“หญิงมีครรภ์คนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย จำต้องหาสถานที่เงียบ ๆ ไร้คนเพื่อรักษานาง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินมาหยุดตรงหน้าของเขา “พานางขึ้นรถม้าของพวกเราเถอะเพคะ”ตงฟางหลีสีหน้ารังเกียจเสียเต็มประดา “ไม่มีทาง”“ตงฟางหลี สถานการณ์อันตรายยิ่งนัก หากล่าช้าอีกต่อไป นางอาจตายได้นะเพคะ”“ไม่มีทางเด็ดขาด” ตงฟางหลี
เพลิงโทสะสายหนึ่งของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกขวางเอาไว้ ระบายออกไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงกัดเขาอย่างแรงตงฟางหลีรู้สึกเจ็บ ทว่าไม่ได้ปล่อยตัวนางเขาจุมพิตอย่างอ่อนโยน ราวกับว่ากำลังปลอบโยนฉินเหยี่ยนเย่ว์มิอาจฝืนทนต่อไปที่จะออกแรงกัด จึงหลับตาลง“เจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง” ผ่านไปสักพัก ตงฟางหลีถึงได้ปล่อยนางไป
ตงฟางหลีแก้มแดงระเรื่อเขาแค่นเสียงเย็นจากนั้นก็ดึงอีกฝ่ายเข้ามา “ข้าไม่อยากเบิกตามองเจ้ากระโดดเข้าไปในกับดัก”“ไม่น่าจะใช่กับดักนะเพคะ อาการของหญิงมีครรภ์คนนี้ไม่สู้ดีจริง ๆ สิ่งนี้เสแสร้งกันไม่ได้ แล้วก็ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ด้วย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “ต่อให้บิดามารดาเลวร้ายสักเพียงใด แต่เด็กยังเป็
ตอนนี้หญิงตั้งครรภ์เกิดเรื่องขึ้น ไม่แน่ว่า...“ท่านกลัวว่าจะถูกเหลยอันโหวแว้งกัดอยู่หรือ?” มือฉินเหยี่ยนเย่ว์เย็นเฉียบ มือข้างหนึ่งถูกเขากุมเอาไว้แน่น จึงเหลือมืออยู่หนึ่งข้าง แต่กุมเตาไฟอุ่นมือไว้ไม่ได้ ได้แค่ปล่อยไว้จนหนาวเย็นนางดิ้นหนีไม่หลุด จึงยัดมือที่เย็นเฉียบเข้าไปในสายเสื้อของเขามือเปล่า
“เสี่ยวจิ่ว ข้าเอง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตบเขาเบา ๆ “จำข้าได้หรือไม่ คนที่พาเจ้ากลับมาเมื่อเช้า”ตงฟางจิ่วคุ้นเสียงของนาง ก็โผล่ออกมาจากในผ้าห่มช้า ๆ มองไปรอบ ๆ ด้วยความกริ่งเกรง กลัวว่าจะมีคนมาทุบตีทำร้ายเขา“เด็กดี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปลอบโยนเขา “ไม่ต้องกลัว ที่นี่ไม่มีคนไม่ดีหรอก”นางเข้าไปใกล้อย่างเชื่องช
ตงฟางหลีและตงฟางเจวี๋ยโน้มกายเข้ามาบนกระดาษแผ่นนั้น จุดที่วาดเครื่องหมายถูกคือมีลักษณะพิเศษที่คล้ายคลึงกันในหนึ่งบรรทัดจากเครื่องหมายถูกทั้งหมดนั้น พวกเขาสี่คนพี่น้องมีความคล้ายคลึงกันทุกประการ“หม่อมฉันรู้สึกว่านี่เหลวไหลไปบ้าง แต่ว่า...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิ้วขมวด “ในบรรดาพวกท่านสี่คน มีเพียงข้อนี้
“เรือนโยวหลานของข้าเล็กยิ่งนัก อีกทั้งยังอากาศหนาวอีกด้วย พวกเจ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ให้ดีเถอะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูบศีรษะพวกเขา “จริงด้วย เสี่ยวจิ่ว แม่นมเองก็พักผ่อนอยู่ในที่ที่อบอุ่นเช่นกัน เจ้าอย่าได้เป็นห่วงนางเลย”ตงฟางจิ่งหยักหน้า เปล่งเสียงอืออาออกจากลำคอ“เสี่ยวจิ่วบอกว่าเขาเคยไปเยี่ยมแม่นมแล้ว แ
ครั้งแรกของทั้งสองฝ่าย ไม่ควรจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เร่งรีบทั้งยังเหนื่อยล้าอ่อนแรงเช่นนี้“ไม่ได้ตกลงกันไว้แล้วว่าหนึ่งเดือนมิใช่หรือ?” นางพูดขึ้น “พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะเพคะ ไม่รีบ”“ข้ามิได้รีบร้อน เพียงแค่...ขอโทษ” ตงฟางหลีผินใบหน้าของนางกลับมา แล้วเอ่ยขอโทษอย่างจริงจังฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะง
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได