ไม่ต้องพูดว่าจะทำร้ายคน กระทั่งยืนก็ยังยืนได้ไม่มั่นคง “เจตนาเดิมของหม่อมฉันคือพาสาวใช้ของหม่อมฉันกลับจวน แต่พวกท่านกลับหาที่ตายเอง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ระงับอารมณ์ที่มาถึงขีดจำกัดลงไป“มู่เหยี่ย ในปัสสาวะม้าที่เทราดไปยังท่านได้ถูกหม่อมฉันวางยาพิษไว้แล้ว รูปร่างของท่านสูงชะลูด ร่างกายแข็งแรง ภายในเวลาชั
มู่เหยี่ยหอบหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ ราวกับคิดจะยกมือขึ้นมาไม่ว่านางจะพยายามเช่นไร ก็มิอาจขยับแม้กระทั่งนิ้วมือได้ ความรู้สึกที่ควบคุมร่างกายได้ยากนั้น ราวกับตกลงไปในห้วงเหวลึกก็มิปานฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินมาหยุดที่ข้างกายนาง “มู่เหยี่ย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ หม่อมฉันจะเอาคืนเป็นสองเท่า แต่ ท่านหาได้
ในที่สุดฤทธิ์ยาดอกบัวดำก็เข้าสู่ระยะที่สองฤทธิ์ยาระยะแรกนั้นส่วนใหญ่เกิดจากเมือกคางคกดำ ทำให้เส้นประสาทเป็นอัมพาต และควบคุมร่างกายไม่ได้เข้าสู่ระยะที่สอง อาการชาจะหายไป และจะถูกแทนที่ด้วยอาการคันจากพิษคางคกดำอย่างช้า ๆ หลังจากที่อาการคันผ่านพ้นไปแล้ว ก็จะมีอาการคันและเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากมดดำกระสุ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้ตั้งแต่แรกแล้วหลังจากที่นางออกมาจากตำหนักหมิงอวี้นั้น ตู้เหิงก็ติดตามนางอยู่ด้านหลังไกลๆนับตั้งแต่ที่นางเดินมาถึงเรือนโยวหลาน จนถึงคอกม้า จนกระทั่งมาถึงเรือนสมุนไพรที่นางทะเลาะกับองค์หญิงมู่เหยี่ยนั้น ตู้เหิงคอยเฝ้ามองดูนางด้วยสายตาที่เย็นชามาโดยตลอดฉะนั้นแล้ว ยามที่ไป๋โค้วเลียน
เขามองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของเฟ่ยชุ่ย ก่อนจะลังเลอยู่นาน “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ถอดใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ในเมื่อคนมิหายใจแล้ว เช่นนี้จักฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร?ทั้งเฟ่ยชุ่ยและชื่อเจี้ยน ได้ตายไปแล้ว“ทำต่อไป” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รร้องตะโกนออกมา “เป็นไปไม่ได้ พวกนางจักต้องไม่เป็นอันใด”“หากมิถึงตอนสุดท้าย อย่าคิดยอมแพ
ข้างกายของตงฟางหลีนั้น ทั้งสามคนที่ต้องพิษถูกองครักษ์เงาพาไปพักที่ที่แตกต่างกันใบหน้าขององค์หญิงมู่เหยี่ยพลันมีรอยขีดข่วนมากมายบนใบหน้าของเธอ ทั้งยังมีอาการหวาดกลัวสิ่งสกปรกอย่างรุนแรง ทั่วร่างของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดและฝุ่นควันมากมาย ดวงตาทั้งสองข้างพลันเบิกโพลง พร้อมทั้งตัวนางที่เอาแต่กลิ
“ข้าเป็นคนอาฆาตพยาบาท หากท่านคิดจะทำแบบเดียวกันกับในวันนั้นแล้ว ข้าจักสังหารฉิงเอ๋อร์ของท่านเสีย ให้นางตายด้วยความเจ็บปวดที่มิมีวันรู้จบ ในเมื่อท่านมิอยากให้ข้ามีความสุข ท่านเองก็อย่าหวังว่าตนเองจะมีความสุขเช่นกัน”“ชีวิตของนางยังอยู่ในกำมือข้า ข้าแนะนำว่า ท่านคิดจักทำอันใดควรคิดให้รอบคอบมากกว่านี้”
เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์กลับมาถึงเรือนโยวหลานนั้น พละกำลังของนางพลันเดินทางมาถึงขีดจำกัดในทันทีนางคล้ายว่าจะทรุดตัวลงบนเก้าอี้เอน พร้อมด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดไร้สี“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ” ลู่ซิวที่รู้สึกได้ว่าอาการของนางไม่ค่อยดีนั้น “กระหม่อมช่วยจับชีพจรให้ท่านดีหรือไม่?”“ไม่ต้องทำ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์แย้มยิ้มอ