“ข้าเชื่อฮูหยินเหลยอันโหว” ขณะที่ทุกคนกำลังสั่นคลอน สตรีผู้หนึ่งอุ้มลูกเดินออกมา “ข้าเองก็เป็นแม่คนเช่นกัน แม้ว่าเสือจะดุร้ายแต่ก็ไม่กินลูกของมัน ไม่มีแม่คนไหนจะทำเรื่องเช่นนี้กับลูกของตนหรอก”คำพูดของสตรีผู้นั้นกระทบความรู้สึกคนจำนวนไม่น้อยฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจเงียบ ๆ อยู่ในใจดวงตาของสตรีผู้นั้
“ทว่า คนส่วนใหญ่ใช้มีดที่จับต้องไม่ได้ประหัตประหารผู้บริสุทธิ์ด้วยท่าทีไม่สนใจไยดี พวกเขาเอาสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาในชีวิตผลักความผิดพลาดไปให้ผู้อื่น กลับไม่ไตร่ตรองเลยว่าการกระทำของตนเองน่ากลัวเพียงใด”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ประสานมือระดับหน้าอกแสดงความเคารพแล้วพูด “ผู้คนใช้อาวุธที่จับต้องได้ในการเข่นฆ่าผู้คน
ท่านเจ้าเมืองให้พยานก้าวเท้าขึ้นมาฮูหยินเหลยอันโหวจ้องมองพวกเขาอย่างดุร้าย “หากพวกเจ้ากล้าพูดมากกว่านี้อีกหนึ่งประโยค จะถลกผิวหนังพวกเจ้าอย่างละเอียด...”“ฮูหยิน เจ้ากล้าหาญเสียจริง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัดบทนาง “เจ้ายังคิดว่าที่นี่คือจวนเหลยอันโหวงั้นหรือ? เจ้าเห็นศาลเป็นอันใด? ท่านหมอทุกท่าน ข้าขอใช้น
“ท่านเจ้าเมืองมิจำเป็นต้องลำบากใจ ข้าเพียงเสนอข้อรียกร้องของข้าเท่านั้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “บนกระดาษร้องเรียนยังมีข้อที่สามอยู่ นั่นก็คือ ความผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูง”“ข่าวลือเรื่องหนึ่งที่ฮูหยินเหลยอันโหวสร้างขึ้น ได้เข้าถึงพระกรรณของเสด็จพ่อเรียบร้อยแล้ว เมื่อเสด็จพ่อได้ยินข่าวลือพวกนั้น นี่ก็แส
ท่านเจ้าเมืองขมวดคิ้วพี่สาวของอู๋เส่าชิงเดิมนั้นเป็นภรรยาคนแรกของเหลยอันโหว ต่อมาก็ได้เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุลง เรื่องนั้นวุ่นวายจนเกิดความโกลาหล เหลยอันโหวก็ได้รับโทษเช่นกันสิ่งที่น่าเสียดายคือ ไร้หลักฐานมาพิสูจน์ว่าการตายของคุณหนูอู๋เกี่ยวข้องกับฮูหยินเหลยอันโหว สุดท้ายจึงทำได้เพียงใช้โทษลุ่มห
ไม้เท้ามังกรเบื้องบนสามารถฟาดฮ่องเต้ เบื้องล่างสามารถฟาดขโมยได้ มีอำนาจยิ่งใหญ่ทีเดียวท่านผู้เฒ่านี่ชัดเจนมากว่ามาเพื่อก่อเรื่อง!“ใต้เท้าลู่จิ้น” ท่านเจ้าเมืองลุกขึ้นทำความเคารพ “ท่านผู้เฒ่ามาได้อย่างไรหรือขอรับ?”“เด็กน้อย เจ้ามิต้องคาราวะข้า ควรทำอย่างไรก็ทำเช่นนั้น ในศาลนี้เจ้าใหญ่ที่สุด” ลู่จิ
“พอได้แล้ว” ท่านเจ้าเมืองเคาะไม้เรียกสติหนึ่งครั้ง “อยู่ในศาล มีที่ให้ปีศาลกล้าส่งเสียงดังได้ที่ไหน?”“ใต้เท้า ผู้น้อยตายตาไม่หลับ เสียชีวิตอย่างไม่ยุติธรรมจนไม่อาจไปเกิดใหม่ได้” ร่างเงาอาภรณ์ขาวเจือเสียงสะอื้น “ขอใต้เท้าทวงความยุติธรรมเพื่อผู้น้อย ให้ผู้น้อยได้ไปเกิดใหม่เป็นคนในเร็ววันด้วยเจ้าค่ะ”
หากลำดับความอาวุโสแล้วท่านผู้เฒ่าค่อนข้างสูง ทั้งยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระพันปี ชั่วขณะหนึ่ง จึงไม่มีคนกล้าบุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือท่านเจ้าเมืองลำบากใจทั้งสองฝ่ายบรรยากาศในศาลพลันชะงักงันในขณะเดียวกันนั้นเองภายในห้องของหออวี้เซียนที่อยู่ไม่ไกลจากศาลาว่าการ บุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งผุดขึ้นยืนด้วยใบห
“อ้อ? วีรบุรุษช่วยสาวงามหรือ?”ใบหน้าช่างปักเสิ่นแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม “พวกเรามาที่เมืองเหวินจิงเป็นครั้งแรก ไม่คุ้นเคยกับผู้คนและพื้นที่ จึงถูกคนหลอกเอาเงินไป บ่าวกับบุตรสาวเกือบจะถูกเอาตัวไปขาย เป็นพี่ใหญ่ตู้เห็นว่าไม่ยุติธรรมจึงเข้าช่วยเหลือพวกเรา พอเขารู้ว่าบ่าวปักผ้าเป็น ยังแนะนำโรงปักให้บ่าวทำงาน
“หม่อมฉันมิได้ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กลืนขนมลงไป “หม่อมฉันรู้สึกว่าขุนนางใหญ่คนนั้นโดนหลอกเพคะ”“จะว่าไป ตู้จ้งได้ให้กำเนิดบุตรกับสตรีคนสนิทหน้าตางดงามเหล่านั้นบ้างหรือไม่?”“พี่ชายกระหม่อมยังรักษาตนเองให้บริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ บางครั้งกระทั่งมือของสตรียังไม่เคยจับมาก่อน จะมีลูกได้อย่า
เขากุมมือของนาง “ยัยหนู นี่เจ้า...จำได้แล้ว?”“บอกไปแล้วว่าเป็นความฝัน หม่อมฉันในยามนั้นฝันเช่นนี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวอย่างกรุ่นโกรธ “ตอนที่หม่อมฉันกับท่านไม่ชอบหน้ากัน หลังจากฝันเช่นนั้นแล้ว คิดไปว่าเป็นสิ่งที่ใจคิด จึงเก็บไปฝัน ด้วยคิดว่าหม่อมฉันเข้าไปยุ่งเรื่องของท่านกับซูเตี่ยนฉิง ยังรู้สึกขยะ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์นิ่งงันตงฟางหลีเคยถามนางหลายครั้งแล้วจริง ๆตอนที่เขาถามนั้น ระหว่างพวกเขาสองคนยังไม่ทันได้มีความรู้สึกที่ตรงกันตอนนั้น ไม่ว่าจะพูดอะไร ทำอะไร หากไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ร่ำไป ก็พูดออกไปโดยไม่คิดว่าจะทำให้ตนเองอับอายหรือไม่อย่างไรเสียก็มิอาจจริงใจต่อกันได้ ถ้อยคำที่กล่าวออกมาก็เลย
“ภายหลัง ตู้จ้งได้เจอกับหญิงม่ายคนหนึ่ง หญิงม่ายยังมีบุตรวัยสามขวบด้วยคนหนึ่ง” สายตาของเขาผินมองไปนอกหน้าต่าง “นั่นก็คือช่างปักคนนั้น เป็นเพราะเขาถูกหลอกมาหลายครั้ง ข้าถึงได้ฝากให้เจ้าช่วยสืบสักหน่อย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอามือเท้าคาง นิ้วก็เคาะที่โต๊ะอย่างไม่เป็นจังหวะช่างปักคนนั้นหน้าตาหมดจด ใบหน้าดูใ
“พระชายาคิดว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็โง่” ตงฟางหลีฉวยจังหวะจุมพิตหน้าผากของนางก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆตู้จ้งและตู้เหิงเกรงว่าคงจะมากันแล้วเขามุ่นหัวคิ้ว ประทับบนริมฝีปากของนางหนัก ๆ “ตู้จ้งจะมารายงานข่าว”“ต้องให้หม่อมฉันหลบหรือไม่?”ตงฟางหลีนัยน์ตาเป็นประกาย “อืม ข้าได้ให้คนตัดเย
“ท่านอธิบายให้หม่อมฉันฟังเสียดี ๆ!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หน้าบึ้งหันหน้าไปอีกทาง“ยามเช้าข้าให้เฝ่ยชุ่ยเอายาไปให้เจ้า เจ้าไม่ได้รับหรือ?” ตงฟางหลีผินใบหน้านางให้หันกลับมา เผชิญหน้ากับนาง “ข้าตั้งใจให้ลู่ซิวทำขึ้นมาในคืนเดียวเชียวนะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกถึงขวดขนาดเล็กที่เฝ่ยชุ่ยมอบให้นาง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจนิสัยของสองพี่น้องนี้ ช่างมีนิสัยตรงข้ามกันเสียจริงตงฟางหลีดื่มชาในถ้วยรวดเดียวหมดไอจากชาลอยบดบัง แสงดาวที่หว่างคิ้วน่ามองคู่นั้นประกายวับวาบยามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบตาขึ้นมอง ได้เห็นแสงดาวในแววตาของตงฟางหลีเข้าพอดีแสงนั้นสองสว่าง ดั่งดวงดาวนับพันหมื่นดวง
“ข้าถูกใส่ร้าย” ตงฟางหลีชูมือขึ้น “อยู่ดี ๆ คิดไปถึงเรื่องพวกนั้นได้อย่างไรกัน? มิใช่ตกลงกันแล้วหรือว่าจะไม่เอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีก? เรื่องในอดีตเป็นความผิดของข้า มิใช่ว่าเจ้าลงโทษข้าไปแล้วหรือ? พวกเราปรับความเข้าใจกันแล้วมิใช่หรือ?”“ลงโทษแล้ว แล้วก็ทุบตีไปแล้ว แต่หม่อมฉันยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เพคะ”