แพขนตาของตงฟางหลีไหวแผ่วเบาเขาถูแหวนหยกบนนิ้วหัวแม่มือ พลางเอ่ยพูดเบา ๆ “ไยเจ้าไม่ตระเตรียมของขวัญสักหน่อยล่ะ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้านางเคยคิดที่จะให้ของขวัญนั่นแหละทว่า ไม่รู้นิสัยและความชอบของท่านน้า จึงมิรู้เลยว่าควรให้อะไรดีตงฟางหลีเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะชี้มายังแก้มของตน “มา จูบแก้มข้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินแล้วเส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบ ๆศิลปะก็เป็นเช่นนี้ บางคนถือเป็นสมบัติล้ำค่า บางคนถือว่าเป็นขยะ สุดท้ายก็ไม่แน่นอน“ตั้งแต่นั้นมา ท่านก็หยุดวาดภาพหรือ?” นางถาม“เข้าร่วมกองทัพน่ะ” ตงฟางหลีกล่าวต่อ “ภาพวาดทั้งสิบภาพนั้น เดิมทีก็เป็นการเดิมพันเล่น ๆ กับเสด็จพี่รอง”เขาขยับตัวมาตรงห
จากระยะไกล เห็นประตูจวนสกุลเฟิ่งแล้วคนรับใช้หกคนยืนเรียงเป็นสองแถว พูดคุยสัพเพเหระกันอย่างเบื่อหน่ายเมื่อพวกเขาเห็นรถม้าของจวนอ๋องเจ็ดหยุดลงอยู่ที่หน้าประตู พวกเขาตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่งก่อน จากนั้นจึงมีคนเข้าไปรายงานด้านในจวนหลังจากนั้นไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออก เฟิ่งเฉิงเสนาบดีกรมตุลาการเร่งรุดมา“
"ท่านน้า" ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองปฏิกิริยาของเขา ยิ่งมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน“หากท่านไม่สะดวก ข้าสามารถไปเองได้ ข้ายังจำทางได้” นางกล่าว“ไม่ได้” เฟิ่งเฉิงขัดนางทันทีเขารู้ดีว่าตนทำเกินไป จึงรีบเอ่ยขึ้น “เหยี่ยนเย่ว์ เจ้าอย่าเข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้หมายถึงสิ่งใดเลย แค่... เฮ้อ ช่างเถ
หลินซู่ซู่หันหลังกลับพลางเช็ดน้ำตาเงียบ ๆ“ข้าเคยบอกพวกเจ้านานแล้ว ว่าอย่าปิดบัง แต่พวกเจ้าก็ไม่เชื่อ เฮ้อ” เสียงของท่านยายดังลอดมาจากในม่านพร้อมกับเสียงไหวแผ่วเบาของม่านลูกปัด นางเดินมาตรงหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ ก่อนจะคารวะ “คารวะท่านอ๋องเจ็ด พระชายาอ๋องเจ็ด”“ท่านยาย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบประคองนางลุกขึ
“เจ้าฟังข้าพูดก่อน” ท่านยายพูด “เรื่องนั้นมีลับลมคมในอยู่มาก ตอนที่พวกเขาถูกพบ ทั้งแม่เจ้าและบุรุษผู้นั้นต่างหลับใหลไปทั้งคู่ พ่อเจ้าเองก็มิเชื่อเช่นกัน หลังจากสั่งให้สืบสวนก็สืบไม่พบเบาะแสที่มีประโยชน์เลย พ่อเจ้ายังนับว่าเป็นลูกผู้ชาย เขาเชื่อในตัวแม่เจ้า เรื่องราวนั้นจึงละไว้ก่อน”“แม่เจ้ากลับป่วย
เฟิ่งเฉิงขมวดคิ้ว เขาคว้าตัวบุคคลนั้นออกมาด้วยความรวดเร็วผู้ที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่าน ก็คือสาวใช้ขั้นสองสาวใช้คนนั้นคุกเข่าลง ตัวสั่นเทา “บ่าวคารวะฮูหยินผู้เฒ่า คารวะนายท่าน คารวะฮูหยิน”“จินชุ่ย?” หลินซู่ซู่ขมวดคิ้ว “เจ้ามาทำอะไรด้านหลังนี่รึ?”“ฮูหยิน บ่าว บ่าวทำงานเสร็จแล้ว จึงมาที่นี่เพื่อดูว่าจะ
ใบหน้าของจินชุ่ยซีดเผือด มีเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากภายใต้ความทรมานอันแสนสาหัส ดูเหมือนเวลาจะเดินช้าลงเรื่อย ๆนางกลิ้งดิ้นเร้าไปมาบนพื้นเหมือนปลาหมูเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด และหายใจหอบหนัก“ยังมิพูดอีกหรือ?” ในกระแสเสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์เย็นชาราวกับธารเหลืองใต้พิภพ“ถูกใส่ร้าย บ่าวถูกใส่ร้าย” จินช