“อึก!”ดวงตาทั้งสองข้างของผู้ชายเบิกกว้าง ฝ่ามือใหญ่อันหยาบกร้านจับหัวไหล่ของฉู่เชียนหลีเอาไว้ พยายามดึงข้ามหัวไหล่แล้วทุ่มลงไปฉู่เชียนหลีใช้ปลายรองเท้าเกี่ยวข้อเท้าของผู้ชายเอาไว้ อาศัยแรงค้ำยันร่างกายของตนเองเอาไว้ แล้วใช้มือข้างที่ว่าง คลำกระดูกสันหลังท่อนที่บริเวณแผ่นหลังของเขาอย่างรวดเร็วจับเอาไว้ แล้วกดลงไป แล้วยกขึ้นอย่างแรงกร๊อบ!“โอ๊ย!”ร่างกายอันกำยำของผู้ชายสั่นเทาอย่างรุนแรง ทันในนั้นก็ล้มลงไปบนพื้นราวกับกระดูกทั้งร่างกายถูกดึงออกไปหมด แล้วหมดสติไปกระดูกชิ้นนี้ของร่างกายมนุษย์เป็นบริเวณที่เชื่อมต่อกับเส้นประสาทมากที่สุด และไวต่อความรู้สึกที่สุด กดบริเวณจุดนี้ กดเบาก็แค่เป็นลม กดแรงก็เป็นอัมพาตฉู่เชียนหลีโยนแส้ยาวทิ้ง วิ่งเข้าไปข้างกายของหญิงสาวคนนั้นอย่างรวดเร็ว“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”เมื่อประคองนางขึ้นมา ถึงพบว่าบนแขน แผ่นหลัง หัวไหล่และขาของนาง ราวกับว่าทุกตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ ทั้งหมดเต็มไปด้วยรอยแผลสีม่วงเขียว คราบเลือดเต็มไปทั่วทุกที่โดยเฉพาะคางของนาง คิดไม่ถึงว่าจะถูกบีบแตกทั้งเป็นดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างของหญิงสาวมีน้ำตาไหลออกมา ไม่กล้าเชื
เป็นชายวัยกลางคนคนนั้น!คิดไม่ถึงว่าเขาไม่ได้หมดสติ?!ในระหว่างที่ฉู่เชียนหลีตื่นตะลึง เมื่อชายหนุ่มตบมือ ลูกกระจ๊อกที่กำลังถืออาวุธจำนวนมากก็พุ่งเข้ามา สายตาเคร่งขรึมขึ้นไม่น้อยทันทีติดกับเข้าแล้ว!“ลูกพี่ เจ้าสองคนนี้มันปะปนเข้ามาได้อย่างไร?”พวกลูกกระจ๊อกแกว่งมีดร่ายกระบอง สีหน้าโหดเหี้ยม “ฆ่าพวกมันเลย ลูกพี่!”“ฆ่าเลย!”เฟิงเย่เสวียนเดินไปที่ด้านหน้าของฉู่เชียนหลี ใช้แผ่นหลังบังนางเอาไว้ฉู่เชียนหลีเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ต่อให้แย่กว่านี้ก็ทำได้แค่เพียงมองไปข้างหน้า จึงฉวยโอกาสนี้ นำเส้นทางลงเขาบอกแก่ท่านลุงชาวนาที่ยอมตายดีกว่ายอมแพ้คนนั้นเมื่อครู่นี้พี่หู่หรี่ดวงตาน่ากลัวคู่นั้นลง สายตาที่ชั่วร้ายมองไปยังทั้งสองคน เอ่ยปากพูดอย่างเยาะเย้ย“คิดไม่ถึงว่าเป็นถึงอ๋องจะยอมปลอมตัวจนอัปลักษณ์เช่นนี้ หากเรียกให้คนอื่นดู เกรงว่าจะขำจนฟันร่วง”คิดไม่ถึงว่าเขามองแวบเดียวก็จำตัวตนของเฟิงเย่เสวียน!โจรภูเขาคนนี้ไม่ธรรมดาเลยฉู่เชียนหลีลุกขึ้น พี่หู่หรี่ดวงตาลงทันที “คิดไม่ถึงว่ายังพาผู้หญิงมาอีกด้วย”ฉู่เชียนหลีชะงักฝีเท้า คนคนนี้สายตาแหลมคมเหลือเกิน!นางเอ่ยปาก “พี่หู่กล่า
ผงพิษสัมผัสโดนตัวของลูกกระจ๊อก เจ็บปวดจนลงไปกลิ้งบนพื้นกรรมนั้นคืนสนอง!สมน้ำหน้า!ฉู่เชียนหลีนำร่มโยนเข้าไปในมือของเฟิงเย่เสวียน แล้วก็หยิบหนังสติ๊กอันหนึ่งออกมา หนีบยาลูกกลอนสีดำเม็ดหนึ่งเอาไว้ เล็งเป้าไปที่พี่หู่เมื่อคลายมือออกฟิ้ว...พี่หู่ยกมือขึ้นคว้าเอาไว้อย่างว่องไว ดวงตาที่น่ากลัวคู่นั้นมองตรงมายังฉู่เชียนหลี “คิดไม่ถึงว่าน้องสาวจะกล้าวางแผนทำร้ายข้า รอให้ข้าจับตัวเจ้าได้ จะทำให้เจ้าได้รู้ว่าอะไรคือมีความสุขสุดขั้ว!”ทันทีที่พูดจบ ฝ่ามือก็ระเบิดทันทีตูม!เป็นระเบิดขนาดจิ๋วลูกหนึ่งทันใดนั้น เนื้อที่ฝ่ามือของเขาเละ นิ้วก้อยถูกแรงระเบิดจนลอยกระเด็น ส่งเสียงร้องอันน่าเวทนาออกมาราวกับหมูที่ถูกเชือด“นังแพศยา!”“โอ๊ย! รีบจับตัวนังแพศยาคนนี้เอาไว้!”แค่นี้ก็รู้สึกเจ็บแล้วงั้นเหรอ? ตอนที่เขาข่มเหงหญิงสาว ตอนที่หญิงสาวอ้อนวอน ทำไมเขาถึงไม่มีความเมตตา?ฉู่เชียนหลีแสยะยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา จับยาสลบแล้วสาดออกไปหากทั้งสองฝ่ายสู้กันอีกครั้งมีฉู่เชียนหลีอยู่ อันตรายจากพิษของพวกโจรภูเขาถูกลดลงถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เฟิงเย่เสวียนมีพื้นที่อันยอดเยี่ยมที่จะแสดงความสามารถแ
ด้านหน้าเป็นโจรภูเขาที่ปิดล้อมจำนวนมาก ส่วนด้านหลังเป็นหน้าผาลึกที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง คนทั้งสองติดอยู่ตรงกลาง จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ยากเปลวไฟลามมาทางนี้แล้ว แม้ไม่ถูกฆ่าตาย ก็ต้องถูกไฟคลอกตายหรือสำลักควันตาย“กลัวหรือไม่?” เฟิงเย่เสวียนถามฉู่เชียนหลีกะทันหันพลันฉู่เชียนหลีอยากร้องไห้ อยากด่าแม่พระเอกในละครทีวีเจ๋งสุดๆ หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ปราบรังโจรภูเขา สร้างผลงานครั้งใหญ่ เป็นที่ประทับใจของผู้คนโกหกโกหกทั้งเพมีเพียงตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ จึงจะสามารถสัมผัสถึงวิธีการที่โหดร้ายของโจรภูเขาเหล่านี้ ความอันตรายของการปราบปรามโจร รวมถึงอาการขาอ่อนในเวลานี้“ข้า ข้า…ข้ายังมีเงินอีกมากมายที่ยังใช้ไม่หมด…”ขาทั้งสองข้างสั่นระริก“มีข้าอยู่ กลัวอะไร?” เสียงที่ทุ้มต่ำของเฟิงเย่เสวียนราวกับสามารถปลอบใจคนในระหว่างความว่างเปล่าทว่าแม้ฉู่เชียนหลีมีคนอยู่เป็นเพื่อน อุ่นใจขึ้นหลายส่วน แต่ขาก็ยังคงสั่นไม่หยุด“หากเจ้าเดินตลาด กินข้าว และนอนเป็นเพื่อนข้า ข้ากลับยินดี แต่เจ้าตายเป็นเพื่อนข้า ข้าไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความสุขเช่นนี้จริงๆ”“เหอะ” เฟิงเย่เสวียนโอบเอวของนาง ดึงนางที่ขาอ่อนแรงเข
ไฟครั้งนี้ลุกไหม้เป็นนานมาก ควันไฟที่หนาทึบปกคลุมทั่วทั้งยอดภูเขาเป็นเวลานานไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร…หน้าผาที่ลับตาและเงียบสงบ บนหินก้อนหนึ่งที่ยื่นออกมา มีเงาสองร่างนอนทับกันอยู่ตรงนั้น“ซี้ด…”เจ็บตรงอกและหน้าท้องเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง ปวดอย่างจุกแน่นฉู่เชียนหลีค่อยๆ ฟื้นคืนสติ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น ยกศีรษะที่หนักหน่วง ปลายเท้าลื่นไปที่ขอบหินโดยไม่ได้ตั้งใจลมเย็นสายหนึ่งพัดเข้าไปในปลายกางเกง“แม่เจ้า!”พลันฉู่เชียนหลีตื่นตัวทันทีใต้เท้า เหวลึกหมื่นจั้งเหนือศีรษะ ผาหินแหลมคมนางติดอยู่ตรงกลาง!“เฟิงเย่เสวียน!” เฟิงเย่เสวียนนอนอยู่ใต้ร่างนาง อยู่ในอาการหมดสติ สีหน้าซีดขาว ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตอนร่วงลงมา เขาปกป้องนางไว้อย่างดีมาโดยตลอด…หัวใจของฉู่เชียนหลีหนักอึ้งลงหลายส่วนตั้งแต่เมื่อไรกันแน่ พวกเขาพัฒนามาถึงระดับที่สามารถตายแทนกันได้…“เฟิงเย่เสวียน ฟื้นสิ” นางตบหน้าเขา พลางเรียกเขา พลางกวาดมองโดยรอบหน้าผาแห่งนี้ลึกมาก มีต้นหญ้าและต้นไม้ขึ้นตามผาตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย หินที่ยื่นออกมาก้อนนี้ ‘รับ’ พวกเขาไว้โดยบังเอิญไม่เช่นนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะ
“!”ที่แท้คือความฝัน!นางพูดละเมอแล้ว!ฉู่เชียนหลีรีบลุกขึ้นนั่ง และเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ท่านอ๋อง ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง? ร่างกายเจ็บหรือไม่ มีที่ไหนไม่สบายหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย พยักหน้าอย่างค่อยยังชั่ว “ยังไหว”ตกลงมาจากที่ที่สูงเช่นนั้น กลับโชคดีสามารถรอดมาได้ นับว่าสวรรค์คุ้มครองแล้ว“แค่รู้สึกขมปากเล็กน้อย”“มันเป็นดีงู” ฉู่เชียนหลีเก็บ ‘ศพ’ งูที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา “น้ำดีของงูตัวนี้มีฤทธิ์ห้ามเลือดที่ได้ผลดีมาก สามารถใช้เป็นยา”แต่ที่นี่ไม่มีสมุนไพร ก็เลยหยดเข้าปากของเขาโดยตรงเฟิงเย่เสวียนกวาดมองนางด้วยสายตาที่ซับซ้อนแวบหนึ่งโดยไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงมองนางอย่างเงียบๆบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงัน เปลวไฟวูบไหวเล็กน้อย สะท้อนลงบนใบหน้าของคนทั้งสอง ช่วยเคลือบแสงที่อ่อนโยนลงบนโครงหน้าหนึ่งชั้น กลิ่นอายของเฟิงเย่เสวียนเหมือนมุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งที่นุ่มนวล ให้ความรู้สึกเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ฉู่เชียนหลีก็อ่อนโยนว่าง่าย เหมือนภรรยาตัวน้อยที่ว่านอนสอนง่ายเหมือนว่านางไม่ได้อัปลักษณ์และยังดูรื่นหูรื่นตาเล็กน้อยทันใดนั้น เขายื่นฝ่ามือใหญ่ออกไป “มานี่”ริม
“...”เชี่ย!คำพูดนี้พูดเหมือนว่านางไปทำเรื่องน่าละอายใจอะไรมา หากไม่ใช่เพราะเขากระโดดหน้าผาสุ่มสี่สุ่มห้า นางจะรู้สึกเสียใจเช่นนี้ได้อย่างไรฉู่เชียนหลียืนตัวตรง เชิดหน้าขึ้นอธิบาย“ถ้ำแห่งนี้มืดมาก มองเห็นทางไม่ชัดเจน ระวังมีพวกงูกับแมลง”ความหมายนอกเหนือคำพูด : ยืนไม่มั่นคงเพราะมืดเกินไป ไม่ได้ลนลานนางที่มีชีวิตอยู่มาถึงสองชาติ มีเรื่องอะไรบ้างที่ไม่เคยพบเจอ? ก็แค่ผู้ชายไม่ใช่หรือ? เป้าหมายในชีวิตของนาง : นอนยี่สิบคนเฟิงเย่เสวียนกวาดมองกองไฟที่ปากถ้ำแวบหนึ่งกองไฟส่องมา สะท้อนพื้นที่ภายในถ้ำให้สว่าง และสะท้อนลงบนใบหน้าของนางด้วย ทำให้มองเห็นรูปโฉมและโครงหน้าของนางอย่างชัดเจน“อืม” เขาพยักหน้า “ถ้ำแห่งนี้มืดเกินไปจริงๆ ให้ข้าเดินสำรวจทางอยู่ข้างหน้า หากมีงูแมลงผีปีศาจ พระชายาจะได้วิ่งหนีง่ายขึ้น”พูดจบ ก็ก้าวเท้ายาวเดินนำหน้าฉู่เชียนหลีกัดริมฝีปาก ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเขา สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรีบหนีออกจากที่นี่ถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่กลางหน้าผา ผ่านลมผ่านฝนผ่านแดดมานับหมื่นปี หินผาถูกกัดเซาะ กลายเป็นถ้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จะว่าลึกก็ไม่ลึก จะว่าตื้นก็ไม่ตื้นเดิ
ฝ่ามือใหญ่กำกิ่งไม้แน่นขึ้นหลายส่วน งูที่เสียบอยู่ข้างบนสั่นสองที ริมฝีปากบางของเขาเผยอยิ้ม“เหอะๆ พระชายาช่างเลื่อมใสข้ายิ่งนัก”“ท่านอ๋องเป็นสวรรค์ของข้า ข้าไม่เลื่อมใสท่านจะให้เลื่อมใสใครเล่า? ข้าพ่ายแพ้ใต้เสื้อผาวสีหมึกของท่านนานแล้ว เป็นบริวารใต้เสื้อผาวของท่าน”ฉู่เชียนหลีหัวเราะเหอะๆความตายอยู่ตรงหน้า ได้แต่สนองความอยากของปากแล้ว“หืม?” เฟิงเย่เสวียนเลิกคิ้ว “หากจะว่าไป ข้าก็มีสิ่งหนึ่งที่ยังรู้สึกเสียดาย”ฉู่เชียนหลี : ฉันใช้นิ้วเท้าคิดยังคิดได้เลย ความเสียดายของนายก็คือเซียวจือฮว่าไม่ใช่เหรอ?ดอกบัวขาวที่อ้อนแอ้นอรชรดอกนั้น ท่าทางที่อ่อนแอจนแค่ลมพัดก็สามารถไอครึ่งชั่วยาม ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ และแค่สัมผัสก็ล้มลงทันที ไม่ว่าผู้ชายคนใดก็วางไม่ลง!ถุย!นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะห่วงผู้หญิงอีก ผู้ชายเป็นสัตว์ที่คิดแต่เรื่องช่วงล่างของร่างกายจริงๆ!เฟิงเย่เสวียนพลิกงูที่อยู่ในมือ กล่าวอย่างเชื่องช้า“หากสามารถออกไปได้ ข้าจะมอบคืนแต่งงานที่สมบูรณ์แบบให้พระชายา”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันเขา…ในเวลาแบบนี้ คนที่เขายังห่วงคือนาง…“แต่งงานจะสี่เดือนแล้ว ข้าทำสงครามอยู่ข้างนอกมาโดยตล
คืนแรกที่ออกจากเมืองหลวงฉู่เชียนหลีนอนไม่หลับ…เมืองหลวงอันไกลโพ้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำอูหลาน วังหลวงจุดเทียนสว่างไสวในยามค่ำคืนที่มืดมิด เหล่านางกำนัลถือโคมไฟ ก้มหน้าเดินผ่านยังเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดมากตำหนักเจาหยางทุกที่มืดมิด ไร้ผู้คน และไม่มีเทียนแม้แต่เล่มเดียว เหมือนกับถูกความมืดกลืนกิน เงียบราวกับดินแดนไร้ผู้คนแต่ท่ามกลางความมืดนั่น กลับมีเสียงหายใจเย็นๆ สายหนึ่งเบาจนแทบไม่ได้ยิน เฟิงเจิ้งหลีนั่งอยู่บนบันได ร่างกายของเขากลมกลืนกับความมืดจนมองเห็นแทบไม่ชัด ดวงตาคู่นั้นฉายแสงในความมืด ราวกับจมอยู่ในเหวลึกอันไร้ที่สิ้นสุดในอดีตที่นี่เคยมีเสียงหัวเราะของเด็กๆ เคยมีรอยยิ้มของนาง ท่าทางที่อ่อนโยนของนาง และเสียงอันนุ่มนวลที่พูดคุยกับเขา ภาพเหล่านั้นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดยังคงอยู่ในสมองของเขา ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาชัดเจนมากตราตรึงมากนางเคยพูด อยู่ข้างกายเขา รู้สึกสบายใจมากนางเคยพูด จื่อเยี่ยชอบเขา นางก็จะดีกับเขานางเคยพูด…คำพูดไพเราะนางเป็นคนพูด เรื่องใจร้ายก็นางเป็นคนทำล้วนเป็นนาง!ฉู่เชียนหลี!โกหกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเชื่อครั้งแล้วครั้
“คุณหนูอย่าคิดมาก แม้องค์หญิงแคว้นหนานยวนท่านนี้น่ารังเกียจไปบ้าง แต่นางทำงานเสร็จ ก็น่าจะกลับแคว้นแล้ว ก็แค่เจอกันชั่วคราว ทำอะไรไม่ได้หรอก” จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมฉู่เชียนหลีไม่ได้คิดมากอย่างไรก็ตามผู้ชายอย่างเฟิงเย่เสวียนที่อายุยังน้อย รูปร่างหน้าตาโดดเด่น มีฐานะมีอิทธิพล สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง มีผู้หญิงมากมายชอบก็เป็นเรื่องปกติถ้านางจะถือสา คนมากมายเช่นนั้น จะถือสาไหวได้อย่างไร?นางนึกถึงเรื่องของกู่แพทย์ มองจิ่งอี้อย่างจริงจัง เห็นสีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเหมือนคนป่วย ก็รู้แล้วว่าเขากำลังใช้ร่างกายตัวเองเลี้ยงกู้แพทย์“เลี้ยงรอดหรือไม่?” นางถามเบาๆมีการบันทึกในตำราโบราณ กู่แพทย์ชนิดนี้อ่อนแอเลี้ยงยาก เผลอไม่ระวังนิดเดียวก็จะตาย สิ่งที่ทำมาก่อนหน้านี้ก็เปล่าประโยชน์จิ่งอี้หลุบตา เสียงเบามาก“เลี้ยงแล้วสามสิบกว่าตัว ในที่สุดก็เลี้ยงรอดสองตัว…”กู่แพทย์สองตัวนี้ ตอนนี้ถูกเขาเก็บไว้ในหน้าอก พกติดตัวไปทุกที่ ต่อให้เป็นเวลานอน ก็จะนำออกมาดูเป็นระยะกลัวว่าพลั้งเผลอนิดเดียว พวกมันก็จะตายฉู่เชียนหลีเหลือบมอง “อวิ๋นอิงรู้หรือไม่?”“นางไม่รู้ขอรับ คุณหนู อย่าพูดถ
เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีใบหน้างดงาม การแต่งกายดูขี้เล่นแต่ยังคงสูงศักดิ์ มัดมวยผมและถักเปียหางม้า ซึ่งบ่งบอกว่านางยังไม่แต่งงาน กระโดดออกมาปรากฏตัว ท่าทางที่สดใสร่าเริงนั่น ทำให้ดูเข้าถึงได้ง่ายมากฉู่เชียนหลีเหลือบมอง“เจ้าคือ…”“ข้าชื่อจวินลั่วยวน เป็นองค์หญิงแคว้นหนานยวน”นางแนะนำตัวเอง เสียงนั่นเหมือนนกขมิ้นที่บินออกจากหุบเขา สดใสไพเราะ“อ๋องเฉินกับฮ่องเต้ตงหลิงสู้กัน เสด็จพ่อให้ข้ามาช่วยอ๋องเฉินที่เจียงหนาน ก็เพราะข้าแทรกแซง ฮ่องเต้ตงหลิงจึงให้ความสำคัญกับศึกเมืองเทียนสู่เป็นพิเศษ และลงสนามรบด้วยตัวเอง”ไม่เช่นนั้น ยังไม่สามารถล่อฮ่องเต้ตงหลิงออกมาได้ล่อเสือออกจากถ้ำ พระชายาอ๋องเฉินจึงสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยพูดถึงก็ล้วนเป็นผลงานของนางฉู่เชียนหลีเข้าใจแล้วองค์หญิงของแคว้นหนานยวนท่านนี้ ได้ยินมานานแล้วว่าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของฮ่องเต้หนานยวน เป็นแก้วตาดวงใจที่เหมือนไข่มุกงามบนฝ่ามือ ถูกเอาใจใส่อย่างดีตั้งแต่เด็ก“รบกวนองค์หญิงแล้ว” นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ถือเป็นมารยาทจวินลั่วยวนประหลาดใจเล็กน้อย “?”แค่นี้?ไม่มีแล้ว?พูดแค่สี่คำก็แสดงความขอบค
เด็กน้อยที่ดูกลัวๆ ในตอนแรก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหมือนกับเจอที่พึ่งพิง เบ้าตาแดงก่ำ มุดเข้าไปในอ้อมแขนของนาง“อุแว้!”ร้องไห้เสียงดังนางกลัวมากแม่ของนางไม่อยู่ นางถูกคนรับใช้โยนไปโยนมา กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ และยังไม่กล้าร้องไห้ เพราะไม่มีใครกล่อมนางอย่างอ่อนโยนและอดทนเหมือนท่านแม่ในที่สุดก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยแล้วไม่สามารถควบคุมความน้อยใจที่กดเอาไว้ได้อีกต่อไป ปล่อยโฮร้องไห้“ฮือๆ…”สองมือจับเสื้อฉู่เชียนหลี มุดเข้าไปในอกของนางก็ร้องไห้อวิ๋นอิงยกมือขวาขึ้น รีบรับรองทันที “พระชายาวางใจได้ ตอนที่ท่านไม่อยู่ พวกเราดูแลลู่ฉินอย่างดี ไม่มีใครรังแกนางแน่นอน นางน่าจะคิดถึงท่านมาก จึงร้องไห้เช่นนี้”“ท่านไม่รู้หรอก แม้ลู่ฉินยังเล็ก แต่นางรู้ว่าใครเป็นใคร นางจะเอาท่านคนเดียว พึ่งพาท่าน คิดถึงท่าน”หัวใจฉู่เชียนหลีละลายตั้งแต่เด็กคนนี้เกิดมา นางเลี้ยงเองกับมือมาโดยตลอด และความเชื่อใจและการพึ่งพาที่เด็กมีต่อนาง ก็คือการตอบแทนที่ดีที่สุด“ไม่ร้องนะ”นางเช็ดน้ำตาเบาๆ “แม่กลับมาแล้ว ต่อไปจะไม่ไปอีกแล้ว”ในเมื่อเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวไม่เอาเด็กคนนี้ นางเลี้ยงเอง“แม่…”เสียง
ท้ายที่สุดเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่ได้ลงมือกองทัพทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันในระยะไกลทั้งเช่นนี้เฟิงเย่เสวียนกอดฉู่เชียนหลีไว้ จับเชือกบังเหียนม้าแน่น ขี่ม้าจากไปเฟิงเจิ้งหลียืนอยู่ที่ข้างแม่น้ำ ร่างกายที่บอบบางถูกลมเย็นพัดจนเสื้อคลุมพลิ้วไหว สีหน้าซีดเผือด แววตาอ่อนล้า มุมปากยังมีคราบเลือด ยืนมองนิ่งๆ ทั้งเช่นนี้…มอง…รอหลังจากขบวนของอ๋องเฉินหายลับตา เขายังคงยืนอยู่ข้างแม่น้ำ เนิ่นนานก็ไม่ขยับสองเท้าหนักเหมือนถูกถ่วงด้วยตะกั่ว สายตามองตรงไปข้างหน้ากลิ่นอายรอบตัวขรึมมาก สีหน้าแยกไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธชั่วขณะ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือเข้าไป…เจียงหนาน เมืองน้ำ[1] อากาศเย็นสบาย สภาพแวดล้อมดีมากขบวนตรงไปที่ทำเนียบ“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”“พระชายา?!”เมื่อคนที่เข้ามาต้อนรับเห็นฉู่เชียนหลี แต่ละคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อน แต่หลังจากนั้นก็ดีใจ“พระชายากลับมาแล้ว!”“พระชายากลับมาแล้ว!”เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้า จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วอวิ๋นอิง จิ่งอี้ เฟิ่งหราน คนมากมายรีบมาไม่เจอครึ่งปี มิตรภาพยังคงอยู่“พระชายา ในที่สุ
แสงแห่งรุ่งอรุณยามเช้าริบหรี่เวลาหนึ่งคืนเดียว เร่งเดินทางจากเมืองหลวงไปยังแม่น้ำอูหลาน ในช่วงที่ฟ้าใกล้สว่าง คนทั้งกลุ่มข้ามแม่น้ำเมื่อเดินไปถึงครึ่งทาง จุดที่ไกลออกไป มีขบวนอีกกลุ่มมุ่งหน้ามาอย่างเร่งรีบราวกับกระแสน้ำ สายลมเย็นยามเช้าพัดผ่าน เหมือนกับทัพใหญ่เข้าใกล้ชายแดน บรรยากาศที่กดดันอบอวลกลางอากาศหานเฟิง “นายท่าน อ๋องหลีมาแล้ว…”ขบวนสองกลุ่ม พบกันที่แม่น้ำอูหลานเฟิงเย่เสวียนอยู่บนสะพานเฟิงเจิ้งหลีอยู่บนฝั่งหยาดน้ำฟ้าตก สายน้ำไหลเชี่ยว สาดซัดเข้าฝั่ง หยดน้ำกระเซ็น ในอากาศเต็มไปด้วยความหนาวเย็น สองพี่น้องยืนสบตากันจากระยะที่ห่างกันหลายเมตรอยู่ไกลเกินไป แทบมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ก็เหมือนกับว่าพวกเขามองเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ใช้สายตาประลองกันเงียบๆ“ฝ่าบาท” รองแม่ทัพเอ่ยปาก “นี่คือโอกาสดีในการกำจัดอ๋องเฉิน ถือโอกาสตอนที่พวกเขายังอยู่บนสะพาน พวกเราระเบิดสะพาน ให้พวกเขาตกลงไปในน้ำที่ไหลเชี่ยว ไม่ตายก็เหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!”เขาคิดว่า นี่เป็นวิธีที่เหมาะสมมากอ๋องเฉินข้ามสะพานไปครึ่งหนึ่งแล้ว ต่อให้วิ่งไปอีกฝั่งของแม่น้ำ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งก้านธูปเวลาครึ่ง
“เป็นไปได้อย่างไร?”นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เมื่อห้าวันก่อน ข้าคุยกับเขาแล้ว และจัดการทุกอย่างไว้ให้เขาแล้ว เขาสามารถออกจากวังอย่างราบรื่น นอกเสียจาก…”จู่ๆ นางก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เสียงค่อยๆ เบาลงเฟิงเย่เสวียนกล่าวต่อ“เขาไม่อยากไป”ใช่!ไท่ซ่างหวงไม่อยากไปมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยังอาลัยอาวรณ์ หรือเพราะสาเหตุอื่น เขาจึงเลือกที่จะอยู่เมืองหลวงแต่ถ้าหากเขาอยู่เมืองหลวง เฟิงเจิ้งหลีต้องหาเรื่องเขาแน่นอนฉู่เชียนหลีเป็นห่วง หลังจากครุ่นคิด ก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว“ไม่ได้ ข้าต้องกลับวังหลวง ทิ้งเขาไว้ในเมืองหลวงเพียงลำพังไม่ได้”“ไม่ทันแล้ว”เฟิงเย่เสวียนจับข้อมือของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ทำให้ทุกคนรู้ตัวแล้ว เกรงว่าตอนนี้คนสนิทของเฟิงเย่เสวียนกำลังมา เขาก็อยู่ระหว่างทางกลับเช่นกัน เสียเวลาไม่ได้แล้ว”กำลังหลักของเขาอยู่ที่เจียงหนานไม่เหมาะที่จะอยู่เมืองหลวงนาน ครึ่งปีมานี้ วิธีการของเฟิงเจิ้งหลีเหี้ยมโหด กำจัดพวกต่อต้าน รวบอำนาจเข้าด้วยกัน เมืองหลวงเป็นถิ่นของเขา อยู่ในถิ่นของเขา พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ
“อ๋อง อ๋องเฉิน…”มองดูเฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามาทีละก้าว ร่างกายผู้บัญชาการจางหดเกร็ง เพิ่งอ้าปาก ก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศที่เฉียบคมดังขึ้นเพี๊ยะ!“อ่า!”แส้สีดำแหวกอากาศ ฟาดไปที่ใบหน้าผู้บัญชาการจางตั้งแต่หน้าผากถึงจะจมูกและคาง มีรอยสีเลือดปรากฏขึ้นทั้งลึกทั้งน่ากลัวเขากุมใบหน้า ขดตัวด้วยความเจ็บปวด เสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกฆ่า ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ ก็โดนฟาดอีกครั้ง“อ่า!”แผ่นหลัง เจ็บอย่างรุนแรงเสื้อผ้าฉีกขาด ผิวหนังปรี่แตกเพี๊ยะเพี๊ยะๆ!“ช่วยด้วย…อ่า!”“อ๊ะ…โปรด โปรดไว้ชีวิต….อ่า!”ผู้บัญชาการจางอยากโต้ตอบ แต่เขาไม่มีโอกาสนี้ และไม่มีความสามารถนี้ อยู่ต่อหน้าเฟิงเย่เสวียน ก็เหมือนกับลูกไก่ตัวหนึ่ง ทำอะไรไม่ได้เลยเขาเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาพื้นไม่มีใครกล้าเข้าไปเหมือนกับที่ผู้บัญชาการจางฟาดเฟิงเย่เสวียนเมื่อครึ่งปีก่อน เฟิงเย่เสวียนฟาดคืนด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบและยังเหี้ยมโหดกว่าด้วยหลังจากถูกฟาดไปหลายสีที ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าเละจนจำไม่ได้ผู้บัญชาการจางทั้งเจ็บทั้งกลัว ประมาณว่ากลัวจนถึงขีดสุด ฟางเส้นสุดท้ายขาด กุมศีรษะกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด“เฟิงเย่เ
เฟิงเย่เสวียน!“อ๋องเฉิน?!”“เฟิงเย่เสวียน!”เมื่อร่างเงาสีหมึกสายนั้นร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง และใบหน้าที่คุ้นเคยแผ่กลิ่นอายอันเย็นเยือก ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตะลึงตกใจประหลาดใจคิดไม่ถึงผ่านไปครึ่งปี อ๋องเฉินกลับถึงเมืองหลวงอีกครั้ง ก้าวสู่บ้านเกิดที่คุ้นเคยแห่งนี้ฉู่เชียนหลีไม่เจอเขามาครึ่งปีเต็มๆ แวบแรก ก็มองเห็นหนวดที่อยู่ใต้คางของเขาแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งอายุยี่สิบห้าปี ยังหนุ่ม สุขุม หนักแน่น หนวดสีดำนั่นดูไม่เข้ากับใบหน้าของเขาเลยแปลกๆตลกสบตากันผ่านผู้คนมากมายนางมองเห็นเขาในฝูงชนตั้งแต่แวบแรก แล้วเขาจะมองไม่เห็นนางตั้งแต่แวบแรกหรือ? เขาพุ่งพรวดเข้ามากอดนางไว้ในอ้อมกอด กระชับแขนกอดนางไว้แน่น หมื่นพันคำพูด ทั้งหมดอยู่ในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด กลับสื่อความหมายออกมาทั้งหมดการกอดคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยที่สุด“อีอา!”จื่อเยี่ยน้อยยังถูกฉู่เชียนหลีอุ้มไว้ในอ้อมแขนบิดากอดมารดา ประกบเขาไว้ตรงกลาง ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก โดยเฉพาะหนวดที่อยู่ใต้คาง ตามใบหน้าของเขาจนแดงก่ำแล้วผู้ชายบ้าที่ไหนเนี่ย!โมโห!โบกกำปั้นน้อยๆ ตีใส่ใบหน้าของเฟ