ท่านเจ้าเมืองขมวดคิ้วพี่สาวของอู๋เส่าชิงเดิมนั้นเป็นภรรยาคนแรกของเหลยอันโหว ต่อมาก็ได้เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุลง เรื่องนั้นวุ่นวายจนเกิดความโกลาหล เหลยอันโหวก็ได้รับโทษเช่นกันสิ่งที่น่าเสียดายคือ ไร้หลักฐานมาพิสูจน์ว่าการตายของคุณหนูอู๋เกี่ยวข้องกับฮูหยินเหลยอันโหว สุดท้ายจึงทำได้เพียงใช้โทษลุ่มห
ไม้เท้ามังกรเบื้องบนสามารถฟาดฮ่องเต้ เบื้องล่างสามารถฟาดขโมยได้ มีอำนาจยิ่งใหญ่ทีเดียวท่านผู้เฒ่านี่ชัดเจนมากว่ามาเพื่อก่อเรื่อง!“ใต้เท้าลู่จิ้น” ท่านเจ้าเมืองลุกขึ้นทำความเคารพ “ท่านผู้เฒ่ามาได้อย่างไรหรือขอรับ?”“เด็กน้อย เจ้ามิต้องคาราวะข้า ควรทำอย่างไรก็ทำเช่นนั้น ในศาลนี้เจ้าใหญ่ที่สุด” ลู่จิ
“พอได้แล้ว” ท่านเจ้าเมืองเคาะไม้เรียกสติหนึ่งครั้ง “อยู่ในศาล มีที่ให้ปีศาลกล้าส่งเสียงดังได้ที่ไหน?”“ใต้เท้า ผู้น้อยตายตาไม่หลับ เสียชีวิตอย่างไม่ยุติธรรมจนไม่อาจไปเกิดใหม่ได้” ร่างเงาอาภรณ์ขาวเจือเสียงสะอื้น “ขอใต้เท้าทวงความยุติธรรมเพื่อผู้น้อย ให้ผู้น้อยได้ไปเกิดใหม่เป็นคนในเร็ววันด้วยเจ้าค่ะ”
หากลำดับความอาวุโสแล้วท่านผู้เฒ่าค่อนข้างสูง ทั้งยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระพันปี ชั่วขณะหนึ่ง จึงไม่มีคนกล้าบุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือท่านเจ้าเมืองลำบากใจทั้งสองฝ่ายบรรยากาศในศาลพลันชะงักงันในขณะเดียวกันนั้นเองภายในห้องของหออวี้เซียนที่อยู่ไม่ไกลจากศาลาว่าการ บุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งผุดขึ้นยืนด้วยใบห
“ฮูหยินเหลยอันโหว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้น “ข้าถามเจ้าอีกสักครั้ง เจ้ายังคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดคนอื่นอยู่หรือไม่?”ฮูหยินเหลยอันโหวยังคงเบิกตาจ้องนางอย่างเหี้ยมโหดเช่นเคย “ข้าไม่เสียใจ ถือสิทธิ์อันใดท่านช่วยเหลือฮูหยินขุยอันโหวแม่ลูกได้กลับช่วยลูกข้าไม่ได้เล่า ท่านไม่ช่วยก็คือคนผิด แม้ข้าตายก็จ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หัวเราะเบา ๆ การรับมือคนไร้เหตุผลง่ายดายนัก เพียงแค่จะต้องไร้เหตุผลยิ่งกว่านางก็จักรับมือได้แล้ว“ท่านพี่รอง ท่านเลิกล้อข้าได้แล้วเพคะ หากเป็นไปได้ หม่อมฉันไม่คิดจะยั่วยุคนเช่นนี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวพลางถอนหายใจ“เวลาไม่เช้าแล้ว รอให้เสด็จพ่อมาถึง ก็ให้เสี่ยวเอ้อร์ยกอาหารขึ้นมา
ไป๋โค้วรู้สึกถึงโทสะจากท่านอ๋องของตนเอง พลันรีบวิ่งไปด้านหลังอู๋ฉิ่งเหยียน สองมือจับบ่าของเขา ก่อนผลักเขาออกมาข้างหน้า “ท่านอ๋อง มิเกี่ยวข้องกับหม่อมฉันนะ คนที่แย่งพระชายาจากท่านเป็นเจ้าหนุ่มคนนี้”อู๋ฉิ่งเหยียนถูกไป๋โค้วโอบไหล่เช่นนี้ ใบหน้าแดงแล้วแดงอีก ทำตัวไม่ถูก“เจ้าขี้ขลาดอันใด?” ไป๋โค้วเห็นห
ทุกคนได้รับอิทธิพลมาจากเขา ก็มิสนใจกฎเกณฑ์ บรรยากาศในงานเลี้ยงจึงนับว่าดีมากฉินเหยี่ยนเย่ว์อดโลภมากดื่มไปหลายจอกไม่ได้เช่นกันฤทธิ์สุราลามเลียไปถึงที่แก้ม จนกลายเป็นสีแดง ชาดทาแก้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าจางหาย ดั่งกลิ่นหอมที่หลอมรวมเข้ากับหิมะฤดูใบไม้ผลิในแววตาคู่งามเป็นสีขุ่นมัว น้ำในดวงตาไหลวน หยาดห
พระสนมเหยาใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับว่ารู้สึกโดดเดี่ยวหลังจากความเจริญรุ่งเรืองมาถึงจุดสิ้นสุดหลังจากพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก็หลงเหลือไว้เพียงความเศร้าโศกที่ไม่มีที่สิ้นสุด“ข้ามีชีวิตอยู่อย่างสบาย” ผ่านไปเนิ่นนาน พระสนมเหยาถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก“แต่ โชคดีของข้าสร้างขึ้นมาจากพื้นฐา
“ฝ่าบาททำให้ข้ารู้สึกซาบซึ้ง” พระสนมเหยาหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต คล้ายกับหญิงสาววัยแรกแย้ม นิ้วชี้จิ้มเข้าหากัน ใบหน้าแดง ท่าทางขวยเขินเป็นอย่างยิ่งผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่พอนึกถึงการพบกันครั้งแรกในปีนั้นอีกครั้ง ยังคงทำให้หัวใจเต้นแรงเหมือนเดิมรอยยิ้มที่มุมปากของนางค่อย ๆ คลี่กว้างขึ้น แม้กระทั่งใ
“โจรลักพาตัวไม่มีทางรักษาให้ข้า ข้ามีไข้สูง อาศัยวาสนาที่มีต่อสัตว์และโชคดีที่มีมาตั้งแต่กำเนิด ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่งและโชคดีที่ยากจะหาอันใดเปรียบถึงมีชีวิตรอดกลับมาได้ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอดีตกลับจำอะไรได้ไม่ชัดเจนเท่าไร”“ข้าจำชื่อตนเองไม่ได้ จำบ้านเกิดไม่ได้ หรือแม้กระทั่ง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดีผู้ที่โชคดีมาตั้งแต่กำเนิดย่อมมีอยู่แล้ว เมื่อก่อนนางยังเคยเห็นรายงานหนึ่งเกี่ยวกับผู้ที่มีโชคมากมาก่อนนางไม่ค่อยเข้าใจความหมายในถ้อยคำนี้ของพระสนมเหยาเท่าใดนัก“พระชายาอ๋องเจ็ด ช่วยข้ารินชาเถอะ” พระสนมเหยาไอออกมาเบา ๆ “เจ้าอยากรู้อะไร ข้าจะ--- บอกเจ้าทั้งหมด
นี่แปลกกว่าเรื่องเล่าเสียอีก“ไม่ใช่เรื่องเล่า ล้วนเป็นเรื่องที่ข้าประสบมาด้วยตัวเองทั้งนั้น นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดหรอก หลังจากที่ถูกขายไปหลายบ้าน และหลังจากเรื่องที่ข้าได้รับการปกป้องจากสัตว์ถูกลือออกไป ก็ไม่มีครอบครัวใดยอมซื้อตัวข้าอีก คนที่ลักพาตัวข้ายังถูกสุนัขกัด ถูกวัวชนอยู่บ่อ
“ให้ตาย!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกใจจนตัวสั่น“โฮก...”กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงสายหนึ่งก็ได้ลอยเข้ามา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอยหลังไปหลายก้าวติด ๆ กัน จนเกือบจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้น“พระชายาระวังเพคะ” ชื่อเจี้ยนคาดไม่ถึงว่าเสือจะอยู่เหนือตาข่ายเหล็กดำ ก็รีบไปขวางหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ทันที “ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
ที่ด้านข้างประตูสองด้านยังมีแมวหลีฮวาหนึ่งตัว และแมวซือจึที่ดูคล้ายกับเหมาเหมาอีกหนึ่งตัวแมวสามตัวล้วนถูกเลี้ยงดูมาอย่างอ้วนท้วนสมบูรณ์พวกมันบ้างก็นอนตะแคงบ้างก็เกาแผ่นไม้ แต่ละตัวดูน่ารักไร้เดียงสาที่มุมยังมีลูกแมวอีกหลายตัวกำลังจับจ้องพวกนางอย่างตั้งอกตั้งใจ“แมวมากมายเพียงนี้เชียวหรือ?” ฉินเหย
เปลวเพลิงเผาไหม้กองรักษาระเบียบอยู่ถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงมอดดับลงกลุ่มควันลอยคลุ้ง หมอกควันสีเทาลอยปกคลุมไปทั่วทั้งวังหลวง จนกระทั่งเย็นวันที่ห้าก็ได้มีหิมะตกลงมา ท้องฟ้าถึงได้แจ่มใสขึ้นมาอีกครั้งข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับกองรักษาการเกิดเพลิงไหม้ทั้งหมดได้ถูกปิดเอาไว้เพียงประกาศกับภายนอกว่า ป้าหวนน
ปรากฎการณ์ทุกอย่างแสดงออกมาให้เห็นถึง คำตอบหนึ่งที่โดดเด่นออกมา“ท่านหมายความว่า...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปริปากพูดด้วยความยากลำบากอยู่บ้าง “ฮ่องเต้คิดจะให้ท่านขึ้นเป็นองค์รัชทายาทหรือ?”ตงฟางหลีถอนหายใจ “ใช่ หรืออาจจะไม่ใช่”“ท่านพูดเช่นนี้มิไร้สาระไปหรือ?”“ข้าคาดเดาความคิดของเสด็จพ่อไม่ได้” ตงฟางหลีพู