ไฟครั้งนี้ลุกไหม้เป็นนานมาก ควันไฟที่หนาทึบปกคลุมทั่วทั้งยอดภูเขาเป็นเวลานานไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร…หน้าผาที่ลับตาและเงียบสงบ บนหินก้อนหนึ่งที่ยื่นออกมา มีเงาสองร่างนอนทับกันอยู่ตรงนั้น“ซี้ด…”เจ็บตรงอกและหน้าท้องเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง ปวดอย่างจุกแน่นฉู่เชียนหลีค่อยๆ ฟื้นคืนสติ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น ยกศีรษะที่หนักหน่วง ปลายเท้าลื่นไปที่ขอบหินโดยไม่ได้ตั้งใจลมเย็นสายหนึ่งพัดเข้าไปในปลายกางเกง“แม่เจ้า!”พลันฉู่เชียนหลีตื่นตัวทันทีใต้เท้า เหวลึกหมื่นจั้งเหนือศีรษะ ผาหินแหลมคมนางติดอยู่ตรงกลาง!“เฟิงเย่เสวียน!” เฟิงเย่เสวียนนอนอยู่ใต้ร่างนาง อยู่ในอาการหมดสติ สีหน้าซีดขาว ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตอนร่วงลงมา เขาปกป้องนางไว้อย่างดีมาโดยตลอด…หัวใจของฉู่เชียนหลีหนักอึ้งลงหลายส่วนตั้งแต่เมื่อไรกันแน่ พวกเขาพัฒนามาถึงระดับที่สามารถตายแทนกันได้…“เฟิงเย่เสวียน ฟื้นสิ” นางตบหน้าเขา พลางเรียกเขา พลางกวาดมองโดยรอบหน้าผาแห่งนี้ลึกมาก มีต้นหญ้าและต้นไม้ขึ้นตามผาตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย หินที่ยื่นออกมาก้อนนี้ ‘รับ’ พวกเขาไว้โดยบังเอิญไม่เช่นนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะ
“!”ที่แท้คือความฝัน!นางพูดละเมอแล้ว!ฉู่เชียนหลีรีบลุกขึ้นนั่ง และเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ท่านอ๋อง ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง? ร่างกายเจ็บหรือไม่ มีที่ไหนไม่สบายหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย พยักหน้าอย่างค่อยยังชั่ว “ยังไหว”ตกลงมาจากที่ที่สูงเช่นนั้น กลับโชคดีสามารถรอดมาได้ นับว่าสวรรค์คุ้มครองแล้ว“แค่รู้สึกขมปากเล็กน้อย”“มันเป็นดีงู” ฉู่เชียนหลีเก็บ ‘ศพ’ งูที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา “น้ำดีของงูตัวนี้มีฤทธิ์ห้ามเลือดที่ได้ผลดีมาก สามารถใช้เป็นยา”แต่ที่นี่ไม่มีสมุนไพร ก็เลยหยดเข้าปากของเขาโดยตรงเฟิงเย่เสวียนกวาดมองนางด้วยสายตาที่ซับซ้อนแวบหนึ่งโดยไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงมองนางอย่างเงียบๆบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงัน เปลวไฟวูบไหวเล็กน้อย สะท้อนลงบนใบหน้าของคนทั้งสอง ช่วยเคลือบแสงที่อ่อนโยนลงบนโครงหน้าหนึ่งชั้น กลิ่นอายของเฟิงเย่เสวียนเหมือนมุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งที่นุ่มนวล ให้ความรู้สึกเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ฉู่เชียนหลีก็อ่อนโยนว่าง่าย เหมือนภรรยาตัวน้อยที่ว่านอนสอนง่ายเหมือนว่านางไม่ได้อัปลักษณ์และยังดูรื่นหูรื่นตาเล็กน้อยทันใดนั้น เขายื่นฝ่ามือใหญ่ออกไป “มานี่”ริม
“...”เชี่ย!คำพูดนี้พูดเหมือนว่านางไปทำเรื่องน่าละอายใจอะไรมา หากไม่ใช่เพราะเขากระโดดหน้าผาสุ่มสี่สุ่มห้า นางจะรู้สึกเสียใจเช่นนี้ได้อย่างไรฉู่เชียนหลียืนตัวตรง เชิดหน้าขึ้นอธิบาย“ถ้ำแห่งนี้มืดมาก มองเห็นทางไม่ชัดเจน ระวังมีพวกงูกับแมลง”ความหมายนอกเหนือคำพูด : ยืนไม่มั่นคงเพราะมืดเกินไป ไม่ได้ลนลานนางที่มีชีวิตอยู่มาถึงสองชาติ มีเรื่องอะไรบ้างที่ไม่เคยพบเจอ? ก็แค่ผู้ชายไม่ใช่หรือ? เป้าหมายในชีวิตของนาง : นอนยี่สิบคนเฟิงเย่เสวียนกวาดมองกองไฟที่ปากถ้ำแวบหนึ่งกองไฟส่องมา สะท้อนพื้นที่ภายในถ้ำให้สว่าง และสะท้อนลงบนใบหน้าของนางด้วย ทำให้มองเห็นรูปโฉมและโครงหน้าของนางอย่างชัดเจน“อืม” เขาพยักหน้า “ถ้ำแห่งนี้มืดเกินไปจริงๆ ให้ข้าเดินสำรวจทางอยู่ข้างหน้า หากมีงูแมลงผีปีศาจ พระชายาจะได้วิ่งหนีง่ายขึ้น”พูดจบ ก็ก้าวเท้ายาวเดินนำหน้าฉู่เชียนหลีกัดริมฝีปาก ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเขา สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรีบหนีออกจากที่นี่ถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่กลางหน้าผา ผ่านลมผ่านฝนผ่านแดดมานับหมื่นปี หินผาถูกกัดเซาะ กลายเป็นถ้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จะว่าลึกก็ไม่ลึก จะว่าตื้นก็ไม่ตื้นเดิ
ฝ่ามือใหญ่กำกิ่งไม้แน่นขึ้นหลายส่วน งูที่เสียบอยู่ข้างบนสั่นสองที ริมฝีปากบางของเขาเผยอยิ้ม“เหอะๆ พระชายาช่างเลื่อมใสข้ายิ่งนัก”“ท่านอ๋องเป็นสวรรค์ของข้า ข้าไม่เลื่อมใสท่านจะให้เลื่อมใสใครเล่า? ข้าพ่ายแพ้ใต้เสื้อผาวสีหมึกของท่านนานแล้ว เป็นบริวารใต้เสื้อผาวของท่าน”ฉู่เชียนหลีหัวเราะเหอะๆความตายอยู่ตรงหน้า ได้แต่สนองความอยากของปากแล้ว“หืม?” เฟิงเย่เสวียนเลิกคิ้ว “หากจะว่าไป ข้าก็มีสิ่งหนึ่งที่ยังรู้สึกเสียดาย”ฉู่เชียนหลี : ฉันใช้นิ้วเท้าคิดยังคิดได้เลย ความเสียดายของนายก็คือเซียวจือฮว่าไม่ใช่เหรอ?ดอกบัวขาวที่อ้อนแอ้นอรชรดอกนั้น ท่าทางที่อ่อนแอจนแค่ลมพัดก็สามารถไอครึ่งชั่วยาม ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ และแค่สัมผัสก็ล้มลงทันที ไม่ว่าผู้ชายคนใดก็วางไม่ลง!ถุย!นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะห่วงผู้หญิงอีก ผู้ชายเป็นสัตว์ที่คิดแต่เรื่องช่วงล่างของร่างกายจริงๆ!เฟิงเย่เสวียนพลิกงูที่อยู่ในมือ กล่าวอย่างเชื่องช้า“หากสามารถออกไปได้ ข้าจะมอบคืนแต่งงานที่สมบูรณ์แบบให้พระชายา”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันเขา…ในเวลาแบบนี้ คนที่เขายังห่วงคือนาง…“แต่งงานจะสี่เดือนแล้ว ข้าทำสงครามอยู่ข้างนอกมาโดยตล
สัมผัสถูกความอุ่นเมื่อยกมือขึ้นมาดู เลือด…ฉู่เชียนหลียิ่งรู้สึกตัวแล้ว เมื่อก้มหน้าดู นางได้สติแบบขนลุกซู่ฉับพลัน เขินอายจนหน้าแดง พลันรีบดึงกางเกงขึ้น จัดแจงเสื้อให้เรียบร้อยบ้าจริง!เมนส์มา!เมื่อครู่นางกำลังทำอะไรกับผู้ชายคนนี้?หากไม่ใช่เพราะเมนส์มาเยี่ยมกะทันหัน นางก็อาจจะ…อืมๆ อ้าๆ โอ๊ยๆเฟิงเย่เสวียนรีบระงับความปรารถนาในร่างกายทันที เขาถอดผาวตัวนอกคลุมลงบนร่างกายของนาง ถือโอกาสดึงคนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน และเอื้อมฝ่ามือข้างหนึ่งออกไปหยิบเนื้องูที่ย่างเสร็จแล้วลอกเปลือกที่ไหม้จนเกรียม เผยให้เห็นเนื้ออันละเอียดอ่อนที่มีไอร้อนลอยออกมาเอากระดูกออก หยิบมาหนึ่งชิ้น “อ้าปาก”“ข้ากินเอง…อื้อ”เพิ่งอ้าปาก เนื้องูหนึ่งชิ้นถูกป้อนเข้าปาก“ข้ากิน…” ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะลุกขึ้น ก็ถูกข้อพับแขนที่มีพละกำลังของเฟิงเย่เสวียนดึงกลับไป ฝ่ามือนั้นเหมือนเหล็กกล้า กอดนางไว้ในอ้อมแขนแน่นกลิ่นบนตัวเขาหอมมาก เป็นกลิ่นปอเหอเย็นๆอ้อมแขนของเฟิงเย่เสวียนอบอุ่นมาก อุณหภูมิร่างกายของเขาส่งไปยังร่างกายของนางผ่านเสื้อบางๆเขาใส่ใจรายละเอียดมาก ตอนป้อนนาง แม้แต่กระดูกก็ถูกเอาออกเกลี้ยง และถึงขั
ฉู่เชียนหลีนั่งตัวตรง เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ พลางกวาดสายตามองถ้ำอย่างตื่นตัวเมื่อครู่ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น นางได้ยินเสียง ‘ติ๋งๆ ซ่าๆ’เสียงเบามาก แต่นางได้ยินจริงๆอยู่นั่น!เสียงน้ำ!“เฟิงเย่เสวียน ที่นั่นมีน้ำ!” ฉู่เชียนหลีชี้ไปที่ทิศทางหนึ่งอย่างฉับไว เป็นผนังหินของถ้ำ เสียงน้ำดังมาจากด้านหลังของผนังหินบนใบหน้าฉู่เชียนหลีเผยให้เห็นความตื่นเต้น“ถ้าหากเดาไม่ผิด น่าจะเป็นแม่น้ำใต้ดินสายหนึ่ง หรือตาน้ำผุด ลำธารอะไรทำนองนี้ ขอแค่ไปตามกระแสน้ำ ก็สามารถออกไปได้!”เฟิงเย่เสวียนประหลาดใจเล็กน้อย มีประกายสายหนึ่งแล่นผ่านแววตาอย่างคลุมเครือนางฉลาดมาก…ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ ความดีใจเช่นนี้เป็นอารมณ์ของผู้หนีเอาชีวิตรอดพ้นจากภัยพิบัติแห่งความตาย เป็นแสงอันริบหรี่ในความมืด และเป็นความดีใจที่แม้แต่ความมั่งคั่งร่ำรวยและสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตก็เทียบไม่ได้เป็นความดีใจที่ยังมีชีวิตรอด!มีน้ำก็มีทางรอดแล้ว!นางรีบพุ่งพรวดไปที่ผนังหินตรงนั้น พลันเอียงศีรษะ เอาหูแนบตั้งใจฟัง“มีน้ำจริงด้วย!”ตอนกลางวันเพราะเหนื่อยล้าและประหม่า จึงไม่ทันสังเกตยามราตรีเงียบสงบ เริ
เดินไปตามแม่น้ำใต้ดินประมาณสองเค่อ ในที่สุดก็มองเห็นแสงสว่างจากระยะไกลเป็นปากถ้ำเป็นทางออกในที่สุดก็ได้เห็นดวงอาทิตย์อีกครั้ง!แม่น้ำใต้ดินสายนี้เชื่อมต่อไปยังหุบเขาที่อยู่ด้านหลังของภูเขากว่างหนิง กลายเป็นลำธารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เมื่อเหยียบย่ำลงบนผืนดินอีกครั้ง ฉู่เชียนหลีจึงจะสามารถถอนหายใจอย่างโล่งอกในที่สุดก็นับว่าสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้แล้วพระอาทิตย์ไขแสงแสงแดดอบอุ่นทั้งสองเดินจับมือกันออกจากหุบเขา อ้อมผ่านภูเขาครึ่งลูก เดินไปยังทิศทางของโจรภูเขา พลันก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากระยะไกล“ท่านอ๋อง! พระชายา พวกท่านอยู่ที่ไหน?”“รีบตามหา ต่อให้ต้องพลิกทั้งภูเขากว่างหนิงก็ต้องหาให้เจอ!”“ท่านอ๋อง…”“อยู่นั่น!”ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกน พบร่างเงาของคนทั้งสองแล้วหานเฟิงรีบพุ่งพรวดเข้าไปทันที เมื่อเห็นว่าเจ้านายปลอดภัยไร้ปัญหา แขนขาอยู่ครบ หัวใจที่ประหม่ามาทั้งคืนจึงจะผ่อนคลายลงเล็กน้อยเบ้าตาแดงเล็กน้อย…“นายท่าน…”คล้ายกับจะร้องไห้ออกมาแล้วเฟิงเย่เสวียนเหลือบมองเขาอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง “ตื่นตระหนกอะไร?”หานเฟิงเบะปากหากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านาย เขาจะไปหาเจ้
“เป็นความผิดของข้า!”น้ำตาเม็ดใหญ่ของฉู่เชียนหลีร่วงลงมา มองดูศพของเด็กหนุ่ม รู้สึกทรมานใจราวกับมีมีดปักอยู่กลางอกเขาเป็นลูกของครอบครัวคนดี เป็นดั่งไข่มุกอันเลอค่าในฝ่ามือของบิดามารดา กลับมาตายอยู่ในรังโจร ถูกไฟคลอกขาขาดไปทั้งสองข้าง เจ็บปวดจนตายทั้งเป็นตอนที่เขาอยากหนี กลับถูกของบางอย่างทับไว้ หนีไม่พ้น ต้องมองดูเปลวไฟกลืนกินร่างกายของเขาทีละนิดต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดที่แสนทรมาน ความหวาดกลัวของความตาย…เวลานั้น เขาควรหวาดกลัวและสิ้นหวังเพียงใดนึกถึงตรงนี้ ฉู่เชียนหลีปิดหน้าสะอื้นร้องไห้“หากตอนนั้นข้าไม่ลงมือกับพี่หู่ หากตอนนั้นข้าไม่ตัดสินใจโดยพลการ เชื่อฟังการจัดการของเจ้า เขาก็จะไม่ตาย…”เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้อะไรเลยตอนที่นางสัญญาว่าจะช่วยเขาออกไป เขายิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ราวกับเชื่อนาง และก็ราวกับยิ้มให้ความไร้เดียงสาของนาง“เชียนหลี นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”“ข้าเป็นคนทำ แต่ข้าเป็นคนทำ! ศพทั้งหมดที่นอนอยู่ที่นี่ ล้วนเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของข้า…”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า!”เฟิงเย่เสวียนจับไหล่ฉู่เชียนหลี ทำให้นางต้องสบตาเขามองดูดวงตาที่แดงก่ำทั้งคู่ของนาง กล่าวทีล
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท