คาวเลือดอันน่าพรั่นพรึงนั้น โรคกลัวเลือดก็กำเริบขึ้นอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนางสั่นสะท้านไปทั้งตัว หัวสมองขาวโพลน จนมิอาจคิดไตร่ตรอง มิอาจร้องขอความช่วยเหลือ และมิอาจร้องเรียกได้ม้าที่ได้รับความตกใจวิ่งควบไปเบื้องหน้าราวกับคลั่งไปแล้วยังดีที่นางออกจากตลาดมาแล้ว พื้นที่ตรงนั้นเป็นเขตพื้
ชื่อเจี้ยนหน้าขาวซีดลงทันควัน ก่อนจะฝืนยิ้มพลางเอ่ยว่า “องค์ชายสิบ ท่านกำลังพูดอันใดอยู่หรือเพคะ?”“เจ้ากำลังโกหก ข้าได้ยินเสียงหัวใจของเจ้าเต้นเร็วมาก มีแค่ตอนที่กำลังโกหกเท่านั้นหัวใจถึงจะเต้นเร็วเช่นนี้” เขาเอียงศีรษะ “พี่สะใภ้เจ็ดไม่ได้ไปที่จวนสกุลฉินใช่หรือไม่?”ร่างเงาของตงฟางหลีหยุดชะงัก ก่อน
ตงฟางอิงไม่เข้าใจ “ข้าพูดกับมัน มันย่อมตอบกลับอยู่แล้ว นี่มิใช่เรื่องปกติหรือ? เหมาเหมามิได้หูหนวกสักหน่อย”ชื่อเจี้ยนไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนั้นอย่างไรดี “ท่านฟังไม่เข้าใจจริงหรือเพคะ?”“ข้าจะหลอกเจ้าไปทำไม?”“เช่นนั้นท่านรู้ว่าเหมาเหมาปวดท้องได้อย่างไร?”“เดา” ตงฟางหลีเพยิดหน้า “ข้ารู้สึกว่ามั
ในใต้หล้านี้ ผู้ที่ใช้ยาน่ากลัวชนิดนั้น มีเพียงองค์กรเดียวนั่นคือ อีกาดำเมื่อนึกถึงทุกการกระทำของอีกาดำที่เคยทำในจวนสกุลฉิน นึกถึงอันตรายในยามนั้น ความแค้นใหม่และความเกลียดชังเก่าก็ซ้อนทับกัน“ตู้เหิง” ร่างกายตงฟางหลีแผ่กลิ่นอายน่าหวาดกลัวออกมา ดวงตาสองข้างแดงก่ำ กลิ่นอายสังหารพวยพุ่ง“ถ่ายทอดคำสั่
ตงฟางหลีพูดน้ำเสียงหนักแน่น “ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ให้เคลื่อนไหวคำสั่งจื่อจิน”“ท่านอ๋อง!” ตู้เหิงสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก “คิดไตร่ตรองอีกครั้งด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ที่เขาเพิ่งพูดเมื่อสักครู่นี้ ท่านอ๋องไม่ได้ฟังแม้แต่น้อยเลยหรืออย่างไร?“ข้าเดาออกแล้วว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์อยู่ที่ไหน” ตงฟางหลีพูด “คำสั่งที่
ตงฟางหลีเคยบอกนางเอาไว้ ว่าอำนาจขององครักษ์จื่ออวี๋มีมากมายนักเพียงแค่เรียกพวกเขา คำสั่งที่สั่งออกไปก็จักเทียบเท่ากับคำสั่งที่ฮ่องเต้ทรงรับสั่งนับตั้งแต่หลังจากที่ฮ่องเต้มอบองครักษ์สองคนนั้นให้นาง นางก็ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ยังไม่เคยเรียกใช้พวกเขาเลยสักครั้งครั้งนี้ได้มาถึงจุดที่ต้องเรียกใช้แ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สัมผัสได้ว่าเสียงของหญิงงามค่อย ๆ แผ่วหายไป ก็ลืมตาขึ้นเล็กน้อยภาพตรงหน้า ทำให้นางเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าท่านอ๋องสามราวกับเสียสติไป ดวงตาสองข้างฉายชัดถึงความกระหายเลือด ใบหน้าดุร้าย กำลังใช้มือที่แข็งราวเหล็กทั้งสองข้างกุมรอบลำคอของหญิงงามอย่างแรงภาพตรงหน้าน่าสะเทือนใจยิ่ง“
ในช่วงเวลาวิกฤตนางได้เก็บคำสั่งกลับมา นางไม่ต้องการแบกรับชื่อจากการสังหารพี่ชาย และยิ่งไม่ต้องการเพิ่มปัญหาให้กับเสด็จพ่อเพียงแต่ คนผู้นี้วิปริตและน่ารังเกียจเกินไปมากจริง ๆ หากไม่ลงโทษด้วยการตัดอวัยอวะส่วนนั้นของเศษสวะเช่นนี้ ก็คงผิดต่อเหล่าสตรีบริสุทธิ์ที่ตายด้วยน้ำมือของเขา“องครักษ์จื่ออวี๋ทั้ง
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได