“ข้าเป็นคนอาฆาตพยาบาท หากท่านคิดจะทำแบบเดียวกันกับในวันนั้นแล้ว ข้าจักสังหารฉิงเอ๋อร์ของท่านเสีย ให้นางตายด้วยความเจ็บปวดที่มิมีวันรู้จบ ในเมื่อท่านมิอยากให้ข้ามีความสุข ท่านเองก็อย่าหวังว่าตนเองจะมีความสุขเช่นกัน”“ชีวิตของนางยังอยู่ในกำมือข้า ข้าแนะนำว่า ท่านคิดจักทำอันใดควรคิดให้รอบคอบมากกว่านี้”
เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์กลับมาถึงเรือนโยวหลานนั้น พละกำลังของนางพลันเดินทางมาถึงขีดจำกัดในทันทีนางคล้ายว่าจะทรุดตัวลงบนเก้าอี้เอน พร้อมด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดไร้สี“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ” ลู่ซิวที่รู้สึกได้ว่าอาการของนางไม่ค่อยดีนั้น “กระหม่อมช่วยจับชีพจรให้ท่านดีหรือไม่?”“ไม่ต้องทำ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์แย้มยิ้มอ
ราวกับกระแสอุ่นไหลเข้าสู่ก้นบึ้งหัวใจ อารมณ์หงุดหงิดและกระวนกระวายใจก็สงบลงท่ามกลางแสงนั้น นางมองเห็นโรงพยาบาลอีกครั้งทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นเดิม คราวนี้ประตูห้องจ่ายยาเปิดออกฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินเข้าใกล้ประตูบานนั้นอย่างระมัดระวัง และยื่นมือออกไปหยั่งเชิงมันสามารถยื่นมือเข้าไปได้ พอเข้าใกล้ก็ไม่ถู
ลู่ซิวมองรอยยิ้มของฉินเหยี่ยนเย่ว์แล้วชะงักงันรอยยิ้มนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างชัดแจ้ง ทว่ากลับวาวแววไร้สิ่งใดเปรียบบริสุทธิ์ สะอาด และอ่อนโยนมาก“เจ้ามาเย็บแผล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้น “ข้าห้ามเลือดของไป๋โค้วไว้แล้ว ขั้นต่อไปต้องทำความสะอาดแผล เป็นขั้นตอนเดียวกันกับการเย็บแผลให้ตงฟางหลีครั้งที่แล
“ท่านอ๋อง ข้อมือของท่านยังไม่หายดีเลย อุ้มไม่ไหวหรอกพ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อมทำเองดีกว่า” ตู้เหิงเดินเข้ามาตงฟางหลีก้มหน้าลงมองมือตน ไม่รู้ว่าคิดอะไรได้ ทว่าทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดำมืด เขาเมินตู้เหิง ใช้มือเดียวคว้าฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้ามา วางลงบนไหล่และเร่งฝีเท้าออกไปอย่างรวดเร็วตู้เหิงที่อยู่ข้าง
ตำหนักหมิงอวี้เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ตื่นขึ้นมา ฟ้าก็มืดแล้วเสียงกระดิ่งลมดังกังวานอยู่ข้างหูนางค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองดูม่านเตียงที่พลิ้วไหวไม่หยุด เงยหน้าขึ้นช้า ๆชายคนหนึ่งที่ดูราวกับเป็นเทพเซียนตกสวรรค์ชั้นฟ้ากำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เขาสูงเพรียว นิ้วเรียวยาวแตะกระดิ่งลมสีหยกที่หน้าต่างเบา ๆ
เช่นเดียวกับหลายครั้งก่อนหน้านั้น ที่ทำร้ายนางเพื่อนางแพศยาซูเตี่ยนฉิง?“ตงฟางหลี ท่านก็เป็นเหมือนมู่เหยี่ยที่มีถุงฟางอยู่ในหัวหรือ? มือขวาของท่านยังไม่หายดี ก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะเสียมือซ้ายแล้ว?” เสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์เต็มไปด้วยความอารมณ์คุกรุ่น “หม่อมฉันเตือนท่านแล้ว หากท่านบีบคอหม่อมฉันอีกครั้ง ห
ตงฟางหลีมองไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ซึ่งจู่ ๆ ก็โกรธขึ้นมา เขาตะลึงงันเล็กน้อยชั่วขณะหนึ่งที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดีครั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นว่าเขาเงียบไม่พูดจา ไม่แสดงท่าที ยิ่งตนพูดมากขึ้นอารมณ์ก็ยิ่งขึ้น“ถ้าอยากทุบตีหม่อมฉันก็ทุบตีได้เลย อยากฆ่าหม่อมฉันก็ฆ่าเสีย”“ท่านทุบตีหม่อมฉันหนึ่งที หม่อ
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ทำร้ายเจ้าคือฉินเสวี่ยเย่ว์?” ตงฟางหลีถามคนที่เกลียดยัยหนูเข้ากระดูกไม่ได้มีมากมาย และฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือฉินเสวี่ยเย่ว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมิ่นจูที่ผิดแผกคนนั้นและในการสืบสวนของเขา หมิ่นจูเองก็มีควา
“เป็นผู้ใด?” ตงฟางหลีถามฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจลึก ๆ มือกำแขนเสื้อแน่นบนจดหมายที่นกกางเขนเงาส่งมา เป็นเรื่องที่นางไหว้วานให้พระชายาอ๋องเฉียนสืบสวนจริง ๆบนจดหมายไม่ได้มีเพียงข้อมูลที่เกี่ยวกับงูเพลิงแดงเท่านั้น พอเหมาะพอเจาะกับที่ยังมีข่าวของงูสวรรค์สีดำสนิทอีกด้วย!งูสวรรค์สีดำสนิทและงูเพลิงแดงสี
“พิษร้ายแรง?” ตงฟางหลีขมวดคิ้ว “เมื่อครู่ท่านมิใช่บอกว่าไม่รู้เรื่องพิษหรืออย่างไร?”“ข้าคร้านจะบอกเจ้าเท่านั้นเอง” ลู่จิ้นกลอกตาใส่ตงฟางหลี“ศิษย์น้องหญิง เจ้าอย่ากังวลเลย สิ่งนั้นถูกข้าจับไว้ได้แล้ว อยู่ตรงนี้” เขาโบกขวดกระเบื้องในมือไปมา“เหตุใดงูสวรรค์ถึงได้ปรากฏตัวที่นี่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สับสน
มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกลงบนหัวของเฮยตั้นพลางถอนหายใจลึก“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ พวกท่านไม่ต้องกังวล”“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร? เมื่อครู่ข้าตกใจแทบตาย” ตงฟางหลียังคงหวาดผวาอยู่ในใจ“หม่อมฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกมือขึ้น สัมผัสแก้มซีดขาวของตงฟางหลีท่าทีของชายผู้นี้ผิดปกติแม้ว่าใบหน้าของเขา
ความโกรธของตงฟางหลียิ่งมากขึ้นเขาระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่จะทุบหัวของลู่จิ้นสักหมัด ถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เหยียนเย่ว์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"“ยังไหว”“ยังไหว หมายความว่าอย่างไร?” ตงฟางหลียังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์น่าหวาดผวาเมื่อครู่นั้น ครั้นได้ยินคำตอบส่งเดชของลู่จิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง“ค
หลังจากที่เฮยตั้นปล่อยของสิ่งนั้นออก ของสิ่งนั้นก็หนีออกไปด้วยการยืดและหดตัว“เหมียว” เฮยตั้นเห็นว่ามันจะหลบหนี จึงกระโจนไปตะครุบใส่ และกัดส่วนหัวของมันอย่างรุนแรงฉีกทึ้งอย่างแรง และของสิ่งนั้นก็แยกออกเป็นสองท่อนหลังถูกแยกออกเป็นสองท่อนแล้ว ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เฮยตั้นชะงักไปชั่วขณะ อุ้งเท้าทั้งสอง
น้ำเสียงนั้นราวกับกำลังบอกว่า...ไว้หน้าแล้วไม่รู้จักรับ!หลังจากนั้น กรงเล็บก็ตวัดมาทางเขาหลังจากอุ้งเท้าของมันเคลื่อนออก เจ้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับเส้นผมตัวนั้นก็คิดจะหลบหนี“เมี้ยว!” เฮยตั้นไม่สนใจสั่งสอนตงฟางหลีทาสผู้โง่เขลาคนนี้อีกมันกระโจนเข้าไปอย่างดุดัน และตบของสิ่งนั้นอย่างรุนแรง ก่อนจะใช้
เงาดำสายหนึ่งกระโดดเข้ามาจากทางประตูร่างกายอวบอ้วนที่แข็งแรงประหนึ่งบินเข้ามา มาถึงตรงหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ในพริบตา“เมี้ยว”เฮยตั้นกระโดดขึ้นบนศีรษะของนางอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างกายปิดดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ขาหลังเกือบจะปิดแก้มของนางกรงเล็บหน้าขยุ้มผมนางเมื่อการมองเห็นของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกบดบัง
อาการปวดศีรษะจนยากจะทนรับไหวถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ศีรษะ เป็นความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อนเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เหงื่อเม็ดโตก็ไหลพรากอาภรณ์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกันนางทนรับความเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ไหว น้ำตาจึงไหลลงมาอย่างยากจะต้านทานร้องไห้สะอึ