ข่าวนี้ราวกับสายฟ้าฟาดลงที่กลางศีรษะของฉินเสวี่ยเย่ว์อย่างไรอย่างนั้น สายฟ้านั้นฟาดจนทำเอานางถึงกับเวียนศีรษะ หัวสมองขาวโพลนยืนอึ้งอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานถึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมานางตั้งครรภ์แล้ว แล้วก็แท้งแล้ว?ตั้งครรภ์และแท้งบุตร หนึ่งเป็นความยินดี อีกหนึ่งเป็นความเศร้าโศก ข่าวทั้งสองนี้มาพร้อ
คนกลางกลัวว่าจะเป็นการเปิดเผยร่องรอย จึงไม่สะดวกไปส่งที่จวนสกุลฉิน ทำได้เพียงส่งกระดาษให้ชื่อเจี้ยนเท่านั้นชื่อเจี้ยนไต่ตรองอยู่นาน ก่อนตัดสินใจว่าจะไปส่งจดหมายที่จวนสกุลฉินประจวบเหมาะพอดี กับที่เรื่องนี้ถูกไป๋โค้วล่วงรู้เข้าตอนที่ไป๋โค้วรู้ว่านางจะไปที่จวนสกุลฉิน ดวงตาสองข้าพลันประกายคล้ายดวงดาร
ไป๋โค้วที่ฝึกฝนวรยุทธ์มาโดยตลอดนั้น พละกำลังย่อมมีมาก ทั้งยังมีแรงหมัดที่หนักแน่นอีกด้วยหมัดหนัก ๆ พลันชกเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่มเสเพลไปในทันทีชายหนุ่มเสเพลถึงกับตกตะลึงไปในทันที ความเจ็บปวดบนใบหน้าค่อย ๆ แผ่กระจายออกมา ไม่นานนักเขาถึงเพิ่งรู้สึกตัวได้ว่าตนเองถูกต่อยเข้าแล้วเติบใหญ่มาจนถึงทุกวันน
“พวกเจ้ามิต้องมาจับข้าแล้ว ข้าไม่หลบแล้ว ข้าไม่หนีแล้ว ข้าจะพาพวกเจ้าไปที่จวนตระกูลฉิน ทว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้า หาได้เกี่ยวข้องกับสาวน้อยขี้โมโหผู้นี้ไม่ พวกเจ้าปล่อยนางไปเถิด”“เหตุใดเจ้ามิรู้จักจำ” ไป๋โค้วต่อยเขาอีกครั้ง “ปากเจ้าพูดดี ๆ มิเป็นเลยงั้นรึ? ผู้ใดเป็นสาวน้อยกัน? ข้าคือมารดาของเจ้
มุมปากของไป๋โค้วพลันกระตุกขึ้นมาหลายครั้งนางมิคิดเลยว่า เด็กหนุ่มเกเรไร้อนาคตเช่นนี้จักเป็นน้องชายของพระชายาไปได้พระชายามีน้องชายเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าขายหน้ายิ่งนัก“เจ้าอธิบายกับมารดาดี ๆ เสีย” ไป๋โค้วจึงลงมือต่อยเขาอีกครั้ง “ติดหนี้ผู้อื่นทั้งยังถูกตามทวงหนี้เช่นนี้ ทั้งยังเอาแต่หลบ ๆ ซ
ชายผู้ร่ำรวยที่ตกใจกับท่าทีที่แข็งแกร่งของไป๋โค้วนั้น เมื่อได้ยินนางเอ่ยถามเช่นนี้ทำเอาเขาถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติกลับมา พร้อมรีบร้อนเอ่ยถามว่า “ไม่ ไม่ท่ากันขอรับ น้อยสุดคือหนึ่งอิแปะ มากสุดคือร้อยตำลึงขอรับ โดยปกติแล้วมักจะลงกันที่หนึ่งตำลึงขอรับ”ไป๋โค้วค้นหาตามตัวอยู่ครู่หนึ่ง นับว่
เถ้าแก่บ่อนพนันถึงกับปาดเหงื่อเย็น ๆ ออกมา พลางรีบร้อนกล่าวออกมาว่า “พวกเจ้าเลิกตกตะลึงไปได้แล้ว รีบไปบอกให้คนที่เล่นกลโกงนั้นหยุดมือเสีย กลโกงพวกนั้นสำหรับนางแล้วหาได้มีประโยชน์อันใดไม่ รีบไปตระเตรียมเงินแสนตำลึงมาให้นางเสีย ให้นางได้ชนะ เล่นเป็นเพื่อนนางให้สนุกก็พอ”เหล่าอันธพาลต่างพากันมองหน้ากัน
“นี่ นี่เจ้าชนะทั้งหมดนี่เลยหรือ?” เขายังคงจมอยู่กับความตื่นเต้น“ถ้าไม่ใช่ข้า แล้วจะเป็นท่านหรือไร?” ไป๋โค้วยื่นตั๋วเงินหนึ่งแสนตำลึงให้กับชายผู้ร่ำรวยชายผู้ร่ำรวยยื่นสัญญาหนี้ให้ไป๋โค้วหลังจากที่นางฉีกสัญญาหนี้แล้ว จึงให้คนนำกระดาษว่างเปล่ามา และเขียนคำว่า “หนี้ชำระคืนแล้ว” ลงไปเขียนเหมือนกันสาม
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได