“หลังจากที่พวกเราจากไป ข้าได้ให้ตู้เหิงอยู่เก็บกวาดสิ่งที่หลงเหลือให้เรียบร้อย” ตงฟางหลีพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าตู้เหิงพบว่าพี่สามถูกตอนแล้ว ข่าวจะต้องถูกปิดกั้น”หลังจากที่เขาคาดการณ์ได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์ถูกพี่สามลักพาตัวไป เขาก็ระดมพลจื่อจินที่จำศีลอยู่ในเมืองเหวินจิงทันที พวกเขาบั่นคออีกาดำที่กำล
ทว่า พี่สามเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ถูกผู้อื่นบงการเท่านั้น และคนผู้นั้นที่อยู่เบื้องหลังถึงจะน่ากลัวจริง ๆหากคนผู้นั้นใช้พี่สามเป็นแพะรับบาปตั้งแต่แรกเริ่ม ราวกับว่าได้ทำนายทุกอย่างไว้แล้ว และแผนการเช่นนี้ วิธีการแบบนี้ เพียงแค่คิดก็ทำให้ผู้คนขนลุกชันได้แล้ว“เช่นนั้น พวกเราควรทำอย่างไรเพคะ?” นางถามตง
ตู้เหิงถูกลู่จิ้นลากไปดื่มสุรา หลังจากดื่มสองถ้วยใหญ่ เขาก็เมามาย และความขุ่นเคืองอัดแน่นในอก เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างพร่ำเพรื่อจนหมดเปลือกขณะที่เขากำลังพูดเสียงดังฟังชัด ทว่าครั้นเห็นตงฟางหลีออกมาจากในห้อง จึงรีบลดเสียงลงเป็นกระซิบ “บรรพบุรุษ พวกเราได้ทำข้อตกลงเรียบร้อยแล้วนะว่าจ
หลังจากเดินไปได้ครู่หนึ่งเขาก็หันกลับมามองด้วยความโกรธ “พวกเจ้ายังยืนทำอะไรตรงนี้อีก? ไสหัวไป พวกเจ้าไสหัวไปให้หมด ข้าเห็นพวกเจ้าแล้วอารมณ์เสีย”เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะสำทับอีก “ทิ้งศิษย์น้องหญิงไว้ที่นี่”“ข้าจะรออยู่ที่นี่ให้เหยี่ยนเย่ว์ฟื้น และจะพานางไปจวนอ๋องเจ็ด” ตงฟางหลีพูดอย่างเย็นชา“ไม่ได
ตู้เหิงมองตงฟางหลีด้วยใบหน้าซับซ้อนเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เกินความคาดหมายของเขาอย่างยิ่งเดิมทีคิดว่าหลังจากที่ท่านอ๋องรู้ว่าพระชายาได้ทำให้อ๋องสามกลายเป็นขันทีแล้ว คงจะหึงหวงอย่างมาก และก่อปัญหาขึ้นอย่างบ้าคลั่งผู้ใดจะคิดว่าท่านอ๋องไม่แปลกใจเลยสักนิด แต่กลับมาคุกคามบรรพบุรุษโดยตรง“คือว่า...ท่านอ
“ขอบคุณอะไรกัน?” ลู่จิ้นโบกมือ “เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า”เขาพูดจบ สีหน้าก็จริงจังขึ้น “ศิษย์น้องหญิง เจ้าอยู่ที่นี่มาห้าวันแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”ลำคอของฉินเหยี่ยนเย่ว์เกร็งแน่นขึ้นในช่วงห้าวันมานี้ เกือบทุกวันนางล้วนกิน นอน และรักษา ตัดขาดจากโลกภายนอกไปแล้ว
“ข้าไม่ได้พูดเหลวไหลนะ” ตงฟางอิงยกมือจับคาง “เป็นสตรีที่อยู่ข้างกายท่านที่มีดวงตาหงส์สีแดงทั้งเย็นชามากและนิสัยไม่ดีมากผู้นั้นน่ะ ห้าวันมานี้ นางคอยรบกวนกับพี่เก้าทุกวันเลย ข้าอยากจะคุยกับพี่เก้า นางก็ยังเอาแต่จ้องข้า”เขาพูดแล้วย่นไหล่สตรีผู้นั้นไม่เพียงแต่ดูเย็นชา ทว่าแววตาของนางก็น่ากลัวเช่นกัน
น่องขาของเขาดูเหมือนจะมีความยืดหยุ่นมาก ดีดตัวแรงจนควบคุมไม่อยู่ ชนเข้ากับโคมแขวนบนเพดานหลังจากที่โคมแขวนกระทบหัว เขารู้สึกเจ็บ และล้มลงกับพื้นด้วยเสียงดัง “ตึง”“บรรพบุรุษ โคมแขวนของท่านแขวนต่ำเกินไปแล้ว” ตงฟางอิงหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด“ไม่ได้แขวนต่ำ เจ้าแค่กระโดดสูงเกินไป” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหา
เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตงฟางหลีรู้สึกว่าตงฟางเจวี๋ยผิดปกติทีเดียวเมื่อก่อนพี่รองดื่มสุราน้อยมาก ยกแก้วก็ดื่มจนหมดเหมือนเช่นนี้ หาได้ยากมาก ๆ“พี่รอง ข้าจำได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์เคยบอกว่าท่านไม่สามารถดื่มเหล้าได้” เขาจะแย่งแก้วสุราของตงฟางเจวี๋ยมา“วันนี้เจ้าให้ข้าดื่มสักหน่อยเถอะ” ตงฟางเจวี๋หลบนิ้วม
สีหน้าของฮ่องเต้ยังคงมืดทะมึนนักลูกหลานเชื้อพระวงศ์ ไหนเลยจะไม่มีสามภรรยาสี่อนุชายา ถือเป็นความสุขของผู้คนทั่วไป?แม้แต่เจ้าห้าซึ่งกลัวภรรยาที่สุดก็ยังมีเรือนอนุชายาถึงสองเรือนเจ้าเจ็ดอยากจะแต่งภรรยาเพียงคนเดียวจริง ๆ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในราชวงศ์“เจ้าเจ็ด เจ้าจะขัดราชโองการหรือ?”“ล
“จริงแท้แน่นอน”“หลายปีมานี้ ซูเตี่ยนฉิงโกหกเจ้ามาตลอดหรือ?” แม้แต่ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแทรกขึ้นมาในวังนั้นคนอื่นมีอำนาจก็ประจบสอพลอ สูญสิ้นอำนาจก็ไม่แยแส หลังจากพระสนมอวิ๋นประสบกับความลำบาก อ๋องเจ็ดก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก และยังเกือบจะเสียชีวิตอยู่ในทะเ
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง “เมื่อก่อนมิใช่ว่าเจ้าอยากแต่งงานกับนางมากหรือ?”ในฐานะพระโอรสลำดับที่เจ็ด การที่จะมีสตรีโปรดปรานหลายคนถือเป็นเรื่องปกติมาก ๆแต่งงานกับคนนี้แล้ว แต่งงานกับคนนั้นต่อ ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกันแม้ว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะริษยา ก็ไม่ควรให้นางทำตามอำเภอใจหากต่อไปสามารถส
เมื่อหายโกรธแล้วอย่าลืมคืนตำแหน่งให้เหยี่ยนเย่ว์กลับมา...ฮ่องเต้มองท่าทีของตงฟางหลี ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “มองไม่ออกเลยว่าเจ้ายังมีความรักหวานซึ้งด้วย รอนางให้กำเนิดท่านอ๋องน้อยก่อน เราถึงจะคืนตำแหน่งพระชายาเอกให้นาง”สีหน้าของตงฟางหลีไม่น่ามอง “นี่คงต้องใช้เวลานานทีเดียว”“ทำไม เจ้าไม่ไหว หรือศิษย์น
ครั้นได้ยินคำว่า “แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์” สองคำนี้จากปากของฮ่องเต้สีหน้าของตงฟางหลีพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาความหมายของการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์คือ หนานลู่จะส่งองค์หญิงมาแต่งงานที่ตงลู่ฮ่องเต้เรียกเขาและพี่รองมาเข้าพบโดยเฉพาะ ซึ่งความหมายก็ชัดเจนมากองค์หญิงหนานลู่อาจจะแต่งงานกับเขา หรืออาจจะแต่งงานกับ
“เชื่อฟังนะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้น“ภรรยาเจ้าเจ็ด อย่ากระซิบกระซาบกับเจ้าเจ็ดอีกเลย เจ้ากลับมาพอดี รีบไปเตรียมขนมให้เราที” ฮ่องเต้เอ่ยขึ้น “เราอยากกิน ไม่ใช่สิ เป็นเสด็จอาของเจ้าต่างหากที่อยากกินอันนั้นน่ะ...”“ขนมที่เรียกว่ามูสอะไรสักอย่างอันนั้นน่ะ ขันทีหลาน เจ้าไปกับพระชายาอ๋องเจ็ดเสีย เป็น
มีโต๊ะไม้จันทน์สีแดงแปดเซียนฝังทองวางอยู่กลางห้องโถงใหญ่บนโต๊ะแปดเซียนวางเตากระต่ายทองขนาดเล็ก และมีหม้อทองแดงวางอยู่บนเตาน้ำแกงในหม้อทองแดงกำลังเดือดปุด ๆ และทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมเข้มข้นของอาหารในที่นั่งตรงกลาง ฮ่องเต้ถือแก้วสุราและดื่มกับอ๋องอี๋หยางที่นั่งตรงข้ามอย่างมีความสุขในที่นั่งทั
“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้ว่าเรื่องนี้มิอาจเร่งรีบได้พระชายาเฉียนไหว้วานให้มนุษย์เงาไปสืบสวนลู่จิ้นและตงฟางหลีเองก็กำลังสืบสวนเช่นกัน ช้าเร็วจะได้รู้ผล“เช่นนั้น ศิษย์พี่รู้หรือไม่ ท่านปู่...ไม่สิ อาจารย์มีภรรยาหรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถามอีกครั้งเนื่องจากเป็นศิษย์คนสุดท้ายของท่านปู่ เรื่องนี้ลู่จิ