Share

บทที่ 5

ไร้วี่แววของเหตุร้ายใด ๆ ในวันนี้ แสงแดดทอประกายตลอดเส้นทางที่คุ้นตา ดูเหมือนทุกสิ่งจะดำเนินไปได้ด้วยดี

เมื่อเดินทางไปถึง โบถส์ก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทุกคนต่างพากันมาเคารพพ่อเป็นครั้งสุดท้าย

ฉันเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควร คนอื่นแทบไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงการจัดเตรียมงานศพ เรียกได้ว่าฉันเป็นแม่งานผู้รับผิดชอบทุกสิ่งในงานนี้

ฉันไม่ได้บ่นอะไรทั้งนั้น คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้เป็นพ่อที่ให้กำเนิดฉันมา ยังไงเสียเขาก็ป้อนข้าวป้อนน้ำ ซื้อเสื้อผ้าและให้ที่ซุกหัวนอนแก่ฉัน

ช่วงพิธีการกำลังจะเริ่มและผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เข้านั่งประจำที่นั่ง ฉันตัดสินใจหลบไปนั่งอยู่อีกมุมเพราะรู้สึกผิดที่ผิดทางหากต้องไปนั่งรวมกับครอบครัวนั้น โดยเฉพาะหากต้องไปนั่งข้างเอมม่า

“แม่ครับ เรามานั่งตรงนี้กันทำไมครับ… เราไม่ควรไปนั่งข้าง ๆ คุณยายหรือ?” โนอาตัวน้อยเอ่ยถามพร้อมกับ

ชี้นิ้วไปในทิศทางที่คนอื่นนั่งอยู่

แน่นอนว่าเราย่อมได้รับสายตาแปลก ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะยังไงการที่ฉันเป็นแกะดำที่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากครอบครัวก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้วหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้น

“ดูสิหลายคนนั่งที่เรียบร้อยแล้วนะลูก แม่ไม่อยากรบกวนคนอื่น” ฉันพูดปด

เขาดูไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดแต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ จากนั้นบาทหลวงเดินทางมาถึงและการเทศนาจึงเริ่มขึ้น เงาร่างของใครบางคนทิ้งตัวลงนั่งข้างกายฉัน

ฉันรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา ไม่ว่าจะตัวเขาหรือกลิ่นน้ำหอมนี้อยู่ไหนฉันก็จะจดจำได้ ฉันไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไม เขาควรไปนั่งอยู่ข้างเอมม่าเสียมากกว่า ที่จริงฉันจะยินดีมากกว่าหากว่าเขาทำเช่นนั้น

น่าสมเพชตัวเองเสียจริง ซึ่งก็ใช่ฉันมันน่าสมเพช เดือดดาลและเจ็บปวด

“พ่อครับ” โนอากระซิบเสียงดังซึ่งดึงความสนใจจากผู้คนบางส่วนให้หันมามองเรา

สายตาสุดแข็งกร้าวที่ฉันมองไป ทำให้พวกเขาหันหลังหลับ

“ผมอยากนั่งระหว่างพ่อกับแม่ได้ไหมครับ?” โนอากระซิบถามฉัน

ฉันถอนใจโล่งอก ขอบคุณพ่อนักบุญตัวน้อยเสียจริง เพราะฉันจะได้ไม่ต้องอยู่ใกล้กับตัวตนแสนน่าอึดอัดของเขา

เราทั้งสองค่อย ๆ ขยับที่นั่งกันอย่างไม่สะดุดตา และสลับที่นั่งได้เรียบร้อย เมื่อที่นั่งถูกสลับสับเปลี่ยน ความตึงเครียดที่เคยสัมผัสก่อนหน้าเบาบางลง

“สักวันเราทุกคนต้องจากโลกนี้ไป คำถามคือพวกท่านทั้งหลายจะจากไปอย่างไร? ท่านทั้งหลายจะสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือไม่? จะเปลี่ยนแปลงโลกและชีวิตผู้คนที่ได้พบตลอดการเดินทางไหม? หรือพวกท่านจะลาจากโลกนี้ไปพร้อมกับความเสียใจเล่า?” บาทหลวงเอ่ยถาม

ฉันอดคิดไม่ได้ว่าหากวันนี้ฉันต้องตายจากโลกใบนี้ไป ใครจะมาร่วมงานศพฉันบ้าง? จะมีใครสักคนรอบตัวสนใจไหม? ฉันจะหลอกตัวเองทำไม? พวกเขาไม่สนแน่ อาจจะจัดงานเลี้ยงฉลองครั้งใหญ่ก็เป็นได้ โนอา ลูกชายแสนดีคงเป็นคนเดียวได้รับผลกระทบจากการตายของฉัน คงมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น

ช่างน่าเศร้าเสียจริง ชีวิตของฉันนั้นไม่เคยสัมผัสคำว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนแม้สักนิดเพราะฉันได้แต่เก็บซ่อนตัว ซ่อนตัวอยู่หลังเงาของเอมม่าหญิงสาวแสนเพียบพร้อมจนฉันไม่เคยดีพอในสายตาใคร ไม่สวยบาดใจเหมือนเธอ ไม่เย้ายวนเหมือนเธอ ไม่ปราดเปรื่องเหมือนเธอ ไม่ได้เป็นที่รักเหมือนเธอ ฉันไม่สมบูรณ์แบบเหมือนเอมม่า ไม่มีอะไรเทียบเธอได้

แม้แต่ตอนนี้ที่เราเติบโตแล้ว ฉันก็ยังถูกบดบังใต้เงาของเธอ ความเจ็บปวดและทรมานของฉันเป็นสิ่งนอกสายตาทุกคน เอมม่าสำคัญกว่าเสมอ ความเจ็บปวดของเธอสำคัญกว่า ความสุขของเธอมีค่ามากกว่า เธอเป็นที่หนึ่งในใจของทุกคนเสมอ ส่วนฉันก็ถูกทิ้งให้วิ่งไล่ตามเศษเหลือเดนของความรักจากคนเหล่านั้น

“แม่ครับ” เสียงเรียกของโนอาดึงสติฉันกลับมาจากห้วงความคิดนั้น

ตอนนั้นเองฉันถึงตระหนักว่างานพิธีต่าง ๆ ดำเนินจนเสร็จสิ้น และทุกคนกำลังเดินทางกลับ

“เอวา เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงทุ้มนุ่มของชายคนนั้นมักทำให้ใจฉันสั่นไหว

ฉันไม่ต้องการพูดคุยกับเขาและไม่อยากแม้แต่มองใบหน้านั้น กระนั้นฉันต้องจำใจเนื่องจากตลอดสิบปีข้างหน้า เราทั้งสองยังต้องร่วมกันดูแลโนอา

ฉันยักไหล่แทนคำตอบพลางลุกขึ้นยืน โดยที่ไม่ชายตามองเขาแม้เพียงน้อย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการกระทำของฉันดูหยาบคาย แต่ฉันมองใบหน้านั้นไม่ไหว เพราะภาพฉากรักอันหวานชื่นของเขาและเอมม่ายังบาดลึก อยู่ในจิตใจ

“ไปกันเถอะจ้ะ โนอา”

เด็กน้อยกระโดดลงจากที่นั่ง เราเดินตรงไปยังประตู เมื่อเราทั้งสองเดินพ้นประตูออกมาด้านนอก เหล่าผู้มาร่วมงานต่างถาโถมเข้ามาเพื่อแสดงความเสียใจ ฉันสังเกตเห็นเพื่อนร่วมงานจึงโบกมือทักทาย

พิธีงานศพยังไม่เสร็จสิ้นดี แต่ฉันก็หมดเรี่ยวแรงแล้ว

“ยอมโผล่หน้ามาให้เห็นจนได้นะ” น้ำเสียงจิกกัดของเอมม่าพุ่งตรงมาจากด้านหลัง

ฉันหันหลังกลับไปเพื่อเผชิญหน้ากับเธอ ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยเปื้อนพร้อมดวงตาบวมและแดงก่ำ แต่เธอก็ยังงดงามราวกับเทพธิดาเหมือนเดิม

ฉันถอนหายใจ ฉันไม่อยากปะทะกับเธอตอนนี้

“ไม่ใช่ตอนนี้เอมม่า ช่วยรอจนกว่าจะพิธีฝังศพพ่อจบก่อนจะได้ไหม?”

เอมม่าเผยรอยยิ้มพลางเอนตัวเข้ามาชิดเพื่อให้มั่นใจว่าฉันจะเป็นผู้รับสารนี้เพียงผู้เดียว

“ก็ได้ เราจะดำเนินพิธีฝังคุณพ่อให้จบก่อน แต่ขอบอกอะไรเอาไว้เสียหน่อยนะ ฉันจะกลับมาอยู่ที่นี่ แกพรากครอบครัวไปจากฉันตั้งหลายปีแต่ตอนนี้มันจบแล้ว ฉันตั้งใจจะเอาทุกสิ่งที่เป็นของฉันกลับมา รวมถึงชายที่ควรจะเป็นของฉันด้วย” จากนั้นเอมม่าผละออกไปขณะบาทหลวงเรียกเราเพื่อกลับไปดำเนินพิธีบริเวณสุสานให้แล้วเสร็จ

โนอามองฉันและแผ่นหลังของผู้เป็นพี่สาวแม่ที่กำลังลับสายตาออกไปแต่ไม่มีคำใดเอ่ยออกมา ฉันตะลึงงันกับคำพูดเหล่านั้นแต่ไม่รู้สึกประหลาดใจใด ๆ

เอมม่าเข้าใจผิดมหันต์ว่าเธอต้องทวงทุกสิ่งกลับไป นั่นเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยได้มีสิทธิ์ครอบครองอะไรที่เป็นของเธอเลย ครอบครัวที่เธอพูดถึงเทิดทูนตัวเธอกว่าสิ่งใด ส่วนโรแวนน่ะหรือ? โรแวนก็ยังคงเป็นผู้ชายของเธอ

ฉันเดินนำโนอาไปยังสถานที่ที่เป็นหลุมฝังศพของพ่อพลางกดความรู้สึกเจ็บปวดที่พร้อมจะกลืนกินฉันเอาไว้

แม่ เอมม่าและทราวิส ทั้งสามยืนอยู่รวมกันอยู่ที่หนึ่ง ส่วนฉันยืนทิ้งระยะห่างออกมาจาก เมื่อมองจากตำแหน่งการยืน คนคงมองว่าฉันเป็นเพียงคนนอกที่มาร่วมงาน ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้

“ธุลีสู่ธุลี…” บาทหลวงกล่าวพร้อมกับนำร่างพ่อลงสู่ดิน

พวกเขาเริ่มถมดินกลบโลงศพจนไม่เหลือช่องว่างใด เสียงคร่ำครวญของแม่เพรียกหาให้พ่อกลับมาดังระงมไปทั่วบริเวณ เอมม่าและทราวิสปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างเงียบงันพร้อมมือทั้งสองที่โอบกอดแม่ไว้

ฉันได้แต่ปลอบประโลมและโอบกอดโนอาตัวน้อยซึ่งร้องไห้อยู่ข้างกาย เห็นลูกเป็นแบบนี้ทำให้ฉันน้ำตาไหล ฉันไม่ชอบการที่เห็นลูกเป็นทุกข์เช่นนี้ แต่ฉันก็ปาดน้ำตาทิ้งเพราะต้องเข้มแข็งเพื่อเขา ตอนนี้เด็กน้อยต้องการแม่

จากนั้นบรรดาแขกเหรื่อต่างพากันเข้ามาแสดงความเสียใจอีกครั้ง ฉันตอบรับอย่างใจลอย มันเหมือนกับว่าตัวฉันทั้งอยู่และไม่ได้อยู่ที่นี่ ตอนที่ฉันหลุดจากภวังค์บรรดาแขกเหรื่อต่างพากันแยกย้ายกลับไปจนเกือบหมดแล้ว

“แม่ครับ คุณปู่ คุณย่าก็มาด้วย” โนอาดึงฉันพลางชี้นิ้วไปยังทิศทางที่พ่อและแม่ของโรแวนยืนอยู่

พวกเขามากับโรแวนและน้องชายฝาแฝดของเขา เกเบรียล

ท่าทีกระอักกระอ่วนปรากฎบนใบหน้าฉันขณะเจ้าตัวน้อยทักทาย ครอบครัวฝ่ายชายปรายตามองฉันแต่ไม่เอ่ยคำใด เราต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่าฉันไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมกับลูกชายของพวกเขา

“ผมไปกินขนมกับคุณปู่คุณย่าได้ไหมครับ?” โนอาร้องขอและฉันพยักหน้าตอบรับ

ข้าวปลายังไม่ตกถึงท้องเจ้าตัวน้อยหลายชั่วโมงเลยหิว เมื่อครอบครัวจากไป โรแวนและฉันถูกทิ้งให้ยืนอยู่ข้างกันอย่างอึดอัด เมื่อเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับโนอา เขาก็สนใจเพียงเอมม่าผู้ยืนห่างจากเราไปไม่ไกล

ฉันกำลังจะขอตัวออกไปเมื่อได้ยินเสียงเสียดสีจากยางล้อรถยนต์ดังแผดเสียงแสบแก้วหู ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธปืนเริ่มสาดกระสุน เมื่อพวกเขาเริ่มเปิดฉากยิงฉันก็เห็นโรแวนกระโจนเข้าไปหาเอมม่า

ฉันยืนนิ่งงันเมื่อเห็นเขาเอาร่างกายเข้าไปปกป้องผู้หญิงคนนั้น

ฉันไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทิ้งฉันไปปกป้องเอมม่า มีอะไรที่ฉันต้องตกใจด้วยหรือ? สิ่งนี้แสดงให้ชัดเจนเลยว่าฉันไม่เคยมีความสำคัญกับเขา การเห็นเขาใช้ชีวิตของตนปกป้องเธอทำให้บางอย่างในร่างฉันแหลกสลาย

“ระวัง!” ชายสวมเสื้อกันกระสุนแผดเสียงเตือนฉัน

เขาผลักฉันให้พ้นจากแนวกระสุนแต่ก็สายไป กระสุนเจาะผ่านร่างกาย ความเจ็บปวดแล่นผ่านทุกอณู กระชากจังหวะของลมหายใจให้ติดขัด

“ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลที” ชายในเสื้อเกราะคุกเข่าลงข้างฉันและพยายามกดแผลเพื่อห้ามเลือด

ความคิดของฉันสับสน สติเริ่มเลือนลาง ความเจ็บปวดเข้าแทรก ฉันพยายามบอกเขาว่าฉันไม่เป็นไร แต่เลือดกลับชุ่มโชกชุดของฉันและมือของเขา ฉันเกลียดเลือดเป็นที่สุด

“ไม่นะ…โนอา” ฉันกระซิบแผ่ว

ลูกชายเป็นภาพสุดท้ายที่ปรากฎมาในห้วงความคิดก่อนทุกสิ่งจะดับดิ่งสู่ห้วงความมืดมิด

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status