เถ้าแก่บ่อนพนันถึงกับปาดเหงื่อเย็น ๆ ออกมา พลางรีบร้อนกล่าวออกมาว่า “พวกเจ้าเลิกตกตะลึงไปได้แล้ว รีบไปบอกให้คนที่เล่นกลโกงนั้นหยุดมือเสีย กลโกงพวกนั้นสำหรับนางแล้วหาได้มีประโยชน์อันใดไม่ รีบไปตระเตรียมเงินแสนตำลึงมาให้นางเสีย ให้นางได้ชนะ เล่นเป็นเพื่อนนางให้สนุกก็พอ”เหล่าอันธพาลต่างพากันมองหน้ากัน
“นี่ นี่เจ้าชนะทั้งหมดนี่เลยหรือ?” เขายังคงจมอยู่กับความตื่นเต้น“ถ้าไม่ใช่ข้า แล้วจะเป็นท่านหรือไร?” ไป๋โค้วยื่นตั๋วเงินหนึ่งแสนตำลึงให้กับชายผู้ร่ำรวยชายผู้ร่ำรวยยื่นสัญญาหนี้ให้ไป๋โค้วหลังจากที่นางฉีกสัญญาหนี้แล้ว จึงให้คนนำกระดาษว่างเปล่ามา และเขียนคำว่า “หนี้ชำระคืนแล้ว” ลงไปเขียนเหมือนกันสาม
ฉินจวิ้นเลี่ยรู้ว่านางกังวลว่าเขาจะฟ้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ ขณะที่สูดลมหายใจเข้าก็พูดขึ้นว่า “วางใจเถิด พี่หญิงใหญ่จะไม่ถามหรอก และแม้ว่าจะถามข้าก็ไม่บอก”“ไม่อย่างนั้นเจ้าไปก่อนเถอะ ข้าจะรอจนอาการบวมบนหน้าหายก่อนค่อยเข้าไป” เขาพูดต่อ “พอเข้าจวนแล้วเจ้าก็แสร้งทำเป็นไม่รู้จักข้าด้วยล่ะ ถ้าท่านแม่ข้ารู้ว่า
พวกนางทั้งสองคนมองหน้ากัน สุดท้ายก็หัวเราะพรืดออกมา“ไป๋โค้วคนนี้แจ่มใสเสียจริง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “โชคดีที่นางยังเป็นสาวเป็นแซ่อยู่ เสื้อผ้ายังหายได้”เฟ่ยชุ่ยหัวเราะตายิ้ม “ใครบอกว่ามิใช่กัน? ก็ไม่แปลกใจเลยที่ชื่อเจี้ยนไม่วางใจนาง”พูดจบ นางพูดอย่างเป็นกังวลอีก “ไป๋โค้วมีนิสัยต
เฟ่ยชุ่ยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดนางตระหนักได้ว่าพฤติกรรมของตนเมื่อครู่ค่อนข้างจะอุกอาจไม่ว่าฉินจวิ้นเลี่ยจะเหลืออดแค่ไหน ไม่ว่าจะสมควรตายแค่ไหน ก็มิใช่คราวที่นางในฐานะสาวใช้ที่จะสอนบทเรียนให้เขาพระชายาจำได้ว่านางขุ่นเคืองใจกับการตายของอวิ๋นเซียง จึงยอมให้เฟ่ยชุ่ยทุบตีคนแต่นางไม่สามารถก้าวล่วงได้อีก
ไป๋โค้วฝึกฝนวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก พละกำลังค่อนข้างเยอะ ในเริ่มแรกเฟ่ยชุ่ยจึงเป็นฝ่ายด้อยกว่า“เฟ่ยชุ่ย หลับตาลงแล้วคิดว่าข้าเป็นสองคู่หูชั่วร้ายที่รังแกเจ้าสิ” ครั้นเห็นว่าเฟ่ยชุ่ยกำลังจะพ่ายแพ้ ไป๋โค้วจึงพูดขึ้นเฟ่ยชุ่ยหลับตาลงจริง ๆฉากที่ชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋แย่งชิงสร้อยคอของนาง ภาพเหตุการณ์ที่ทำลา
ในเวลานี้ณ ห้องนอนสวนจินซิ่วฉินจวิ้นเลี่ยนั่งอย่างระมัดระวังตัวอยู่ตรงหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เหมือนเด็กที่กำลังรอคำติติงว่าทำอะไรผิดไปฉินเหยี่ยนเย่ว์รินชาหนึ่งแก้วแล้วยื่นส่งให้เขา“พี่หญิง ข้าทำเอง ข้าทำเองก็ได้” ฉินจวิ้นเลี่ยรีบรับมาฉินเหยี่ยนเย่ว์มองดูสภาพใบหน้าช้ำและบวมของเขา
ทว่า เดิมทีนิสัยของฉินจวิ้นเลี่ยนั้นมิได้เลวร้าย และเขาไม่เคยทำอะไรกับเจ้าของร่างเดิมเลย กลับกัน เขาเคยหยุดหมิ่นอวี้ที่ทุบตีเจ้าของร่างเดิมด้วยซ้ำนางเองก็ไม่อยากดุด่าว่ากล่าวรุนแรงกับเขามากเกินไป“เจ้ากลับไปเรือนของตัวเองเสีย ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็อย่าออกมา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวต่อ “แล้วก็อย่าไปฟังเร
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได