Share

บทที่ 2

“ฉันต้องไปแล้ว รบกวนคุณช่วยอยู่กับโนอาก่อนได้ไหม? เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานแค่ไหน” ฉันเอ่ยประโยคเหล่านี้ออกไป มือพลางคว้ากระเป๋าข้างกายอย่างใจลอย

“ได้ ผมขอไปรับแม่มาดูแลโนอาแทนก่อน แล้วจะรีบตามไป” โรแวนตอบรับ เพียงแต่รู้สึกราวกับเป็นเสียงกระซิบซึ่งดังแว่วเข้ามาในหูที่อึ้ออึงของฉันเท่านั้น

ฉันจำอะไรที่เหลือนอกเหนือจากการบอกลาลูกชายตัวน้อยไม่ได้ ฉันรีบดันตนเองขึ้นรถยนต์และขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลพร้อมความคิดที่ล่องลอยกระหวัดถึงความทรงจำ

ตอนที่เติบโตขึ้นมา ใคร ๆ ก็ต่างพากันพูดว่าฉันเป็นพวกขาดความอบอุ่น ตอนเป็นเด็กทั้งคุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้ใส่ใจฉันมากเท่าที่ควร ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อคงเป็นพี่สาว เอมม่า พ่อเคยเรียกเธอว่าสาวน้อยของพ่อด้วยซ้ำ ส่วนแม่ก็ประคบประหงมพี่ชาย ทราวิส พ่อรูปหล่อของแม่เสียยังกับอะไรดี ส่วนฉันก็เป็นแค่ เอวา ที่ไม่มีใครรัก

ฉันรู้สึกเหมือนไม่เป็นที่ต้องการของใคร ๆ ไม่มีใครต้อนรับ ไม่ว่าจะกับพ่อแม่รวมถึงพี่น้องท้องเดียวกัน ไม่ว่าจะพิสูจน์ตนเองเท่าใด มีผลการเรียนระดับแนวหน้า กีฬาเด่น หรือกิจกรรมดีเพียงใด สถานที่เดียวซึ่งเหมาะกับฉันคืออยู่ข้างสายตาเท่านั้น เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวแสนสุขนี้เลย

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเก้าปีก่อน ทำให้ฉันเสียสายใยความสัมพันธ์กับครอบครัวอันบางเบาไป ทราวิสกับฉันแทบจะไม่มีบทสนทนาต่อกันเลย พี่ชายกับพ่อเหมือนพร้อมใจดูแคลนฉัน ผู้เป็นแม่ก็ไม่ต่างกันมากนัก ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย สายโทรศัพท์คงไม่ถูกต่อมาถึงฉันอย่างแน่นอน ส่วนพี่สาวดูเหมือนว่าจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เราทั้งสองไม่ได้มาพบปะหรือพูดคุยกันเลยตลอดเก้าปีที่ผ่านมา คำสุดท้ายที่เธอเอ่ยกับฉันคือฉันได้ตายจากชีวิตเธอเรียบร้อยแล้วและเธอก็ไม่มีน้องสาวอีกต่อไป

ตัดมาที่ตัวฉันในตอนนี้ที่กำลังขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลเพราะว่าพ่อโดนยิง แม้เหตุการณ์ประดังเข้ามาแต่ฉันกลับไม่รู้สึกอะไรสักอย่าง ฉันควรจะรู้สึกอะไรไหมนะ? อย่างความรู้สึกเสียใจ?

คุณควรรู้สึกอย่างไรดีเล่าตอนมีคนบอกคุณว่าพ่อผู้เมินเฉยต่อตัวตนคุณตลอดชีวิตนอนเจ็บบนเตียงเพราะโดนยิง? ตัวฉันเองต้องแสดงท่าทีอย่างไร? มันแปลกไหมที่ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย?

เส้นทางมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลเปรียบดั่งเส้นทางย้อนกลับไปยังห้วงคะนึง ภาพวันวานยามวัยเยาว์สลับสับเปลี่ยนกับภาพผู้ใหญ่ ความปวดร้าวและทุกข์ระทมยังคงอยู่ และฉันก็มั่นใจว่าความเจ็บปวดจากการหมางเมินของครอบครัวฉันจะไม่เลือนหายไป

และนี่อย่างไรเล่าคือตัวฉันเอง หญิงสาวผู้ถูกทิ้งขว้าง เริ่มจากถูกครอบครัวตนเองทอดทิ้ง จากนั้นก็เป็นสามี รวมถึงบรรดาครอบครัวฝั่งสามี คนเดียวที่ยอมรับและรักฉันอย่างที่ฉันเป็นก็มีเพียงแค่โนอา

การขับรถไปยังโรงพยาบาลใช้เวลาไม่นัก เมืองนี้มีโรงพยาบาลใหญ่แห่งเดียวและฉันรู้ว่าพ่อต้องพักรักษาตัวอยู่ที่นั่นแน่นอน

ฉันจอดรถและก้าวออกมา สายลมยามเย็นพัดพริ้วและลูบไล้เส้นผมไป ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมเหยียดหลังตรงก่อนจะเข้าไปในตัวตึก

“ดิฉันมาเยี่ยมคุณเจมส์ ชาร์พค่ะ ดิฉันทราบมาว่าเขาเข้ามารักษาตัวที่นี่เพราะถูกยิงค่ะ” ฉันบอกรายละเอียดการเข้าเยี่ยมให้กับฝ่ายต้อนรับทราบ

“เกี่ยวข้องอย่างไรกับคนไข้คะ?” ฝ่ายต้อนรับสอบถาม

“เขาเป็นพ่อของฉันค่ะ”

เธอพยักหน้าตอบรับ “สักครู่นะคะ” พนักงานต้อนรับเงียบครู่หนึ่ง พลางพิมพ์ข้อมูลใส่คอมพิวเตอร์ “ค่ะ คนไข้อยู่ในห้องฉุกเฉิน กำลังเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัดค่ะ เดินตรงไปจนสุดทาง จะเห็นประตูห้องฉุกเฉินอยู่นะคะ คาดว่าครอบครัวของคุณน่าจะรออยู่บริเวณนั้นด้วย”

“ขอบคุณค่ะ”

ฉันเดินตามไปเส้นทางที่พนักงานต้อนรับบอกก่อนหน้า หัวใจสั่นระรัวไปตามแรงที่ฝีเท้ากระทบพื้น

‘เขาต้องไม่เป็นไร เขาต้องหายดีและก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติแน่’ ฉันกระซิบกับตนเองเช่นนี้

แม้ว่าจะมีความเคลือบแคลงใจระหว่างเราสองพ่อลูกอยู่ก็ตาม ฉันก็ปราถนาให้เขาไม่เป็นไร แม้เขาและฉันจะไม่มีความใกล้ชิดกันแต่เขาก็รักโนอา เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน

ประตูถูกผลักเข้าไป ฉันพลันสังเกตเห็นแม่และทราวิสนั่งรอบริเวณเก้าอี้มุมหนึ่ง ฉันสำรวจความเรียบร้อยของตนเองและเดินไปหาทั้งสอง

“แม่คะ ทราวิส” ฉันกล่าวทักทาย

ทั้งสองมองตรงมาที่ฉัน ดวงตาของแม่แดงก่ำซึ่งเกิดจากการร้องไห้อย่างหนัก ชุดสีน้ำเงินอาบทับด้วยเลือด กลับกันทราวิสดวงตาแห้งผากแต่คงจะบอกได้ว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อเขามากเพียงใด พี่ชายยังคงประคับประคองอารมณ์อยู่เพื่อผู้เป็นแม่

ฉันเดินเข้าไปนั่งอยู่ข้างกับแม่ “เกิดอะไรขึ้นคะ แล้วตอนนี้พ่อเป็นอย่างไรบ้าง?”

คำถามไม่กี่คำกระตุ้นน้ำตาให้พรั่งพรูอีกครั้ง

“พ่อแกโดนยิงสองทีตอนขากลับจากซื้อของน่ะสิ โดนยิงตรงหน้าบ้านเลย ฉันก็เลยเรียกรถพยาบาลมารับแล้วเราก็รีบพาพ่อแกมาโรงพยาบาล หมอบอกว่ากระสุนนัดหนึ่งทะลุปอด อีกนัดก็ทะลุไต ตอนนี้พวกหมอกำลังเตรียมตัวผ่าตัดกันอยู่” เสียงของผู้เป็นแม่สะดุดเมื่อจบประโยค

ฉันพยักหน้ารับ ความต้องการในตอนนี้คือปลอบประโลมผู้เป็นแม่ ต้องการจะโอบกอดเธอ แต่ฉันคิดว่าอ้อมกอดของฉันคงไม่ได้เป็นที่ต้องการขนาดนั้น

“อย่ากังวลไปเลยค่ะ พ่อเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่หนูรู้จัก พ่อจะต้องไม่เป็นไรแน่นอน” ฉันพยายามปลอบเธอ

ผู้เป็นแม่มีเสียงร่ำไห้แทนคำตอบ

หลายนาทีต่อมา เตียงคนไข้ของพ่อในชุดโรงพยาบาลก็ถูกเข็นออกมา ทราวิสรวมถึงแม่ดีดตัวลุกขึ้นและพรวดพราดไปข้างเตียง

ส่วนฉันจึงผนึกตนกับเก้าอี้อย่างเหนียวแน่น ความรู้สึกบอกว่าใบหน้าที่ผู้เป็นพ่อต้องการเห็นมากที่สุดคงเป็น เอมม่า ไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน

ฉันเฝ้าดูแม่ร้องไห้อยู่ข้างกายพ่อ มืออ่อนแรงของพ่อพยายามเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากไม่หยุด เขาบอกบางสิ่งกับทราวิส ลูกชายพยักหน้ารับ ใบหน้าของพ่อสลักความแน่วแน่เอาไว้ ก่อนที่แพทย์ทั้งหลายจะพาเขาไป ฉันเห็นว่าพ่อยื่นบางสิ่งที่คล้ายกับเอกสารให้กับแม่ ซึ่งทำให้น้ำตาอาบสองแก้มเธออีกครั้ง

แม่จูบพ่อขณะแพทย์นำตัวเข้าไป แม่และทราวิสกลับมานั่งที่เดิม เราไม่ได้ต่อบทสนทนาใด ปล่อยให้การรอคอยอันยาวนานดำเนินต่อไป

ฉันลุกขึ้น เดินไปมาแล้วกลับไปนั่ง ฉันเดินไปเอากาแฟมาให้แม่และพี่ชาย ทุกเข็มนาทีเคลื่อนผ่าน ฉันยิ่งรู้สึกกังวล แม่และทราวิสเองก็เหมือนกัน… สองชั่วโมงครึ่งผ่านไป แพทย์เดินเข้ามายังห้องพักคอย

พินิจจากความหม่นหมองบนใบหน้าของแพทย์ ฉันตระหนักได้ทันทีว่าพ่อไม่กลับมาอีกแล้ว แม่เองก็สัมผัสได้เช่นกันเพราะเธอเริ่มสะอื้นไห้อีกครั้ง

“คนไข้หัวใจหยุดเต้นครับ เราพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ไม่สามารถรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้ ผมขอแสดงความเสียใจจากการสูญเสียครั้งนี้ด้วยนะครับ” แพทย์กล่าว

แม่กรีดร้องออกมาราวสัตว์ที่บาดเจ็บ ทั้งเจ็บปวดรวดร้าวและโศกเศร้า ทราวิสถลาลงไปประคองร่างแม่ก่อนที่จะล้มลง และทั้งสองนั่งกองอยู่บนพื้นน้ำตาแห่งความสูญเสียอาบแก้มของทั้งคู่

พ่อจากไปเช่นนี้ ฉันรู้ดีว่าเอมม่าจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Nutch Khamwongsa
อ่านสนุกมากค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status