มู่เหยี่ยหอบหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ ราวกับคิดจะยกมือขึ้นมาไม่ว่านางจะพยายามเช่นไร ก็มิอาจขยับแม้กระทั่งนิ้วมือได้ ความรู้สึกที่ควบคุมร่างกายได้ยากนั้น ราวกับตกลงไปในห้วงเหวลึกก็มิปานฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินมาหยุดที่ข้างกายนาง “มู่เหยี่ย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ หม่อมฉันจะเอาคืนเป็นสองเท่า แต่ ท่านหาได้
ในที่สุดฤทธิ์ยาดอกบัวดำก็เข้าสู่ระยะที่สองฤทธิ์ยาระยะแรกนั้นส่วนใหญ่เกิดจากเมือกคางคกดำ ทำให้เส้นประสาทเป็นอัมพาต และควบคุมร่างกายไม่ได้เข้าสู่ระยะที่สอง อาการชาจะหายไป และจะถูกแทนที่ด้วยอาการคันจากพิษคางคกดำอย่างช้า ๆ หลังจากที่อาการคันผ่านพ้นไปแล้ว ก็จะมีอาการคันและเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากมดดำกระสุ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้ตั้งแต่แรกแล้วหลังจากที่นางออกมาจากตำหนักหมิงอวี้นั้น ตู้เหิงก็ติดตามนางอยู่ด้านหลังไกลๆนับตั้งแต่ที่นางเดินมาถึงเรือนโยวหลาน จนถึงคอกม้า จนกระทั่งมาถึงเรือนสมุนไพรที่นางทะเลาะกับองค์หญิงมู่เหยี่ยนั้น ตู้เหิงคอยเฝ้ามองดูนางด้วยสายตาที่เย็นชามาโดยตลอดฉะนั้นแล้ว ยามที่ไป๋โค้วเลียน
เขามองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของเฟ่ยชุ่ย ก่อนจะลังเลอยู่นาน “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ถอดใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ในเมื่อคนมิหายใจแล้ว เช่นนี้จักฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร?ทั้งเฟ่ยชุ่ยและชื่อเจี้ยน ได้ตายไปแล้ว“ทำต่อไป” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รร้องตะโกนออกมา “เป็นไปไม่ได้ พวกนางจักต้องไม่เป็นอันใด”“หากมิถึงตอนสุดท้าย อย่าคิดยอมแพ
ข้างกายของตงฟางหลีนั้น ทั้งสามคนที่ต้องพิษถูกองครักษ์เงาพาไปพักที่ที่แตกต่างกันใบหน้าขององค์หญิงมู่เหยี่ยพลันมีรอยขีดข่วนมากมายบนใบหน้าของเธอ ทั้งยังมีอาการหวาดกลัวสิ่งสกปรกอย่างรุนแรง ทั่วร่างของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดและฝุ่นควันมากมาย ดวงตาทั้งสองข้างพลันเบิกโพลง พร้อมทั้งตัวนางที่เอาแต่กลิ
“ข้าเป็นคนอาฆาตพยาบาท หากท่านคิดจะทำแบบเดียวกันกับในวันนั้นแล้ว ข้าจักสังหารฉิงเอ๋อร์ของท่านเสีย ให้นางตายด้วยความเจ็บปวดที่มิมีวันรู้จบ ในเมื่อท่านมิอยากให้ข้ามีความสุข ท่านเองก็อย่าหวังว่าตนเองจะมีความสุขเช่นกัน”“ชีวิตของนางยังอยู่ในกำมือข้า ข้าแนะนำว่า ท่านคิดจักทำอันใดควรคิดให้รอบคอบมากกว่านี้”
เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์กลับมาถึงเรือนโยวหลานนั้น พละกำลังของนางพลันเดินทางมาถึงขีดจำกัดในทันทีนางคล้ายว่าจะทรุดตัวลงบนเก้าอี้เอน พร้อมด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดไร้สี“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ” ลู่ซิวที่รู้สึกได้ว่าอาการของนางไม่ค่อยดีนั้น “กระหม่อมช่วยจับชีพจรให้ท่านดีหรือไม่?”“ไม่ต้องทำ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์แย้มยิ้มอ
ราวกับกระแสอุ่นไหลเข้าสู่ก้นบึ้งหัวใจ อารมณ์หงุดหงิดและกระวนกระวายใจก็สงบลงท่ามกลางแสงนั้น นางมองเห็นโรงพยาบาลอีกครั้งทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นเดิม คราวนี้ประตูห้องจ่ายยาเปิดออกฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินเข้าใกล้ประตูบานนั้นอย่างระมัดระวัง และยื่นมือออกไปหยั่งเชิงมันสามารถยื่นมือเข้าไปได้ พอเข้าใกล้ก็ไม่ถู
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได