ลู่จิ้นรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยศิษย์น้องหญิงเพิ่งฟื้น และคนที่นางอยากเจอมากที่สุดน่าจะเป็นเจ้าเจ็ดเขาอายุมากแล้ว ก็ไม่ควรมีถือสากับคนรุ่นหลังที่มีความรู้น้อย และควรตามีแววด้วยคิดได้เช่นนี้ เขาจึงวางไม้เท้าหัวมังกรลง และจ้องมองตู้เหิงอยู่ครู่ใหญ่ “เจ้าหนู เจ้าดื่มสุราเป็นหรือไม่”“หา?”“มา ดื่มเป็น
เลือดที่มีอยู่ทั่วทุกแห่งพุ่งกระเซ็นใส่ใบหน้า และกระเซ็นไปทั่วร่างกาย สีแดงอันน่าตกตะลึงที่เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดฉุนแรงปกคลุมร่างของนาง จมอยู่ในนั้น และกลืนกินลงไปภายใต้อาการกลัวเลือด หัวสมองของนางขาวโพลน คิดอะไรไม่ออก และตัวสั่นเทาเสียจนไม่สามารถยึดราวจับไว้ได้แม้ว่าเหตุการณ์จะจบลงแล้ว ทว่าเงาในก้น
“หลังจากที่พวกเราจากไป ข้าได้ให้ตู้เหิงอยู่เก็บกวาดสิ่งที่หลงเหลือให้เรียบร้อย” ตงฟางหลีพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าตู้เหิงพบว่าพี่สามถูกตอนแล้ว ข่าวจะต้องถูกปิดกั้น”หลังจากที่เขาคาดการณ์ได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์ถูกพี่สามลักพาตัวไป เขาก็ระดมพลจื่อจินที่จำศีลอยู่ในเมืองเหวินจิงทันที พวกเขาบั่นคออีกาดำที่กำล
ทว่า พี่สามเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ถูกผู้อื่นบงการเท่านั้น และคนผู้นั้นที่อยู่เบื้องหลังถึงจะน่ากลัวจริง ๆหากคนผู้นั้นใช้พี่สามเป็นแพะรับบาปตั้งแต่แรกเริ่ม ราวกับว่าได้ทำนายทุกอย่างไว้แล้ว และแผนการเช่นนี้ วิธีการแบบนี้ เพียงแค่คิดก็ทำให้ผู้คนขนลุกชันได้แล้ว“เช่นนั้น พวกเราควรทำอย่างไรเพคะ?” นางถามตง
ตู้เหิงถูกลู่จิ้นลากไปดื่มสุรา หลังจากดื่มสองถ้วยใหญ่ เขาก็เมามาย และความขุ่นเคืองอัดแน่นในอก เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างพร่ำเพรื่อจนหมดเปลือกขณะที่เขากำลังพูดเสียงดังฟังชัด ทว่าครั้นเห็นตงฟางหลีออกมาจากในห้อง จึงรีบลดเสียงลงเป็นกระซิบ “บรรพบุรุษ พวกเราได้ทำข้อตกลงเรียบร้อยแล้วนะว่าจ
หลังจากเดินไปได้ครู่หนึ่งเขาก็หันกลับมามองด้วยความโกรธ “พวกเจ้ายังยืนทำอะไรตรงนี้อีก? ไสหัวไป พวกเจ้าไสหัวไปให้หมด ข้าเห็นพวกเจ้าแล้วอารมณ์เสีย”เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะสำทับอีก “ทิ้งศิษย์น้องหญิงไว้ที่นี่”“ข้าจะรออยู่ที่นี่ให้เหยี่ยนเย่ว์ฟื้น และจะพานางไปจวนอ๋องเจ็ด” ตงฟางหลีพูดอย่างเย็นชา“ไม่ได
ตู้เหิงมองตงฟางหลีด้วยใบหน้าซับซ้อนเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เกินความคาดหมายของเขาอย่างยิ่งเดิมทีคิดว่าหลังจากที่ท่านอ๋องรู้ว่าพระชายาได้ทำให้อ๋องสามกลายเป็นขันทีแล้ว คงจะหึงหวงอย่างมาก และก่อปัญหาขึ้นอย่างบ้าคลั่งผู้ใดจะคิดว่าท่านอ๋องไม่แปลกใจเลยสักนิด แต่กลับมาคุกคามบรรพบุรุษโดยตรง“คือว่า...ท่านอ
“ขอบคุณอะไรกัน?” ลู่จิ้นโบกมือ “เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า”เขาพูดจบ สีหน้าก็จริงจังขึ้น “ศิษย์น้องหญิง เจ้าอยู่ที่นี่มาห้าวันแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”ลำคอของฉินเหยี่ยนเย่ว์เกร็งแน่นขึ้นในช่วงห้าวันมานี้ เกือบทุกวันนางล้วนกิน นอน และรักษา ตัดขาดจากโลกภายนอกไปแล้ว
“ท่านต้องการทำอะไรกันแน่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงเดินไปข้างหน้าสีหน้าของนางเย็นชา “ท่านเป็นคนวิปริต จัดการกับเด็กคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้? ปล่อยเจ้าสิบไปเสีย หากมีอะไรก็มาหาข้า”ไป๋หลินยวนยกตงฟางอิงขึ้น และจ้องมองเขาอย่างถี่ถ้วนอย่างไรก็ตามตงฟางอิงยังเป็นเด็ก เมื่อถูกคนวิปริตจ้องมองเหมือนจะเขมือบกินเ
ไป๋หลินยวนมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอันน่าเกรงขาม รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างขึ้นใบหน้านั้นเดิมทีเป็นของปลอม และท่าทีที่เขายิ้มก็ดูแปลกเล็กน้อยตงฟางอิงแอบสังเกตเขาอย่างระมัดระวังอยู่ตลอด“พี่สะใภ้เจ็ด” มือเล็ก ๆ ของเขาดึงแขนเสื้อของฉินเหยี่ยนเย่ว์ “หมอหลวงผู้นี้แปลกมาก”“มิใช่ว่า
เขาเอียงหัว “พวกท่านรู้จักกันหรือ?”“พี่สะใภ้เจ็ด ท่านพบบุรุษคนใหม่ลับหลังพี่เจ็ดหรือ?”สายตาของพี่สะใภ้เจ็ด ไม่ค่อยดีนักบุรุษผู้นี้เยือกเย็น ดูแล้วน่ากลัวมากยังห่างไกลจากพี่เจ็ดมากแล้วก็สู้เขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ“อย่าพูดเหลวไหล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ็ดใส่ “หรือว่าเจ้าไม่เห็นหมวกบนศีรษะของเขาหรือ?”“สาม
ตงฟางอิงลูบจมูก เจ็บจนน้ำตาไหล “ทำไมตรงนี้ถึงมีกำแพงด้วย?”เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าของชายแปลกหน้าผู้นั้นก็ตกตะลึงทันทีที่เผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม เขาได้ปกป้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้อยู่ข้างหลังตน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านเป็นใคร? เข้าวังมาได้อย่างไร? ท่านคิดจะทำอะไร?”“โอ้ วีรบุรุษ
“เจ้ายอมให้ข้าหนาวตาย แต่จะไม่ยอมช่วยข้าใช่หรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดเสียงเบา“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่” ตงฟางอิงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงดูเหมือนเขาจะรวบรวมความกล้าไว้ให้มาก และในที่สุดก็หันหลังกลับมาราวกับกำลังเร่งรีบที่จะเข้าสู่สนามรบ มีรัศมีของไม่ยี่หระต่อความตายใด ๆ ทั้งสิ้นอย่างมากทีเดียวเขาเดินมาถึง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองการกระทำของตงฟางอิงผ่านฉากกั้นลม และรู้สึกตลกเล็กน้อยนางมีความคิดที่จะแกล้งเล่นอีก แสร้งทำเป็นว่าเท้าแพลง และยังส่งเสียงอุทานออกมาด้วย“แย่แล้ว เจ้าสิบ ข้าข้อเท้าแพลง เจ้ามาช่วยประคองข้าที”ตงฟางอิงหน้าแดงมากยิ่งขึ้น“ประคอง ประคองท่านน่ะหรือ? ข้า ข้าเป็นบุรุษนะ ท่านเป็นสตรี บุรุษ
ขันทีหลานหน้าซีดเผือด เขาทำความเคารพ หมอบต่ำอยู่บนพื้น “กราบทูลฝ่าบาท มิใช่ว่าบ่าวมาตรงเวลา ทว่าบังเอิญบ่าวมีเรื่องสำคัญต้องรายงานพ่ะย่ะค่ะ”น้ำเสียงของเขาสั่นไหวเล็กน้อย “ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ชู่” ฮ่องเต้เหลือบมองพระสนมอวิ๋นที่ยังคงนอนหลับอยู่ “เบาเสียงลงหน่อย”ขันทีหลานผู้ซึ่งส
เมื่อฮ่องเต้นึกถึงฉินเหยี่ยนเย่ว์ผู้ชอบทำตัวกำเริบเสิบสานก็พิโรธมากวิธีการกระทำเรื่องต่าง ๆ ของนาง เสมือนเป็นนักพรตเต๋าเทียนหลิงอีกคนแม้กระทั่งบางเวลาจะทำตัวกำเริบเสิบสานยิ่งกว่านักพรตเต๋าเทียนหลิงไปอีกหลายส่วนด้วยซ้ำ“ไม่ไป นางรู้นานแล้วว่าข้าอยู่ที่นี่” ฮ่องเต้แค่นหัวเราะเสียงเย็น “จมูกของนางนั่
“ข้ากับเสด็จแม่มีนิสัยคล้ายกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับแตกต่างกัน”ความรู้สึกของพระสนมอวิ๋นที่มีต่อฮ่องเต้นั้นเป็นเรื่องจริงความรู้สึกของฮ่องเต้ที่มีต่อพระสนมอวิ๋นนั้น ย่อมเป็นเรื่องจริงเช่นกันอย่างไรก็ตามเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เกรงว่าจะมิใช่เช่นนี้ในตอนนั้น หากได้รับการสนับสนุนอย่างแน่วแน่จากฮ่องเต