เขาพยายามถ่างเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้น ในระหว่างความพร่ามัว เห็นเค้าโครงร่างที่คุ้นเคยอย่างพร่าเลือนภายในสายตาที่เลือนราง เค้าโครงของหญิงสาวค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นดวงตา จมูก ริมฝีปาก แก้ม...เขามองเห็นนางกอดเขาเอาไว้ โถมตัวมาบนร่างกายของเขาอย่างร้อนใจ ปากที่ขยับกำลังพูดอะไรบางอย่างอย่างรีบด่วน ทั้งหมดนี้ หัวใจของเขาราวกับถูกอะไรบางอย่างมาเติมจนเต็มเปี่ยมริมฝีปากบางเผยอออกอย่างอ่อนแอ ในขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้ยินหญิงสาวเอ่ย“เฟิงเย่เสวียน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านค่อยยังชั่วแล้วหรือไม่? ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจ!”“ท่านมีแรงยกมือหรือไม่? ถ้าไม่อย่างนั้นท่านเขียนหนังสือหย่าให้ข้าก่อน!”“...”ทันทีที่ชายหนุ่มอ้าปาก ทันใดนั้นก็หายใจไม่ออก ลมหายใจติดขัด คอพับหมดสติไปเลย“นายท่าน!”หานเฟิงร้อนใจขึ้นมาแล้ว“พระชายา ข้าได้ขับพิษร้ายทั้งหมดออกมาให้นายท่านแล้ว ทำไมนายท่านยังหมดสติไปอีก เขาจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? จะมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่!”เขาร้อนใจจนถามออกมารวดเดียวหลายคำถามฉู่เชียนหลีพลิกเปิดเปลือกตาของเฟิงเย่เสวียน เมื่อเห็นสีริมฝีปากของเขากลับมาเป็นปกติ เลือดที่ปลายนิ้วจากสีดำข้น ก
ดวงตาของชายหนุ่มชะงักทันทีหย่า...หย่า...นางเดินทางมาไกลเช่นนี้ ที่แท้ไม่ใช่เพื่อเขา แต่กังวลว่าหากเขาตายแล้วจะเขียนหนังสือหย่าไม่ได้คำพูดที่นางเคยกล้าเพียงแค่เก็บงำเอาไว้ในใจ ตอนนี้กล้าพูดออกมาตรง ๆ แล้ว แต่เขาไม่ได้ดีใจมากเขาที่เคยคิดอยากจะหย่านางทุกขณะ ตอนนี้มีโอกาสแล้ว แต่เขากลับไม่ค่อยยินดีเท่าใดนักเฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปากอย่างอ่อนแอ ค้ำพื้นหญ้าเอาไว้ นั่งตรงตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่กำจัดพิษแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร มีเพียงแค่อาการอ่อนแอเล็กน้อยเท่านั้นเขากระแอมสองที “ข้ารู้ว่าเจ้ายังโมโหอยู่...”“ข้าไม่ได้โมโห ข้าใจกว้างมาก ข้ามีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาก จนเรือสามารถกลับลำในท้องข้าได้[footnoteRef:1] ท่านอ๋องไม่ต้องคิดมาก แล้วก็ไม่ต้องระแวง ท่านอย่าได้ใช้ความคิดของท่านมาตัดสินข้าตามอำเภอใจ ขอบคุณ ใบหน้าข้าเขียนคำว่าดีใจอยู่เต็มไปหมด” [1: มีน้ำใจ ใจกว้าง] เขาเพิ่งจะพูดเพียงประโยคเดียว และยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ ก็ถูกแย้งด้วยถ้อยคำมากมายจุกอยู่ในลำคอจ้องมองใบหน้าที่ ‘ดีใจ’ เป็นอย่างยิ่งจริง ๆ ของหญิงสาว ราวกับว่าขอเพียงแค่เขาพูดอีกเพียงหนึ่งประโยค นางจะย
ฉู่เชียนหลีเอ่ยปากกล่าว “ท่านอ๋องช่างเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงใจเสียจริง ท่านคำนึงถึงประชาชนเช่นนี้ ถึงยอมเสียสละให้ร่างกายตนเองบาดเจ็บ ชาวบ้านได้รู้จะต้องซาบซึ้งใจยิ่งเป็นแน่”“ข้าเองก็ซาบซึ้งใจมากเช่นกัน ท่านช่างมีน้ำใจยิ่งนัก ผู้ชายที่จิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ล้วนมีเสน่ห์ยิ่ง”นางกะพริบดวงตาสีดำขลับทั้งสองข้าง สีหน้านั้น น้ำเสียงนั้น จริงใจเป็นอย่างยิ่งเฟิงเย่เสวียนไม่เชื่อแม้แต่คำเดียวในเวลาเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจนาง ได้ยินนางด่าเขาเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ คิดไม่ถึงว่าจะรู้สึกดีใจ...ที่ไม่ได้มีมานานมากแล้วหานเฟิงพูดแทรกกลั้วหัวเราะ “ถูกต้อง ๆ พระชายา นายท่านดีขนาดนี้ ท่านก็อย่าหย่ากับเขาเลย”พลาดจากนายท่านไป ใต้หล้านี้ จะหาผู้ชายดีขนาดนี้ได้จากที่ไหนอีก?ฉู่เชียนหลีเหลือบตามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “หานเฟิง เจ้าฉลาดมากจริง ๆ”——ฉันกำลังด่าเฟิงเย่เสวียนว่าโง่ ฉันชื่นชมเขาเหรอ? เมื่อกี้ฉันกำลังชื่นชมเขาเหรอ?ทันทีที่หานเฟิงได้ยิน ก็ยิ้มอย่างดีใจยิ่งกว่าเดิม“ขอบคุณพระชายาที่ชื่นชม ขอบคุณพระชายา!”“...”เฟิงเย่เสวียนรู้สึกหงุดหงิด ทันใดนั้นก็ยกเท้าเตะเข้าไปที่ก้นของห
ชายหนุ่มหาบน้ำสองหาบขึ้น หลังจากเดินออกไปไม่กี่ก้าวอย่างมั่นคง ราวกับสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่างจึงหันหน้ากลับไปมอง เห็นว่าหญิงสาวยังยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื้นตันใจริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อยเขาบอกแล้วว่า จะทำให้นางรักเขาให้ได้ในหนึ่งเดือน ฉู่เชียนหลี ‘น้ำนี่ก็ควรเป็นนายที่ต้องหาบอยู่แล้วไหม? เป็นนายที่ต้องการปราบโจร เป็นนายที่มีคำสั่งของฮ่องเต้ติดตัว ฉันยังเห็นแก่หนังสือหย่าถึงได้มาช่วยงานนายต่างหาก’เฟิงเย่เสวียน “...”ห่างไปไม่ไกลนัก หานเฟิงที่ปลอมตัวเรียบร้อยแล้วก็หาบน้ำถังหนึ่งเดินมาหา“นายท่าน พระชายา ออกเดินทางได้แล้ว ลูกกระจ๊อกพวกนั้นขึ้นเขาไปหมดแล้ว เหมือนว่าจะเป็นน้ำเที่ยวสุดท้ายแล้ว”ฉู่เชียนหลี “รีบไป”เฟิงเย่เสวียนที่คิดเข้าข้างตัวเองเม้มริมฝีปากบาง ไม่คิดมากอีก หาบน้ำสองถังไว้ที่บ่าอย่างมั่นคง เดินขึ้นเขาไปตามทางที่พวกลูกกระจ๊อกเหยียบย่ำเอาไว้เส้นนั้นเมื่อสวมเสื้อผ้าของโจรภูเขา ทาผิวจนดำ แปะหนวดเครา แต่งกายจนแม้กระทั่งมารดายังจำไม่ได้ การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดทางขึ้นเขาตอนที่ใกล้จะถึง เฟิงเย่เสวียนนำถังน้ำให้แก่ฉู่เชียนหลี
“เอาผักมานี่!”ลูกกระจ๊อกคนหนึ่งตะคอก ฉู่เชียนหลีรีบเรียกสายตากลับคืนมา ยกตะกร้าผักเดินไปที่ข้างเตา ก้มหน้าก้มตาเป็นลูกมือเงียบ ๆในเวลาเดียวกันก็ได้ยินพวกลูกกระจ๊อกคุยกัน“ปล้นตัวมาได้อีกชุด ได้ข่าวมาว่าเป็นพ่อค้ารวย มีเงินค่อนข้างมาก ยังมีผู้หญิงสาวที่สวยมากอีกคนด้วย...”“ขนาดอ๋องเฉินยังทำอะไรพวกเราไม่ได้ ยังมีใครหน้าไหนกล้าก้าวก่ายเรื่องของภูเขากว่างหนิงของพวกเราอีก?”“ก็ใช่นะสิ!”ฉู่เชียนหลีหูผึ่ง แอบฟังพวกเขาคุยกันเงียบๆ ได้ข้อมูลจากบทสนทนาของพวกเขาไม่น้อยฟังไปฟังมาก็เหลือบเห็นร่างที่ซูบผอมแวบหนึ่งอย่างบังเอิญเป็นหนุ่มน้อยคนหนึ่งเขาสวมเสื้อผ้าบาง ๆ ยืนหั่นผักอยู่ตรงมุมเงียบ ๆ บนร่างกายสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งตัวหนึ่ง ผิวที่เผยให้เห็นมีลักษณะบวมแดง เต็มไปด้วยบาดแผล มุมปากมีสีม่วงปื้นใหญ่ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย อาศัยตอนที่ล้างผัก ขยับเข้าไปใกล้หนุ่มน้อยแบบเนียน ๆ“ข้าช่วยเจ้า...”“อย่าตีข้า!”ทันทีที่เข้าใกล้ หนุ่มน้อยก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นราวกับลูกนกที่ตกใจ ป้องกันศีรษะของตนเองเอาไว้ ตกใจไม่น้อย“ไม่ต้องกลัว”เมื่อฉู่เชียนหลีเห็นมือที่ค่อนข้างนุ่มนวลของเขา ท่าท
ทันทีที่พูดจบ ก็ถูกชายหนุ่มดึงหูเอาไว้“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” ชายหนุ่มหรี่ดวงตาดำขลับ น้ำเสียงเบาไหลล้นออกมาจากในลำคอของเขา เจืออันตรายที่เย็นยะเยือกฉู่เชียนหลี “เจ็บ...”ติ่งหูของนางแดงหมดแล้วชายหนุ่มเหลือบตามองแวบหนึ่ง ติ่งหูแดงก่ำ สัมผัสลื่นมือ ทันใดนั้นสายตาก็เคร่งขรึมขึ้น ตอนที่เอ่ยปากกล่าวขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงจริงจังขึ้นไม่น้อย“จะให้ข้าใส่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”เขาบีบติ่งหูอันนุ่มนิ่มของนางอีกครั้ง ถึงคลายมือออกฉู่เชียนหลีดวงตาเปล่งประกายทันทีชายหนุ่ม “แต่ว่าไม่ใช่วันนี้”“...”—— ‘เชอะ ก็แค่พูดอย่างนั้นแหละ เสแสร้งแกล้งทำ แค่ดูก็รู้ว่าขู่’เฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปาก “ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเช้า แล้วก็เป็นเวลาที่คนพวกนี้เปลี่ยนเวรกัน จำนวนคนค่อนข้างมาก เคลื่อนไหวให้เหมาะสมจะไม่เป็นที่สังเกต”“เพื่อประหยัดเวลา เริ่มดำเนินการตอนนี้เลย”“ได้”นี่เป็นครั้งแรกที่ทำ ‘ภารกิจ’ ที่ชอบธรรม กระตือรือร้น แสวงหาความเจริญก้าวหน้า และยังแฝงไปด้วยอันตรายและตื่นเต้น นับตั้งแต่ฉู่เชียนหลีทะลุมิติมา ก่อนหน้านี้เพียงแค่เห็นในโทรทัศน์ ตอนนี้มาสัมผัสกับสถานการณ์จริง อดไม่ได้ที่จะเกิดอารมณ์อยา
หลังจากฉู่เชียนหลีรับมา ถึงพบว่าไม่รู้ที่อยู่ของพี่หู่ กำแส้สีดำในมือเอาไว้แล้วกระซิบถามเฟิงเย่เสวียน“ในฐานะที่เป็นโจรภูเขา หากไม่รู้แม้กระทั่งที่อยู่ของลูกพี่ จะมีพิรุธหรือไม่?”ชายหนุ่มอื่มเสียงหนัก อารมณ์ชะงักไปเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง“ไปทางด้านนี้ สามสิบเมตร หลังที่สองของทางทิศตะวันออก”“ท่านรู้ได้อย่างไร?”“เมื่อครู่พวกเราเดินวนรอบหนึ่ง การป้องกันรักษาของที่นั่นเข้มงวดที่สุด เวลาไม่คอยท่า ข้าจะไปที่นั่นกับเจ้า”ฉู่เชียนหลีพยักหน้า สาวเท้าเดินไปทางด้านนั้น ยังไม่ลืมที่จะกล่าวชม “ท่านฉลาดจริง ๆ”“...”เห็นได้ชัดว่าเจ้าสะเพร่าแม้แต่ภาพแผนที่เจ้ายังวาดออกมาได้ เพียงแค่นำห้องครัว ห้อง ห้องเก็บของ ที่อาศัยของพวกลูกกระจ๊อกต่าง ๆ ตัดทิ้งทีละหนึ่ง ก็จะเจอที่อยู่คร่าว ๆ ของพี่หู่ได้ไม่ยากมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มชี้ ก็เป็นที่อยู่อาศัยของหัวหน้าโจรภูเขาจริง ๆที่นี่ลูกกระจ๊อกค่อนข้างเยอะ แต่ว่าทั้งสองคนมี ‘ป้ายคำสั่งพิเศษ’ จึงราบรื่นมาตลอดทาง เพียงแต่ ทันทีที่เข้าใกล้บ้านไม้หลังหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาทันที“ขอร้องเจ้าปล่อยข้าไป...อ๊
“อึก!”ดวงตาทั้งสองข้างของผู้ชายเบิกกว้าง ฝ่ามือใหญ่อันหยาบกร้านจับหัวไหล่ของฉู่เชียนหลีเอาไว้ พยายามดึงข้ามหัวไหล่แล้วทุ่มลงไปฉู่เชียนหลีใช้ปลายรองเท้าเกี่ยวข้อเท้าของผู้ชายเอาไว้ อาศัยแรงค้ำยันร่างกายของตนเองเอาไว้ แล้วใช้มือข้างที่ว่าง คลำกระดูกสันหลังท่อนที่บริเวณแผ่นหลังของเขาอย่างรวดเร็วจับเอาไว้ แล้วกดลงไป แล้วยกขึ้นอย่างแรงกร๊อบ!“โอ๊ย!”ร่างกายอันกำยำของผู้ชายสั่นเทาอย่างรุนแรง ทันในนั้นก็ล้มลงไปบนพื้นราวกับกระดูกทั้งร่างกายถูกดึงออกไปหมด แล้วหมดสติไปกระดูกชิ้นนี้ของร่างกายมนุษย์เป็นบริเวณที่เชื่อมต่อกับเส้นประสาทมากที่สุด และไวต่อความรู้สึกที่สุด กดบริเวณจุดนี้ กดเบาก็แค่เป็นลม กดแรงก็เป็นอัมพาตฉู่เชียนหลีโยนแส้ยาวทิ้ง วิ่งเข้าไปข้างกายของหญิงสาวคนนั้นอย่างรวดเร็ว“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”เมื่อประคองนางขึ้นมา ถึงพบว่าบนแขน แผ่นหลัง หัวไหล่และขาของนาง ราวกับว่าทุกตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ ทั้งหมดเต็มไปด้วยรอยแผลสีม่วงเขียว คราบเลือดเต็มไปทั่วทุกที่โดยเฉพาะคางของนาง คิดไม่ถึงว่าจะถูกบีบแตกทั้งเป็นดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างของหญิงสาวมีน้ำตาไหลออกมา ไม่กล้าเชื
คืนแรกที่ออกจากเมืองหลวงฉู่เชียนหลีนอนไม่หลับ…เมืองหลวงอันไกลโพ้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำอูหลาน วังหลวงจุดเทียนสว่างไสวในยามค่ำคืนที่มืดมิด เหล่านางกำนัลถือโคมไฟ ก้มหน้าเดินผ่านยังเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดมากตำหนักเจาหยางทุกที่มืดมิด ไร้ผู้คน และไม่มีเทียนแม้แต่เล่มเดียว เหมือนกับถูกความมืดกลืนกิน เงียบราวกับดินแดนไร้ผู้คนแต่ท่ามกลางความมืดนั่น กลับมีเสียงหายใจเย็นๆ สายหนึ่งเบาจนแทบไม่ได้ยิน เฟิงเจิ้งหลีนั่งอยู่บนบันได ร่างกายของเขากลมกลืนกับความมืดจนมองเห็นแทบไม่ชัด ดวงตาคู่นั้นฉายแสงในความมืด ราวกับจมอยู่ในเหวลึกอันไร้ที่สิ้นสุดในอดีตที่นี่เคยมีเสียงหัวเราะของเด็กๆ เคยมีรอยยิ้มของนาง ท่าทางที่อ่อนโยนของนาง และเสียงอันนุ่มนวลที่พูดคุยกับเขา ภาพเหล่านั้นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดยังคงอยู่ในสมองของเขา ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาชัดเจนมากตราตรึงมากนางเคยพูด อยู่ข้างกายเขา รู้สึกสบายใจมากนางเคยพูด จื่อเยี่ยชอบเขา นางก็จะดีกับเขานางเคยพูด…คำพูดไพเราะนางเป็นคนพูด เรื่องใจร้ายก็นางเป็นคนทำล้วนเป็นนาง!ฉู่เชียนหลี!โกหกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเชื่อครั้งแล้วครั้
“คุณหนูอย่าคิดมาก แม้องค์หญิงแคว้นหนานยวนท่านนี้น่ารังเกียจไปบ้าง แต่นางทำงานเสร็จ ก็น่าจะกลับแคว้นแล้ว ก็แค่เจอกันชั่วคราว ทำอะไรไม่ได้หรอก” จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมฉู่เชียนหลีไม่ได้คิดมากอย่างไรก็ตามผู้ชายอย่างเฟิงเย่เสวียนที่อายุยังน้อย รูปร่างหน้าตาโดดเด่น มีฐานะมีอิทธิพล สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง มีผู้หญิงมากมายชอบก็เป็นเรื่องปกติถ้านางจะถือสา คนมากมายเช่นนั้น จะถือสาไหวได้อย่างไร?นางนึกถึงเรื่องของกู่แพทย์ มองจิ่งอี้อย่างจริงจัง เห็นสีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเหมือนคนป่วย ก็รู้แล้วว่าเขากำลังใช้ร่างกายตัวเองเลี้ยงกู้แพทย์“เลี้ยงรอดหรือไม่?” นางถามเบาๆมีการบันทึกในตำราโบราณ กู่แพทย์ชนิดนี้อ่อนแอเลี้ยงยาก เผลอไม่ระวังนิดเดียวก็จะตาย สิ่งที่ทำมาก่อนหน้านี้ก็เปล่าประโยชน์จิ่งอี้หลุบตา เสียงเบามาก“เลี้ยงแล้วสามสิบกว่าตัว ในที่สุดก็เลี้ยงรอดสองตัว…”กู่แพทย์สองตัวนี้ ตอนนี้ถูกเขาเก็บไว้ในหน้าอก พกติดตัวไปทุกที่ ต่อให้เป็นเวลานอน ก็จะนำออกมาดูเป็นระยะกลัวว่าพลั้งเผลอนิดเดียว พวกมันก็จะตายฉู่เชียนหลีเหลือบมอง “อวิ๋นอิงรู้หรือไม่?”“นางไม่รู้ขอรับ คุณหนู อย่าพูดถ
เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีใบหน้างดงาม การแต่งกายดูขี้เล่นแต่ยังคงสูงศักดิ์ มัดมวยผมและถักเปียหางม้า ซึ่งบ่งบอกว่านางยังไม่แต่งงาน กระโดดออกมาปรากฏตัว ท่าทางที่สดใสร่าเริงนั่น ทำให้ดูเข้าถึงได้ง่ายมากฉู่เชียนหลีเหลือบมอง“เจ้าคือ…”“ข้าชื่อจวินลั่วยวน เป็นองค์หญิงแคว้นหนานยวน”นางแนะนำตัวเอง เสียงนั่นเหมือนนกขมิ้นที่บินออกจากหุบเขา สดใสไพเราะ“อ๋องเฉินกับฮ่องเต้ตงหลิงสู้กัน เสด็จพ่อให้ข้ามาช่วยอ๋องเฉินที่เจียงหนาน ก็เพราะข้าแทรกแซง ฮ่องเต้ตงหลิงจึงให้ความสำคัญกับศึกเมืองเทียนสู่เป็นพิเศษ และลงสนามรบด้วยตัวเอง”ไม่เช่นนั้น ยังไม่สามารถล่อฮ่องเต้ตงหลิงออกมาได้ล่อเสือออกจากถ้ำ พระชายาอ๋องเฉินจึงสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยพูดถึงก็ล้วนเป็นผลงานของนางฉู่เชียนหลีเข้าใจแล้วองค์หญิงของแคว้นหนานยวนท่านนี้ ได้ยินมานานแล้วว่าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของฮ่องเต้หนานยวน เป็นแก้วตาดวงใจที่เหมือนไข่มุกงามบนฝ่ามือ ถูกเอาใจใส่อย่างดีตั้งแต่เด็ก“รบกวนองค์หญิงแล้ว” นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ถือเป็นมารยาทจวินลั่วยวนประหลาดใจเล็กน้อย “?”แค่นี้?ไม่มีแล้ว?พูดแค่สี่คำก็แสดงความขอบค
เด็กน้อยที่ดูกลัวๆ ในตอนแรก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหมือนกับเจอที่พึ่งพิง เบ้าตาแดงก่ำ มุดเข้าไปในอ้อมแขนของนาง“อุแว้!”ร้องไห้เสียงดังนางกลัวมากแม่ของนางไม่อยู่ นางถูกคนรับใช้โยนไปโยนมา กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ และยังไม่กล้าร้องไห้ เพราะไม่มีใครกล่อมนางอย่างอ่อนโยนและอดทนเหมือนท่านแม่ในที่สุดก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยแล้วไม่สามารถควบคุมความน้อยใจที่กดเอาไว้ได้อีกต่อไป ปล่อยโฮร้องไห้“ฮือๆ…”สองมือจับเสื้อฉู่เชียนหลี มุดเข้าไปในอกของนางก็ร้องไห้อวิ๋นอิงยกมือขวาขึ้น รีบรับรองทันที “พระชายาวางใจได้ ตอนที่ท่านไม่อยู่ พวกเราดูแลลู่ฉินอย่างดี ไม่มีใครรังแกนางแน่นอน นางน่าจะคิดถึงท่านมาก จึงร้องไห้เช่นนี้”“ท่านไม่รู้หรอก แม้ลู่ฉินยังเล็ก แต่นางรู้ว่าใครเป็นใคร นางจะเอาท่านคนเดียว พึ่งพาท่าน คิดถึงท่าน”หัวใจฉู่เชียนหลีละลายตั้งแต่เด็กคนนี้เกิดมา นางเลี้ยงเองกับมือมาโดยตลอด และความเชื่อใจและการพึ่งพาที่เด็กมีต่อนาง ก็คือการตอบแทนที่ดีที่สุด“ไม่ร้องนะ”นางเช็ดน้ำตาเบาๆ “แม่กลับมาแล้ว ต่อไปจะไม่ไปอีกแล้ว”ในเมื่อเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวไม่เอาเด็กคนนี้ นางเลี้ยงเอง“แม่…”เสียง
ท้ายที่สุดเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่ได้ลงมือกองทัพทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันในระยะไกลทั้งเช่นนี้เฟิงเย่เสวียนกอดฉู่เชียนหลีไว้ จับเชือกบังเหียนม้าแน่น ขี่ม้าจากไปเฟิงเจิ้งหลียืนอยู่ที่ข้างแม่น้ำ ร่างกายที่บอบบางถูกลมเย็นพัดจนเสื้อคลุมพลิ้วไหว สีหน้าซีดเผือด แววตาอ่อนล้า มุมปากยังมีคราบเลือด ยืนมองนิ่งๆ ทั้งเช่นนี้…มอง…รอหลังจากขบวนของอ๋องเฉินหายลับตา เขายังคงยืนอยู่ข้างแม่น้ำ เนิ่นนานก็ไม่ขยับสองเท้าหนักเหมือนถูกถ่วงด้วยตะกั่ว สายตามองตรงไปข้างหน้ากลิ่นอายรอบตัวขรึมมาก สีหน้าแยกไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธชั่วขณะ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือเข้าไป…เจียงหนาน เมืองน้ำ[1] อากาศเย็นสบาย สภาพแวดล้อมดีมากขบวนตรงไปที่ทำเนียบ“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”“พระชายา?!”เมื่อคนที่เข้ามาต้อนรับเห็นฉู่เชียนหลี แต่ละคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อน แต่หลังจากนั้นก็ดีใจ“พระชายากลับมาแล้ว!”“พระชายากลับมาแล้ว!”เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้า จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วอวิ๋นอิง จิ่งอี้ เฟิ่งหราน คนมากมายรีบมาไม่เจอครึ่งปี มิตรภาพยังคงอยู่“พระชายา ในที่สุ
แสงแห่งรุ่งอรุณยามเช้าริบหรี่เวลาหนึ่งคืนเดียว เร่งเดินทางจากเมืองหลวงไปยังแม่น้ำอูหลาน ในช่วงที่ฟ้าใกล้สว่าง คนทั้งกลุ่มข้ามแม่น้ำเมื่อเดินไปถึงครึ่งทาง จุดที่ไกลออกไป มีขบวนอีกกลุ่มมุ่งหน้ามาอย่างเร่งรีบราวกับกระแสน้ำ สายลมเย็นยามเช้าพัดผ่าน เหมือนกับทัพใหญ่เข้าใกล้ชายแดน บรรยากาศที่กดดันอบอวลกลางอากาศหานเฟิง “นายท่าน อ๋องหลีมาแล้ว…”ขบวนสองกลุ่ม พบกันที่แม่น้ำอูหลานเฟิงเย่เสวียนอยู่บนสะพานเฟิงเจิ้งหลีอยู่บนฝั่งหยาดน้ำฟ้าตก สายน้ำไหลเชี่ยว สาดซัดเข้าฝั่ง หยดน้ำกระเซ็น ในอากาศเต็มไปด้วยความหนาวเย็น สองพี่น้องยืนสบตากันจากระยะที่ห่างกันหลายเมตรอยู่ไกลเกินไป แทบมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ก็เหมือนกับว่าพวกเขามองเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ใช้สายตาประลองกันเงียบๆ“ฝ่าบาท” รองแม่ทัพเอ่ยปาก “นี่คือโอกาสดีในการกำจัดอ๋องเฉิน ถือโอกาสตอนที่พวกเขายังอยู่บนสะพาน พวกเราระเบิดสะพาน ให้พวกเขาตกลงไปในน้ำที่ไหลเชี่ยว ไม่ตายก็เหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!”เขาคิดว่า นี่เป็นวิธีที่เหมาะสมมากอ๋องเฉินข้ามสะพานไปครึ่งหนึ่งแล้ว ต่อให้วิ่งไปอีกฝั่งของแม่น้ำ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งก้านธูปเวลาครึ่ง
“เป็นไปได้อย่างไร?”นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เมื่อห้าวันก่อน ข้าคุยกับเขาแล้ว และจัดการทุกอย่างไว้ให้เขาแล้ว เขาสามารถออกจากวังอย่างราบรื่น นอกเสียจาก…”จู่ๆ นางก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เสียงค่อยๆ เบาลงเฟิงเย่เสวียนกล่าวต่อ“เขาไม่อยากไป”ใช่!ไท่ซ่างหวงไม่อยากไปมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยังอาลัยอาวรณ์ หรือเพราะสาเหตุอื่น เขาจึงเลือกที่จะอยู่เมืองหลวงแต่ถ้าหากเขาอยู่เมืองหลวง เฟิงเจิ้งหลีต้องหาเรื่องเขาแน่นอนฉู่เชียนหลีเป็นห่วง หลังจากครุ่นคิด ก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว“ไม่ได้ ข้าต้องกลับวังหลวง ทิ้งเขาไว้ในเมืองหลวงเพียงลำพังไม่ได้”“ไม่ทันแล้ว”เฟิงเย่เสวียนจับข้อมือของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ทำให้ทุกคนรู้ตัวแล้ว เกรงว่าตอนนี้คนสนิทของเฟิงเย่เสวียนกำลังมา เขาก็อยู่ระหว่างทางกลับเช่นกัน เสียเวลาไม่ได้แล้ว”กำลังหลักของเขาอยู่ที่เจียงหนานไม่เหมาะที่จะอยู่เมืองหลวงนาน ครึ่งปีมานี้ วิธีการของเฟิงเจิ้งหลีเหี้ยมโหด กำจัดพวกต่อต้าน รวบอำนาจเข้าด้วยกัน เมืองหลวงเป็นถิ่นของเขา อยู่ในถิ่นของเขา พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ
“อ๋อง อ๋องเฉิน…”มองดูเฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามาทีละก้าว ร่างกายผู้บัญชาการจางหดเกร็ง เพิ่งอ้าปาก ก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศที่เฉียบคมดังขึ้นเพี๊ยะ!“อ่า!”แส้สีดำแหวกอากาศ ฟาดไปที่ใบหน้าผู้บัญชาการจางตั้งแต่หน้าผากถึงจะจมูกและคาง มีรอยสีเลือดปรากฏขึ้นทั้งลึกทั้งน่ากลัวเขากุมใบหน้า ขดตัวด้วยความเจ็บปวด เสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกฆ่า ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ ก็โดนฟาดอีกครั้ง“อ่า!”แผ่นหลัง เจ็บอย่างรุนแรงเสื้อผ้าฉีกขาด ผิวหนังปรี่แตกเพี๊ยะเพี๊ยะๆ!“ช่วยด้วย…อ่า!”“อ๊ะ…โปรด โปรดไว้ชีวิต….อ่า!”ผู้บัญชาการจางอยากโต้ตอบ แต่เขาไม่มีโอกาสนี้ และไม่มีความสามารถนี้ อยู่ต่อหน้าเฟิงเย่เสวียน ก็เหมือนกับลูกไก่ตัวหนึ่ง ทำอะไรไม่ได้เลยเขาเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาพื้นไม่มีใครกล้าเข้าไปเหมือนกับที่ผู้บัญชาการจางฟาดเฟิงเย่เสวียนเมื่อครึ่งปีก่อน เฟิงเย่เสวียนฟาดคืนด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบและยังเหี้ยมโหดกว่าด้วยหลังจากถูกฟาดไปหลายสีที ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าเละจนจำไม่ได้ผู้บัญชาการจางทั้งเจ็บทั้งกลัว ประมาณว่ากลัวจนถึงขีดสุด ฟางเส้นสุดท้ายขาด กุมศีรษะกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด“เฟิงเย่เ
เฟิงเย่เสวียน!“อ๋องเฉิน?!”“เฟิงเย่เสวียน!”เมื่อร่างเงาสีหมึกสายนั้นร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง และใบหน้าที่คุ้นเคยแผ่กลิ่นอายอันเย็นเยือก ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตะลึงตกใจประหลาดใจคิดไม่ถึงผ่านไปครึ่งปี อ๋องเฉินกลับถึงเมืองหลวงอีกครั้ง ก้าวสู่บ้านเกิดที่คุ้นเคยแห่งนี้ฉู่เชียนหลีไม่เจอเขามาครึ่งปีเต็มๆ แวบแรก ก็มองเห็นหนวดที่อยู่ใต้คางของเขาแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งอายุยี่สิบห้าปี ยังหนุ่ม สุขุม หนักแน่น หนวดสีดำนั่นดูไม่เข้ากับใบหน้าของเขาเลยแปลกๆตลกสบตากันผ่านผู้คนมากมายนางมองเห็นเขาในฝูงชนตั้งแต่แวบแรก แล้วเขาจะมองไม่เห็นนางตั้งแต่แวบแรกหรือ? เขาพุ่งพรวดเข้ามากอดนางไว้ในอ้อมกอด กระชับแขนกอดนางไว้แน่น หมื่นพันคำพูด ทั้งหมดอยู่ในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด กลับสื่อความหมายออกมาทั้งหมดการกอดคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยที่สุด“อีอา!”จื่อเยี่ยน้อยยังถูกฉู่เชียนหลีอุ้มไว้ในอ้อมแขนบิดากอดมารดา ประกบเขาไว้ตรงกลาง ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก โดยเฉพาะหนวดที่อยู่ใต้คาง ตามใบหน้าของเขาจนแดงก่ำแล้วผู้ชายบ้าที่ไหนเนี่ย!โมโห!โบกกำปั้นน้อยๆ ตีใส่ใบหน้าของเฟ