Share

บทที่ 2

Author: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
“ฉันต้องไปแล้ว รบกวนคุณช่วยอยู่กับโนอาก่อนได้ไหม? เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานแค่ไหน” ฉันเอ่ยประโยคเหล่านี้ออกไป มือพลางคว้ากระเป๋าข้างกายอย่างใจลอย

“ได้ ผมขอไปรับแม่มาดูแลโนอาแทนก่อน แล้วจะรีบตามไป” โรแวนตอบรับ เพียงแต่รู้สึกราวกับเป็นเสียงกระซิบซึ่งดังแว่วเข้ามาในหูที่อึ้ออึงของฉันเท่านั้น

ฉันจำอะไรที่เหลือนอกเหนือจากการบอกลาลูกชายตัวน้อยไม่ได้ ฉันรีบดันตนเองขึ้นรถยนต์และขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลพร้อมความคิดที่ล่องลอยกระหวัดถึงความทรงจำ

ตอนที่เติบโตขึ้นมา ใคร ๆ ก็ต่างพากันพูดว่าฉันเป็นพวกขาดความอบอุ่น ตอนเป็นเด็กทั้งคุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้ใส่ใจฉันมากเท่าที่ควร ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อคงเป็นพี่สาว เอมม่า พ่อเคยเรียกเธอว่าสาวน้อยของพ่อด้วยซ้ำ ส่วนแม่ก็ประคบประหงมพี่ชาย ทราวิส พ่อรูปหล่อของแม่เสียยังกับอะไรดี ส่วนฉันก็เป็นแค่ เอวา ที่ไม่มีใครรัก

ฉันรู้สึกเหมือนไม่เป็นที่ต้องการของใคร ๆ ไม่มีใครต้อนรับ ไม่ว่าจะกับพ่อแม่รวมถึงพี่น้องท้องเดียวกัน ไม่ว่าจะพิสูจน์ตนเองเท่าใด มีผลการเรียนระดับแนวหน้า กีฬาเด่น หรือกิจกรรมดีเพียงใด สถานที่เดียวซึ่งเหมาะกับฉันคืออยู่ข้างสายตาเท่านั้น เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวแสนสุขนี้เลย

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเก้าปีก่อน ทำให้ฉันเสียสายใยความสัมพันธ์กับครอบครัวอันบางเบาไป ทราวิสกับฉันแทบจะไม่มีบทสนทนาต่อกันเลย พี่ชายกับพ่อเหมือนพร้อมใจดูแคลนฉัน ผู้เป็นแม่ก็ไม่ต่างกันมากนัก ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย สายโทรศัพท์คงไม่ถูกต่อมาถึงฉันอย่างแน่นอน ส่วนพี่สาวดูเหมือนว่าจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เราทั้งสองไม่ได้มาพบปะหรือพูดคุยกันเลยตลอดเก้าปีที่ผ่านมา คำสุดท้ายที่เธอเอ่ยกับฉันคือฉันได้ตายจากชีวิตเธอเรียบร้อยแล้วและเธอก็ไม่มีน้องสาวอีกต่อไป

ตัดมาที่ตัวฉันในตอนนี้ที่กำลังขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลเพราะว่าพ่อโดนยิง แม้เหตุการณ์ประดังเข้ามาแต่ฉันกลับไม่รู้สึกอะไรสักอย่าง ฉันควรจะรู้สึกอะไรไหมนะ? อย่างความรู้สึกเสียใจ?

คุณควรรู้สึกอย่างไรดีเล่าตอนมีคนบอกคุณว่าพ่อผู้เมินเฉยต่อตัวตนคุณตลอดชีวิตนอนเจ็บบนเตียงเพราะโดนยิง? ตัวฉันเองต้องแสดงท่าทีอย่างไร? มันแปลกไหมที่ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย?

เส้นทางมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลเปรียบดั่งเส้นทางย้อนกลับไปยังห้วงคะนึง ภาพวันวานยามวัยเยาว์สลับสับเปลี่ยนกับภาพผู้ใหญ่ ความปวดร้าวและทุกข์ระทมยังคงอยู่ และฉันก็มั่นใจว่าความเจ็บปวดจากการหมางเมินของครอบครัวฉันจะไม่เลือนหายไป

และนี่อย่างไรเล่าคือตัวฉันเอง หญิงสาวผู้ถูกทิ้งขว้าง เริ่มจากถูกครอบครัวตนเองทอดทิ้ง จากนั้นก็เป็นสามี รวมถึงบรรดาครอบครัวฝั่งสามี คนเดียวที่ยอมรับและรักฉันอย่างที่ฉันเป็นก็มีเพียงแค่โนอา

การขับรถไปยังโรงพยาบาลใช้เวลาไม่นัก เมืองนี้มีโรงพยาบาลใหญ่แห่งเดียวและฉันรู้ว่าพ่อต้องพักรักษาตัวอยู่ที่นั่นแน่นอน

ฉันจอดรถและก้าวออกมา สายลมยามเย็นพัดพริ้วและลูบไล้เส้นผมไป ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมเหยียดหลังตรงก่อนจะเข้าไปในตัวตึก

“ดิฉันมาเยี่ยมคุณเจมส์ ชาร์พค่ะ ดิฉันทราบมาว่าเขาเข้ามารักษาตัวที่นี่เพราะถูกยิงค่ะ” ฉันบอกรายละเอียดการเข้าเยี่ยมให้กับฝ่ายต้อนรับทราบ

“เกี่ยวข้องอย่างไรกับคนไข้คะ?” ฝ่ายต้อนรับสอบถาม

“เขาเป็นพ่อของฉันค่ะ”

เธอพยักหน้าตอบรับ “สักครู่นะคะ” พนักงานต้อนรับเงียบครู่หนึ่ง พลางพิมพ์ข้อมูลใส่คอมพิวเตอร์ “ค่ะ คนไข้อยู่ในห้องฉุกเฉิน กำลังเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัดค่ะ เดินตรงไปจนสุดทาง จะเห็นประตูห้องฉุกเฉินอยู่นะคะ คาดว่าครอบครัวของคุณน่าจะรออยู่บริเวณนั้นด้วย”

“ขอบคุณค่ะ”

ฉันเดินตามไปเส้นทางที่พนักงานต้อนรับบอกก่อนหน้า หัวใจสั่นระรัวไปตามแรงที่ฝีเท้ากระทบพื้น

‘เขาต้องไม่เป็นไร เขาต้องหายดีและก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติแน่’ ฉันกระซิบกับตนเองเช่นนี้

แม้ว่าจะมีความเคลือบแคลงใจระหว่างเราสองพ่อลูกอยู่ก็ตาม ฉันก็ปราถนาให้เขาไม่เป็นไร แม้เขาและฉันจะไม่มีความใกล้ชิดกันแต่เขาก็รักโนอา เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน

ประตูถูกผลักเข้าไป ฉันพลันสังเกตเห็นแม่และทราวิสนั่งรอบริเวณเก้าอี้มุมหนึ่ง ฉันสำรวจความเรียบร้อยของตนเองและเดินไปหาทั้งสอง

“แม่คะ ทราวิส” ฉันกล่าวทักทาย

ทั้งสองมองตรงมาที่ฉัน ดวงตาของแม่แดงก่ำซึ่งเกิดจากการร้องไห้อย่างหนัก ชุดสีน้ำเงินอาบทับด้วยเลือด กลับกันทราวิสดวงตาแห้งผากแต่คงจะบอกได้ว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อเขามากเพียงใด พี่ชายยังคงประคับประคองอารมณ์อยู่เพื่อผู้เป็นแม่

ฉันเดินเข้าไปนั่งอยู่ข้างกับแม่ “เกิดอะไรขึ้นคะ แล้วตอนนี้พ่อเป็นอย่างไรบ้าง?”

คำถามไม่กี่คำกระตุ้นน้ำตาให้พรั่งพรูอีกครั้ง

“พ่อแกโดนยิงสองทีตอนขากลับจากซื้อของน่ะสิ โดนยิงตรงหน้าบ้านเลย ฉันก็เลยเรียกรถพยาบาลมารับแล้วเราก็รีบพาพ่อแกมาโรงพยาบาล หมอบอกว่ากระสุนนัดหนึ่งทะลุปอด อีกนัดก็ทะลุไต ตอนนี้พวกหมอกำลังเตรียมตัวผ่าตัดกันอยู่” เสียงของผู้เป็นแม่สะดุดเมื่อจบประโยค

ฉันพยักหน้ารับ ความต้องการในตอนนี้คือปลอบประโลมผู้เป็นแม่ ต้องการจะโอบกอดเธอ แต่ฉันคิดว่าอ้อมกอดของฉันคงไม่ได้เป็นที่ต้องการขนาดนั้น

“อย่ากังวลไปเลยค่ะ พ่อเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่หนูรู้จัก พ่อจะต้องไม่เป็นไรแน่นอน” ฉันพยายามปลอบเธอ

ผู้เป็นแม่มีเสียงร่ำไห้แทนคำตอบ

หลายนาทีต่อมา เตียงคนไข้ของพ่อในชุดโรงพยาบาลก็ถูกเข็นออกมา ทราวิสรวมถึงแม่ดีดตัวลุกขึ้นและพรวดพราดไปข้างเตียง

ส่วนฉันจึงผนึกตนกับเก้าอี้อย่างเหนียวแน่น ความรู้สึกบอกว่าใบหน้าที่ผู้เป็นพ่อต้องการเห็นมากที่สุดคงเป็น เอมม่า ไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน

ฉันเฝ้าดูแม่ร้องไห้อยู่ข้างกายพ่อ มืออ่อนแรงของพ่อพยายามเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากไม่หยุด เขาบอกบางสิ่งกับทราวิส ลูกชายพยักหน้ารับ ใบหน้าของพ่อสลักความแน่วแน่เอาไว้ ก่อนที่แพทย์ทั้งหลายจะพาเขาไป ฉันเห็นว่าพ่อยื่นบางสิ่งที่คล้ายกับเอกสารให้กับแม่ ซึ่งทำให้น้ำตาอาบสองแก้มเธออีกครั้ง

แม่จูบพ่อขณะแพทย์นำตัวเข้าไป แม่และทราวิสกลับมานั่งที่เดิม เราไม่ได้ต่อบทสนทนาใด ปล่อยให้การรอคอยอันยาวนานดำเนินต่อไป

ฉันลุกขึ้น เดินไปมาแล้วกลับไปนั่ง ฉันเดินไปเอากาแฟมาให้แม่และพี่ชาย ทุกเข็มนาทีเคลื่อนผ่าน ฉันยิ่งรู้สึกกังวล แม่และทราวิสเองก็เหมือนกัน… สองชั่วโมงครึ่งผ่านไป แพทย์เดินเข้ามายังห้องพักคอย

พินิจจากความหม่นหมองบนใบหน้าของแพทย์ ฉันตระหนักได้ทันทีว่าพ่อไม่กลับมาอีกแล้ว แม่เองก็สัมผัสได้เช่นกันเพราะเธอเริ่มสะอื้นไห้อีกครั้ง

“คนไข้หัวใจหยุดเต้นครับ เราพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ไม่สามารถรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้ ผมขอแสดงความเสียใจจากการสูญเสียครั้งนี้ด้วยนะครับ” แพทย์กล่าว

แม่กรีดร้องออกมาราวสัตว์ที่บาดเจ็บ ทั้งเจ็บปวดรวดร้าวและโศกเศร้า ทราวิสถลาลงไปประคองร่างแม่ก่อนที่จะล้มลง และทั้งสองนั่งกองอยู่บนพื้นน้ำตาแห่งความสูญเสียอาบแก้มของทั้งคู่

พ่อจากไปเช่นนี้ ฉันรู้ดีว่าเอมม่าจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
แม่กับทราวิสไหมที่เป็นคนฆ่าพ่อเพื่อหวังสมบัติ
goodnovel comment avatar
Nutch Khamwongsa
อ่านสนุกมากค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ธุลีใจ   บทที่ 3

    ฉันเอนกายอยู่บนเก้าอี้โรงพยาบาลแสนเย็นเฉียบพลางกำหนดลมหายใจเข้าออก น้ำตาของแม่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย คำปลอบประโลมไหน ๆ คงส่งไปไม่ถึงจิตใจเธอ ฉันเจ็บปวดแทนแม่ ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดีว่าการสูญเสียคนที่เรารักไปอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้นไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อยเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่น่าตระหนก ฉันเผื่อใจเอาไว้ว่าพ่อจะหายดีแต่กลับกลายเป็นหายไปจากโลกแทนเสียนี่ ฉันเลยไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีความคิดเห็นของเราไม่เคยลงรอยกันและพ่อก็คงจะเกลียดฉันแต่ฉันก็รักเขา เขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด ฉันจะไม่รักเขาได้อย่างไรกัน?“ไหวไหม?” โรแวนเอ่ยถามพลางนั่งลงข้างฉันชายหนุ่มเดินทางมาถึงได้ประมาณชั่วโมงกว่า และคำถามเมื่อครู่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับฉันนับตั้งแต่มาถึง ฉันรับมือกับความกังวลของเขาไม่ถูก อย่างไรเสียเขาคนนี้ไม่เคยเก็บเอาความรู้สึกของฉันไปใส่ใจมาก่อน“ไหวค่ะ” ฉันฝืนตอบกลับตั้งแต่ที่รู้ข่าวฉันก็ยังไม่ได้หลั่งน้ำตาแม้เลยสักหยด อาจเพราะยังตกใจจนทำอะไรไม่ถูกหรือน้ำตาของฉันที่มีให้พ่อนั้นเหือดแห้งไปหมดแล้วก็เป็นได้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันควรทำมากที่สุดคือประคองสติตนเองให้ไหวแทนทุกคนที่สติแตกไปแล้วเท้าคู่

  • ธุลีใจ   บทที่ 4

    คุณทั้งหลายเคยรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นหรือเปล่า? ฉันกำลังรู้สึกเช่นนั้นอยู่เมื่อมองพวกเขา ราวกับมีใครเดินเข้ามากระชากดวงใจออกจากอกก็มิปานหากฉันเป็นคนกระชากก้อนเนื้อไร้ค่านี้และปาทิ้งไปให้พ้นตาเองได้สาบานว่าจะทำเสียตอนนี้ เพราะมันช่างเจ็บจนไร้คำบรรยายใด ๆ มาเปรียบได้ฉันต้องการหนีไปให้พ้นแต่กลับทำไม่ได้ สายตาของฉันจับจ้องทั้งสอง ไม่ว่าสมองจะสั่งให้หลีกหนีจากภาพตรงหน้าเท่าใด แต่ฉันก็ไม่อาจละสายตาไปจากฉากรักหวานชื่นเสียดแทงนัยน์ตานี้ได้ฉันเฝ้ามองทั้งสองผละอ้อมกอดจากกัน โรแวนแววตาอ่อนโยนเมื่อมองหญิงในดวงใจ ฉันมองฝ่ามือที่กำลังบรรจงประคองแก้มของเอมม่า ชายหนุ่มดึงร่างของหญิงผู้เป็นที่รักเข้าใกล้เล็กน้อย เขาไม่ได้จูบเธอเพียงแต่เอาหน้าผากแนบชิดกันเขาดูสงบสุขราวกับเดินทางมาเจอที่พักผ่อนของตนเสียที ในที่สุดเขาก็รู้สึกเติมเต็ม‘ผมคิดถึงคุณ’ ฉันอ่านการขยับปากเรียวบางนั้นออกฉันไม่อยากคิดว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นตอนนี้หากทั้งสองไม่ได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้ หากทั้งสองพบกันตอนที่ฉันและเขาแต่งงานกันอยู่ โรแวนจะนอกใจไปหาเอมม่าเลยหรือเปล่า?ส่วนศีลธรรมของฉันรีบโต้แย้งว่าไม่เป็นเช่นนั้นแน่แต่กลับไม

  • ธุลีใจ   บทที่ 5

    ไร้วี่แววของเหตุร้ายใด ๆ ในวันนี้ แสงแดดทอประกายตลอดเส้นทางที่คุ้นตา ดูเหมือนทุกสิ่งจะดำเนินไปได้ด้วยดีเมื่อเดินทางไปถึง โบถส์ก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทุกคนต่างพากันมาเคารพพ่อเป็นครั้งสุดท้ายฉันเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควร คนอื่นแทบไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงการจัดเตรียมงานศพ เรียกได้ว่าฉันเป็นแม่งานผู้รับผิดชอบทุกสิ่งในงานนี้ฉันไม่ได้บ่นอะไรทั้งนั้น คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้เป็นพ่อที่ให้กำเนิดฉันมา ยังไงเสียเขาก็ป้อนข้าวป้อนน้ำ ซื้อเสื้อผ้าและให้ที่ซุกหัวนอนแก่ฉันช่วงพิธีการกำลังจะเริ่มและผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เข้านั่งประจำที่นั่ง ฉันตัดสินใจหลบไปนั่งอยู่อีกมุมเพราะรู้สึกผิดที่ผิดทางหากต้องไปนั่งรวมกับครอบครัวนั้น โดยเฉพาะหากต้องไปนั่งข้างเอมม่า“แม่ครับ เรามานั่งตรงนี้กันทำไมครับ… เราไม่ควรไปนั่งข้าง ๆ คุณยายหรือ?” โนอาตัวน้อยเอ่ยถามพร้อมกับชี้นิ้วไปในทิศทางที่คนอื่นนั่งอยู่แน่นอนว่าเราย่อมได้รับสายตาแปลก ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะยังไงการที่ฉันเป็นแกะดำที่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากครอบค

  • ธุลีใจ   บทที่ 6

    โรแวนความรู้สึกบางอย่างแล่นผ่านห้วงความคิดของคุณไป ยามที่คุณเห็นร่างของภรรยาเก่า ผู้เป็นแม่ของลูกโดนยิงและมีเลือดนองเต็มพื้นสุสานอันเยือกเย็น เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยคิดว่าจะมีให้เอวาเมื่อผมเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์หันกระบอกปืนเข้าใส่เรา ผมไม่ทันได้คิดอะไร ผมรู้ว่าโนอาปลอดภัยอย่างแน่นอนเพราะอยู่กับคุณปู่คุณย่า ดังนั้นสามัญสำนึกสั่งการให้ร่างกายกระโจนเข้าไปปกป้องเอมม่าทันที ผมเต็มใจตายเพื่อเธอและผมก็พร้อมจะทำเช่นนั้นผมรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นพวกมือปืนหนีไปเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ กระนั้นความโล่งใจก่อนหน้ากลับมลายสิ้นทันทีที่ได้ยินเจ้าหน้าที่เรียกหารถพยาบาล ความฉงนกระตุ้นให้ผมหันไปเพื่อหาคำตอบว่าใครกันที่เคราะห์ร้าย เข่าผมแทบทรุดลงกับพื้นเพราะคาดไม่ถึงว่าผู้เคราะห์ร้ายต้องเจ็บเจียนตายคือเอวาจากนั้นสถานการณ์ที่สับสนอลหม่านจึงเริ่มขึ้น รถพยาบาลมาถึงที่เกิดเหตุและเจ้าหน้าที่ตำรวจสวมเสื้อกันกระสุนคนนั้นกันท่าไม่ยอมห่างจากเอวาจนกว่าจะแน่ใจว่าเธอจะปลอดภัยเมื่อถึงมือแพทย์ผมรู้สึกขุ่นเคืองที่เขาไม่ยอมห่างเอวาเพราะเธอเป็นภรรยาของผม แม้ว่าจะเป็นอดีตก็ตาม แต่ที่มากกว่านั้นก็คือผม

  • ธุลีใจ   บทที่ 7

    เอวาฉันลืมตาตื่นพร้อมความปวดร้าวบริเวณหลังและแขนแล่นผ่านไปทั่วร่าง โนอานอนหลับอยู่กับฉันเพราะเมื่อคืนหลังจากดูโทรทัศน์ด้วยกัน เจ้าตัวน้อยงอแงไม่ยอมไปนอนคนเดียว รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้น เด็กน้อยยืนยันว่าจะทำหน้าที่ดูแลฉันอย่างแข็งขันตลอดทั้งคืนขณะนี้ราวแปดโมงเช้าได้ อาหารเช้าควรพร้อมรับประทานก่อนลูกชายจะตื่นนอน ฉันก้าวลงจากเตียงโดยที่ไม่ปลุกเขาเข้าแม้ว่าจะลำบากเล็กน้อยก็ตาม หลังจากเสร็จกิจวัตรประจำวันยามเช้าเรียบร้อย ฉันจึงเดินลงไปด้านล่าง หยุดฝีเท้าก่อนจะก้าวเข้าห้องครัวพลางสงสัยกับตนเองว่าจะทำอาหารออกมาด้วยแขนเพียงข้างเดียวได้อย่างไรขณะที่เดินไปหยิบวัตถุดิบมาเตรียมทำแพนเค้ก ความทรงจำเมื่อวานพลันแล่นเข้ามาในห้วงความคิด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับเป็นภาพลวงจนฉันสงสัยว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หากไม่มีผ้าพันแผลบริเวณไหล่กับแขนที่อยู่ในสายคล้องช่วยย้ำเตือนถึงความจริง ฉันคงคิดว่าเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้นเมื่อฉันตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลหลังจากหมดสติไป ฉันก็ตื่นกลัวไม่น้อย บรรดาแพทย์และพยาบาลต่างพากันรีบเข้ามาสงบสติฉันและยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี พยาบาลบอกฉัน

  • ธุลีใจ   บทที่ 8

    โรแวนผมเห็นจังหวะที่อารมณ์ของเอวาเปลี่ยนเป็นเฉยชา วินาทีที่แสงแห่งความอบอุ่นก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บทำให้ผมรู้สึกสะท้านถึงขั้วหัวใจ“คุณมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงของเธอปราศจากซึ่งอารมณ์ใด ขณะที่ผมฝืนแทรกตัวเข้าไปด้านในบ้านราวกับว่าเอวากำลังสนทนากับชายแปลกหน้าอยู่ ราวกับว่าผมเป็นแค่ฝุ่นผงไร้ค่าสำหรับเธอไปเสียแล้ว ผมจ้องมองใบหน้านั้นโดยอ่านสิ่งใดไม่ออก ผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้มาเกือบสิบปีแต่ตอนนี้กลับหาคำดี ๆ เพียงสักคำพูดกับเธอยังไม่ได้ผมมองแขนของเธอที่ยังคล้องอยู่บนสายห้อย จุดประสงค์วันนี้คือมาตรวจดูอาการของเธอและรับโนอา เพราะนี่เป็นช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นเวลาของผมกับลูกชายภาพของชายหนุ่มก่อนหน้าที่เห็นว่าเดินออกไปผุดขึ้นมา ผมก็คิ้วกระตุก ต้องเป็นชายคนนี้แน่ที่เอวามอบรอยยิ้มให้ เมื่อตระหนักได้ดังนี้ ผมอดไม่ได้ที่กัดฟันกรอด“ผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรที่นี่?” ผมเอ่ยถามแทนที่จะตอบเธอพร้อมทั้งเก็บซ่อนอารมณ์เดือดดาลที่หาเหตุผลที่มาไม่ได้เอาไว้ผมรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและยังเป็นคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเอวาเอาไว้ แต่เขาก็ล้ำเส้นเกินไป ผมไม่ชอบผู้ชายคนนั้นและไม่ต้องการใ

  • ธุลีใจ   บทที่ 9

    “แล้วคุณอยากให้ผมพูดอะไรละ? ในเมื่อผมไม่เคยหลอกลวงคุณเลย คุณเองก็รู้มาตลอดนี่ว่าผมรักเธอ” เอวาขว้างผ้าเช็ดจานด้วยความโกรธเกรี้ยว “รู้แบบนั้นแล้วก็กล้ามาแตะต้องร่างกายของฉันอีกหรือ? ให้ตายเถอะ ฉันโคตรจะเกลียดคุณเลย ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าคุณมีดีอะไรฉันถึงได้หลงคุณนักหนา ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าต้องมานั่งเสียเวลาชีวิตขนาดนี้ไปทำไมกัน”ผมกัดฟันกรอด แต่ละคำของเธอทวีความเดือดดาลของผมขึ้น แน่นอนเราทั้งสองหลับนอนด้วยกันช่วงแต่งงาน แต่นั่นเป็นความสุขและสนุกทางกายเท่านั้น ผมให้คำสัตย์สาบานไว้ตอนแต่งงาน แม้ว่าผมจะไม่ได้รักเธอแต่ผมก็ไม่ได้ผิดคำสัตย์สาบานด้วยการนอกใจเธอ“ผมไม่ได้มาคุยเรื่องอดีต ผมมาเพราะอยากคุยเรื่องโนอา” ผมพูดเปลี่ยนประเด็นเรื่องราวเริ่มเลยเถิดไปไกลแล้ว ผมจำเป็นต้องพูดประเด็นที่ผมเดินทางมาที่นี่ และรีบจากไปก่อนจะทำหรือพูดอะไรที่ผมต้องมานั่งเสียใจภายหลังชื่อของโนอาเสมือนเครื่องเตือนสติหญิงสาว ดังนั้นเอวาจึงไม่ตอบโต้กลับ เพียงเดินไปเปิดตู้และนำขวดยาออกมา เธอเปิดขวดยาด้วยมือเพียงข้างเดียวและกินยาเข้าไปสองเม็ดเมื่ออ่านฉลากยาผ่านสายตา ผมจึงตระหนักได้ว่านั่นคือยาบรรเทาอาการปวด“แขนคุ

  • ธุลีใจ   บทที่ 10

    เอวา“ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับแม่ว่าทำไมผมต้องไปด้วย อยู่กับแม่แบบนี้ไม่ได้หรือ?” โนอาบ่นอุบ ความบูดบึ้งปรากฎบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเด็กน้อยไม่พอใจตั้งแต่วินาทีที่ฉันอธิบายกับลูกว่าต้องไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าช่วงหนึ่งลูกชายกระโดดโลดเต้นในแวบแรก และกลายเป็นหน้าหงอยเมื่อพบว่าทั้งพ่อและแม่ตนไม่ได้ไปด้วยทางโรงเรียนของโนอาเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี แม้แต่คุณครูก็เข้าใจเช่นกัน ดังนั้นจึงตั้งใจส่งบทเรียนและการบ้านผ่านทางแม่เพื่อให้เด็กชายไม่ห่างหายการเรียนนานจนเกินไป “แม่บอกแล้วนี่ลูก นี่เป็นวันหยุดพักผ่อนแบบปู่ย่ายายหลานไง…ดังนั้น ก็ต้องมีแค่ลูก คุณปู่ คุณย่าแล้วก็คุณยายไปไงจ๊ะ”หลังจากพูดคุยกับกับหัวหน้าทีมคุ้มกัน ได้รับการยืนยันว่าทุกคนจะไปเก็บซ่อนตัวแถบเมืองชายทะเล“ลูกจะไปเที่ยวทะเลด้วยนะ ลูกขอให้พ่อกับแม่พาไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ?” ฉันเสริมคำบรรยายด้วยรอยยิ้มแสนหยอกเย้าคำว่า ‘ทะเล’ สามารถล่อซื้อจิตใจเด็กชายได้โดยง่าย คำบ่นอุบต่าง ๆ นานาก่อนหน้าเงียบลงทันตาโนอานั้นชื่นชอบทะเลและมหาสมุทรเป็นชีวิตจิตใจ เด็กน้อยชอบทะเลมากเสียจนครั้งหนึ่งเคยร้องไห้งอแงทั้งอาทิตย์ หล

Latest chapter

  • ธุลีใจ   บทที่ 522

    เอมม่าฉันจ้องมองความยุ่งเหยิงตรงหน้า ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าจะจัดการกันมันอย่างไร ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ฉันรู้สึกแปลก ๆ และไม่สามารถระบุเหตุผลที่แน่ชัดได้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ฉันพยายามคิดทบทวนแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรผุดขึ้นมาในหัวเลย สิ่งที่ฉันรู้คือ ฉันรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรผิดปกติ หรือกำลังจะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ฉันก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกนี้ออกไปได้ มันยังคงอยู่และทับถมอยู่ภายในจิตใจเคยรู้สึกแบบนั้นกันไหม? รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ว่ากำลังจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น? มันทำให้ฉันหงุดหงิด เพราะฉันไม่สามารถบอกได้แน่ชัดและมันกำลังทำให้ฉันคลั่งตายอยู่แล้วฉันถอนหายใจพลางมองลงไปยังมือที่สวมถุงมืออยู่ คุณหมอมีอาแนะนำว่าฉันควรทำอะไรสักอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความกังวลและผ่อนคลายให้มากขึ้น เมื่อวานฉันคุยกับเอวา และบังเอิญพูดถึงเรื่องนี้ เธอแนะนำว่าฉันควรลองทำสวนดูบ้าง ตามที่เธอพูด มันเคยช่วยเธออยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเธอเครียดและต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเอวาบอกฉันว่าเธอเคยปลูกผัก แต่เธอแนะนำให้ฉันลองปลูกดอกไม้ดูถ้าไม่อยากปลูกผักดังนั้นฉันก็เ

  • ธุลีใจ   บทที่ 521

    "ฉันจะคุยกับพ่อแม่ให้เอง" พวกเราหันไปมองอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นเอวาหยุดยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว สายตาจ้องมองไปยังทราวิส "เราแก้แค้นกันมานานเกินพอแล้ว""ส่วนตัวมองว่ามันยังไม่นานพอนะ" รีเปอร์แทรกขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขยะแขยง "พอลองนึกดูว่าพวกแกปฏิบัติต่อเอวายังไง ถ้าเป็นฉันก็คงไม่หยุดหรอก""พูดจริงเหรอ? แล้วน้องแกล่ะ? มันหลอกใช้เธอเลยนะเว้ย" ทราวิสระเบิดอารมณ์ ความโกรธปรากฏชัด"ก็จริง แต่มันเองก็ต้องชดใช้สิ่งมันทำอีกนานเลย... แล้วแกกับบ้านแกล่ะ? อีธานหลอกใช้เธอแค่สองสามเดือน แต่สุดท้ายก็ตกหลุมรักเธอ ส่วนแกมันคนละเรื่องกันเลย แกปฏิบัติกับเธอเหมือนขยะมาตั้งแต่เธอยังเด็กอยู่เลย แกชดเชยความผิดที่แกทำไว้ได้จริงเหรอวะ?"โรแวนตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินชื่ออีธานและความรักที่เขามีต่อเอวา ผมรู้จักพี่ชายตนเองดี และพวกเราเคยคุยเรื่องนี้กันสองสามครั้ง ความมั่นคงของพี่ชายยังสั่นคลอนเมื่อพูดถึงอีธาน มันทำให้เขาเจ็บปวดเมื่อนึกว่าตอนนั้นหากอีธานไม่ทำพลาด เอวาคงจะตกหลุมรักเขาจนหมดหัวใจ และตนคงหมดหวังกับเอวาไปแล้วผมพยายามบอกเขาเสมอว่าหัวใจของเอวาเป็นของเขามาโดยตลอด ผมพยายามยืนยันกับพี่ชายว่าถ้า

  • ธุลีใจ   บทที่ 520

    เกเบรียลพวกเรามองพ่อเดินออกมุ่งตรงไปหาแม่ของพวกเรา ตามที่เขาพูดพวกเราน่าเบื่อเป็นบ้า เขาเลยไปหาแม่แทน หากมองตามที่เขาพูด แม่เป็นเพื่อนคุยที่ดีกว่าพวกเรามากนักทันทีที่เขาพ้นไปจากระยะที่ได้ยินบทสนทนาได้ ทราวิสหันมาหาพวกเรา คิ้วขมวดมุ่น"ฉันไม่เข้าใจว่ามันมาที่นี่ทำไม" ทราวิสบ่น ขณะจ้องมองรีเปอร์ด้วยสายตาอาฆาต"อยากมีปัญหาหรือไง?" รีเปอร์ถาม แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะสงบ แต่ก็มีกระแสอันตรายที่ไม่อาจปฏิเสธได้ซ่อนอยู่สายตาเขาเปล่งประกาย แม้ในขณะที่เขายังคงทำตัวสงบและเยือกเย็น ควรจะเป็นคำเตือนที่เพียงพอว่าไม่มีใครควรขัดขวางเขาได้ เขาคือความอันตรายที่จับต้องได้ แต่เพื่อนสนิทของผมเป็นคนโง่เกินกว่าที่จะตระหนักถึงสิ่งนั้น ตระหนักว่ารีเปอร์ไม่ใช่พวกไก่อ่อน แม้ว่าตอนนี้เขาจะดูไม่เป็นพิษเป็นภัยก็ตาม“เออ เอาไหมล่ะ” ทราวิสคำราม "แกฆ่าพ่อฉันนะ แล้วยังมีหน้ามาที่นี่เหรอ?""ฉันมาที่นี่กับคู่หมั้น ปัญหาของนายก็เชิญไปจัดการเอาเองสิ"โรแวนกับผมมองหน้ากัน เมื่อความตึงเครียดระหว่างรีเปอร์กับทราวิสเพิ่มขึ้น ถ้าพวกเราไม่จัดการเรื่องนี้ สิ่งต่าง ๆ จะบานปลายอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่ผมไม่ต้องการมากที่สุดคือ

  • ธุลีใจ   บทที่ 519

    ฉันมีผลิตภัณฑ์ของพวกเธออยู่ชิ้นหนึ่ง และมันเป็นชิ้นโปรดเลย จริง ๆ ต้องบอกว่าเคยมีมากกว่าเพราะตอนนี้ฉันไม่ได้ใช้มันแล้วตั้งแต่เกเบรียลกับฉันอยู่ด้วยกัน ยังไงก็ตามคุณแทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลยตอนที่ใช้เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนของจริงมากพวกเขามีของเล่นอื่น ๆ ด้วย แต่แท่งสวรรค์เนี่ยชิ้นโปรดเลย"แบบว่ามันต้องวิจัยกันเยอะเลยแหละเธอ และพวกเราทุกคนก็มีส่วนร่วมด้วย การวิจัยและการทดลอง สนุกอย่าบอกใครเลย" เอวาเสริมพร้อมรอยยิ้ม"ในเมื่อเธอชอบผลิตภัณฑ์ของเราแบบนี้" เล็ตตี้พูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "มาเป็นหุ้นส่วนเลยไหมล่ะ?"ฉันขมวดคิ้วขณะที่คิด "ฉันไม่รู้นะ เกเบรียลคืนบริษัทของครอบครัวฉันมาให้แล้วด้วย การที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทขายของเล่นทางเพศจะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียเหรอ? เธอรู้ว่าคนเรามันช่างติขนาดไหน""ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลยจ้ะ" เอวาพูด "พวกเราเป็นเหมือนหุ้นส่วนลับ ๆ กันหมด เราจ้างทั้งคนที่รับตำแหน่งประธานกับรองประธานนั้นแหละ แต่พวกเขาเป็นฉากหน้าของบริษัทเท่านั้น เราเป็นคนจัดการเรื่องต่าง ๆ และแน่นอนว่าพวกเขาช่วยด้วย แต่ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นผู้ก่อตั้ง ยกเว้นพวกเขาสองคน

  • ธุลีใจ   บทที่ 518

    "นี่โรคะ" เอวาพูดเสียงดัง"ลูกจะต้องบริสุทธิ์และไร้เดียงสาไปจนถึงวันที่แก่และผมหงอกจนหมดหัวนั่นแหละ จบเรื่อง" พูดจบเขาก็เดินกระทืบเท้าออกไป ความคิดที่ว่าไอริสจะมีเซ็กส์ในวันหนึ่งเห็นได้ชัดว่ารบกวนจิตใจเขาไม่น้อยเอวาหันมาหาฉัน "ฉันไม่เข้าใจเลยนะ! กะอีแค่คิดว่าไอริสจะไปมีอะไรกับใครมันกวนใจเขามากขนาดนี้ได้ยังไง ขนาดเรายังมีอะไรกันตลอดเลย? ฉันก็เป็นลูกสาวของคนอื่นเหมือนกันนะและเขาก็ยังทำแบบนั้นกับฉันเลย!"ฉันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะลูบแขนเธอเป็นการปลอบโยน "ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันคิดว่าผู้ชายน่ะ เวลาพูดถึงลูกสาวของตัวเองก็เป็นเหมือนกันหมดแหละ เกเบรียลก็พูดอะไรทำนองเดียวกันเกี่ยวกับลิลลี่เหมือนกันนะ... อีธานก็จะตอบสนองแบบเดียวกัน และรีเปอร์ก็จะเหมือนกันถ้ามีลูกสาว พ่อของฉันเคยพูดว่าเขาจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ฉันเลยด้วย และฉันพนันได้เลยว่าถ้าเธอถามพ่อตัวเอง เขาก็คงคิดแบบเดียวกันตอนที่เธอเกิดมานั่นแหละ ให้ตายสิ ฉันรู้ว่าเขาคงเกลียดความคิดที่ว่าเธอและโรแวนมีอะไรกัน ในหัวของเขา เขาคงอยากจะเชื่อว่าโนอากับไอริสถูกนกกระสาคาบมาส่งมากกว่าแหละ"เอวาหัวเราะ รอยขมวดคิ้วบนใบหน้าหายไป "ฉันเกือบลืมบอกเธอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 517

    ฮาร์เปอร์ฉันมองไปรอบ ๆ พยายามตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า เราย้ายมาอยู่ที่บ้านใหม่วันนี้ และเราตัดสินใจจัดงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่กัน มันไม่ได้เป็นงานใหญ่โตอะไรมากนัก มีเพียงเพื่อนสนิทและครอบครัวเท่านั้น"ทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหมคะ?" ฉันเอ่ยถามแม่ครัวของเราเธอตื่นตาตื่นใจกับบ้านหลังนี้มากและตกหลุมรักห้องครัวเข้าเต็มเปา เหมือนที่ฉันเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ห้องครัวเป็นความฝันของแม่ครัวทุกคน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอต้องกลับบ้านไปหาครอบครัว ฉันสาบานได้เลยว่าเธอคงนอนอยู่ที่นี่ ฉันหมายถึงในห้องครัวเลย ไม่ใช่ในตัวบ้าน"ค่ะ" เธอส่งยิ้ม ดวงตาเป็นประกายด้วยความสุขและความตื่นเต้น "ทุกอย่างพร้อมแล้วค่ะ"อย่างที่ฉันบอก เราไม่ได้ต้องการงานเลี้ยงใหญ่โตขนาดนั้น มีเพียงพ่อแม่ของเกเบรียล โรแวนและเอวา ทราวิสและเล็ตตี้ คอนนี่และรีเปอร์ โนอา ไอริส กันเนอร์ และหนูเซียร่าเสียงกริ่งประตูดังขึ้น และฉันออกจากห้องครัวไปเปิดประตู ลิลลี่ยังแต่งตัวไม่เสร็จ และเกเบรียลหายตัวไปไหนก็ไม่ทราบได้เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันรวบรวมความกล้าและลองตรวจครรภ์ดู ทั้งสิบครั้งผลออกมาเป็นบวกทั้งหมด แต่ฉันยังไม่ได้บอกเกเบรี

  • ธุลีใจ   บทที่ 516

    ผมประสานมือวางบนเคาน์เตอร์ครัว ไม่รู้ว่าจะแสดงท่าทีหรือพูดอะไรตอบกลับลูกไปดี“แล้วลูกรู้สึกยังไงล่ะ?” ในที่สุด ผมก็ถามเขาหลังจากเงียบไปสักพัก"ผมไม่รู้ครับ ผมไปคุยกับโนอามาด้วยนะพ่อ และเขาเล่าว่าเธอขอโทษเขาเรื่องที่เข้าแทรกกลางระหว่างน้าโรแวนกับน้าเอวาน่ะครับ"นั่นเป็นข่าวใหม่สำหรับผมเลย ดูเหมือนว่าเอมม่ากำลังเดินสายขอโทษคนที่เธอทำผิดอยู่ รวมถึงพวกเด็ก ๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมองข้ามไป"เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน เธอขอโทษพ่อด้วยเหมือนกันนะ" ผมสารภาพ“แล้วพ่อรู้สึกยังไงล่ะครับ”“นี่ลองเล่นเป็นพ่ออยู่เหรอไง?” ผมหัวเราะเล็กน้อย “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรานะ แต่พ่อเป็นห่วงลูกมากกว่าน่ะสิ”เขาถอนหายใจ "ผมไม่รู้ครับ ผมยังโกรธเธอและรู้สึกแย่มาก ๆ อยู่เลย หน้าอกมันรู้สึกเจ็บตอนคิดถึงความเจ็บปวดที่เคยรู้สึก ตอนผู้หญิงคนนั้นเขาไม่ได้ต้องการผม""พ่อเข้าใจนะลูก และลูกก็มีสิทธิ์ที่จะโกรธด้วย เรื่องที่ลูกเจ็บปวดมันไม่มีใครมาว่าลูกได้หรอกนะ เข้าใจไหม? แม้ว่าจะไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงก็ไม่เป็นไรหรอก อารมณ์อาจจะวุ่นวายและขัดแย้งกันได้ในบางครั้ง"ผมพยายามอธิบายให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมไม่อยากให้กันเนอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 515

    ผมดูวิดีโอที่คินลีย์ส่งมาพร้อมหัวเราะเบา ๆ เพราะความตลก เธอส่งวิดีโอสัตว์ตลก ๆ เรื่อยเปื่อยมาให้ผม เพราะเธอรู้ว่ามันทำให้ผมหัวเราะออกมาได้ ไม่เคยมีวันไหนเลยที่จะนั่งว่าง ๆ โดยที่ไม่ได้รับวิดีโอจากเธอ ถ้าพูดตามตรง ผมตั้งตารอที่จะเห็นวิดีโอพวกนั้นในห้องแชทองเราความสัมพันธ์ระหว่างเราสมบูรณ์แบบมาก นอกจากเอมม่าแล้ว ผมไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แน่นอนว่าสมัยมหาวิทยาลัย ผมก็เลือกจะก้าวไปข้างหน้าแต่มันกลายเป็นการนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้ามากกว่าการตัดใจจากเอมม่าอย่ามองผมแบบนั้น ผู้หญิงทุกคนที่ผมนอนด้วยรู้สถานการณ์ต่าง ๆ ดี พวกเธอรู้ว่าไม่มีอะไรระหว่างเราได้ และมันเป็นแค่กิจกรรมฆ่าเวลา ผมทำให้มันชัดเจนมากก่อนขึ้นเตียงกับพวกเธอ พวกเธอเข้าใจและยอมรับ ชีวิตเรียบง่ายจนกระทั่งเอมม่ากับผมมาเจอกันอีกครั้งหลังจากนอนกับเอมม่าครั้งแรก ผมก็ยุติกิจกรรมแบบความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนไป จากนั้นเอมม่าก็ตั้งครรภ์และคุณก็รู้เรื่องที่เหลือ ผมไม่ได้อยู่กับผู้หญิงคนอื่นเลยนับตั้งแต่คืนแรกกับเธอ ผมรู้ว่ามันน่าสมเพช แต่ถ้าให้แก้ตัวแบบโง่ ๆ ก็คงเป็นเพราะผมกำลังมีความรักอยู่ ไม่ว่าหัวใจผมจะเจ็บปวดขนาดไหนแต่ผมค

  • ธุลีใจ   บทที่ 514

    "รู้สึกยังไงที่ได้เจอกันเนอร์คะ?" คุณหมอมีอาเอ่ยถาม ดวงตาเฉียบแหลมเช่นเคย เธอจ้องมองฉันราวกับว่าเธอสามารถมองทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณได้เนื่องจากฉันกลับไปทำงานแล้ว เราจึงต้องปรับตารางเวลาให้เข้ากับตารางเวลาใหม่ของฉัน การเข้ารับบำบัดส่วนใหญ่จึงถูกกำหนดไว้ระหว่างสี่โมงครึ่งถึงหกโมงเย็นฉันรู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร ฉันไม่ต้องคิดเกี่ยวกับมันเลย การคิดถึงวันนั้นกลับทำให้น้ำตาคลอเบ้าอีกครั้ง"ใจสลายค่ะ" ฉันแทบจะกระซิบคำพูดออกมารู้สึกเหมือนว่าพรั่งพรูออกมาจากภายใน จากส่วนลึกที่สุดของจิตวิญญาณ ฉันพยายามบังคับเสียงสะอื้นที่เหมือนกำลังจะหลุดออกมา แต่มันไร้ประโยชน์ มันหลุดออกมาจากตัวฉันพร้อมความเจ็บปวด ทำให้ฉันหายใจไม่ออก"ยังไงคะ?" คุณหมอมีอาเอ่ยถามพร้อมกับยื่นกระดาษทิชชู่ให้ฉันฉันรับมันมาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาบนใบหน้า มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะมันยังคงไหลเหมือนแม่น้ำเชี่ยว ฉันโกรธน้ำตานี้ที่ไหลออกมาไม่หยุด จึงขยำทิชชู่อย่างหงุดหงิดก่อนโยนมันลงในถังขยะ"ฉันเห็นมันในดวงตาของลูกค่ะ ว่าลูกเกลียดฉัน" ฉันเริ่มพูด ยอมพ่ายแพ้ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้า "มีความโกรธมากมายสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น มีคว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status