ไฟครั้งนี้ลุกไหม้เป็นนานมาก ควันไฟที่หนาทึบปกคลุมทั่วทั้งยอดภูเขาเป็นเวลานานไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร…หน้าผาที่ลับตาและเงียบสงบ บนหินก้อนหนึ่งที่ยื่นออกมา มีเงาสองร่างนอนทับกันอยู่ตรงนั้น“ซี้ด…”เจ็บตรงอกและหน้าท้องเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง ปวดอย่างจุกแน่นฉู่เชียนหลีค่อยๆ ฟื้นคืนสติ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น ยกศีรษะที่หนักหน่วง ปลายเท้าลื่นไปที่ขอบหินโดยไม่ได้ตั้งใจลมเย็นสายหนึ่งพัดเข้าไปในปลายกางเกง“แม่เจ้า!”พลันฉู่เชียนหลีตื่นตัวทันทีใต้เท้า เหวลึกหมื่นจั้งเหนือศีรษะ ผาหินแหลมคมนางติดอยู่ตรงกลาง!“เฟิงเย่เสวียน!” เฟิงเย่เสวียนนอนอยู่ใต้ร่างนาง อยู่ในอาการหมดสติ สีหน้าซีดขาว ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตอนร่วงลงมา เขาปกป้องนางไว้อย่างดีมาโดยตลอด…หัวใจของฉู่เชียนหลีหนักอึ้งลงหลายส่วนตั้งแต่เมื่อไรกันแน่ พวกเขาพัฒนามาถึงระดับที่สามารถตายแทนกันได้…“เฟิงเย่เสวียน ฟื้นสิ” นางตบหน้าเขา พลางเรียกเขา พลางกวาดมองโดยรอบหน้าผาแห่งนี้ลึกมาก มีต้นหญ้าและต้นไม้ขึ้นตามผาตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย หินที่ยื่นออกมาก้อนนี้ ‘รับ’ พวกเขาไว้โดยบังเอิญไม่เช่นนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะ
“!”ที่แท้คือความฝัน!นางพูดละเมอแล้ว!ฉู่เชียนหลีรีบลุกขึ้นนั่ง และเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ท่านอ๋อง ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง? ร่างกายเจ็บหรือไม่ มีที่ไหนไม่สบายหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย พยักหน้าอย่างค่อยยังชั่ว “ยังไหว”ตกลงมาจากที่ที่สูงเช่นนั้น กลับโชคดีสามารถรอดมาได้ นับว่าสวรรค์คุ้มครองแล้ว“แค่รู้สึกขมปากเล็กน้อย”“มันเป็นดีงู” ฉู่เชียนหลีเก็บ ‘ศพ’ งูที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา “น้ำดีของงูตัวนี้มีฤทธิ์ห้ามเลือดที่ได้ผลดีมาก สามารถใช้เป็นยา”แต่ที่นี่ไม่มีสมุนไพร ก็เลยหยดเข้าปากของเขาโดยตรงเฟิงเย่เสวียนกวาดมองนางด้วยสายตาที่ซับซ้อนแวบหนึ่งโดยไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงมองนางอย่างเงียบๆบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงัน เปลวไฟวูบไหวเล็กน้อย สะท้อนลงบนใบหน้าของคนทั้งสอง ช่วยเคลือบแสงที่อ่อนโยนลงบนโครงหน้าหนึ่งชั้น กลิ่นอายของเฟิงเย่เสวียนเหมือนมุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งที่นุ่มนวล ให้ความรู้สึกเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ฉู่เชียนหลีก็อ่อนโยนว่าง่าย เหมือนภรรยาตัวน้อยที่ว่านอนสอนง่ายเหมือนว่านางไม่ได้อัปลักษณ์และยังดูรื่นหูรื่นตาเล็กน้อยทันใดนั้น เขายื่นฝ่ามือใหญ่ออกไป “มานี่”ริม
“...”เชี่ย!คำพูดนี้พูดเหมือนว่านางไปทำเรื่องน่าละอายใจอะไรมา หากไม่ใช่เพราะเขากระโดดหน้าผาสุ่มสี่สุ่มห้า นางจะรู้สึกเสียใจเช่นนี้ได้อย่างไรฉู่เชียนหลียืนตัวตรง เชิดหน้าขึ้นอธิบาย“ถ้ำแห่งนี้มืดมาก มองเห็นทางไม่ชัดเจน ระวังมีพวกงูกับแมลง”ความหมายนอกเหนือคำพูด : ยืนไม่มั่นคงเพราะมืดเกินไป ไม่ได้ลนลานนางที่มีชีวิตอยู่มาถึงสองชาติ มีเรื่องอะไรบ้างที่ไม่เคยพบเจอ? ก็แค่ผู้ชายไม่ใช่หรือ? เป้าหมายในชีวิตของนาง : นอนยี่สิบคนเฟิงเย่เสวียนกวาดมองกองไฟที่ปากถ้ำแวบหนึ่งกองไฟส่องมา สะท้อนพื้นที่ภายในถ้ำให้สว่าง และสะท้อนลงบนใบหน้าของนางด้วย ทำให้มองเห็นรูปโฉมและโครงหน้าของนางอย่างชัดเจน“อืม” เขาพยักหน้า “ถ้ำแห่งนี้มืดเกินไปจริงๆ ให้ข้าเดินสำรวจทางอยู่ข้างหน้า หากมีงูแมลงผีปีศาจ พระชายาจะได้วิ่งหนีง่ายขึ้น”พูดจบ ก็ก้าวเท้ายาวเดินนำหน้าฉู่เชียนหลีกัดริมฝีปาก ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเขา สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรีบหนีออกจากที่นี่ถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่กลางหน้าผา ผ่านลมผ่านฝนผ่านแดดมานับหมื่นปี หินผาถูกกัดเซาะ กลายเป็นถ้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จะว่าลึกก็ไม่ลึก จะว่าตื้นก็ไม่ตื้นเดิ
ฝ่ามือใหญ่กำกิ่งไม้แน่นขึ้นหลายส่วน งูที่เสียบอยู่ข้างบนสั่นสองที ริมฝีปากบางของเขาเผยอยิ้ม“เหอะๆ พระชายาช่างเลื่อมใสข้ายิ่งนัก”“ท่านอ๋องเป็นสวรรค์ของข้า ข้าไม่เลื่อมใสท่านจะให้เลื่อมใสใครเล่า? ข้าพ่ายแพ้ใต้เสื้อผาวสีหมึกของท่านนานแล้ว เป็นบริวารใต้เสื้อผาวของท่าน”ฉู่เชียนหลีหัวเราะเหอะๆความตายอยู่ตรงหน้า ได้แต่สนองความอยากของปากแล้ว“หืม?” เฟิงเย่เสวียนเลิกคิ้ว “หากจะว่าไป ข้าก็มีสิ่งหนึ่งที่ยังรู้สึกเสียดาย”ฉู่เชียนหลี : ฉันใช้นิ้วเท้าคิดยังคิดได้เลย ความเสียดายของนายก็คือเซียวจือฮว่าไม่ใช่เหรอ?ดอกบัวขาวที่อ้อนแอ้นอรชรดอกนั้น ท่าทางที่อ่อนแอจนแค่ลมพัดก็สามารถไอครึ่งชั่วยาม ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ และแค่สัมผัสก็ล้มลงทันที ไม่ว่าผู้ชายคนใดก็วางไม่ลง!ถุย!นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะห่วงผู้หญิงอีก ผู้ชายเป็นสัตว์ที่คิดแต่เรื่องช่วงล่างของร่างกายจริงๆ!เฟิงเย่เสวียนพลิกงูที่อยู่ในมือ กล่าวอย่างเชื่องช้า“หากสามารถออกไปได้ ข้าจะมอบคืนแต่งงานที่สมบูรณ์แบบให้พระชายา”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันเขา…ในเวลาแบบนี้ คนที่เขายังห่วงคือนาง…“แต่งงานจะสี่เดือนแล้ว ข้าทำสงครามอยู่ข้างนอกมาโดยตล
สัมผัสถูกความอุ่นเมื่อยกมือขึ้นมาดู เลือด…ฉู่เชียนหลียิ่งรู้สึกตัวแล้ว เมื่อก้มหน้าดู นางได้สติแบบขนลุกซู่ฉับพลัน เขินอายจนหน้าแดง พลันรีบดึงกางเกงขึ้น จัดแจงเสื้อให้เรียบร้อยบ้าจริง!เมนส์มา!เมื่อครู่นางกำลังทำอะไรกับผู้ชายคนนี้?หากไม่ใช่เพราะเมนส์มาเยี่ยมกะทันหัน นางก็อาจจะ…อืมๆ อ้าๆ โอ๊ยๆเฟิงเย่เสวียนรีบระงับความปรารถนาในร่างกายทันที เขาถอดผาวตัวนอกคลุมลงบนร่างกายของนาง ถือโอกาสดึงคนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน และเอื้อมฝ่ามือข้างหนึ่งออกไปหยิบเนื้องูที่ย่างเสร็จแล้วลอกเปลือกที่ไหม้จนเกรียม เผยให้เห็นเนื้ออันละเอียดอ่อนที่มีไอร้อนลอยออกมาเอากระดูกออก หยิบมาหนึ่งชิ้น “อ้าปาก”“ข้ากินเอง…อื้อ”เพิ่งอ้าปาก เนื้องูหนึ่งชิ้นถูกป้อนเข้าปาก“ข้ากิน…” ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะลุกขึ้น ก็ถูกข้อพับแขนที่มีพละกำลังของเฟิงเย่เสวียนดึงกลับไป ฝ่ามือนั้นเหมือนเหล็กกล้า กอดนางไว้ในอ้อมแขนแน่นกลิ่นบนตัวเขาหอมมาก เป็นกลิ่นปอเหอเย็นๆอ้อมแขนของเฟิงเย่เสวียนอบอุ่นมาก อุณหภูมิร่างกายของเขาส่งไปยังร่างกายของนางผ่านเสื้อบางๆเขาใส่ใจรายละเอียดมาก ตอนป้อนนาง แม้แต่กระดูกก็ถูกเอาออกเกลี้ยง และถึงขั
ฉู่เชียนหลีนั่งตัวตรง เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ พลางกวาดสายตามองถ้ำอย่างตื่นตัวเมื่อครู่ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น นางได้ยินเสียง ‘ติ๋งๆ ซ่าๆ’เสียงเบามาก แต่นางได้ยินจริงๆอยู่นั่น!เสียงน้ำ!“เฟิงเย่เสวียน ที่นั่นมีน้ำ!” ฉู่เชียนหลีชี้ไปที่ทิศทางหนึ่งอย่างฉับไว เป็นผนังหินของถ้ำ เสียงน้ำดังมาจากด้านหลังของผนังหินบนใบหน้าฉู่เชียนหลีเผยให้เห็นความตื่นเต้น“ถ้าหากเดาไม่ผิด น่าจะเป็นแม่น้ำใต้ดินสายหนึ่ง หรือตาน้ำผุด ลำธารอะไรทำนองนี้ ขอแค่ไปตามกระแสน้ำ ก็สามารถออกไปได้!”เฟิงเย่เสวียนประหลาดใจเล็กน้อย มีประกายสายหนึ่งแล่นผ่านแววตาอย่างคลุมเครือนางฉลาดมาก…ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ ความดีใจเช่นนี้เป็นอารมณ์ของผู้หนีเอาชีวิตรอดพ้นจากภัยพิบัติแห่งความตาย เป็นแสงอันริบหรี่ในความมืด และเป็นความดีใจที่แม้แต่ความมั่งคั่งร่ำรวยและสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตก็เทียบไม่ได้เป็นความดีใจที่ยังมีชีวิตรอด!มีน้ำก็มีทางรอดแล้ว!นางรีบพุ่งพรวดไปที่ผนังหินตรงนั้น พลันเอียงศีรษะ เอาหูแนบตั้งใจฟัง“มีน้ำจริงด้วย!”ตอนกลางวันเพราะเหนื่อยล้าและประหม่า จึงไม่ทันสังเกตยามราตรีเงียบสงบ เริ
เดินไปตามแม่น้ำใต้ดินประมาณสองเค่อ ในที่สุดก็มองเห็นแสงสว่างจากระยะไกลเป็นปากถ้ำเป็นทางออกในที่สุดก็ได้เห็นดวงอาทิตย์อีกครั้ง!แม่น้ำใต้ดินสายนี้เชื่อมต่อไปยังหุบเขาที่อยู่ด้านหลังของภูเขากว่างหนิง กลายเป็นลำธารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เมื่อเหยียบย่ำลงบนผืนดินอีกครั้ง ฉู่เชียนหลีจึงจะสามารถถอนหายใจอย่างโล่งอกในที่สุดก็นับว่าสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้แล้วพระอาทิตย์ไขแสงแสงแดดอบอุ่นทั้งสองเดินจับมือกันออกจากหุบเขา อ้อมผ่านภูเขาครึ่งลูก เดินไปยังทิศทางของโจรภูเขา พลันก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากระยะไกล“ท่านอ๋อง! พระชายา พวกท่านอยู่ที่ไหน?”“รีบตามหา ต่อให้ต้องพลิกทั้งภูเขากว่างหนิงก็ต้องหาให้เจอ!”“ท่านอ๋อง…”“อยู่นั่น!”ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกน พบร่างเงาของคนทั้งสองแล้วหานเฟิงรีบพุ่งพรวดเข้าไปทันที เมื่อเห็นว่าเจ้านายปลอดภัยไร้ปัญหา แขนขาอยู่ครบ หัวใจที่ประหม่ามาทั้งคืนจึงจะผ่อนคลายลงเล็กน้อยเบ้าตาแดงเล็กน้อย…“นายท่าน…”คล้ายกับจะร้องไห้ออกมาแล้วเฟิงเย่เสวียนเหลือบมองเขาอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง “ตื่นตระหนกอะไร?”หานเฟิงเบะปากหากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านาย เขาจะไปหาเจ้
“เป็นความผิดของข้า!”น้ำตาเม็ดใหญ่ของฉู่เชียนหลีร่วงลงมา มองดูศพของเด็กหนุ่ม รู้สึกทรมานใจราวกับมีมีดปักอยู่กลางอกเขาเป็นลูกของครอบครัวคนดี เป็นดั่งไข่มุกอันเลอค่าในฝ่ามือของบิดามารดา กลับมาตายอยู่ในรังโจร ถูกไฟคลอกขาขาดไปทั้งสองข้าง เจ็บปวดจนตายทั้งเป็นตอนที่เขาอยากหนี กลับถูกของบางอย่างทับไว้ หนีไม่พ้น ต้องมองดูเปลวไฟกลืนกินร่างกายของเขาทีละนิดต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดที่แสนทรมาน ความหวาดกลัวของความตาย…เวลานั้น เขาควรหวาดกลัวและสิ้นหวังเพียงใดนึกถึงตรงนี้ ฉู่เชียนหลีปิดหน้าสะอื้นร้องไห้“หากตอนนั้นข้าไม่ลงมือกับพี่หู่ หากตอนนั้นข้าไม่ตัดสินใจโดยพลการ เชื่อฟังการจัดการของเจ้า เขาก็จะไม่ตาย…”เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้อะไรเลยตอนที่นางสัญญาว่าจะช่วยเขาออกไป เขายิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ราวกับเชื่อนาง และก็ราวกับยิ้มให้ความไร้เดียงสาของนาง“เชียนหลี นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”“ข้าเป็นคนทำ แต่ข้าเป็นคนทำ! ศพทั้งหมดที่นอนอยู่ที่นี่ ล้วนเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของข้า…”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า!”เฟิงเย่เสวียนจับไหล่ฉู่เชียนหลี ทำให้นางต้องสบตาเขามองดูดวงตาที่แดงก่ำทั้งคู่ของนาง กล่าวทีล