คุณทั้งหลายเคยรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นหรือเปล่า? ฉันกำลังรู้สึกเช่นนั้นอยู่เมื่อมองพวกเขา ราวกับมีใครเดินเข้ามากระชากดวงใจออกจากอกก็มิปานหากฉันเป็นคนกระชากก้อนเนื้อไร้ค่านี้และปาทิ้งไปให้พ้นตาเองได้สาบานว่าจะทำเสียตอนนี้ เพราะมันช่างเจ็บจนไร้คำบรรยายใด ๆ มาเปรียบได้ฉันต้องการหนีไปให้พ้นแต่กลับทำไม่ได้ สายตาของฉันจับจ้องทั้งสอง ไม่ว่าสมองจะสั่งให้หลีกหนีจากภาพตรงหน้าเท่าใด แต่ฉันก็ไม่อาจละสายตาไปจากฉากรักหวานชื่นเสียดแทงนัยน์ตานี้ได้ฉันเฝ้ามองทั้งสองผละอ้อมกอดจากกัน โรแวนแววตาอ่อนโยนเมื่อมองหญิงในดวงใจ ฉันมองฝ่ามือที่กำลังบรรจงประคองแก้มของเอมม่า ชายหนุ่มดึงร่างของหญิงผู้เป็นที่รักเข้าใกล้เล็กน้อย เขาไม่ได้จูบเธอเพียงแต่เอาหน้าผากแนบชิดกันเขาดูสงบสุขราวกับเดินทางมาเจอที่พักผ่อนของตนเสียที ในที่สุดเขาก็รู้สึกเติมเต็ม‘ผมคิดถึงคุณ’ ฉันอ่านการขยับปากเรียวบางนั้นออกฉันไม่อยากคิดว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นตอนนี้หากทั้งสองไม่ได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้ หากทั้งสองพบกันตอนที่ฉันและเขาแต่งงานกันอยู่ โรแวนจะนอกใจไปหาเอมม่าเลยหรือเปล่า?ส่วนศีลธรรมของฉันรีบโต้แย้งว่าไม่เป็นเช่นนั้นแน่แต่กลับไม
ไร้วี่แววของเหตุร้ายใด ๆ ในวันนี้ แสงแดดทอประกายตลอดเส้นทางที่คุ้นตา ดูเหมือนทุกสิ่งจะดำเนินไปได้ด้วยดีเมื่อเดินทางไปถึง โบถส์ก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทุกคนต่างพากันมาเคารพพ่อเป็นครั้งสุดท้ายฉันเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควร คนอื่นแทบไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงการจัดเตรียมงานศพ เรียกได้ว่าฉันเป็นแม่งานผู้รับผิดชอบทุกสิ่งในงานนี้ฉันไม่ได้บ่นอะไรทั้งนั้น คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้เป็นพ่อที่ให้กำเนิดฉันมา ยังไงเสียเขาก็ป้อนข้าวป้อนน้ำ ซื้อเสื้อผ้าและให้ที่ซุกหัวนอนแก่ฉันช่วงพิธีการกำลังจะเริ่มและผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เข้านั่งประจำที่นั่ง ฉันตัดสินใจหลบไปนั่งอยู่อีกมุมเพราะรู้สึกผิดที่ผิดทางหากต้องไปนั่งรวมกับครอบครัวนั้น โดยเฉพาะหากต้องไปนั่งข้างเอมม่า“แม่ครับ เรามานั่งตรงนี้กันทำไมครับ… เราไม่ควรไปนั่งข้าง ๆ คุณยายหรือ?” โนอาตัวน้อยเอ่ยถามพร้อมกับชี้นิ้วไปในทิศทางที่คนอื่นนั่งอยู่แน่นอนว่าเราย่อมได้รับสายตาแปลก ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะยังไงการที่ฉันเป็นแกะดำที่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากครอบค
โรแวนความรู้สึกบางอย่างแล่นผ่านห้วงความคิดของคุณไป ยามที่คุณเห็นร่างของภรรยาเก่า ผู้เป็นแม่ของลูกโดนยิงและมีเลือดนองเต็มพื้นสุสานอันเยือกเย็น เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยคิดว่าจะมีให้เอวาเมื่อผมเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์หันกระบอกปืนเข้าใส่เรา ผมไม่ทันได้คิดอะไร ผมรู้ว่าโนอาปลอดภัยอย่างแน่นอนเพราะอยู่กับคุณปู่คุณย่า ดังนั้นสามัญสำนึกสั่งการให้ร่างกายกระโจนเข้าไปปกป้องเอมม่าทันที ผมเต็มใจตายเพื่อเธอและผมก็พร้อมจะทำเช่นนั้นผมรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นพวกมือปืนหนีไปเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ กระนั้นความโล่งใจก่อนหน้ากลับมลายสิ้นทันทีที่ได้ยินเจ้าหน้าที่เรียกหารถพยาบาล ความฉงนกระตุ้นให้ผมหันไปเพื่อหาคำตอบว่าใครกันที่เคราะห์ร้าย เข่าผมแทบทรุดลงกับพื้นเพราะคาดไม่ถึงว่าผู้เคราะห์ร้ายต้องเจ็บเจียนตายคือเอวาจากนั้นสถานการณ์ที่สับสนอลหม่านจึงเริ่มขึ้น รถพยาบาลมาถึงที่เกิดเหตุและเจ้าหน้าที่ตำรวจสวมเสื้อกันกระสุนคนนั้นกันท่าไม่ยอมห่างจากเอวาจนกว่าจะแน่ใจว่าเธอจะปลอดภัยเมื่อถึงมือแพทย์ผมรู้สึกขุ่นเคืองที่เขาไม่ยอมห่างเอวาเพราะเธอเป็นภรรยาของผม แม้ว่าจะเป็นอดีตก็ตาม แต่ที่มากกว่านั้นก็คือผม
เอวาฉันลืมตาตื่นพร้อมความปวดร้าวบริเวณหลังและแขนแล่นผ่านไปทั่วร่าง โนอานอนหลับอยู่กับฉันเพราะเมื่อคืนหลังจากดูโทรทัศน์ด้วยกัน เจ้าตัวน้อยงอแงไม่ยอมไปนอนคนเดียว รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้น เด็กน้อยยืนยันว่าจะทำหน้าที่ดูแลฉันอย่างแข็งขันตลอดทั้งคืนขณะนี้ราวแปดโมงเช้าได้ อาหารเช้าควรพร้อมรับประทานก่อนลูกชายจะตื่นนอน ฉันก้าวลงจากเตียงโดยที่ไม่ปลุกเขาเข้าแม้ว่าจะลำบากเล็กน้อยก็ตาม หลังจากเสร็จกิจวัตรประจำวันยามเช้าเรียบร้อย ฉันจึงเดินลงไปด้านล่าง หยุดฝีเท้าก่อนจะก้าวเข้าห้องครัวพลางสงสัยกับตนเองว่าจะทำอาหารออกมาด้วยแขนเพียงข้างเดียวได้อย่างไรขณะที่เดินไปหยิบวัตถุดิบมาเตรียมทำแพนเค้ก ความทรงจำเมื่อวานพลันแล่นเข้ามาในห้วงความคิด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับเป็นภาพลวงจนฉันสงสัยว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หากไม่มีผ้าพันแผลบริเวณไหล่กับแขนที่อยู่ในสายคล้องช่วยย้ำเตือนถึงความจริง ฉันคงคิดว่าเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้นเมื่อฉันตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลหลังจากหมดสติไป ฉันก็ตื่นกลัวไม่น้อย บรรดาแพทย์และพยาบาลต่างพากันรีบเข้ามาสงบสติฉันและยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี พยาบาลบอกฉัน
โรแวนผมเห็นจังหวะที่อารมณ์ของเอวาเปลี่ยนเป็นเฉยชา วินาทีที่แสงแห่งความอบอุ่นก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บทำให้ผมรู้สึกสะท้านถึงขั้วหัวใจ“คุณมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงของเธอปราศจากซึ่งอารมณ์ใด ขณะที่ผมฝืนแทรกตัวเข้าไปด้านในบ้านราวกับว่าเอวากำลังสนทนากับชายแปลกหน้าอยู่ ราวกับว่าผมเป็นแค่ฝุ่นผงไร้ค่าสำหรับเธอไปเสียแล้ว ผมจ้องมองใบหน้านั้นโดยอ่านสิ่งใดไม่ออก ผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้มาเกือบสิบปีแต่ตอนนี้กลับหาคำดี ๆ เพียงสักคำพูดกับเธอยังไม่ได้ผมมองแขนของเธอที่ยังคล้องอยู่บนสายห้อย จุดประสงค์วันนี้คือมาตรวจดูอาการของเธอและรับโนอา เพราะนี่เป็นช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นเวลาของผมกับลูกชายภาพของชายหนุ่มก่อนหน้าที่เห็นว่าเดินออกไปผุดขึ้นมา ผมก็คิ้วกระตุก ต้องเป็นชายคนนี้แน่ที่เอวามอบรอยยิ้มให้ เมื่อตระหนักได้ดังนี้ ผมอดไม่ได้ที่กัดฟันกรอด“ผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรที่นี่?” ผมเอ่ยถามแทนที่จะตอบเธอพร้อมทั้งเก็บซ่อนอารมณ์เดือดดาลที่หาเหตุผลที่มาไม่ได้เอาไว้ผมรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและยังเป็นคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเอวาเอาไว้ แต่เขาก็ล้ำเส้นเกินไป ผมไม่ชอบผู้ชายคนนั้นและไม่ต้องการใ
“แล้วคุณอยากให้ผมพูดอะไรละ? ในเมื่อผมไม่เคยหลอกลวงคุณเลย คุณเองก็รู้มาตลอดนี่ว่าผมรักเธอ” เอวาขว้างผ้าเช็ดจานด้วยความโกรธเกรี้ยว “รู้แบบนั้นแล้วก็กล้ามาแตะต้องร่างกายของฉันอีกหรือ? ให้ตายเถอะ ฉันโคตรจะเกลียดคุณเลย ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าคุณมีดีอะไรฉันถึงได้หลงคุณนักหนา ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าต้องมานั่งเสียเวลาชีวิตขนาดนี้ไปทำไมกัน”ผมกัดฟันกรอด แต่ละคำของเธอทวีความเดือดดาลของผมขึ้น แน่นอนเราทั้งสองหลับนอนด้วยกันช่วงแต่งงาน แต่นั่นเป็นความสุขและสนุกทางกายเท่านั้น ผมให้คำสัตย์สาบานไว้ตอนแต่งงาน แม้ว่าผมจะไม่ได้รักเธอแต่ผมก็ไม่ได้ผิดคำสัตย์สาบานด้วยการนอกใจเธอ“ผมไม่ได้มาคุยเรื่องอดีต ผมมาเพราะอยากคุยเรื่องโนอา” ผมพูดเปลี่ยนประเด็นเรื่องราวเริ่มเลยเถิดไปไกลแล้ว ผมจำเป็นต้องพูดประเด็นที่ผมเดินทางมาที่นี่ และรีบจากไปก่อนจะทำหรือพูดอะไรที่ผมต้องมานั่งเสียใจภายหลังชื่อของโนอาเสมือนเครื่องเตือนสติหญิงสาว ดังนั้นเอวาจึงไม่ตอบโต้กลับ เพียงเดินไปเปิดตู้และนำขวดยาออกมา เธอเปิดขวดยาด้วยมือเพียงข้างเดียวและกินยาเข้าไปสองเม็ดเมื่ออ่านฉลากยาผ่านสายตา ผมจึงตระหนักได้ว่านั่นคือยาบรรเทาอาการปวด“แขนคุ
เอวา“ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับแม่ว่าทำไมผมต้องไปด้วย อยู่กับแม่แบบนี้ไม่ได้หรือ?” โนอาบ่นอุบ ความบูดบึ้งปรากฎบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเด็กน้อยไม่พอใจตั้งแต่วินาทีที่ฉันอธิบายกับลูกว่าต้องไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าช่วงหนึ่งลูกชายกระโดดโลดเต้นในแวบแรก และกลายเป็นหน้าหงอยเมื่อพบว่าทั้งพ่อและแม่ตนไม่ได้ไปด้วยทางโรงเรียนของโนอาเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี แม้แต่คุณครูก็เข้าใจเช่นกัน ดังนั้นจึงตั้งใจส่งบทเรียนและการบ้านผ่านทางแม่เพื่อให้เด็กชายไม่ห่างหายการเรียนนานจนเกินไป “แม่บอกแล้วนี่ลูก นี่เป็นวันหยุดพักผ่อนแบบปู่ย่ายายหลานไง…ดังนั้น ก็ต้องมีแค่ลูก คุณปู่ คุณย่าแล้วก็คุณยายไปไงจ๊ะ”หลังจากพูดคุยกับกับหัวหน้าทีมคุ้มกัน ได้รับการยืนยันว่าทุกคนจะไปเก็บซ่อนตัวแถบเมืองชายทะเล“ลูกจะไปเที่ยวทะเลด้วยนะ ลูกขอให้พ่อกับแม่พาไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ?” ฉันเสริมคำบรรยายด้วยรอยยิ้มแสนหยอกเย้าคำว่า ‘ทะเล’ สามารถล่อซื้อจิตใจเด็กชายได้โดยง่าย คำบ่นอุบต่าง ๆ นานาก่อนหน้าเงียบลงทันตาโนอานั้นชื่นชอบทะเลและมหาสมุทรเป็นชีวิตจิตใจ เด็กน้อยชอบทะเลมากเสียจนครั้งหนึ่งเคยร้องไห้งอแงทั้งอาทิตย์ หล
โรแวนก้าวเข้ามาประชิดร่างฉัน แววตาเขาแผดเผาและรูจมูกขยับอย่างโมโหจัด ฉันยังคงยืนกรานไม่ยอมให้เขามาข่มขู่ฉันได้“ผมไม่ไป ยกเลิกอูเบอร์แล้วก็ย้ายก้นไปขึ้นรถผมเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ราวมีพายุพัดโหมในแววตามือของฉันกำแน่นเป็นสัญญาณแห่ความเดือดดาลที่กำลังปะทุ ยามปกติฉันคงยอมถอยเพราะไม่ต้องการยั่วโทสะเขา แต่ตอนนี้ฉันไม่สนแล้ว“เลิกมั่นหน้ามั่นใจสักที…คิดว่าใหญ่มาจากไหนมิทราบ? ฉันไม่ใช่ลูกหมาที่คุณจะมาชี้นิ้วออกคำสั่งได้นะ” ฉันเริ่มขึ้นเสียงเพราะเดือดจัดหลายปีที่ผ่านมาฉันยอมให้เขาบงการฉันมาตลอด หลายปีที่ผ่านมาฉันยอมเงียบปากเพียงเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีที่คิดว่าเราทั้งสองมีต่อกัน กระนั้นฉันได้รับสิ่งใดตอบแทนมาเล่า? ความอดทนและอดกลั้นช่วยนำสิ่งใดมาบ้าง? ไม่มีเลยเว้นเพียงความทุกข์กายและทุกข์ใจ“เอวา…” โรแวนเรียกชื่อฉันเพื่อเตือนสติ“พ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกแล้วหรือครับ?” น้ำเสียงเล็กของโนอาสลายบรรยากาศตึงเครียดตรงหน้าฉันหันไปเจอกับสายตาแสนเศร้าของเด็กน้อย ให้ตายสิ! ฉันไม่ต้องการให้โนอาเห็นเราทั้งสองเป็นเช่นนี้ ลูกไม่ควรเห็นเราทะเลาะกันตลอดเวลา“เปล่าจ้ะ เราไม่ได้ทะเลาะกัน เราแค่