ฉินจวิ้นเลี่ยรู้ว่านางกังวลว่าเขาจะฟ้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ ขณะที่สูดลมหายใจเข้าก็พูดขึ้นว่า “วางใจเถิด พี่หญิงใหญ่จะไม่ถามหรอก และแม้ว่าจะถามข้าก็ไม่บอก”“ไม่อย่างนั้นเจ้าไปก่อนเถอะ ข้าจะรอจนอาการบวมบนหน้าหายก่อนค่อยเข้าไป” เขาพูดต่อ “พอเข้าจวนแล้วเจ้าก็แสร้งทำเป็นไม่รู้จักข้าด้วยล่ะ ถ้าท่านแม่ข้ารู้ว่า
พวกนางทั้งสองคนมองหน้ากัน สุดท้ายก็หัวเราะพรืดออกมา“ไป๋โค้วคนนี้แจ่มใสเสียจริง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “โชคดีที่นางยังเป็นสาวเป็นแซ่อยู่ เสื้อผ้ายังหายได้”เฟ่ยชุ่ยหัวเราะตายิ้ม “ใครบอกว่ามิใช่กัน? ก็ไม่แปลกใจเลยที่ชื่อเจี้ยนไม่วางใจนาง”พูดจบ นางพูดอย่างเป็นกังวลอีก “ไป๋โค้วมีนิสัยต
เฟ่ยชุ่ยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดนางตระหนักได้ว่าพฤติกรรมของตนเมื่อครู่ค่อนข้างจะอุกอาจไม่ว่าฉินจวิ้นเลี่ยจะเหลืออดแค่ไหน ไม่ว่าจะสมควรตายแค่ไหน ก็มิใช่คราวที่นางในฐานะสาวใช้ที่จะสอนบทเรียนให้เขาพระชายาจำได้ว่านางขุ่นเคืองใจกับการตายของอวิ๋นเซียง จึงยอมให้เฟ่ยชุ่ยทุบตีคนแต่นางไม่สามารถก้าวล่วงได้อีก
ไป๋โค้วฝึกฝนวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก พละกำลังค่อนข้างเยอะ ในเริ่มแรกเฟ่ยชุ่ยจึงเป็นฝ่ายด้อยกว่า“เฟ่ยชุ่ย หลับตาลงแล้วคิดว่าข้าเป็นสองคู่หูชั่วร้ายที่รังแกเจ้าสิ” ครั้นเห็นว่าเฟ่ยชุ่ยกำลังจะพ่ายแพ้ ไป๋โค้วจึงพูดขึ้นเฟ่ยชุ่ยหลับตาลงจริง ๆฉากที่ชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋แย่งชิงสร้อยคอของนาง ภาพเหตุการณ์ที่ทำลา
ในเวลานี้ณ ห้องนอนสวนจินซิ่วฉินจวิ้นเลี่ยนั่งอย่างระมัดระวังตัวอยู่ตรงหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เหมือนเด็กที่กำลังรอคำติติงว่าทำอะไรผิดไปฉินเหยี่ยนเย่ว์รินชาหนึ่งแก้วแล้วยื่นส่งให้เขา“พี่หญิง ข้าทำเอง ข้าทำเองก็ได้” ฉินจวิ้นเลี่ยรีบรับมาฉินเหยี่ยนเย่ว์มองดูสภาพใบหน้าช้ำและบวมของเขา
ทว่า เดิมทีนิสัยของฉินจวิ้นเลี่ยนั้นมิได้เลวร้าย และเขาไม่เคยทำอะไรกับเจ้าของร่างเดิมเลย กลับกัน เขาเคยหยุดหมิ่นอวี้ที่ทุบตีเจ้าของร่างเดิมด้วยซ้ำนางเองก็ไม่อยากดุด่าว่ากล่าวรุนแรงกับเขามากเกินไป“เจ้ากลับไปเรือนของตัวเองเสีย ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็อย่าออกมา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวต่อ “แล้วก็อย่าไปฟังเร
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ข้ากำลังฝันอยู่ ข้าต้องฝันอยู่แน่ ๆ ” ฉินจวิ้นเลี่ยบิดตัวเองอย่างแรงกำลังมือของเขาแข็งแกร่งมากจนมือที่บิดอยู่บนร่างกายทำให้เจ็บความเจ็บปวดเรียกให้เขากลับมาสู่ความเป็นจริงภาพเบื้องหน้าเขาไม่เปลี่ยนแปลง เขาไม่ได้กำลังฝันอยู่เรื่องที่พี่หญิงใหญ่บอกเขา เป็นความจริงในเวลานี้เอง ท
เรียวคิ้วของฉินจวิ้นเลี่ยขมวดเข้าหากันแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่ามือกำแน่นเข้าหากัน และใบหน้าที่ดูยังเยาว์วัยซีดเผือด “เจ้าจะเกลียดข้าก็ดี โทษข้าก็ช่าง ข้าเข้าใจทั้งสิ้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้น “ข้าจะไม่ขอให้เจ้ายกโทษให้ เพราะข้าไม่ผิด และไม่ต้องการการให้อภัยจากเจ้า ฉินปี้เย่ว์คิดหาทางฆ่าตัวตาย นี่คือส
หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้
“เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?
หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “
“ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้
“หลีกไป หลีกไปให้พ้น ใครกล้ามาขัดขวางข้า!”เสียงนั้นดังกึกก้องเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังและดุดันก่อนจะตามมาด้วยเสียงล้มลงกับพื้นของคนหลายคน แล้วประตูใหญ่ก็ถูกคนถีบออกอย่างแรงจากนั้น ชายชราผมขาวเคราขาวคนหนึ่งบุกเข้ามาด้วยความกรุ่นโกรธคนที่เข้ามาคือลู่จิ้นบรรพบุรุษของสกุลลู่ที่ด้านหลังของลูจิ้น ยังมีลู
คนทั่วไปเมื่อรับเงินทองผู้อื่นไปแล้วต้องปัดเป่าความกังวลของผู้นั้นมีเพียงนาง ที่รับเงินไปแล้วยังหน้าไม่อายอย่างเปิดเผยเช่นนี้“นายท่าน ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ นางจงใจปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ตายโดยที่ไม่ช่วย” ฮูหยินซูนึกถึงคำเตือนของคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใต้หล้านี้มีเพียงนางที่ช่วยชีวิตฉิงเอ