“เรื่องพรรค์นั้นน่าสนใจมากเลยหรือ? ท่านกับเขาดูเหมือนจะสนุกไปกับมันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” หลังจากเงียบไปนาน แววตาของจีอู๋เยียนแฝงความสงสัยไว้และถามขึ้นฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังไม่สามารถมีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ได้ในตอนแรกทว่าครั้นนางตระหนักถึงสิ่งที่จีอู๋เยียนพูด นางจึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ ช่างน่าประหลาดใ
รถม้าหยุดอยู่หน้าหอเยี่ยนจื่อหอเยี่ยนจื่อเป็นภัตตาคารที่ใหญ่อันดับหนึ่งในเมืองเหวินจิง งดงามยิ่งใหญ่ มีแขกแวะเวียนไปมาไม่ขาดสายภัตตาคารแบ่งออกเป็นห้าชั้น ตั้งแต่ชั้นสามขึ้นไปทั้งหมดเป็นห้องส่วนตัว โดยเฉพาะชั้นห้าเป็นห้องที่วิจิตรงดงามยิ่งกว่าหอเฉินเซียงเสียอีก สิ่งอำนวยความสะดวกภายในครบครัน ขอแค่เ
บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มน้อย ๆ ผุดขึ้นมา ขณะที่เดินลงไปก็ใช้พัดเคาะฝ่ามือ พลางใช้เสียงเสแสร้งอ่อนโยนตะโกนอย่างเสน่หา “เหยี่ยนเย่ว์”ตอนที่เขาปรากฏตัว ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ได้กลิ่นฉุนและน่าขยะแขยงนั่นได้ยินเสียง “เหยี่ยนเย่ว์” นี้แล้วพลันขนลุกไปทั้งร่างนางเกียจคร้านเกินกว่าจะหันศีรษะไป และเอ่ยขึ้นด้วยน้
“อ๋องสามจำไม่ได้แล้วหรือ” เสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์ดังขึ้นเล็กน้อย “ท่านพูดเอง ว่าหม่อมฉันในสายตาของท่านมีเพียงความรังเกียจเท่านั้น หม่อมฉันขอร้องท่านอย่าให้หม่อมฉันได้รังเกียจท่านอีกเลย ท่านกับเสวี่ยเอ๋อร์ของท่านทำตัวเป็นคู่รักชายโฉดหญิงชั่วไปไม่ดีหรือ?”ตราบใดที่เขาอยู่ตรงหน้า อาการคลื่นไส้อย่างท่วม
“ท่านไม่เข้าใจภาษามนุษย์หรือ?” เสี่ยวเอ้อพูดอย่างเย็นชา “หญ้าประเภทหญ้าอึสุนัขจะปรากฏเฉพาะในที่ที่มีอึสุนัข โดยเฉพาะชอบขึ้นตามต้นไม้ข้างถนน หลังจากถูกสุนัขอึฉี่ก็จะเจริญงอกงาม ดังนั้นเมื่อต้มน้ำเดือดแล้วจะกลายเป็นสีเหลืองอ่อน เขย่าเล็กน้อยก็จะเกิดฟอง”อ๋องสามแทบจะอาเจียนออกมา เขาตบโต๊ะ “เจ้าเหนื่อยท
ก่อนที่จะมาที่หอเยี่ยนจื่อ นางรู้สึกได้ว่าแหวนอยู่ใกล้ ๆ นี้เนื่องจากไม่ค่อยคุ้นเคยกับพื้นที่ในเมืองเหวินจิงเท่าใดนัก ในใจจึงเกิดความสงสัย คิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะลองดูเพื่อยืนยันตำแหน่งที่แน่นอนเมื่อมาถึงหอเยี่ยนจื่อ เห็นแหวนในมือของอ๋องสามตั้งแต่แวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นของปลอมแหวนจริงไม่ได้อยู่ที่
ภายในบริเวณโดยรอบ มืดมิดไร้แสงสว่าง“เสี่ยวจีจวิน เจ้ายังวู่วามเหมือนเช่นเคยเลย ข้าเองก็คันไม้คันมือมานานแล้วเช่นกัน” แม้ว่าไป๋หลินยวนจะกำลังยิ้มอยู่ ทว่ากลิ่นอายบนร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนไปการต่อสู้ อยู่ในความตึงเครียดที่เมื่อสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็สามารถระเบิดออกได้ทันที“หยุด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกปว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไร้คำจะพูดยิ่งนักจีอู๋เยียนมีนิสัยเย็นชา เหี้ยมโหดพูดน้อย และไม่ค่อยวู่วาม ใบหน้าก็มีการแสดงออกน้อยครั้งเช่นกัน เป็นคนหน้าตายที่ไร้อารมณ์ใด ๆ อย่างไรก็ตาม มีเพียงอยู่ต่อหน้าไป๋หลินยวนเท่านั้น ที่เขาไม่เพียงแค่วู่วาม ยังพูดมากขึ้นอีกด้วยคนวิปริตสองคนนี้เป็นคล้ายกับละครงิ้วที่ทั้งรั
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได