เมื่อหลินเฟยจิ้งเดินออกไปจากงานเช่นนี้ บรรยากาศโดยรอบพลันตกสู่ความเงียบงันไปในทันใดตงฟางอิงแลบลิ้นปลิ้นตาออกมา เขาหาได้รู้ตัวไม่ว่าตนเองดันยั่วยุในเรื่องที่ไม่ควรขึ้นมาแล้วตงฟางเจวี๋ยจ้องมองไปยังถ้วยชาที่แตกสลายไป พลางเม้มริมฝีปากเล็กลงด้วยท่าทีครุ่นคิดสายตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกวาดตามองไปยังแผ่
หลังจากขึ้นมาบนรถม้าแล้วนั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงเอนตัวนอนไปด้านข้างพร้อมผล็อยหลับไปในทันทีตงฟางหลีที่กลัวว่านางจะปวดเมื่อยตัวนั้น จึงประคองหัวของนางมานอนอยู่บนขาของเขา พร้อมทั้งปัดปอยผมของนางไปไว้ข้าง ๆ แทน “ดูสภาพเจ้าสิ อะไรจะเมามายขนาดนี้?”เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์พบท่านอนที่ทำให้ตัวเองนอนหลับสบายแล้
จากที่นางเข้าใจในตัวของตงฟางหลีแล้วละก็ เขาไม่มีทางที่จะก้มหน้ามาพูดถึงเรื่องเร้าร้อนบนเตียงข้างหูนางอย่างแน่นอนทว่า หากเขามิใช่ตงฟางหลีจริง ๆ แล้วละก็ จักรู้เรื่องราวที่ลึกซึ้งขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?“เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว ตงฟางหลี เป็นท่านจริง ๆ งั้นหรือ?” เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าตงฟางหลีอาจจะเป็นต
พี่ชายคนรองหน้าตาหล่อเหลา หลินเฟยจิ้งหน้าตาก็ไม่เลวเช่นกันตงฟางหลีพลันหลับตาลงเมื่อเห็นนางหัวเราะออกมาแปลก ๆ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยท่าทีขนหัวลุกว่า “เจ้าอยากจะพูดอะไร?”“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองเขาด้วยท่าทีจริงจัง “พี่ชายรองที่มิยอมแต่งงานมาโดยตลอดนั้น เป็นเพราะว่าเขา ชอบบุรุษงั้นหรือ?”ตงฟางหลีพล
ตงฟางหลีกำแขนเสื้อของตนจนเป็นรอยยับยู่ยี่ พร้อมทั้งแผ่ไอสังหารออกมาพระชายาเฉียน!“เจ้าได้ตรวจสอบหรือยัง เหตุผลที่พระนางทำเช่นนั้นเพราะเหตุใด? เกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่หรือไม่?” ตงฟางหลีเอ่ยถามตู้เหิงพลันส่ายหน้าไปมา “เรื่องนี้อ๋องเฉียนหาได้รู้ไม่พ่ะย่ะค่ะ เกรงว่า คงจะเป็นพระชายาเฉียนที่คิดก่อเรื่องขึ้น
แพขนตาของตงฟางหลีไหวแผ่วเบาเขาถูแหวนหยกบนนิ้วหัวแม่มือ พลางเอ่ยพูดเบา ๆ “ไยเจ้าไม่ตระเตรียมของขวัญสักหน่อยล่ะ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้านางเคยคิดที่จะให้ของขวัญนั่นแหละทว่า ไม่รู้นิสัยและความชอบของท่านน้า จึงมิรู้เลยว่าควรให้อะไรดีตงฟางหลีเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะชี้มายังแก้มของตน “มา จูบแก้มข้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินแล้วเส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบ ๆศิลปะก็เป็นเช่นนี้ บางคนถือเป็นสมบัติล้ำค่า บางคนถือว่าเป็นขยะ สุดท้ายก็ไม่แน่นอน“ตั้งแต่นั้นมา ท่านก็หยุดวาดภาพหรือ?” นางถาม“เข้าร่วมกองทัพน่ะ” ตงฟางหลีกล่าวต่อ “ภาพวาดทั้งสิบภาพนั้น เดิมทีก็เป็นการเดิมพันเล่น ๆ กับเสด็จพี่รอง”เขาขยับตัวมาตรงห
จากระยะไกล เห็นประตูจวนสกุลเฟิ่งแล้วคนรับใช้หกคนยืนเรียงเป็นสองแถว พูดคุยสัพเพเหระกันอย่างเบื่อหน่ายเมื่อพวกเขาเห็นรถม้าของจวนอ๋องเจ็ดหยุดลงอยู่ที่หน้าประตู พวกเขาตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่งก่อน จากนั้นจึงมีคนเข้าไปรายงานด้านในจวนหลังจากนั้นไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออก เฟิ่งเฉิงเสนาบดีกรมตุลาการเร่งรุดมา“
“ข้าไม่อยากเห็นสิ่งนั้น ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้าจะหาคนที่มีดวงชะตาสอดคล้องกับข้าภายในเวลาสั้นที่สุดได้แน่นอน”ป้าผิงนิ่งไม่ไหวติงบนใบหน้าที่ดูคล้ายกับหน้าปลอมนั้นเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาครั้นนางจับจ้องไท่เฟยฉางที่อยู่ในอาการหวาดกลัวครู่ใหญ่ ก็ได้ใช้เสียงกลแหบพร่าพูดต่อไป “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ท่า
เถี่ยตั้นยังก่อเรื่องได้ไม่หนำใจ และอยากจะวิ่งเข้าไปในลานเรือนต่อ แต่ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบคว้าตัวเอาไว้“โฮ่งโฮ่ง”เถี่ยตั้นดิ้นไม่หลุด จึงส่งเสียงเห่าอย่างสิ้นหวังไปทางเรือนด้านหลังไท่เฟยฉางรู้สึกหวาดระแวงอยู่แล้ว พอได้ยินเถี่ยตั้นส่งเสียงเห่าอย่างดุเดือด ก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวสิ่งมีชีวิตอย่างสุนัขนั้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตรวจดูของที่ถูกทำลายเบา ๆ และรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก“ไท่เฟยฉาง หม่อมฉันนับแล้ว ข้าวของเหล่านี้ที่เถี่ยตั้นทำเสียหาย ถึงแม้ว่าจะล้ำค่า กลับไม่ใช่สิ่งที่ทดแทนไม่ได้ และไม่ได้ทำลายข้าวของที่อดีตฮ่องเต้พระราชทานเสียหายด้วย ตามคำเดิมของพระองค์คือ ของที่อดีตฮ่องเต้พระราชทานเป็นสมบัติล้
“เหลวไหล!” ไท่เฟยฉางตะโกนน้ำเสียงเฉียบขาด “นี่จะเป็นของปลอมได้อย่างไร! นี่เป็นกระถางธูปเคลือบหลิวหลีของแท้ที่อดีตฮ่องเต้พระราชทานให้ข้า เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”“ถ้าเป็นของจริง กระถางธูปเคลือบหลิวหลีนี้ที่ล้ำค่าเหลือล้น ก็ควรเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเป็นอย่างดี เหตุใดถึงอยู่ในลานเรือนเล่าเพคะ?”
เห็นได้ชัดว่านางอาลัยอาวรณ์สุนัขตัวนี้ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย ปีศาจเฒ่าตระหนักจุดนี้เป็นอย่างดี และตอบโต้กลับมาประโยคที่ดูเหมือนลอยละล่องนั้น ชัดเจนว่าผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีโหดร้ายยิ่งนัก!“ไท่เฟยฉางแน่ใจหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยายามทำให้เสียงของตนสงบที่สุด เคลือบรอยยิ้มบนใบหน้า และสมองทำงาน
ทิศทางที่กลิ่นเน่าของศพโชยมา คือจุดที่สุนัขส่งเสียงร้องดังลั่นนั่นเองในฤดูเหมันต์ ความเร็วที่ศพจะเน่าเปื่อยนั้นค่อนข้างช้าตามอุณหภูมิของชั้นดินเยือกแข็งและกลิ่นเน่าที่กำจายออกมา สามารถแยกแยะได้ว่า เวลาเสียชีวิตอยู่ที่สองเดือนโดยประมาณครั้นพิจารณาจากท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างมากของไท่เฟยฉางแล้ว ความเป
ฉินเหยี่ยนเย่ว์กดถูกใจให้ไท่เฟยฉางในใจอย่างเงียบ ๆไท่เฟยฉางกล่างถูกแล้ว นางจงใจมาก่อปัญหาจริง ๆ“ไท่เฟยฉาง พระองค์กำลังตรัสถึงเรื่องอะไรหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ทำหน้าเหมือนดอกบัวขาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ใบหน้าเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ กระตุกจมูกสองครั้ง ราวกับน้อยใจใหญ่หลวง “ไท่เฟยฉางต้องตรัสเพียงนี
ไท่เฟยฉางโกรธมากนางจ้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ พลางขบกรามแน่น “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”“อ๋า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปรบมือ และโค้งคำนับขอโทษ “เป็นเช่นนี้เพคะ สุนัขของหม่อมฉันตกใจตื่นกลัวจนหลุดจากเชือกแล้ววิ่งหนีไป หม่อมฉันจึงรีบไล่ตาม ไล่ตามอยู่นานมากก็ตามไม่ทัน เห็นมันวิ่งมาถึงที่นี่ก็หายไปอย่างไร้ร
“ฉากกั้นน้ำของข้า” ไท่เฟยฉางรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่งเพล้ง!“เครื่องเคลือบลายครามของข้า”ตึง!“คันฉ่องเปลี่ยนอาภรณ์ของข้า!”“ใครก็ได้ มานี่เร็วเข้า” ไท่เฟยฉางเฝ้าดูของหายากในเรือนถูกสุนัขชนพังเป็นชิ้น ๆ ในใจมีเลือดซึมหยดขอบตาของนางแดงก่ำ “ใครก็ได้ รีบมาตีสัตว์ร้ายตัวนี้ให้ตายเสีย”“สุนัขตัวนี้มาจาก