู่บ้างแต่ก็ห่างหายกันไปหลังจากฉันเอาแต่ปฏิเสธ ลึก ๆ ในใจฉันรู้ว่าบรรดาเพื่อนชวนฉันไปเที่ยวเพียงเพราะมารยาท เพ

  • ธุลีใจ   บทที่ 16

    หลังจากอีธานวางสาย ฉันจึงรีบไปเลือกเสื้อผ้าเหมาะ ๆ มาใส่ เพราะว่าเราจะไปที่สนามฝึกซ้อมยิงปืน เสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วดูคล่องตัวเป็นตัวเลือกที่ดี ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเลือกกางเกงยีนส์ เสื้อยืดและรองเท้าส้นเตี้ยมาใส่ อีธานเดินทางมาถึงภายในสิบนาทีอย่างที่บอกไว้ และเราทั้งสองจึงออกเดินทางทันที“แล้วอะไรดลใจให้คุณกลายเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้ล่ะคะ?” ฉันหันหน้าไปถามชายหนุ่มบรรยากาศนั้นผ่อนคลายไม่น้อย ฉันรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับเขาเสมอ มันช่างดีเหลือเกิน ฉันไม่ได้สัมผัสความรู้สึกผ่อนคลายแบบนี้เมื่ออยู่กับคนอื่นมานานแล้ว“พ่อผมถูกตำรวจฆ่าตายน่ะครับ” เขาเอ่ยตอบพร้อมยักไหล่ฉันนิ่วหน้าอย่างประหลาดใจ “เจอแบบนี้คนส่วนมากคงไม่อยากจะเป็นตำรวจนะคะ” “ครับ แต่ว่าพ่อผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร แถมเรียกว่าพ่อที่ดีไม่ได้ด้วยซ้ำ พูดกันตามจริงตอนที่เขาโดนตำรวจวิสามัญเพราะค้าอาวุธปืนเถื่อนผมกลับโล่งใจ ตอนที่เห็นว่าตำรวจจัดการสวะที่หลงคิดว่าไม่มีใครทำอะไรได้อย่างพ่อผม นี่เลยทำให้ผมตัดสินใจมาเป็นตำรวจ หวังว่าจะให้เมืองที่ผมอาศัยอยู่ปลอดภัย”อีธานเงียบไปหลังอธิบายจบแต่ฉันรับรู้ได้ว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น น้ำ

Latest chapter

  • ธุลีใจ   บทที่ 496

    ฉันหมุนตัวไปรอบ ๆ แค่ซึมซับสิ่งต่าง ๆ ก่อนที่จะหันหน้าไปหาเกเบรียลซึ่งมีสีหน้าคาดหวัง"หลังใหญ่มากเลยนะคะ เกเบรียล" ฉันบอกได้ว่ายังมีห้องอีก แต่ฉันจะสำรวจมันในภายหลัง "มีห้องนอนกี่ห้องเหรอ?"เขาเดินเข้ามาหาฉัน "ห้องนอนแปดห้องและห้องรับแขกสองห้องครับ"ฉันตกตะลึงจนพูดไม่ออกขณะที่จ้องมองเขา แน่นอนว่าตอนเด็ก ๆ เรามีบ้านหลังใหญ่ แต่เป็นบ้านห้าห้องนอนแค่นั้นก็เกินพอแล้ว"สิบห้องนอนมันมากเกินไปนะ เกเบรียล" ฉันหัวเราะอย่างประหม่า เราจะทำอะไรกับห้องที่เหลือล่ะ?เขาก้าวเข้ามาใกล้ฉันก่อนที่แขนจะโอบรอบเอวเอาไว้พร้อมดึงฉันเข้ามาหาเขา ฉันวางมือบนอกสัมผัสถึงการเต้นของหัวใจภายใต้มือคู่นี้“ตอนผมบอกว่าอยากมีลูกกับคุณอีก ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ฮาร์เปอร์” ดวงตาเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของฉัน "ผมวางแผนเอาไว้หมดแล้ว""อ้าว! หนูจะมีพี่น้องแล้วเหรอ?" ลิลลี่ร้องออกมาขัดจังหวะบรรยากาศที่ใกล้ชิดเราทั้งคู่หันไปมองเธอ แม้ว่าเกเบรียลจะไม่ได้ปล่อยฉันก็ตาม ดวงตาของเธอเป็นประกายขณะที่เธอมองมาที่เราอย่างคาดหวัง"ยังไม่ถึงเวลา แต่หวังว่าในเร็ว ๆ นี้นะลูก" เกเบรียลตอบพร้อมรอยยิ้มและความมั่นใจที่ทำให้ฉันกลัวแทบตาย โดย

  • ธุลีใจ   บทที่ 495

    ฉันจ้องมองเขาด้วยความงุนงง ฉันพยายามพูดแต่ไม่มีอะไรออกมาจากปาก ขณะที่ดวงตายังคงเลื่อนจากเกเบรียลไปมองบ้านหลังนี้"บ้านหลังนี้สวยมากค่ะ" ลิลลี่ร้องออกมา ความตื่นเต้นปรากฏชัดขณะที่เธอกระโดดสลับเท้าไปมา ราวกับว่าเธออยากทิ้งเราไปสำรวจบ้านแทบตาย "เราจะอยู่ที่นี่กันเหรอคะ? นี่คือบ้านใหม่ของเราใช่ไหม?"ดวงตาของเกเบรียลละจากฉันและเลื่อนไปที่ลูกสาวของเราซึ่งกำลังยิ้มกว้าง "ถ้าแม่ชอบ ก็ตามนั้นแหละลูก นี่จะเป็นบ้านใหม่ของเรา"ดวงตาของฉันกลับไปมองที่บ้าน ฉันจ้องมองมันด้วยความทึ่งเล็กน้อยคฤหาสน์ตั้งตระหง่านอยู่บนฉากหลังของเนินเขาที่ทอดยาว ความยิ่งใหญ่ปรากฏชัดจากทุกมุม เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างองค์ประกอบคลาสสิกและทันสมัย ภายนอกเป็นหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ที่ส่องประกายระยิบระยับในแสงแดด งานหินที่ซับซ้อนประดับประดามุมและซุ้มโค้ง เพิ่มสัมผัสแห่งความสง่างามเหนือกาลเวลาทางเข้าถูกครอบด้วยประตูไม้สูงตระหง่านคู่หนึ่ง แกะสลักด้วยลวดลายประดับและขนาบข้างด้วยเสาที่มีร่อง เหนือประตู หน้าต่างโค้งที่สง่างามพร้อมลูกกรงเหล็กดัดประดับช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาในห้องโถงใหญ่สวนเขียวชอุ่มได้รับการดูแลอย่างดี

  • ธุลีใจ   บทที่ 494

    ฉันส่ายหัวไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป "แม่ก็ไม่รู้จ้ะ พ่อเขาบอกว่าเป็นเซอร์ไพรส์""หนูชอบเซอร์ไพรส์!" เธอร้อง“แค่ลูกคนเดียวแหละจ้ะ” ฉันพึมพำ "ไปกันเถอะ"ลิลลี่วางหนังสือลงอย่างระมัดระวังก่อนที่จะกระโดดลงจากเตียง เธอจับมือฉันแล้วดึงออกจากห้องของเธอ เราพบเกเบรียลรอเราอยู่ที่ประตู ยืนเอาขาไขว้กันรอขณะที่เอามือกอดอกเขาสวมเสื้อยืดคอวีสีดำที่รัดรูปจนเหมือนผิวหนังชั้นที่สอง ต้นขาหนาถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงยีนส์ของคาลวินไคลน์มีบางอย่างเกี่ยวกับท่าทางของเขาที่ทำให้เขาดูน่าดึงดูดยิ่งขึ้น"ถูกใจล่ะสิ?" เกเบรียลล้อเลียนพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ คำพูดของเขาดึงฉันออกจากห้วงความคิด“ค่ะ” ฉันพึมพำ ลิลลี่ทำเสียงจุ๊ปากเตือนฉันว่าเธออยู่ตรงนี้ด้วย "หนูรู้ว่าคุณพ่อหล่อค่ะ แต่พ่อกับแม่ไม่น่าดูเอาซะเลย""รอจนกว่าลูกโตขึ้นและได้พบกับผู้ชายที่ทำให้หัวใจเต้นแรงก่อนเถอะจ้ะ" ฉันล้อเธอพร้อมกับหยิกแก้มเบา ๆ "ทุกครั้งที่หนูจ้องมองผู้ชายคนนั้นจนเคลิ้ม แม่จะพูดอย่างเดียวกับวันนี้เลยแหละ"บรรยากาศรอบตัวเราเปลี่ยนไป“ลูกจะคบหากับใครไม่ได้จนกว่าจะอายุสิบแปดเท่านั้น” เกเบรียลคำราม ร่องรอยของความสนุกกับการหยอกล้อเมื่อ

  • ธุลีใจ   บทที่ 493

    ฮาร์เปอร์“ผมอยากให้คุณกับลิลลี่ไปที่หนึ่งด้วยกันหน่อยครับ” เกเบรียลประกาศออกมาฉันอยู่ในห้องนอนของเรา กำลังพับเสื้อผ้าที่ซักสะอาดอยู่ แน่นอนว่าเรามีแม่บ้านแต่ฉันไม่ชินกับการนั่งเฉย ๆ มันรู้สึกแปลกที่ฉันเคยชินกับการทำทุกอย่างด้วยตัวเองและตอนนี้มีคนอื่นมาทำสิ่งเหล่านั้นให้ฉัน ฉันชอบทำอะไรให้ยุ่ง ๆ ไว้ตลอด ฉันไม่สามารถใช้เวลาทั้งสุดสัปดาห์โดยไม่ทำอะไรเลยได้“พ่อแม่คุณมาทานข้าวเย็นที่บ้านนะคะ เกเบรียล ลืมไปแล้วเหรอ?” ฉันเอ่ยถามฉันหอบเสื้อผ้าที่พับแล้วบางส่วนเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแบบวอล์กอิน ซึ่งฉันนำไปใส่ในลิ้นชักอย่างเป็นระเบียบ เกเบรียลก็เหมือนกับฉัน เราเป็นคนที่มีระเบียบมาก แต่เลียมไม่เป็นแบบนั้นและมันเคยทำให้ฉันหงุดหงิดจนแทบบ้าตอนที่ฉันกับเลียมแต่งงานกันก็ต้องหาวิธีที่จะอยู่ร่วมกันโดยยอมรับข้อบกพร่องของกันและกันให้ได้ มันไม่ง่ายเสมอไป แต่เราก็พบวิธีที่จะประนีประนอมกันได้ฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัวและพบว่าเขานั่งอยู่บนเตียง เขากำลังพับเสื้อผ้าบางส่วนที่วางอยู่บนเตียง"เปล่า ผมไม่ได้ลืม" เขาเอ่ยตอบพร้อมวางผ้าที่พับแล้วทับบนกองอื่น ๆ "แต่พ่อแม่กว่ามาถึงก็เย็นแล้ว เรายังมีเวลาอี

  • ธุลีใจ   บทที่ 492

    ฮาร์เปอร์นี่ก็เป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์แล้วนับตั้งแต่ที่เกเบรียลสัญญากับฉันว่าจะยกเลิกทุกข้อตกลง และฉันก็ยอมให้โอกาสครั้งที่สองกับเขาฉันสาบานว่าไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะมีความสุขได้ขนาดนี้ชีวิตของฉันตอนที่อยู่กับเลียมก็ดีนะ แต่กับเกเบรียลมันดีกว่า อาจเป็นเพราะเกเบรียลคือผู้ชายที่ฉันรักก็ได้ ผู้ชายที่หัวใจใฝ่หามาเกือบสิบปีฉันคงโกหกถ้าบอกว่าฉันไม่กลัว ยังคงมีบางเศษเสี้ยวของฉันที่คาดหวังว่าเรื่องร้าย ๆ จะตามมา ยังไงซะมันคงไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิตที่ฉันถูกพรากคนรักไปแล้วฉันยังมีความกลัวเพราะว่าทุกอย่างมันดูง่ายเกินไป อารมณ์ประมาณว่ามันควรยากลำบากกว่านี้ไหม? ยากกว่านี้อีกนิด ท้าทายกว่านี้หน่อย... หรือนั่นเป็นแค่ความคิดที่ฉันทึกทักเอาเองว่ามันต้องเลวร้ายตลอดกันแน่?บางทีฉันอาจเคยชินกับการที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่ฉันต้องการ ซึ่งทำให้ฉันตั้งคำถามเมื่อมันราบรื่น"กำลังทำอะไรอยู่ครับ?" เกเบรียลโผล่มาจากไหนไม่รู้ ทำให้ฉันตกใจแทบตายฉันเอามือทาบอก พยายามทำให้หัวใจที่เต้นแรงสงบลง "อย่าโผล่เข้ามาเงียบ ๆ แบบนี้ได้ไหมคะ""ผมเปล่านะ" เขาเอ่ยพร้อมดวงตาเป็นประกายขบขัน "ผมเรียกคุณนานเป็นนาทีแล้ว

  • ธุลีใจ   บทที่ 491

    เอวาหันไปมองรถยนต์ของตนเองอีกครั้งก่อนเดินเข้ามาด้านใน จากนั้นเธอก็หยุดยืนอยู่ครู่หนึ่งขณะที่สายตากวาดมองไปทั่วน่าจะหลายปีแล้วที่เธอมาเหยียบบ้านหลังนี้ ครั้งสุดท้ายฉันคิดว่าอาจเป็นตอนที่เธอโดนยิงในงานศพของพ่อดวงตาของเธอแสดงความหวาดกลัวออกมา ฉันสามารถเห็นความมืดมนผ่านดวงตาคู่นั้นไปได้ มันบ่งบอกถึงความทรงจำแสนทรมานที่เธอแบกรับจากบ้านหลังนี้รวมถึงคนที่นี่ กันเนอร์จะต้องแบกรับความมืดมนแบบเดียวกันนี้เพราะฉันด้วยไหมนะ? เพราะสิ่งที่ฉันทำลงไปใช่ไหม?ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยฉันไม่ได้กลับมาที่บ้านเท่าไรนักหลังจากที่เธอกับโรแวนแต่งงาน แต่ฉันก็อยู่ด้วยตอนที่เรายังเป็นเด็ก ฉันไม่ได้รู้สึกภาคภูมิที่จะบอกว่าฉันเองก็เหมือนกับคนอื่น ฉันไม่ได้สนใจอะไรเธอเลย เราควรเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ฉันปฏิบัติกับเธอราวกับว่าเธอไม่คู่ควร เหมือนอย่างที่ทุกคนก็ทำกับเธอเมื่อมองเธอในตอนนี้ ฉันเห็นสิ่งที่คุณหมอมีอาเคยพูดให้ฟัง อดีตยังคงหลอกหลอนเอวาอยู่ มันยังคงทำให้เธอหวาดกลัวจากการที่ถูกปฏิบัติแบบนั้นตอนเป็นเด็ก เธอไม่สมควรเจอเรื่องแบบนั้น“ฉันขอโทษนะ” ฉันกล่าวแผ่วเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายสายตาท

  • ธุลีใจ   บทที่ 490

    คำพูดของคุณหมอมีอายังคงดังก้องอยู่ในหัวขณะที่ฉันเดินมุ่งหน้าไปที่รถ ความจริงนั้นโหดร้าย การกลืนความขมขื่นลงไปไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ฉันต้องกลืนมันลงไปแทนที่ฉันจะขับออกจากลานจอดรถเหมือนที่ฉันทำเป็นประจำ ฉันนั่งอยู่ในรถอย่างนั้นและปล่อยให้น้ำตาไหลพราก ฉันไม่สามารถหยุดมันได้แม้ว่าฉันต้องการ เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่ว เสียงสะอื้นดังออกมาจากข้างในลึก ๆ เพราะสิ่งที่ทำมาโดยตลอดกำลังตอกย้ำฉันอยู่ฉันซบหน้าลงกับพวงมาลัยเพราะฉันไม่สามารถยกมันขึ้นได้อีกแล้ว ฉันโอบกอดความอัปยศเหมือนเป็นมิตรแท้ มันฝังลึกไม่ต่างกับรอยบากฉันปล่อยให้มันเป็นขนาดนี้ได้ยังไง? ทำไมฉันถึงทำร้ายเขาแบบนั้น? ทำไมฉันถึงปล่อยให้ความเห็นแก่ตัวทำให้ความผูกพันที่ฉันอาจมีกับกันเนอร์พังทลาย?ทำไม ทำไม ทำไมกันนะ?ถ้าฉันรู้ว่าวันหนึ่งตนเองปรารถนาที่จะกอดกันเนอร์ไว้ในอ้อมแขน เพื่อให้ได้อยู่ในชีวิตของเขา เพื่อให้เขาเรียกฉันว่าแม่ ฉันคงจะยึดติดกับเขาเหมือนเขาเป็นลมหายใจในชีวิต... แต่นั่นมันก็เป็นอดีตไปหมดแล้ว มันแย่มากริมฝีปากฉันสั่นเครือขณะสะอื้นไห้ ความรู้สึกผิดกัดกินร่างกาย ทำให้ฉันสะดุ้งราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ฉันอยากจะกรีดร้อง ฉันอยา

  • ธุลีใจ   บทที่ 489

    เอวามอบความรักของแม่ที่เขาไม่ได้จากฉันให้กันเนอร์ ความรักในแบบที่เขาปรารถนาให้ฉันมอบให้เขา ฉันเข้าใจแล้ว ตอนที่เขาพบเอวา ตอนที่เธอรับเขาเข้ามาในชีวิตแม้กระทั่งก่อนที่ความจริงจะเปิดเผย นั่นคือตอนที่เขาเลิกหวังในตัวฉัน นั่นคือตอนที่กันเนอร์ไม่คิดจะสนใจความสัมพันธ์ระหว่างเราอีก"ฉันเข้าใจคุณนะคะ เอมม่า" คุณหมอมีอายื่นทิชชู่ให้ "ฉันเข้าใจคุณจริง ๆ แต่ฉันต้องถามว่าความมุ่งมั่นแบบเดียวกันนี้อยู่ที่ไหนในตอนนั้น? ทำไมคุณถึงหันหลังให้กับความสัมพันธ์กับกันเนอร์?"ฉันถามตัวเองด้วยคำถามเดียวกันนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกันเป็นเวลาแปดปีที่ฉันปฏิเสธการมีตัวตนของเขา แปดปีที่ฉันปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาไม่มีความสำคัญ ตั้งแปดปีเชียวนะที่ฉันรักษาระยะห่างจากเขา"พอมาคิดถึงเรื่องนี้ฉันรู้สึกว่ามันเป็นเหตุผลที่โง่เง่ามาก แต่ตอนนั้นฉันไม่อยากให้มีอะไรหรือใครมาย้ำเตือนฉันว่าตอนที่โรแวนกับฉันแยกจากกันชีวิตมันเป็นยังไง สำหรับฉัน กันเนอร์เป็นความผิดพลาด เขาไม่ควรจะเกิดมา ฉันไม่อยากให้ชีวิตของฉันกับโรแวนต้องมัวหมองเพราะลูกชายของฉันกับผู้ชายคนอื่น ฉันอยากจะยังคงสมบูรณ์แบบในสายตาของโรแวนอยู่"“ขอโทษด้วยที่ต้องขวาน

  • ธุลีใจ   บทที่ 488

    เอมม่าฉันกลับมาเข้ารับการบำบัดกับคุณหมอมีอาอีกครั้ง ฉันยังคงไม่อยากเชื่อว่าตนเองเดินทางไปหาคาลวินถึงที่ทำงานและขอโทษเขา ว่ากันตามตรงเวลาพูดถึงคาลวิน ฉันไม่เคยทำอะไรที่กล้าหาญขนาดนี้มาก่อน“เอมม่าคะ?”ฉันหยุดจ้องมองผนังและจดจ่อกับคุณหมอมีอา สติฉันยังคงยุ่งเหยิง แต่ฉันค่อย ๆ รู้สึกเหมือนเริ่มปะติดปะต่อสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้“คะ?”“คุณเล่าให้ฟังว่าคุณไปขอโทษคุณคาลวินมา” เธอขยับแว่นตาบนสันจมูกเครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศส่งเสียงเบา ๆ ขณะที่มันส่งกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ผ่อนคลายไปในอากาศโดยรอบ ฉันรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกเหมือนลอยอยู่ก็ว่าได้ บางทีถึงเวลาแล้วที่ฉันควรลงทุนกับการบำบัดด้วยกลิ่นหอม เพราะฉันชอบความรู้สึกนี้จริง ๆ“ใช่ค่ะ” ฉันเอ่ยตอบและพยายามเรียกสติตนเองจากความเหม่อลอย “คุณหมอทำให้ฉันรู้ตัวว่าทำผิดกับคาลวินมากขนาดไหน แถมทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองทำผิดแต่ฉันก็ไม่เคยขอโทษเขาเลยสักครั้ง”“ขอโทษเขาแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ?”“ดีขึ้นนิดหน่อยค่ะ”ฉันใช้นิ้วมือลูบผม ก่อนที่จะวางไว้บนตัก ฉันจ้องมองเล็บตนเอง มันทั้งสั้นและสีซีดไม่สวยเหมือนอย่างเคย ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่ฉันไปท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status