“อ๋องสามจำไม่ได้แล้วหรือ” เสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์ดังขึ้นเล็กน้อย “ท่านพูดเอง ว่าหม่อมฉันในสายตาของท่านมีเพียงความรังเกียจเท่านั้น หม่อมฉันขอร้องท่านอย่าให้หม่อมฉันได้รังเกียจท่านอีกเลย ท่านกับเสวี่ยเอ๋อร์ของท่านทำตัวเป็นคู่รักชายโฉดหญิงชั่วไปไม่ดีหรือ?”ตราบใดที่เขาอยู่ตรงหน้า อาการคลื่นไส้อย่างท่วม
“ท่านไม่เข้าใจภาษามนุษย์หรือ?” เสี่ยวเอ้อพูดอย่างเย็นชา “หญ้าประเภทหญ้าอึสุนัขจะปรากฏเฉพาะในที่ที่มีอึสุนัข โดยเฉพาะชอบขึ้นตามต้นไม้ข้างถนน หลังจากถูกสุนัขอึฉี่ก็จะเจริญงอกงาม ดังนั้นเมื่อต้มน้ำเดือดแล้วจะกลายเป็นสีเหลืองอ่อน เขย่าเล็กน้อยก็จะเกิดฟอง”อ๋องสามแทบจะอาเจียนออกมา เขาตบโต๊ะ “เจ้าเหนื่อยท
ก่อนที่จะมาที่หอเยี่ยนจื่อ นางรู้สึกได้ว่าแหวนอยู่ใกล้ ๆ นี้เนื่องจากไม่ค่อยคุ้นเคยกับพื้นที่ในเมืองเหวินจิงเท่าใดนัก ในใจจึงเกิดความสงสัย คิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะลองดูเพื่อยืนยันตำแหน่งที่แน่นอนเมื่อมาถึงหอเยี่ยนจื่อ เห็นแหวนในมือของอ๋องสามตั้งแต่แวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นของปลอมแหวนจริงไม่ได้อยู่ที่
ภายในบริเวณโดยรอบ มืดมิดไร้แสงสว่าง“เสี่ยวจีจวิน เจ้ายังวู่วามเหมือนเช่นเคยเลย ข้าเองก็คันไม้คันมือมานานแล้วเช่นกัน” แม้ว่าไป๋หลินยวนจะกำลังยิ้มอยู่ ทว่ากลิ่นอายบนร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนไปการต่อสู้ อยู่ในความตึงเครียดที่เมื่อสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็สามารถระเบิดออกได้ทันที“หยุด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกปว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไร้คำจะพูดยิ่งนักจีอู๋เยียนมีนิสัยเย็นชา เหี้ยมโหดพูดน้อย และไม่ค่อยวู่วาม ใบหน้าก็มีการแสดงออกน้อยครั้งเช่นกัน เป็นคนหน้าตายที่ไร้อารมณ์ใด ๆ อย่างไรก็ตาม มีเพียงอยู่ต่อหน้าไป๋หลินยวนเท่านั้น ที่เขาไม่เพียงแค่วู่วาม ยังพูดมากขึ้นอีกด้วยคนวิปริตสองคนนี้เป็นคล้ายกับละครงิ้วที่ทั้งรั
คาวเลือดอันน่าพรั่นพรึงนั้น โรคกลัวเลือดก็กำเริบขึ้นอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนางสั่นสะท้านไปทั้งตัว หัวสมองขาวโพลน จนมิอาจคิดไตร่ตรอง มิอาจร้องขอความช่วยเหลือ และมิอาจร้องเรียกได้ม้าที่ได้รับความตกใจวิ่งควบไปเบื้องหน้าราวกับคลั่งไปแล้วยังดีที่นางออกจากตลาดมาแล้ว พื้นที่ตรงนั้นเป็นเขตพื้
ชื่อเจี้ยนหน้าขาวซีดลงทันควัน ก่อนจะฝืนยิ้มพลางเอ่ยว่า “องค์ชายสิบ ท่านกำลังพูดอันใดอยู่หรือเพคะ?”“เจ้ากำลังโกหก ข้าได้ยินเสียงหัวใจของเจ้าเต้นเร็วมาก มีแค่ตอนที่กำลังโกหกเท่านั้นหัวใจถึงจะเต้นเร็วเช่นนี้” เขาเอียงศีรษะ “พี่สะใภ้เจ็ดไม่ได้ไปที่จวนสกุลฉินใช่หรือไม่?”ร่างเงาของตงฟางหลีหยุดชะงัก ก่อน
ตงฟางอิงไม่เข้าใจ “ข้าพูดกับมัน มันย่อมตอบกลับอยู่แล้ว นี่มิใช่เรื่องปกติหรือ? เหมาเหมามิได้หูหนวกสักหน่อย”ชื่อเจี้ยนไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนั้นอย่างไรดี “ท่านฟังไม่เข้าใจจริงหรือเพคะ?”“ข้าจะหลอกเจ้าไปทำไม?”“เช่นนั้นท่านรู้ว่าเหมาเหมาปวดท้องได้อย่างไร?”“เดา” ตงฟางหลีเพยิดหน้า “ข้ารู้สึกว่ามั
เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่าพี่สามต้องรับผิดชอบแม้ว่าพี่สามจะโง่เขลา ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิด ทั้งยังรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง ทว่า นี่มิได้หมายความว่าทุกคนจะมองหมากในกระดานไม่ออกหากพี่สามหวนกลับมาครุ่นคิดให้ถ่องแท้ขึ้นสักนิด หรือเสด็จพ่อตรวจสอบใหม่อีกครั้ง เขาที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลัง
“จูเอ๋อร์ คิดถึงข้าบ้างไหม?”พร้อมกับเสียงกระทบกันของม่านลูกปัด มีคนเปิดม่านครู่ต่อมา บุรุษผู้มีดวงตาสีดอกท้อก็ย่างกรายเข้ามา“องค์ชายหก ท่านมาแล้ว” หมิ่นจูสูดดมกลิ่นที่คุ้นเคย แล้วหมุนกายไป เรียวคิ้วของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“วันนี้ไม่ได้พบจูเอ๋อร์ จูเอ๋อร์งดงามขึ้นอีกแล้ว”“จู้เอ๋อร์ชราและโรย
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ได้รับบทลงโทษร้ายแรงใดเลย“เรื่องนี้แปลกจริง ๆ ” หมิ่นจูพูดขึ้นนางเก่งเรื่องการให้เหตุและผล มีความรู้ด้านโหราศาสตร์ และอภิปรัชญาเป็นอย่างดีทักษะคุณไสยประเภทพิษกู่ก็พอรู้เล็กน้อยว่าตามเหตุผลแล้ว หลังจากที่นำชื่อ วันเกิด และดวงชะตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปทำพิธีกรร
ผ่านไปหลายวัน และปีใหม่ก็เข้ามาทุกทีถนน ตรอกซอกซอย โรงน้ำชา และร้านอาหารในเมืองเหวินจิงกำลังกระจายข่าวเกี่ยวกับสามเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในเมืองเหวินจิงเมื่อเร็ว ๆ นี้เหตุการณ์สำคัญแรก คือฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ทั้งโง่เขลาและชั่วร้ายแห่งสกุลฉินถูกลดขั้นจากพระชายาเอกไปเป็นอนุชายาข่าวนี้เป็นที่เล่าปาก
“ยาลูกกลอนนั้นมีผลทำให้คนตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หม่อมฉันอยากจะผลิตเพิ่ม และเก็บไว้ใช้ในภายหลัง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวสิ่งนั้นยังใช้ได้ดีกว่าเครื่องมือกู้ชีพเสียอีก —— แม้ว่ามันจะฟังดูไร้สาระก็ตาม“นี่…” ตงฟางหลีขมวดคิ้ว “ยัยหนู หากเจ้าอยากจะทำยาลูกกลอนแบบนั้น จำไว้ว่าต้องลอบทำ หากมีการแพร่กระจายออ
หลังจากที่ตงฟางหลีและฉินเหยี่ยนเย่ว์น้อมส่งฮ่องเต้กลับไป ในลานเรือนก็กลับคืนสู่ความสงบดังเดิมในฤดูหนาว แสงแดดนั้นแสนอบอุ่นแสงแดดสาดส่องลงมากระทบบนกาย อบอุ่นยิ่งนัก เป็นความรู้สึกอบอุ่นที่หาได้น้อยในฤดูหนาว“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนกอดอกท่ามกลางแสงแดด เฝ้ามองเงาร่างที่ห่างไปไกลของฮ่องเต้ ในน้ำเ
ความหมายของฮ่องเต้คือ เขา ยอมรับการมีอยู่ของเจ้าเก้าแล้วหรือ?“ลองคิดรางวัลอื่นใหม่สิ” ฮ่องเต้ไม่อยากจะหยุดอยู่ในเรื่องเจ้าเก้า จึงเปลี่ยนเรื่องทันทีฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกวางใจลงได้แล้วนางถอนหายใจลึก ๆ ดวงตาหรี่ลง “ลูกเองก็คิดไม่ออกว่าต้องการรางวัลใด มิเช่นนั้น ขอหนึ่งหมื่นตำลึงเงินเป็นรางวัลจากเสด
ภายใต้แรงกดดันนี้ เวลาดูเหมือนจะเดินช้าลงวินาทีดั่งปีความกดดันเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และอานุภาพก็น่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกันฉินเหยี่ยนเย่ว์แทบจะทนไม่ไหวแล้วเมื่อนางอยากที่จะยอมจำนนต่อการกดขี่ทางจิตวิญญาณของฮ่องเต้พระองค์นี้ จึงนึกถึงประสบการณ์ของตงฟางจิ่วตลอดหลายปีที่ผ่านมา และทันใดนั้นก็
ฮ่องเต้นั่งลง และป้าฉายกชาเข้ามาเขายกชาขึ้นจิบเป็นชามะลิที่อวิ๋นเอ๋อร์ทำด้วยตัวเองกลิ่นหอมของชาดอกไม้ลอยเข้าจมูก และหลังจากไหลเข้าสู่ลำคอ รสหวานที่ค้างอยู่ในลำคอเป็นเวลานานหลังจากที่เขาลิ้มรสชาอย่างละเอียดลอออยู่นาน ถึงได้เหลือบมองไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างเย็นชา “ลงโทษเจ้า?”“ลูกมีความผิด” ฉินเห