ฉินเหยี่ยนเย่ว์ร้อนรนเล็กน้อยพิษของดอกบัวดำมีประสิทธิภาพดีมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวัตุดิบที่พิเศษ จึงยากที่จะทำขึ้นมาในปริมาณมาก ปริมาณพิษที่นางทำขึ้นไม่เยอะ เมื่อครู่เพิ่งจะใช้ไปกับสาวใช้ในวังไปเล็กน้อย และเทลงในปัสสาวะม้าในแจกันอีกนิดหน่อย เหลืออยู่อีกไม่เท่าไรยาพิษที่ผสมลงในแจกันนั้น หลังจากถ
หลังจากซูเตี่ยนฉิงได้ยินเสียงนี้เข้า ก็มือไม้สั่นเทา ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าตงฟางหลีจะปรากฏกายขึ้น ก่อนจะเก็บกระบี่ในมือกลับเข้าไปด้วยท่าทีแข็งกระด้าง“เสด็จพี่หลี กลับมาแล้วหรือเพคะ?” ความเหี้ยมโหดบนใบหน้าของนางสลายหายไป นัยน์ตากลมโตเต็มไปด้วยไอน้ำและความใสซื่อบริสุทธิ์น้ำเสียงของนางนั้นเปลี่ยนไปอย่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์โชคดี หลบกระบี่พ้นอีกครั้งนางจำเป็นต้องสังหารฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้เร็วที่สุดเรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว หากฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังมีชีวิตอยู่ ต่อไปไม่รู้ว่าจะนำปัญหาเข้ามามากน้อยเพียงใดวิธีการและความชาญฉลาดของหญิงผู้นี้ เป็นปัญหาสำหรับนางมากเกินไป จำเป็นจะต้องกำจัดนางโดยเร็วที่สุดฉินเหยี่ยนเย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองดูสีหน้าซูเตี่ยนฉิงประเดี๋ยวคล้ำประเดี่ยวขาวซีด พลันอารมณ์แจ่มใสขึ้นไม่น้อยดอกบัวดำใช้ได้ผล ก็หมายความว่าซูเตี่ยนฉิงกลายเป็นคนไร้ประโยชน์แล้วการเดิมพันครั้งใหญ่ในครานี้ นางชนะครึ่งหนึ่งหลังจากภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดอย่างซูเตี่ยนฉิงหยุดแล้ว ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงถอดอาภรณ์ตัวนอกออก ใช้
หญิงผู้นี้ ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกแล้วนางเงยหน้ามององค์หญิงมู่เหยี่ย แล้วยิ้มคล้ายกับไม่ยิ้มออกมา “ก่อนที่ท่านจะลงมือกับข้า พวกเรามาวิเคราะห์บทสนทนาเมื่อครู่นี้ให้ชัดเจนเสียก่อนจะดีกว่า มู่เหยี่ย ท่านคิดว่า เย็นวันที่พี่ฉิงของท่านถูกข้าราดด้วยน้ำเย็นจนมีไข้สูง ก็บังเอิญเข้าวังพอดี แล้วจากนั้นก็บังเ
องค์หญิงมู่เหยี่ยได้ยินฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวดังนั้น พลันเบิกตากว้างและเป็นตอนนี้เอง ที่นางรู้สึกถึงความหวาดกลัวอย่างแท้จริงฉินเหยี่ยนเย่ว์มิใช่นางกำนัลที่ไร้ภูมิหลัง และยิ่งหาได้ใช่นางสนมที่มาจากขุนนางขั้นต่ำหรือครอบครัวเล็ก ๆ แต่อย่างใดไม่นางคือบุตรีของหู้กั๋วกง คือพระชายาอ๋องเจ็ดที่เสด็จพ่อพระรา
ไม่ต้องพูดว่าจะทำร้ายคน กระทั่งยืนก็ยังยืนได้ไม่มั่นคง “เจตนาเดิมของหม่อมฉันคือพาสาวใช้ของหม่อมฉันกลับจวน แต่พวกท่านกลับหาที่ตายเอง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ระงับอารมณ์ที่มาถึงขีดจำกัดลงไป“มู่เหยี่ย ในปัสสาวะม้าที่เทราดไปยังท่านได้ถูกหม่อมฉันวางยาพิษไว้แล้ว รูปร่างของท่านสูงชะลูด ร่างกายแข็งแรง ภายในเวลาชั
มู่เหยี่ยหอบหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ ราวกับคิดจะยกมือขึ้นมาไม่ว่านางจะพยายามเช่นไร ก็มิอาจขยับแม้กระทั่งนิ้วมือได้ ความรู้สึกที่ควบคุมร่างกายได้ยากนั้น ราวกับตกลงไปในห้วงเหวลึกก็มิปานฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินมาหยุดที่ข้างกายนาง “มู่เหยี่ย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ หม่อมฉันจะเอาคืนเป็นสองเท่า แต่ ท่านหาได้
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได