หู่พั่วขานรับ ไม่นานก็ถือเอาสิ่งของที่ต้องใช้ในยามมีระดูมาฉินเสวี่ยเย่ว์เปลี่ยนเป็นอาภรณ์ที่สะอาด ทว่ายังคงปวดท้องมากอยู่เช่นเดิมนางนอนบนเตียงด้วยใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด“พระชายา ดื่มน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงสักหน่อยเถิดเพคะ อาจจะดีขึ้นมาบ้าง” หู่พั่วยกน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงมาฉินเสวี่ยเย่ว์มุ่นคิ้วปร
ข่าวนี้ราวกับสายฟ้าฟาดลงที่กลางศีรษะของฉินเสวี่ยเย่ว์อย่างไรอย่างนั้น สายฟ้านั้นฟาดจนทำเอานางถึงกับเวียนศีรษะ หัวสมองขาวโพลนยืนอึ้งอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานถึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมานางตั้งครรภ์แล้ว แล้วก็แท้งแล้ว?ตั้งครรภ์และแท้งบุตร หนึ่งเป็นความยินดี อีกหนึ่งเป็นความเศร้าโศก ข่าวทั้งสองนี้มาพร้อ
คนกลางกลัวว่าจะเป็นการเปิดเผยร่องรอย จึงไม่สะดวกไปส่งที่จวนสกุลฉิน ทำได้เพียงส่งกระดาษให้ชื่อเจี้ยนเท่านั้นชื่อเจี้ยนไต่ตรองอยู่นาน ก่อนตัดสินใจว่าจะไปส่งจดหมายที่จวนสกุลฉินประจวบเหมาะพอดี กับที่เรื่องนี้ถูกไป๋โค้วล่วงรู้เข้าตอนที่ไป๋โค้วรู้ว่านางจะไปที่จวนสกุลฉิน ดวงตาสองข้าพลันประกายคล้ายดวงดาร
ไป๋โค้วที่ฝึกฝนวรยุทธ์มาโดยตลอดนั้น พละกำลังย่อมมีมาก ทั้งยังมีแรงหมัดที่หนักแน่นอีกด้วยหมัดหนัก ๆ พลันชกเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่มเสเพลไปในทันทีชายหนุ่มเสเพลถึงกับตกตะลึงไปในทันที ความเจ็บปวดบนใบหน้าค่อย ๆ แผ่กระจายออกมา ไม่นานนักเขาถึงเพิ่งรู้สึกตัวได้ว่าตนเองถูกต่อยเข้าแล้วเติบใหญ่มาจนถึงทุกวันน
“พวกเจ้ามิต้องมาจับข้าแล้ว ข้าไม่หลบแล้ว ข้าไม่หนีแล้ว ข้าจะพาพวกเจ้าไปที่จวนตระกูลฉิน ทว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้า หาได้เกี่ยวข้องกับสาวน้อยขี้โมโหผู้นี้ไม่ พวกเจ้าปล่อยนางไปเถิด”“เหตุใดเจ้ามิรู้จักจำ” ไป๋โค้วต่อยเขาอีกครั้ง “ปากเจ้าพูดดี ๆ มิเป็นเลยงั้นรึ? ผู้ใดเป็นสาวน้อยกัน? ข้าคือมารดาของเจ้
มุมปากของไป๋โค้วพลันกระตุกขึ้นมาหลายครั้งนางมิคิดเลยว่า เด็กหนุ่มเกเรไร้อนาคตเช่นนี้จักเป็นน้องชายของพระชายาไปได้พระชายามีน้องชายเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าขายหน้ายิ่งนัก“เจ้าอธิบายกับมารดาดี ๆ เสีย” ไป๋โค้วจึงลงมือต่อยเขาอีกครั้ง “ติดหนี้ผู้อื่นทั้งยังถูกตามทวงหนี้เช่นนี้ ทั้งยังเอาแต่หลบ ๆ ซ
ชายผู้ร่ำรวยที่ตกใจกับท่าทีที่แข็งแกร่งของไป๋โค้วนั้น เมื่อได้ยินนางเอ่ยถามเช่นนี้ทำเอาเขาถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติกลับมา พร้อมรีบร้อนเอ่ยถามว่า “ไม่ ไม่ท่ากันขอรับ น้อยสุดคือหนึ่งอิแปะ มากสุดคือร้อยตำลึงขอรับ โดยปกติแล้วมักจะลงกันที่หนึ่งตำลึงขอรับ”ไป๋โค้วค้นหาตามตัวอยู่ครู่หนึ่ง นับว่
เถ้าแก่บ่อนพนันถึงกับปาดเหงื่อเย็น ๆ ออกมา พลางรีบร้อนกล่าวออกมาว่า “พวกเจ้าเลิกตกตะลึงไปได้แล้ว รีบไปบอกให้คนที่เล่นกลโกงนั้นหยุดมือเสีย กลโกงพวกนั้นสำหรับนางแล้วหาได้มีประโยชน์อันใดไม่ รีบไปตระเตรียมเงินแสนตำลึงมาให้นางเสีย ให้นางได้ชนะ เล่นเป็นเพื่อนนางให้สนุกก็พอ”เหล่าอันธพาลต่างพากันมองหน้ากัน
“เจ้ายอมให้ข้าหนาวตาย แต่จะไม่ยอมช่วยข้าใช่หรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดเสียงเบา“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่” ตงฟางอิงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงดูเหมือนเขาจะรวบรวมความกล้าไว้ให้มาก และในที่สุดก็หันหลังกลับมาราวกับกำลังเร่งรีบที่จะเข้าสู่สนามรบ มีรัศมีของไม่ยี่หระต่อความตายใด ๆ ทั้งสิ้นอย่างมากทีเดียวเขาเดินมาถึง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองการกระทำของตงฟางอิงผ่านฉากกั้นลม และรู้สึกตลกเล็กน้อยนางมีความคิดที่จะแกล้งเล่นอีก แสร้งทำเป็นว่าเท้าแพลง และยังส่งเสียงอุทานออกมาด้วย“แย่แล้ว เจ้าสิบ ข้าข้อเท้าแพลง เจ้ามาช่วยประคองข้าที”ตงฟางอิงหน้าแดงมากยิ่งขึ้น“ประคอง ประคองท่านน่ะหรือ? ข้า ข้าเป็นบุรุษนะ ท่านเป็นสตรี บุรุษ
ขันทีหลานหน้าซีดเผือด เขาทำความเคารพ หมอบต่ำอยู่บนพื้น “กราบทูลฝ่าบาท มิใช่ว่าบ่าวมาตรงเวลา ทว่าบังเอิญบ่าวมีเรื่องสำคัญต้องรายงานพ่ะย่ะค่ะ”น้ำเสียงของเขาสั่นไหวเล็กน้อย “ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ชู่” ฮ่องเต้เหลือบมองพระสนมอวิ๋นที่ยังคงนอนหลับอยู่ “เบาเสียงลงหน่อย”ขันทีหลานผู้ซึ่งส
เมื่อฮ่องเต้นึกถึงฉินเหยี่ยนเย่ว์ผู้ชอบทำตัวกำเริบเสิบสานก็พิโรธมากวิธีการกระทำเรื่องต่าง ๆ ของนาง เสมือนเป็นนักพรตเต๋าเทียนหลิงอีกคนแม้กระทั่งบางเวลาจะทำตัวกำเริบเสิบสานยิ่งกว่านักพรตเต๋าเทียนหลิงไปอีกหลายส่วนด้วยซ้ำ“ไม่ไป นางรู้นานแล้วว่าข้าอยู่ที่นี่” ฮ่องเต้แค่นหัวเราะเสียงเย็น “จมูกของนางนั่
“ข้ากับเสด็จแม่มีนิสัยคล้ายกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับแตกต่างกัน”ความรู้สึกของพระสนมอวิ๋นที่มีต่อฮ่องเต้นั้นเป็นเรื่องจริงความรู้สึกของฮ่องเต้ที่มีต่อพระสนมอวิ๋นนั้น ย่อมเป็นเรื่องจริงเช่นกันอย่างไรก็ตามเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เกรงว่าจะมิใช่เช่นนี้ในตอนนั้น หากได้รับการสนับสนุนอย่างแน่วแน่จากฮ่องเต
“ภูมิหลังของสนมหรงผู้นั้นคืออะไรกันแน่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วป้าฉาไม่ใช่คนประเภทที่กลัวนั่นกลัวนี่ นางย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าพระสนมหรงมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระสนมหรงผู้นั้นไม่ควรหาเรื่องด้วย“พระองค์รู้จักหอกิเลนหรือไม่?” ป้าฉาถามฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้าสัตว์สัญลักษณ์ของราชวงศ
“ท่านคิดไม่ผิดหรอกเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ราวกับมองความคิดของนางออก “อีกหนึ่งเค่อ ท่านก็จะเป็นเหมือนกับพี่สาวนางกำนัลผู้นี้ กลิ้งไปบนพื้นโดยมิสนภาพลักษณ์ ใบหน้าก็จักบวมจนดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง คันไปทั้งตัว เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ”“อ้อไม่สิ ไม่เหมือน ท่านถูกเลี้ยงดูเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธหลังจากลูกแกะวิ่งเข้ามา นางก็ตามเข้ามาติด ๆ นางมองเห็นอย่างชัดเจน ลูกแกะเพียงแค่กำลังวิ่งอย่างมีความสุข กำลังจะเข้าใกล้ผู้คน มิได้ทำเรื่องอะไรเกินเลยไปอีกอย่าง ลูกแกะที่เพิ่งคลอดออกมาตัวเดียว จะมีพลังมากมายเพียงใดกัน?หากให้คนไล่ออกไป หรือว่าสั่งสอนสักหน่อย ก็ไม่เป
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ควรจะหาทางลงตาม ด้วยการทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็กผู้ใดจะรู้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ลงตามก็ช่างเถอะ ยังทำลายทางลงทิ้งจนหมดสิ้น!“พระชายาอ๋องเจ็ดพูดเช่นนี้ได้อย่างไร นี่เป็นการเข้าใจผิดกัน” พระสนมหรงฝืนยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ“ในวังหลวงแห่งนี้มีกฎเข้มงวดมาก หากเหล่านางกำนัลเดินผิด