“ท่านอ๋องโกรธหรือ?” ตู้จ้งสงสัย “ทำไม?”ตู้เหิงมองตู้จ้งโดยอับจนคำพูด “พี่ ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอายุสามสิบแล้วแต่ยังไม่มีภรรยา ท่านตาไร้แววเสียจริง ไม่ว่าท่านอ๋องสามจะดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดแค่ไหนก็หมดหนทางรอดแล้ว ปล่อยไปไม่สนใจก็พอแล้ว ท่านบอกเรื่องนี้กับท่านอ๋องมิใช่ว่าสร้างปัญหาให้เขาหรือ?”“เพราะเหตุ
มันจะต้องถูกซุกซ่อนไว้เป็นอย่างดีวันรุ่งขึ้นครั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์ตื่นขึ้นมา ตงฟางหลีก็ไม่อยู่ข้างกายนางนานแล้วนางยื่นมือเข้าไปในผ้าห่มของตงฟาหลีอย่างที่เคยทำตามปกติ มันเย็นชืดไปหมดเครื่องนอนเริ่มเย็น ซึ่งพิสูจน์ว่าเขาไปนานแล้วนางลุกขึ้นไปล้างหน้าบ้วนปากอย่างเกียจคร้าน หลังจากทานอาหารเช้าแล้วถึงไ
“พระนางโปรดคิดดูให้ดีเพคะ คำเชิญที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง หากท่านอ๋องรู้เรื่องนี้เข้าจะต้องโกรธอย่างแน่นอน” ชื่อเจี้ยนยืนอยู่ตรงหน้านาง “ข้าให้พระนางไปเสี่ยงไม่ได้”“ข้าต้องไปที่นั่น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดอย่างจริงจังแหวนที่อยู่ด้านหลังจดหมายนั่น ก็คือแหวนของนางแหวนหายไปเมื่อบ่ายวานนี้
“เรื่องพรรค์นั้นน่าสนใจมากเลยหรือ? ท่านกับเขาดูเหมือนจะสนุกไปกับมันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” หลังจากเงียบไปนาน แววตาของจีอู๋เยียนแฝงความสงสัยไว้และถามขึ้นฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังไม่สามารถมีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ได้ในตอนแรกทว่าครั้นนางตระหนักถึงสิ่งที่จีอู๋เยียนพูด นางจึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ ช่างน่าประหลาดใ
รถม้าหยุดอยู่หน้าหอเยี่ยนจื่อหอเยี่ยนจื่อเป็นภัตตาคารที่ใหญ่อันดับหนึ่งในเมืองเหวินจิง งดงามยิ่งใหญ่ มีแขกแวะเวียนไปมาไม่ขาดสายภัตตาคารแบ่งออกเป็นห้าชั้น ตั้งแต่ชั้นสามขึ้นไปทั้งหมดเป็นห้องส่วนตัว โดยเฉพาะชั้นห้าเป็นห้องที่วิจิตรงดงามยิ่งกว่าหอเฉินเซียงเสียอีก สิ่งอำนวยความสะดวกภายในครบครัน ขอแค่เ
บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มน้อย ๆ ผุดขึ้นมา ขณะที่เดินลงไปก็ใช้พัดเคาะฝ่ามือ พลางใช้เสียงเสแสร้งอ่อนโยนตะโกนอย่างเสน่หา “เหยี่ยนเย่ว์”ตอนที่เขาปรากฏตัว ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ได้กลิ่นฉุนและน่าขยะแขยงนั่นได้ยินเสียง “เหยี่ยนเย่ว์” นี้แล้วพลันขนลุกไปทั้งร่างนางเกียจคร้านเกินกว่าจะหันศีรษะไป และเอ่ยขึ้นด้วยน้
“อ๋องสามจำไม่ได้แล้วหรือ” เสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์ดังขึ้นเล็กน้อย “ท่านพูดเอง ว่าหม่อมฉันในสายตาของท่านมีเพียงความรังเกียจเท่านั้น หม่อมฉันขอร้องท่านอย่าให้หม่อมฉันได้รังเกียจท่านอีกเลย ท่านกับเสวี่ยเอ๋อร์ของท่านทำตัวเป็นคู่รักชายโฉดหญิงชั่วไปไม่ดีหรือ?”ตราบใดที่เขาอยู่ตรงหน้า อาการคลื่นไส้อย่างท่วม
“ท่านไม่เข้าใจภาษามนุษย์หรือ?” เสี่ยวเอ้อพูดอย่างเย็นชา “หญ้าประเภทหญ้าอึสุนัขจะปรากฏเฉพาะในที่ที่มีอึสุนัข โดยเฉพาะชอบขึ้นตามต้นไม้ข้างถนน หลังจากถูกสุนัขอึฉี่ก็จะเจริญงอกงาม ดังนั้นเมื่อต้มน้ำเดือดแล้วจะกลายเป็นสีเหลืองอ่อน เขย่าเล็กน้อยก็จะเกิดฟอง”อ๋องสามแทบจะอาเจียนออกมา เขาตบโต๊ะ “เจ้าเหนื่อยท
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได