ภายในห้องไม่ค่อยสว่างสักเท่าใด จึงทำให้ตู้เหิงมองเห็นได้ไม่ค่อยชัดเห็นเพียงถาดขนาดเล็กใบหนึ่งได้ลาง ๆ ในถาดเล็กใบนั้นเต็มไปด้วยเลือด ที่พื้นยังมีขี้เถ้าไม้ที่ถูกจุดไว้หลงเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ราวกับว่ากำลังทำพิธีกรรมลึกลับอะไรบางอย่าง“ท่านอ๋องสาม ล่วงเกินแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ตู้เหิงกล่าวอย่างระมัดระวัง “
เขาเปิดผ้าห่มออกอย่างระมัดระวัง คนข้างในเป็นท่านอ๋องสามตัวจริงอย่างไม่ต้องสงสัย“อามิตตาพุทธ อย่างที่คิดไว้จริง ๆ จะล่วงเกินผู้ใดก็ได้แต่จะล่วงเกินพระชายาไม่ได้ ยามที่พระชายาโหดร้ายขึ้นมาแล้วน่ากลัวเสียจริง ท่านอ๋องสาม โประระงับความเสียใจด้วย ใครใช้ให้คนที่ท่านล่วงเกินเป็นพระชายาล่ะ” ตู้เหิง วางผ้าห
ตงฟางหลีถึงกับยืนนิ่ง ก่อนจะหลุบตาลงเมื่อคืนวานนี้ ยัยหนูเคยพูดเอาไว้จริง ๆ ว่าร่างกายนางไม่สบาย ด้วยสถานการณ์ที่รีบร้อนเขาจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท“ถ้าอย่างนั้นควรจะทำอย่างไรดี?” เขาถาม“ขจัดความเย็นไงล่ะ” ลู่จิ้นพูดอย่างไม่สบอารมณ์เขาให้คนพาตัวฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปเปลี่ยนอาภรณ์ ทั้งยังเตรียมยาสมุนไ
เมื่อลู่จิ้นเห็นใบหน้าดำทะมึนของตงฟางหลีแล้ว ก็ยกสองมือขึ้นกอดอก พร้อมทั้งแค่นเสียงฮึฮึฮะฮะ “เรื่องของศิษย์น้องหญิงของข้าก็คือเรื่องของข้า ข้าคร้านจะสนใจเรื่องทางโลก ก็มิได้หมายความว่าข้าไม่สนใจ”หากถูกเขาสืบได้ว่ามีคนรังแกศิษย์น้องหญิง ไม่ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้หรือเป็นพระพันปี เขาก็จะตีเหมือนเดิมตงฟา
ลู่จิ้นรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยศิษย์น้องหญิงเพิ่งฟื้น และคนที่นางอยากเจอมากที่สุดน่าจะเป็นเจ้าเจ็ดเขาอายุมากแล้ว ก็ไม่ควรมีถือสากับคนรุ่นหลังที่มีความรู้น้อย และควรตามีแววด้วยคิดได้เช่นนี้ เขาจึงวางไม้เท้าหัวมังกรลง และจ้องมองตู้เหิงอยู่ครู่ใหญ่ “เจ้าหนู เจ้าดื่มสุราเป็นหรือไม่”“หา?”“มา ดื่มเป็น
เลือดที่มีอยู่ทั่วทุกแห่งพุ่งกระเซ็นใส่ใบหน้า และกระเซ็นไปทั่วร่างกาย สีแดงอันน่าตกตะลึงที่เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดฉุนแรงปกคลุมร่างของนาง จมอยู่ในนั้น และกลืนกินลงไปภายใต้อาการกลัวเลือด หัวสมองของนางขาวโพลน คิดอะไรไม่ออก และตัวสั่นเทาเสียจนไม่สามารถยึดราวจับไว้ได้แม้ว่าเหตุการณ์จะจบลงแล้ว ทว่าเงาในก้น
“หลังจากที่พวกเราจากไป ข้าได้ให้ตู้เหิงอยู่เก็บกวาดสิ่งที่หลงเหลือให้เรียบร้อย” ตงฟางหลีพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าตู้เหิงพบว่าพี่สามถูกตอนแล้ว ข่าวจะต้องถูกปิดกั้น”หลังจากที่เขาคาดการณ์ได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์ถูกพี่สามลักพาตัวไป เขาก็ระดมพลจื่อจินที่จำศีลอยู่ในเมืองเหวินจิงทันที พวกเขาบั่นคออีกาดำที่กำล
ทว่า พี่สามเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ถูกผู้อื่นบงการเท่านั้น และคนผู้นั้นที่อยู่เบื้องหลังถึงจะน่ากลัวจริง ๆหากคนผู้นั้นใช้พี่สามเป็นแพะรับบาปตั้งแต่แรกเริ่ม ราวกับว่าได้ทำนายทุกอย่างไว้แล้ว และแผนการเช่นนี้ วิธีการแบบนี้ เพียงแค่คิดก็ทำให้ผู้คนขนลุกชันได้แล้ว“เช่นนั้น พวกเราควรทำอย่างไรเพคะ?” นางถามตง
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได