ไป๋โค้วพุ่งความโกรธทั้งหมดที่สะสมในช่วงสองสามวันมานี้ไปยังแรงตบฉาดนี้ได้ยินเพียงเสียงดังก้อง ใบหน้าของฮูหยินเหลยอันโหวถูกตบจนยู่ ฟันหลุดไปหนึ่งซี่ เลือดกบปากชั่วขณะหนึ่งควบคุมที่เกิดเหตุได้ยากลำบาก“บังอาจ” ท่านเจ้าเมืองคิดไม่ถึงว่าไป๋โค้วจะลงมือในศาล ใบหน้าของเขามืดมนยิ่งนัก รีบยกไม้ปลุกสติกระแทก
ทันทีที่คำพูดของฉินเหยี่ยนเย่ว์ดังขึ้นมา เหล่าผู้คนที่เชื่อข่าวลือนอกศาลาว่าการก็นึกถึงเหตุการณ์นั้นออกเช่นกัน“ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ รถม้าของฮูหยินเหลยอันโหวพังอยู่บนถนน เพราะชื่อเสียงไม่ดีของนางจึงไม่มีผู้ใดอยากช่วยเหลือ เพียงยืนดูเรื่องขบขันเท่านั้น ต่อมามีคนใจดีพยุงนางขึ้น ได้ยินว่าพานางไปรักษา”
“ฮูหยินเหลยอันโหว ท่านมีอะไรจะพูดหรือไม่?” ท่านเจ้าเมืองถาม“ใต้เท้า รถม้าของข้าพังอย่างมีเงื่อนงำแอบแฝง ตอนแรกยังดี ๆ อยู่เลย แต่เหตุใดจู่ ๆ ถึงพังได้เล่า?” ฮูหยินเหลยอันโหวชี้ไปยังฉินเหยี่ยนเย่ว์ “ต้องเป็นนางแน่นอน เป็นนางที่จงใจพังมัน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่ายศีรษะใต้หล้านี้ ยังมีคนที่ทั้งโง่ทั้งเลวอ
“ข้าเชื่อฮูหยินเหลยอันโหว” ขณะที่ทุกคนกำลังสั่นคลอน สตรีผู้หนึ่งอุ้มลูกเดินออกมา “ข้าเองก็เป็นแม่คนเช่นกัน แม้ว่าเสือจะดุร้ายแต่ก็ไม่กินลูกของมัน ไม่มีแม่คนไหนจะทำเรื่องเช่นนี้กับลูกของตนหรอก”คำพูดของสตรีผู้นั้นกระทบความรู้สึกคนจำนวนไม่น้อยฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจเงียบ ๆ อยู่ในใจดวงตาของสตรีผู้นั้
“ทว่า คนส่วนใหญ่ใช้มีดที่จับต้องไม่ได้ประหัตประหารผู้บริสุทธิ์ด้วยท่าทีไม่สนใจไยดี พวกเขาเอาสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาในชีวิตผลักความผิดพลาดไปให้ผู้อื่น กลับไม่ไตร่ตรองเลยว่าการกระทำของตนเองน่ากลัวเพียงใด”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ประสานมือระดับหน้าอกแสดงความเคารพแล้วพูด “ผู้คนใช้อาวุธที่จับต้องได้ในการเข่นฆ่าผู้คน
ท่านเจ้าเมืองให้พยานก้าวเท้าขึ้นมาฮูหยินเหลยอันโหวจ้องมองพวกเขาอย่างดุร้าย “หากพวกเจ้ากล้าพูดมากกว่านี้อีกหนึ่งประโยค จะถลกผิวหนังพวกเจ้าอย่างละเอียด...”“ฮูหยิน เจ้ากล้าหาญเสียจริง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัดบทนาง “เจ้ายังคิดว่าที่นี่คือจวนเหลยอันโหวงั้นหรือ? เจ้าเห็นศาลเป็นอันใด? ท่านหมอทุกท่าน ข้าขอใช้น
“ท่านเจ้าเมืองมิจำเป็นต้องลำบากใจ ข้าเพียงเสนอข้อรียกร้องของข้าเท่านั้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “บนกระดาษร้องเรียนยังมีข้อที่สามอยู่ นั่นก็คือ ความผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูง”“ข่าวลือเรื่องหนึ่งที่ฮูหยินเหลยอันโหวสร้างขึ้น ได้เข้าถึงพระกรรณของเสด็จพ่อเรียบร้อยแล้ว เมื่อเสด็จพ่อได้ยินข่าวลือพวกนั้น นี่ก็แส
ท่านเจ้าเมืองขมวดคิ้วพี่สาวของอู๋เส่าชิงเดิมนั้นเป็นภรรยาคนแรกของเหลยอันโหว ต่อมาก็ได้เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุลง เรื่องนั้นวุ่นวายจนเกิดความโกลาหล เหลยอันโหวก็ได้รับโทษเช่นกันสิ่งที่น่าเสียดายคือ ไร้หลักฐานมาพิสูจน์ว่าการตายของคุณหนูอู๋เกี่ยวข้องกับฮูหยินเหลยอันโหว สุดท้ายจึงทำได้เพียงใช้โทษลุ่มห
พระสนมเหยาใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับว่ารู้สึกโดดเดี่ยวหลังจากความเจริญรุ่งเรืองมาถึงจุดสิ้นสุดหลังจากพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก็หลงเหลือไว้เพียงความเศร้าโศกที่ไม่มีที่สิ้นสุด“ข้ามีชีวิตอยู่อย่างสบาย” ผ่านไปเนิ่นนาน พระสนมเหยาถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก“แต่ โชคดีของข้าสร้างขึ้นมาจากพื้นฐา
“ฝ่าบาททำให้ข้ารู้สึกซาบซึ้ง” พระสนมเหยาหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต คล้ายกับหญิงสาววัยแรกแย้ม นิ้วชี้จิ้มเข้าหากัน ใบหน้าแดง ท่าทางขวยเขินเป็นอย่างยิ่งผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่พอนึกถึงการพบกันครั้งแรกในปีนั้นอีกครั้ง ยังคงทำให้หัวใจเต้นแรงเหมือนเดิมรอยยิ้มที่มุมปากของนางค่อย ๆ คลี่กว้างขึ้น แม้กระทั่งใ
“โจรลักพาตัวไม่มีทางรักษาให้ข้า ข้ามีไข้สูง อาศัยวาสนาที่มีต่อสัตว์และโชคดีที่มีมาตั้งแต่กำเนิด ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่งและโชคดีที่ยากจะหาอันใดเปรียบถึงมีชีวิตรอดกลับมาได้ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอดีตกลับจำอะไรได้ไม่ชัดเจนเท่าไร”“ข้าจำชื่อตนเองไม่ได้ จำบ้านเกิดไม่ได้ หรือแม้กระทั่ง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดีผู้ที่โชคดีมาตั้งแต่กำเนิดย่อมมีอยู่แล้ว เมื่อก่อนนางยังเคยเห็นรายงานหนึ่งเกี่ยวกับผู้ที่มีโชคมากมาก่อนนางไม่ค่อยเข้าใจความหมายในถ้อยคำนี้ของพระสนมเหยาเท่าใดนัก“พระชายาอ๋องเจ็ด ช่วยข้ารินชาเถอะ” พระสนมเหยาไอออกมาเบา ๆ “เจ้าอยากรู้อะไร ข้าจะ--- บอกเจ้าทั้งหมด
นี่แปลกกว่าเรื่องเล่าเสียอีก“ไม่ใช่เรื่องเล่า ล้วนเป็นเรื่องที่ข้าประสบมาด้วยตัวเองทั้งนั้น นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดหรอก หลังจากที่ถูกขายไปหลายบ้าน และหลังจากเรื่องที่ข้าได้รับการปกป้องจากสัตว์ถูกลือออกไป ก็ไม่มีครอบครัวใดยอมซื้อตัวข้าอีก คนที่ลักพาตัวข้ายังถูกสุนัขกัด ถูกวัวชนอยู่บ่อ
“ให้ตาย!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกใจจนตัวสั่น“โฮก...”กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงสายหนึ่งก็ได้ลอยเข้ามา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอยหลังไปหลายก้าวติด ๆ กัน จนเกือบจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้น“พระชายาระวังเพคะ” ชื่อเจี้ยนคาดไม่ถึงว่าเสือจะอยู่เหนือตาข่ายเหล็กดำ ก็รีบไปขวางหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ทันที “ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
ที่ด้านข้างประตูสองด้านยังมีแมวหลีฮวาหนึ่งตัว และแมวซือจึที่ดูคล้ายกับเหมาเหมาอีกหนึ่งตัวแมวสามตัวล้วนถูกเลี้ยงดูมาอย่างอ้วนท้วนสมบูรณ์พวกมันบ้างก็นอนตะแคงบ้างก็เกาแผ่นไม้ แต่ละตัวดูน่ารักไร้เดียงสาที่มุมยังมีลูกแมวอีกหลายตัวกำลังจับจ้องพวกนางอย่างตั้งอกตั้งใจ“แมวมากมายเพียงนี้เชียวหรือ?” ฉินเหย
เปลวเพลิงเผาไหม้กองรักษาระเบียบอยู่ถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงมอดดับลงกลุ่มควันลอยคลุ้ง หมอกควันสีเทาลอยปกคลุมไปทั่วทั้งวังหลวง จนกระทั่งเย็นวันที่ห้าก็ได้มีหิมะตกลงมา ท้องฟ้าถึงได้แจ่มใสขึ้นมาอีกครั้งข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับกองรักษาการเกิดเพลิงไหม้ทั้งหมดได้ถูกปิดเอาไว้เพียงประกาศกับภายนอกว่า ป้าหวนน
ปรากฎการณ์ทุกอย่างแสดงออกมาให้เห็นถึง คำตอบหนึ่งที่โดดเด่นออกมา“ท่านหมายความว่า...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปริปากพูดด้วยความยากลำบากอยู่บ้าง “ฮ่องเต้คิดจะให้ท่านขึ้นเป็นองค์รัชทายาทหรือ?”ตงฟางหลีถอนหายใจ “ใช่ หรืออาจจะไม่ใช่”“ท่านพูดเช่นนี้มิไร้สาระไปหรือ?”“ข้าคาดเดาความคิดของเสด็จพ่อไม่ได้” ตงฟางหลีพู