“ศิษย์น้องหญิง เขาด่าข้า” ลู่จิ้นรู้สึกน้อยใจ “เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเริ่มหาเรื่องก่อน”“เฮอะ” ตงฟางหลีดึงดันไม่ยอมแพ้ “แก่แล้วยังใช้ชีวิตเสียเปล่าเฉกเช่นสุนัข ไร้ยางอายเช่นนี้ ชอบธรรมแล้วจริง ๆ ”“เจ้าเจ็ด เจ้าเด็กนี่จงใจแน่แท้!” ลู่จิ้นโกรธมากจนแทบจะระเบิด “ศิษย์น้องหญิง วันนี้เจ้าต้องให้ความยุติธ
คิ้วงามของตงฟางหลีกระตุกเล็กน้อย เขากอดนาง “ข้าเหนื่อยนิดหน่อย อาบน้ำกับข้าแล้วพักผ่อนเป็นเช่นไร?”“ท่านยังไม่ได้ตอบหม่อมฉันเลย...”ตงฟางหลีวางนิ้วบนริมฝีปากของนาง โน้มตัวเข้าชิดริมหูพลางกระซิบ “ข้าอยากพักผ่อนให้เต็มที่เสียหน่อย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองสีหน้าเหนื่อยล้าของเขา และให้คนเอาน้ำร้อนมาหลังจากอ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ทานอาหารเช้าอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาภรณ์สีขาวเรียบ ๆ ที่สำหรับสวมใส่เข้าพระราชวังเพื่อขอรับโทษ ไม่สวมเครื่องประดับและไม่ประทินโฉมตงฟางหลีก็แต่งกายด้วยอาภรณ์แบบเดียวกันเมื่อเตรียมพร้อมแล้ว นางจึงสั่งให้ตู้เหิงเปิดประตูทันทีที่ประตูถูกเปิด พระสนมซูซึ่งรออยู่ข้างนอกก็โผเข้าม
“พระสนมซูอยากให้หม่อมฉันตายหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กอดอกแล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าว“เหยี่ยนเย่ว์” ตงฟางหลีดึงแขนเสื้อของนาง “เจ้าไม่ใช่บอกว่าแส้มีพิษรึ? ระวังไว้ดีกว่า”“สำหรับท่านมันคือพิษ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองเขาด้วยสายตาที่ขอให้เขาวางใจ “พิษนี้ ไม่มีประโยชน์สำหรับหม่อมฉันเพคะ ท่านถอยหลังไปสามเมตรเถอะ
“เจ้าทำอะไรน่ะ?” พระสนมซูเจ็บปวดจากพิษเป็นอย่างมาก นางเกาบาดแผลอย่างแรงเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากพิษเข้าโจมตี “เจ้าคนต่ำทราม”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยัน “สิ่งที่พระสนมซูพูดนี้ตลกยิ่งนัก คนที่นี่ต่างก็เห็นกันอยู่ เป็นท่านเองที่ตวัดแส้ใส่หม่อมฉัน แต่หม่อมฉันมือเท้ารวดเร็วจึงหลบได้ทัน ท่านออกแรงมากเกินไป แ
ขันทีสองสามคนที่อยู่ด้านหลังถลาขึ้นมา ไม่นานก็ควบคุมตัวพระสนมซูไว้ได้“ปล่อยข้า พวกเจ้าปล่อยข้านะ พวกเจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? กล้าทำเช่นนี้กับข้า ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตายเสีย” พระสนมซูผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรัง ดิ้นรนอย่างแรงราวกับคนเสียสติเหล่าขันทีควบคุมตัวคนโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าพระสนมซูดิ้นรนไม่หลุด จึงดิ
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น จึงขับไล่ดวงดาวและดวงจันทร์ที่หลงเหลืออยู่ให้เลือนหายไปแสงสีแดงอ่อนโผล่พ้นจาก้อนเมฆ ขับไล่หมอกที่อยู่อย่างเงียบเหงามาตลอดทั้งคืนออกไปฉินเหยี่ยนเย่ว์เปิดม่านมองออกไปภายใต้แสงยามเช้าที่สาดส่อง ตำหนักที่ตั้งอยู่เรียงรายเปล่งประกายแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วน ภายใต้แสงสีแดงจึงดูโอ่อ่าแ
ตงฟางหลีรู้สึกกังวลเล็กน้อยนี่แตกต่างจากที่เขาคิดเอาไว้เสด็จพ่อเรียกพบเหยี่ยนเย่ว์ตามลำพัง เหยี่ยนเย่ว์มีนิสัยแข็งกร้าว จะโชคดีหรือโชคร้ายก็ยากจะคาดเดาได้“ไม่ต้องกังวลเพคะ หม่อมฉันจะไปยอมรับผิดกับเสด็จพ่อก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตบไหล่ของเขานางลดเสียงลง แล้วเอ่ยขึ้น “เสด็จพ่อเรียกพบหม่อมฉันตามลำพัง
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได