ทันใดนั้น พวกโจรภูเขาวิ่งเข้าไปโอบล้อมอย่างรวดเร็ว แสงไฟส่องสว่างในยามราตรี สาดส่องเงาคนที่ซ่อนตัวอยู่หานเฟิงรีบยกดาบพุ่งออกไป ต่อสู้กับโจรภูเขากลุ่มนั้นแบบไม่พูดพร่ำทำเพลงว่ากันตามวรยุทธ์ หานเฟิงติดตามอ๋องเฉินมานานหลายปี เข้าสนามรบฆ่าฟันศัตรู รอดชีวิตมาหลายครั้ง โจรภูเขากลุ่มนี้ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแต่...พวกเขาใช้พิษพิษร้ายสาดไปทางหานเฟิงทีละกำมือ หานเฟิงจำต้องแบ่งสมาธิเพื่อหลบหลีก จึงได้รับบาดเจ็บจากกระบี่อย่างไม่ทันระวังฉึก…“อุ๊ก!”เขาเจ็บปวด โซซัดโซเซถอยหลังไปสามก้าว พวกโจรภูเขาจึงฉวยโอกาส วิ่งไปหาเงาดำที่อยู่ด้านหลังก้อนหินนั้น“นายท่าน!”ดาบใหญ่ในมือโจรภูเขายกขึ้นสูง ฟันลงไปอย่างโหดเหี้ยม เมื่อเห็นว่าอ๋องเฉินกำลังมีภัย ก็มีผงสีขาวสาดเข้ามาจากกลางอากาศซ่า!หมอกสีขาวลอยขึ้น เมื่อเจอกับไฟก็ระเบิดออก “โอ๊ย!”เปลวไฟสาดกระเซ็น พวกโจรภูเขาได้รับบาดเจ็บโดยที่ไม่ทันระวังตัว รีบโยนคบเพลิงในมือออกไปด้วยความตกใจ ใช้เท้ากระทืบอย่างรวดเร็วเมื่อเปลวไฟดับลง ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองอีกที ที่เดิม ยังมีร่องรอยของอ๋องเฉินอยู่อีกที่ไหนกัน?ผู้ชายที่ท่าทางเป็นหัวหน้าสีหน้าโหด
เขาพยายามถ่างเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้น ในระหว่างความพร่ามัว เห็นเค้าโครงร่างที่คุ้นเคยอย่างพร่าเลือนภายในสายตาที่เลือนราง เค้าโครงของหญิงสาวค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นดวงตา จมูก ริมฝีปาก แก้ม...เขามองเห็นนางกอดเขาเอาไว้ โถมตัวมาบนร่างกายของเขาอย่างร้อนใจ ปากที่ขยับกำลังพูดอะไรบางอย่างอย่างรีบด่วน ทั้งหมดนี้ หัวใจของเขาราวกับถูกอะไรบางอย่างมาเติมจนเต็มเปี่ยมริมฝีปากบางเผยอออกอย่างอ่อนแอ ในขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้ยินหญิงสาวเอ่ย“เฟิงเย่เสวียน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านค่อยยังชั่วแล้วหรือไม่? ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจ!”“ท่านมีแรงยกมือหรือไม่? ถ้าไม่อย่างนั้นท่านเขียนหนังสือหย่าให้ข้าก่อน!”“...”ทันทีที่ชายหนุ่มอ้าปาก ทันใดนั้นก็หายใจไม่ออก ลมหายใจติดขัด คอพับหมดสติไปเลย“นายท่าน!”หานเฟิงร้อนใจขึ้นมาแล้ว“พระชายา ข้าได้ขับพิษร้ายทั้งหมดออกมาให้นายท่านแล้ว ทำไมนายท่านยังหมดสติไปอีก เขาจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? จะมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่!”เขาร้อนใจจนถามออกมารวดเดียวหลายคำถามฉู่เชียนหลีพลิกเปิดเปลือกตาของเฟิงเย่เสวียน เมื่อเห็นสีริมฝีปากของเขากลับมาเป็นปกติ เลือดที่ปลายนิ้วจากสีดำข้น ก
ดวงตาของชายหนุ่มชะงักทันทีหย่า...หย่า...นางเดินทางมาไกลเช่นนี้ ที่แท้ไม่ใช่เพื่อเขา แต่กังวลว่าหากเขาตายแล้วจะเขียนหนังสือหย่าไม่ได้คำพูดที่นางเคยกล้าเพียงแค่เก็บงำเอาไว้ในใจ ตอนนี้กล้าพูดออกมาตรง ๆ แล้ว แต่เขาไม่ได้ดีใจมากเขาที่เคยคิดอยากจะหย่านางทุกขณะ ตอนนี้มีโอกาสแล้ว แต่เขากลับไม่ค่อยยินดีเท่าใดนักเฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปากอย่างอ่อนแอ ค้ำพื้นหญ้าเอาไว้ นั่งตรงตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่กำจัดพิษแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร มีเพียงแค่อาการอ่อนแอเล็กน้อยเท่านั้นเขากระแอมสองที “ข้ารู้ว่าเจ้ายังโมโหอยู่...”“ข้าไม่ได้โมโห ข้าใจกว้างมาก ข้ามีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาก จนเรือสามารถกลับลำในท้องข้าได้[footnoteRef:1] ท่านอ๋องไม่ต้องคิดมาก แล้วก็ไม่ต้องระแวง ท่านอย่าได้ใช้ความคิดของท่านมาตัดสินข้าตามอำเภอใจ ขอบคุณ ใบหน้าข้าเขียนคำว่าดีใจอยู่เต็มไปหมด” [1: มีน้ำใจ ใจกว้าง] เขาเพิ่งจะพูดเพียงประโยคเดียว และยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ ก็ถูกแย้งด้วยถ้อยคำมากมายจุกอยู่ในลำคอจ้องมองใบหน้าที่ ‘ดีใจ’ เป็นอย่างยิ่งจริง ๆ ของหญิงสาว ราวกับว่าขอเพียงแค่เขาพูดอีกเพียงหนึ่งประโยค นางจะย
ฉู่เชียนหลีเอ่ยปากกล่าว “ท่านอ๋องช่างเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงใจเสียจริง ท่านคำนึงถึงประชาชนเช่นนี้ ถึงยอมเสียสละให้ร่างกายตนเองบาดเจ็บ ชาวบ้านได้รู้จะต้องซาบซึ้งใจยิ่งเป็นแน่”“ข้าเองก็ซาบซึ้งใจมากเช่นกัน ท่านช่างมีน้ำใจยิ่งนัก ผู้ชายที่จิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ล้วนมีเสน่ห์ยิ่ง”นางกะพริบดวงตาสีดำขลับทั้งสองข้าง สีหน้านั้น น้ำเสียงนั้น จริงใจเป็นอย่างยิ่งเฟิงเย่เสวียนไม่เชื่อแม้แต่คำเดียวในเวลาเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจนาง ได้ยินนางด่าเขาเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ คิดไม่ถึงว่าจะรู้สึกดีใจ...ที่ไม่ได้มีมานานมากแล้วหานเฟิงพูดแทรกกลั้วหัวเราะ “ถูกต้อง ๆ พระชายา นายท่านดีขนาดนี้ ท่านก็อย่าหย่ากับเขาเลย”พลาดจากนายท่านไป ใต้หล้านี้ จะหาผู้ชายดีขนาดนี้ได้จากที่ไหนอีก?ฉู่เชียนหลีเหลือบตามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “หานเฟิง เจ้าฉลาดมากจริง ๆ”——ฉันกำลังด่าเฟิงเย่เสวียนว่าโง่ ฉันชื่นชมเขาเหรอ? เมื่อกี้ฉันกำลังชื่นชมเขาเหรอ?ทันทีที่หานเฟิงได้ยิน ก็ยิ้มอย่างดีใจยิ่งกว่าเดิม“ขอบคุณพระชายาที่ชื่นชม ขอบคุณพระชายา!”“...”เฟิงเย่เสวียนรู้สึกหงุดหงิด ทันใดนั้นก็ยกเท้าเตะเข้าไปที่ก้นของห
ชายหนุ่มหาบน้ำสองหาบขึ้น หลังจากเดินออกไปไม่กี่ก้าวอย่างมั่นคง ราวกับสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่างจึงหันหน้ากลับไปมอง เห็นว่าหญิงสาวยังยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื้นตันใจริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อยเขาบอกแล้วว่า จะทำให้นางรักเขาให้ได้ในหนึ่งเดือน ฉู่เชียนหลี ‘น้ำนี่ก็ควรเป็นนายที่ต้องหาบอยู่แล้วไหม? เป็นนายที่ต้องการปราบโจร เป็นนายที่มีคำสั่งของฮ่องเต้ติดตัว ฉันยังเห็นแก่หนังสือหย่าถึงได้มาช่วยงานนายต่างหาก’เฟิงเย่เสวียน “...”ห่างไปไม่ไกลนัก หานเฟิงที่ปลอมตัวเรียบร้อยแล้วก็หาบน้ำถังหนึ่งเดินมาหา“นายท่าน พระชายา ออกเดินทางได้แล้ว ลูกกระจ๊อกพวกนั้นขึ้นเขาไปหมดแล้ว เหมือนว่าจะเป็นน้ำเที่ยวสุดท้ายแล้ว”ฉู่เชียนหลี “รีบไป”เฟิงเย่เสวียนที่คิดเข้าข้างตัวเองเม้มริมฝีปากบาง ไม่คิดมากอีก หาบน้ำสองถังไว้ที่บ่าอย่างมั่นคง เดินขึ้นเขาไปตามทางที่พวกลูกกระจ๊อกเหยียบย่ำเอาไว้เส้นนั้นเมื่อสวมเสื้อผ้าของโจรภูเขา ทาผิวจนดำ แปะหนวดเครา แต่งกายจนแม้กระทั่งมารดายังจำไม่ได้ การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดทางขึ้นเขาตอนที่ใกล้จะถึง เฟิงเย่เสวียนนำถังน้ำให้แก่ฉู่เชียนหลี
“เอาผักมานี่!”ลูกกระจ๊อกคนหนึ่งตะคอก ฉู่เชียนหลีรีบเรียกสายตากลับคืนมา ยกตะกร้าผักเดินไปที่ข้างเตา ก้มหน้าก้มตาเป็นลูกมือเงียบ ๆในเวลาเดียวกันก็ได้ยินพวกลูกกระจ๊อกคุยกัน“ปล้นตัวมาได้อีกชุด ได้ข่าวมาว่าเป็นพ่อค้ารวย มีเงินค่อนข้างมาก ยังมีผู้หญิงสาวที่สวยมากอีกคนด้วย...”“ขนาดอ๋องเฉินยังทำอะไรพวกเราไม่ได้ ยังมีใครหน้าไหนกล้าก้าวก่ายเรื่องของภูเขากว่างหนิงของพวกเราอีก?”“ก็ใช่นะสิ!”ฉู่เชียนหลีหูผึ่ง แอบฟังพวกเขาคุยกันเงียบๆ ได้ข้อมูลจากบทสนทนาของพวกเขาไม่น้อยฟังไปฟังมาก็เหลือบเห็นร่างที่ซูบผอมแวบหนึ่งอย่างบังเอิญเป็นหนุ่มน้อยคนหนึ่งเขาสวมเสื้อผ้าบาง ๆ ยืนหั่นผักอยู่ตรงมุมเงียบ ๆ บนร่างกายสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งตัวหนึ่ง ผิวที่เผยให้เห็นมีลักษณะบวมแดง เต็มไปด้วยบาดแผล มุมปากมีสีม่วงปื้นใหญ่ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย อาศัยตอนที่ล้างผัก ขยับเข้าไปใกล้หนุ่มน้อยแบบเนียน ๆ“ข้าช่วยเจ้า...”“อย่าตีข้า!”ทันทีที่เข้าใกล้ หนุ่มน้อยก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นราวกับลูกนกที่ตกใจ ป้องกันศีรษะของตนเองเอาไว้ ตกใจไม่น้อย“ไม่ต้องกลัว”เมื่อฉู่เชียนหลีเห็นมือที่ค่อนข้างนุ่มนวลของเขา ท่าท
ทันทีที่พูดจบ ก็ถูกชายหนุ่มดึงหูเอาไว้“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” ชายหนุ่มหรี่ดวงตาดำขลับ น้ำเสียงเบาไหลล้นออกมาจากในลำคอของเขา เจืออันตรายที่เย็นยะเยือกฉู่เชียนหลี “เจ็บ...”ติ่งหูของนางแดงหมดแล้วชายหนุ่มเหลือบตามองแวบหนึ่ง ติ่งหูแดงก่ำ สัมผัสลื่นมือ ทันใดนั้นสายตาก็เคร่งขรึมขึ้น ตอนที่เอ่ยปากกล่าวขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงจริงจังขึ้นไม่น้อย“จะให้ข้าใส่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”เขาบีบติ่งหูอันนุ่มนิ่มของนางอีกครั้ง ถึงคลายมือออกฉู่เชียนหลีดวงตาเปล่งประกายทันทีชายหนุ่ม “แต่ว่าไม่ใช่วันนี้”“...”—— ‘เชอะ ก็แค่พูดอย่างนั้นแหละ เสแสร้งแกล้งทำ แค่ดูก็รู้ว่าขู่’เฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปาก “ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเช้า แล้วก็เป็นเวลาที่คนพวกนี้เปลี่ยนเวรกัน จำนวนคนค่อนข้างมาก เคลื่อนไหวให้เหมาะสมจะไม่เป็นที่สังเกต”“เพื่อประหยัดเวลา เริ่มดำเนินการตอนนี้เลย”“ได้”นี่เป็นครั้งแรกที่ทำ ‘ภารกิจ’ ที่ชอบธรรม กระตือรือร้น แสวงหาความเจริญก้าวหน้า และยังแฝงไปด้วยอันตรายและตื่นเต้น นับตั้งแต่ฉู่เชียนหลีทะลุมิติมา ก่อนหน้านี้เพียงแค่เห็นในโทรทัศน์ ตอนนี้มาสัมผัสกับสถานการณ์จริง อดไม่ได้ที่จะเกิดอารมณ์อยา
หลังจากฉู่เชียนหลีรับมา ถึงพบว่าไม่รู้ที่อยู่ของพี่หู่ กำแส้สีดำในมือเอาไว้แล้วกระซิบถามเฟิงเย่เสวียน“ในฐานะที่เป็นโจรภูเขา หากไม่รู้แม้กระทั่งที่อยู่ของลูกพี่ จะมีพิรุธหรือไม่?”ชายหนุ่มอื่มเสียงหนัก อารมณ์ชะงักไปเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง“ไปทางด้านนี้ สามสิบเมตร หลังที่สองของทางทิศตะวันออก”“ท่านรู้ได้อย่างไร?”“เมื่อครู่พวกเราเดินวนรอบหนึ่ง การป้องกันรักษาของที่นั่นเข้มงวดที่สุด เวลาไม่คอยท่า ข้าจะไปที่นั่นกับเจ้า”ฉู่เชียนหลีพยักหน้า สาวเท้าเดินไปทางด้านนั้น ยังไม่ลืมที่จะกล่าวชม “ท่านฉลาดจริง ๆ”“...”เห็นได้ชัดว่าเจ้าสะเพร่าแม้แต่ภาพแผนที่เจ้ายังวาดออกมาได้ เพียงแค่นำห้องครัว ห้อง ห้องเก็บของ ที่อาศัยของพวกลูกกระจ๊อกต่าง ๆ ตัดทิ้งทีละหนึ่ง ก็จะเจอที่อยู่คร่าว ๆ ของพี่หู่ได้ไม่ยากมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มชี้ ก็เป็นที่อยู่อาศัยของหัวหน้าโจรภูเขาจริง ๆที่นี่ลูกกระจ๊อกค่อนข้างเยอะ แต่ว่าทั้งสองคนมี ‘ป้ายคำสั่งพิเศษ’ จึงราบรื่นมาตลอดทาง เพียงแต่ ทันทีที่เข้าใกล้บ้านไม้หลังหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาทันที“ขอร้องเจ้าปล่อยข้าไป...อ๊