ตงฟางหลีเคยบอกนางเอาไว้ ว่าอำนาจขององครักษ์จื่ออวี๋มีมากมายนักเพียงแค่เรียกพวกเขา คำสั่งที่สั่งออกไปก็จักเทียบเท่ากับคำสั่งที่ฮ่องเต้ทรงรับสั่งนับตั้งแต่หลังจากที่ฮ่องเต้มอบองครักษ์สองคนนั้นให้นาง นางก็ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ยังไม่เคยเรียกใช้พวกเขาเลยสักครั้งครั้งนี้ได้มาถึงจุดที่ต้องเรียกใช้แ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สัมผัสได้ว่าเสียงของหญิงงามค่อย ๆ แผ่วหายไป ก็ลืมตาขึ้นเล็กน้อยภาพตรงหน้า ทำให้นางเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าท่านอ๋องสามราวกับเสียสติไป ดวงตาสองข้างฉายชัดถึงความกระหายเลือด ใบหน้าดุร้าย กำลังใช้มือที่แข็งราวเหล็กทั้งสองข้างกุมรอบลำคอของหญิงงามอย่างแรงภาพตรงหน้าน่าสะเทือนใจยิ่ง“
ในช่วงเวลาวิกฤตนางได้เก็บคำสั่งกลับมา นางไม่ต้องการแบกรับชื่อจากการสังหารพี่ชาย และยิ่งไม่ต้องการเพิ่มปัญหาให้กับเสด็จพ่อเพียงแต่ คนผู้นี้วิปริตและน่ารังเกียจเกินไปมากจริง ๆ หากไม่ลงโทษด้วยการตัดอวัยอวะส่วนนั้นของเศษสวะเช่นนี้ ก็คงผิดต่อเหล่าสตรีบริสุทธิ์ที่ตายด้วยน้ำมือของเขา“องครักษ์จื่ออวี๋ทั้ง
วรยุธท์ท่านอ๋องสามไม่เลว ทว่า ยังห่างชั้นจากองครักษ์จื่ออวี๋อยู่มาก ไม่นานก็ถูกจับตัวองครักษ์จื่ออวี๋เห็นว่าท่านอ๋องสามดิ้นรนอย่างแรง แววตาก็ดำมืด จากนั้นก็ทุบจนเขาหมดสติ พาตัวเขาไปยังอีกห้อง แล้วทำการตอนหลังจากพลุส่งสัญญาณดัง กลับไม่มีอีกาดำปรากฏขึ้นตามที่คาดหวังไว้มีเพียงองครักษ์ที่คอยรับใช้ท่า
ภายในห้องไม่ค่อยสว่างสักเท่าใด จึงทำให้ตู้เหิงมองเห็นได้ไม่ค่อยชัดเห็นเพียงถาดขนาดเล็กใบหนึ่งได้ลาง ๆ ในถาดเล็กใบนั้นเต็มไปด้วยเลือด ที่พื้นยังมีขี้เถ้าไม้ที่ถูกจุดไว้หลงเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ราวกับว่ากำลังทำพิธีกรรมลึกลับอะไรบางอย่าง“ท่านอ๋องสาม ล่วงเกินแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ตู้เหิงกล่าวอย่างระมัดระวัง “
เขาเปิดผ้าห่มออกอย่างระมัดระวัง คนข้างในเป็นท่านอ๋องสามตัวจริงอย่างไม่ต้องสงสัย“อามิตตาพุทธ อย่างที่คิดไว้จริง ๆ จะล่วงเกินผู้ใดก็ได้แต่จะล่วงเกินพระชายาไม่ได้ ยามที่พระชายาโหดร้ายขึ้นมาแล้วน่ากลัวเสียจริง ท่านอ๋องสาม โประระงับความเสียใจด้วย ใครใช้ให้คนที่ท่านล่วงเกินเป็นพระชายาล่ะ” ตู้เหิง วางผ้าห
ตงฟางหลีถึงกับยืนนิ่ง ก่อนจะหลุบตาลงเมื่อคืนวานนี้ ยัยหนูเคยพูดเอาไว้จริง ๆ ว่าร่างกายนางไม่สบาย ด้วยสถานการณ์ที่รีบร้อนเขาจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท“ถ้าอย่างนั้นควรจะทำอย่างไรดี?” เขาถาม“ขจัดความเย็นไงล่ะ” ลู่จิ้นพูดอย่างไม่สบอารมณ์เขาให้คนพาตัวฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปเปลี่ยนอาภรณ์ ทั้งยังเตรียมยาสมุนไ
เมื่อลู่จิ้นเห็นใบหน้าดำทะมึนของตงฟางหลีแล้ว ก็ยกสองมือขึ้นกอดอก พร้อมทั้งแค่นเสียงฮึฮึฮะฮะ “เรื่องของศิษย์น้องหญิงของข้าก็คือเรื่องของข้า ข้าคร้านจะสนใจเรื่องทางโลก ก็มิได้หมายความว่าข้าไม่สนใจ”หากถูกเขาสืบได้ว่ามีคนรังแกศิษย์น้องหญิง ไม่ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้หรือเป็นพระพันปี เขาก็จะตีเหมือนเดิมตงฟา
“ข้ากับเสด็จแม่มีนิสัยคล้ายกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับแตกต่างกัน”ความรู้สึกของพระสนมอวิ๋นที่มีต่อฮ่องเต้นั้นเป็นเรื่องจริงความรู้สึกของฮ่องเต้ที่มีต่อพระสนมอวิ๋นนั้น ย่อมเป็นเรื่องจริงเช่นกันอย่างไรก็ตามเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เกรงว่าจะมิใช่เช่นนี้ในตอนนั้น หากได้รับการสนับสนุนอย่างแน่วแน่จากฮ่องเต
“ภูมิหลังของสนมหรงผู้นั้นคืออะไรกันแน่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วป้าฉาไม่ใช่คนประเภทที่กลัวนั่นกลัวนี่ นางย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าพระสนมหรงมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระสนมหรงผู้นั้นไม่ควรหาเรื่องด้วย“พระองค์รู้จักหอกิเลนหรือไม่?” ป้าฉาถามฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้าสัตว์สัญลักษณ์ของราชวงศ
“ท่านคิดไม่ผิดหรอกเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ราวกับมองความคิดของนางออก “อีกหนึ่งเค่อ ท่านก็จะเป็นเหมือนกับพี่สาวนางกำนัลผู้นี้ กลิ้งไปบนพื้นโดยมิสนภาพลักษณ์ ใบหน้าก็จักบวมจนดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง คันไปทั้งตัว เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ”“อ้อไม่สิ ไม่เหมือน ท่านถูกเลี้ยงดูเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธหลังจากลูกแกะวิ่งเข้ามา นางก็ตามเข้ามาติด ๆ นางมองเห็นอย่างชัดเจน ลูกแกะเพียงแค่กำลังวิ่งอย่างมีความสุข กำลังจะเข้าใกล้ผู้คน มิได้ทำเรื่องอะไรเกินเลยไปอีกอย่าง ลูกแกะที่เพิ่งคลอดออกมาตัวเดียว จะมีพลังมากมายเพียงใดกัน?หากให้คนไล่ออกไป หรือว่าสั่งสอนสักหน่อย ก็ไม่เป
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ควรจะหาทางลงตาม ด้วยการทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็กผู้ใดจะรู้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ลงตามก็ช่างเถอะ ยังทำลายทางลงทิ้งจนหมดสิ้น!“พระชายาอ๋องเจ็ดพูดเช่นนี้ได้อย่างไร นี่เป็นการเข้าใจผิดกัน” พระสนมหรงฝืนยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ“ในวังหลวงแห่งนี้มีกฎเข้มงวดมาก หากเหล่านางกำนัลเดินผิด
ตอนที่นางกำนัลสี่คนโอบล้อมเข้ามา ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้ตอบโต้ปล่อยให้พวกนางลากจูงได้ตามใจชอบครั้นเหล่านางกำนัลเห็นว่านางไม่ตอบโต้ จึงลงมือรุนแรงขึ้นบางคนดึงผม บางคนดึงอาภรณ์ของนาง หรือแม้กระทั่งยังมีบางคนฉวยโอกาสตีนางหลายครั้งหลังจากป้าฉาดึงตัวนางออกมา ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง อาภรณ์ที่เดิมสกปรกถูกฉีกทึ้
“ลงมือ!"ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบสายตาลงต่ำตำหนักมิอาจเทียบได้กับจวนอ๋อง แต่ละพระสนมย่อมมีประวัติความเป็นมาป้าฉาเคยเตือนนางไว้ว่า เรื่องในวังหลวงหากทนได้ก็ให้ทน มากขึ้นหนึ่งเรื่องมิสู้น้อยลงหนึ่งเรื่องทว่า!นิสัยอารมณ์ร้อนของนางนี้ทนการหาเรื่องหาความโดยไม่มีสาเหตุเช่นนี้ไม่ได้ผู้ใดทำให้นางไม่มีความสุ
ฝ่ามือนี้เรี่ยวแรงมากทีเดียว สะเทือนจนนางกำนัลถึงกับตาลาย“เจ้ากล้าตบข้ารึ?” นางกำนัลจับจ้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ “แค่สาวใช้จุดเตาไฟคนหนึ่ง กล้าตบข้าเชียวรึ?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร...”เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!ไม่รอให้นางพูดจบ ฝ่ามือก็ตวัดลงบนใบหน้าติด ๆ กันเรี่ยวแรงมากขึ้นทุกครั้งที่ลงมือตอนที่นา
“พระสนมหรง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่มีความทรงจำ และคร้านจะทักทาย จึงเดินต่อไป“นี่มันท่าทีอะไรของเจ้ากัน?” นางกำนัลถูกการตอบสนองของนางกระตุ้นให้โมโหนางกำนัลชั้นล่างเนื้อตัวสกปรกผู้หนึ่ง ถึงกับกล้าไม่มองพระสนมหรง!“ยังไม่คุกเข่าคารวะอีก พระสนมอวิ๋นสอนกฎเช่นนี้หรือ?”“ท่าทีของข้าเป็นอย่างไร?” ฉินเหยี่ยนเย