“เป็นความผิดของข้า!”น้ำตาเม็ดใหญ่ของฉู่เชียนหลีร่วงลงมา มองดูศพของเด็กหนุ่ม รู้สึกทรมานใจราวกับมีมีดปักอยู่กลางอกเขาเป็นลูกของครอบครัวคนดี เป็นดั่งไข่มุกอันเลอค่าในฝ่ามือของบิดามารดา กลับมาตายอยู่ในรังโจร ถูกไฟคลอกขาขาดไปทั้งสองข้าง เจ็บปวดจนตายทั้งเป็นตอนที่เขาอยากหนี กลับถูกของบางอย่างทับไว้ หนีไม่พ้น ต้องมองดูเปลวไฟกลืนกินร่างกายของเขาทีละนิดต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดที่แสนทรมาน ความหวาดกลัวของความตาย…เวลานั้น เขาควรหวาดกลัวและสิ้นหวังเพียงใดนึกถึงตรงนี้ ฉู่เชียนหลีปิดหน้าสะอื้นร้องไห้“หากตอนนั้นข้าไม่ลงมือกับพี่หู่ หากตอนนั้นข้าไม่ตัดสินใจโดยพลการ เชื่อฟังการจัดการของเจ้า เขาก็จะไม่ตาย…”เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้อะไรเลยตอนที่นางสัญญาว่าจะช่วยเขาออกไป เขายิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ราวกับเชื่อนาง และก็ราวกับยิ้มให้ความไร้เดียงสาของนาง“เชียนหลี นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”“ข้าเป็นคนทำ แต่ข้าเป็นคนทำ! ศพทั้งหมดที่นอนอยู่ที่นี่ ล้วนเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของข้า…”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า!”เฟิงเย่เสวียนจับไหล่ฉู่เชียนหลี ทำให้นางต้องสบตาเขามองดูดวงตาที่แดงก่ำทั้งคู่ของนาง กล่าวทีล
ทุกคนพากันกล่าวขอบคุณ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งของการรอดจากภัยพิบัติฉู่เชียนหลีมองใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยแต่จริงใจอย่างตะลึงงัน ฟังคำขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า นางอึ้งเล็กน้อยเฟิงเย่เสวียนยกแขนเสื้อขึ้น เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง “เชียนหลี เจ้าช่วยคนไว้เยอะมาก”เสียสละหนึ่งคน ช่วยได้มากเช่นนั้น มันคุ้มค่า“ใครก็ได้ จัดพิธีศพให้เด็กหนุ่มคนนี้อย่างยิ่งใหญ่ ส่งเงินทำขวัญสองพันตำลึงให้พ่อแม่เขา หากครอบครัวของเขามีเรื่องลำบากอะไร ก็ช่วยเขาจัดการทั้งหมด”“ขอรับ นายท่าน!” หานเฟิงรับคำสั่ง รีบสั่งให้คนไปดำเนินการทันทีฉู่เชียนหลีร้องไห้สะอึกสะอื้น ไหล่ทั้งสองข้างกระตุก มองดูเด็กหนุ่มคนนั้นถูกยกลงไป แล้วมองดูชาวบ้านที่ซาบซึ้งนางเหล่านี้ รู้สึกสบายใจขึ้นไม่มากก็น้อยแต่อารมณ์ของนางก็ยังหดหู่อยู่หลายส่วนนางเม้มริมฝีปาก ไม่อยากพูดอะไรทั้งสิ้นเหล่าทหารองครักษ์ควบคุมตัวโจรภูเขา กวาดล้างค่ายโจร เก็บกวาดสนามรบ เวลาเดียวกัน บรรดาชาวบ้านเพื่อเป็นการขอบคุณ ได้ส่งอาหารพื้นเมืองที่เรียบง่ายมาให้เนื้อตากแห้ง ไข่ไก่พื้นเมืองอะไรทำนองนี้หลังจากนั้นสองชั่วยามทุกอย่างถูกจั
เรือนข้างเฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามา กวาดสายตามองลานเรือนแวบหนึ่ง คิ้วดาบขมวดเล็กน้อย จากนั้นเดินเข้าห้องนอน คิ้วยิ่งขมวดแน่นแล้วเหตุใดเมื่อก่อนจึงไม่พบว่าที่อยู่อาศัยของนางแย่เช่นนี้?เขาวางนางลงบนเตียงแล้วกล่าว “พรุ่งนี้ย้ายไปอยู่เรือนหานเฟิง” “!”ร่างกายฉู่เชียนหลีหดเกร็งทันทีเรือนหานเฟิงเป็นที่อยู่อาศัยของเขาอยู่ร่วมกับเขา?พริบตานั้น นางนึกถึงคำพูดที่อยู่ในถ้ำ…เขาจะชดเชยคืนแต่งงานที่สมบูรณ์แบบให้นาง และนางจะ… มีลูกชายให้เขาสิบคน!สวรรค์!พระเจ้า!นี่นับไม่ได้เด็ดขาด!ตอนนั้นอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่สิ้นหวัง นางแค่สนองความอยากของปาก จึงพูดคำพูดเช่นนั้นออกมา ใครจะรู้ว่ากลับพบแม่น้ำใต้ดิน สามารถรอดมาได้ล่ะ?ดังนั้น คำพูดเหล่านั้นจึงไม่มีผลในทางกฎหมายเท่ากับเป็นโมฆะฉู่เชียนหลีรีบคว้าผ้าห่มไว้แน่น ดึงขึ้นมาถึงตำแหน่งของคอ คลุมร่างกายไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่ลมก็เข้าไปไม่ได้ พลันพูดอย่างระแวง“ท่านอ๋อง ข้าอยู่ที่นี่จนชินแล้ว แม้ว่าห้องจะเล็กและเก่าไปบ้าง แต่สะอาดอยู่สบาย”เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาพูดมากกว่านี้ นางรับตัดบทเขาทันที“เหนื่อยมาหลายวัน ข้าเหนื่อยมาก อยากนอนสั
กลับมาที่จวนอ๋องเฉินห้องหนังสือหานเฟิงกลับมาถึง อ๋องเฉินก็กลับจากการรายงานการปฏิบัติภารกิจในวังพอดี เขาก็เลยเข้าไปรายงานข้อมูล“นายท่าน ยังมีอีกเรื่องที่ข้าน้อยลืมบอกท่าน หลังจากท่านตกหน้าผา ไฟลุกไหม้จนหยุดไม่ได้ ตอนนั้นสำนักอู๋จี๋ลงมือแล้ว… ”เฟิงเย่เสวียนที่เพิ่งนั่งลง การกระทำชะงักเล็กน้อย“สำนักอู๋จี๋?”“ขอรับ”เป็นสำนักที่ลึกลับมากในยุทธภพสถานะของลูกศิษย์ในสำนักอู๋จี๋ลึกลับ ความสามารถไม่แน่ชัด ได้ยินมาว่าบางคนมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับเป็นคนตาบอด บางคนมีกลยุทธ์เหนือมนุษย์ แต่กลับเป็นคนง่อย บางคนผอมแห้งเตี้ยเล็ก กลับได้ฉายาปรมาจารย์แปลงโฉมอันดับหนึ่งในหล้าได้ยินมาว่า…ไม่ควรมองข้ามคนเหล่านั้นเด็ดขาดหลายปีมานี้ สำนักอู๋จี๋ไม่ฆ่าคนปล้นสินค้า หรือรับงานเพื่อหาเงิน แต่ที่ใดมีฝ่ายอธรรม ที่ใดต้องการความช่วยเหลือ ก็ปรากฏตัวที่นั่น“จางขาเป๋ของสำนักอู๋จี๋มาขอรับ” หานเฟิงกล่าว “ตอนนั้นไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง จางขาเป๋ปล่อยว่าวที่ทำจากลวดเหล็กขึ้นฟ้า เรียกสายฟ้า ฝนตกหนัก นี่จึงสามารถดับไฟได้ขอรับ”ไม่เช่นนั้น คนที่อยู่บนภูเขาจะตายทั้งหมด มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากกว่านี้แววตาขอ
พริบตานั้น ร่างกายฉู่เชียนหลีสั่นสะท้าน ราวกับเกิดอาการหูแว่วจงใจ…กระโดดหน้าผา?ภายในห้องหนังสือ เสียงของหานเฟิงดังต่อเนื่อง“มันไม่ง่ายเลยที่ท่านจะมาถึงวันนี้ แบกรับหน้าที่อันใหญ่หลวงไว้เช่นนั้น กลับเล่นกับเรื่องที่อันตรายเช่นนี้ หากเกิดอะไรขึ้น…”“พระชายาสามารถแต่งใหม่ พวกโจรภูเขาฆ่าแล้วก็สิ้นเรื่อง แต่ความปลอดภัยของท่าน…”จงใจ…เล่น…คำพูดของหานเฟิงยังคงดัง เสียงเบามาก แต่ทุกคำพูดทุกอักษร ล้วนลอยเข้าหูฉู่เชียนหลีอย่างชัดเจนจงใจ…นางรู้สึกเพียงแน่นหน้าอก ภายในศีรษะว่างเปล่า ร่างกายเย็นวูบตั้งแต่หัวจรดเท้าเฟิงเย่เสวียนจงใจกระโดดหน้าผา แสดงบทหนีเอาชีวิตรอดจากความตายเป็นเพื่อนนาง ในความเป็นจริงเขามีความมั่นใจต่อเรื่องนี้อยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายอะไรนั่น ความอ่อนโยนก่อนตายอะไรนั่น ล้วนเป็นของปลอมทั้งสิ้นเขาจงใจกระโดดหน้าผา ก่อให้เกิดเรื่องที่ตามมาทีหลัง เด็กหนุ่มคนนั้นก็อยู่ในการคำนวณของเขาเช่นกันทั้งหมดนี้คือการหลอกลวง!นางคิดว่า…คิดว่าเขาสามารถกระโดดหน้าผาเพื่อนาง และตายเพื่อนางโดยไม่คำนึงถึงตนเอง เพื่อปกป้องนางแล้ว ยอมเสียสละทุกสิ่
“พระชายา ดื่มชาขิงร้อนๆ อุ่นท้องเจ้าค่ะ”“บ่าวจะไปนำผ้าห่มมาคลุมให้อีกผืนนะเจ้าคะ”“พระชายา น้ำแกงใกล้จะเสร็จแล้ว เมื่อก่อนเวลาท่านไม่สบายรอบเดือนมา เมื่อดื่มน้ำแกงเมล็ดบัวขิงแก่ที่บ่าวทำก็จะหายปวดทันที!”ในลาน จุดเตาไฟขนาดเล็กเยว่เอ๋อร์นั่งยองอยู่ข้างหน้าเตา ถือพัดไว้ในมือหนึ่งเล่ม พัดไฟเป็นระยะ พลันเปิดฝาหม้อดูแล้วก็พัดต่อ ร้อนจนใบหน้าเล็กมีเม็ดเหงื่อขนาดใหญ่ไหลฉู่เชียนหลีนั่งพิงอยู่บนเตียง นางงอขากอดตัวเอง คางพาดอยู่บนหัวเข่า มองดูแผ่นหลังที่กำลังยุ่งของสาวใช้ตัวน้อย รู้สึกแสบที่ปลายจมูกชีวิตนี้สามารถทรยศผู้ชายทุกคน แต่สำหรับเยว่เอ๋อร์ แม้ตายก็ต้องทำให้นางใช้ชีวิตโดยปราศจากความกังวล ครอบครัวสุขสบาย ลูกหลานล้อมรอบมองไปมองมา สายตาก็เริ่มอดไม่ได้ที่จะพร่ามัว ระหว่างใจลอย ภาพบางภาพปรากฏขึ้นตรงหน้า‘เชียนหลี มานี่ หากสามารถหนีรอดออกไปได้ ข้าจะมอบคืนแต่งงานใหม่ที่สมบูรณ์แบบให้เจ้า’‘เชียนหลี รอหลังจากออกไปแล้ว พวกเราใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไปดีหรือไม่?’‘เชียนหลี…’‘นายท่าน ทั้งๆ ที่ท่านสามารถปราบโจรภูเขา เหตุใดต้องจงใจกระโดดหน้าผา…’จงใจกระโดดหน้าผา…เล่นละคร
เซียวจือฮว่าเงยหน้ามอง เห็นฉู่เชียนหลีเดินออกมาพลาง ผูกเสื้อผาวของตนเองเมื่อเห็นฉู่เชียนหลี นางก็นึกถึงตอนที่ท่านอ๋องกลับจวน อุ้มฉู่เชียนหลีกลับมาด้วยมือตัวเอง และถึงขั้นมองข้ามนาง…มีความเกลียดชังอันลึกซึ้งสายหนึ่งแล่นผ่านแววตานางอย่างคลุมเครือพริบตาเดียวก็หายไปจากนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยน “พี่หญิงล้อเล่นแล้ว น้องหญิงจะต้มน้ำแกงเป็นได้อย่างไร?”ให้นางลงมือต้มน้ำแกง?ฉู่เชียนหลีกินแล้วไม่กลัวอายุสั้นหรือ?ฉู่เชียนหลีเหลือบมองนางอย่างเฉยเมย “ทำลายของของข้า ชดใช้แล้วจึงจะนับว่าขอโทษ หากแค่พูดเพียงลมปาก เช่นนั้นข้าฆ่าเจ้าแล้วค่อยขอโทษ ก็ไม่เป็นอะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?”สีหน้าเซียวจือฮว่าชะงักทันทีนี่ฉู่เชียนหลีจะประจันหน้ากับนางหรือ?ถือดีที่ท่านอ๋องอุ้มนางกลับจวน ได้รับความโปรดปรานชั่วขณะ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้านางแล้ว?นางเป็นถึงผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างท่านอ๋องมาเป็นเวลาสิบปีเต็มในสายตาของท่านอ๋อง ฉู่เชียนหลีที่อัปลักษณ์เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบก็เท่านั้น นางเซียวจือฮว่าจึงจะเป็นคนที่อยู่ในใจของท่านอ๋องเชอะ!“ข้าไม่ได้ตั้งใจ และได้ขอโทษไปแล้ว เหตุใดท่านต้องบีบคั้นกันเช่นนี้…” นางหลุ
เสียงอันเย็นชากระแทกลงมา ร่างเพรียวบางของฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงนั้น เยือกเย็น มองเหยียด สูงส่ง ระหว่างคิ้วมีกลิ่นอายที่บีบคั้นแฝงอยู่ เหมือนดอกไม้บนยอดเขาที่ไม่สามารถเข้าใกล้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตะลึงงันนี่…นี่ยังใช่พระชายาอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีที่ขี้ขลาด มีปมด้อย อัปลักษณ์ ไม่กล้าพบหน้าผู้คนในอดีตหรือไม่?ผ่านไปครู่หนึ่งเซียวจือฮว่าจึงจะหวนคืนสติอย่างฉับพลัน ฝ่ามือสั่นเครือ เจ็บปวดอย่างรุนแรงจนดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลพราก“พี่หญิง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของข้าเอง ข้าทำให้ท่านไม่พอใจ บาดเจ็บก็เพราะข้ารนหาที่เอง ข้าไม่กล้าตำหนิท่าน…”เสียงที่สั่นเครือนั้นมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ พร้อมกับสูดลมเย็นเข้าปอด ทำให้ผู้คนปวดใจและในเวลานี้เอง มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่นอกเรือนเซียวจือฮว่ายิ่งร้องไห้หนัก “ขอแค่พี่หญิงมีความสุข ข้าตายก็ไม่เสียดาย…”“ท่านอ๋อง!”เป่าอวี้เห็นร่างเงาสีหมึกที่เดินเข้ามา ตาเป็นประกาย ราวกับมองเห็นที่พึ่งสุดท้าย พุ่งพรวดออกไปคุกเข่าลงกับพื้น พลางร้องห่มร้องไห้“ท่านอ๋อง ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับนายหญิงของบ่าวนะเจ้าคะ!”เยว่เอ๋อร์ประหม่าทันที รีบวิ่งไปข้
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋
ตอนที่ตื่น ก็เป็นเที่ยงของวันใหม่แล้ว เฟิงเย่เสวียนรู้จักเตียงนานแล้ว หลังจากฉู่เชียนหลีกินอะไรง่ายๆ ก็ไปที่สำนักหมอหลวง หมกมุ่นอยู่กับตำราแพทย์พริบตาเดียวก็กลางคืนแล้วนางกำนัลมารายงาน ฮ่องเต้ฟื้นแล้ว ฉู่เชียนหลีไปตำหนักผานหลง ฮ่องเต้นอนตัวเกร็งอยู่บนเตียง นิ้วมือหยิกงอ ร่างกายครึ่งหนึ่งแข็งเหมือนท่อนไม้ ปากก็เบี้ยวจนมีน้ำลายไหลยืดเขาเบิกตากว้างจนลูกตาแทบทะลักออกมาแล้ว นางกำนัลที่ปรนนิบัติกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปปรนนิบัติฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา“ฝ่าบาททรงฟื้นเมื่อไร”“เมื่อหนึ่งเค่อก่อนเจ้าค่ะ” นางกำนัลตอบ“ดื่มโอสถหรือยัง?”“หนึ่งวันสามมื้อ ป้อนตรงเวลาเจ้าค่ะ”“อืม”นางเดินไปที่หน้าเตียง จับชีพจรของฮ่องเต้ ลักษณะชีพจรคงที่ ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เพียงแต่ร่างกายได้รับหญ้าหมาเฟ้ยมากเกินไป ส่งผลให้ร่างกายชาจนไม่ตอบสนอง อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกครึ่งปี จึงจะสามารถสลายหญ้าหมาเฟ้ยเหล่านี้หมดถึงเวลา ก็สามารถกลับมาเป็นปกติ“ดูแลดีๆ ต้องมีคนเฝ้าอยู่ข้างพระวรกายตลอดอย่างน้อยสองคน” นางกำชับนางกำนัลเวลานี้เอง ที่นอกประตู อวิ๋นอิงอุ้มน้องสาวมาแล้ว“พระชายา ท่านเอาแต่ยุ่งทั้งวัน ลู่ฉิ
ฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้า อ๋องหลีก็ไม่สามารถก่อเรื่องมากมายเช่นนี้ เจ้าจะให้ข้าจัดการเจ้าอย่างไรจึงจะดี?”ถ้าไม่มียาอายุวัฒนะ อ๋องหลีจบสิ้นไปนานแล้วและยาชนิดนี้ก็มาจากมือของอูหนูอูหนูยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา ยืดอกหลังตรง การแสดงออกบนใบหน้าไม่เย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ถ่อมตน นางเป็นคนที่เคยตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่กลัว“จะฆ่าจะแกง เชิญตามสะดวก”นางเงยหน้า หลับตา“เจ้าเป็นผู้ช่วยที่ดีของอ๋องหลี ข้าฆ่าเจ้าทั้งเช่นนี้ จะไม่เสียดายแย่หรือ?” ฉู่เชียนหลีเดินไปที่ตรงหน้านาง “ข้าขอถามเจ้า เจ้าทำอะไรกับฝ่าบาท? เหตุใดจู่ๆ เขาก็เป็นอัมพาตเฉียบพลัน”อูหนูย่อมไม่อยากพูดไม่รอนางเอ่ยปาก ฉู่เชียนหลีเสริมอีกประโยค“ตายเป็นแค่ผลลัพธ์อย่างหนึ่ง แต่ขั้นตอนการตาย ควรตายอย่างไร ขึ้นอยู่กับข้า”“เจ้าสามารถปากแข็ง แต่ปากแข็งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ และยังจะเพิ่มความเจ็บปวด เจ้าเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรเลือกอย่างไร”อูหนู “...”ข่มขู่อย่างโจ่งแจ้งถ้าหากนางยอมพูด มอบความตายที่ไม่เจ็บปวดให้นางถ้าหากนางไม่ยอมพูด คิดวิธีทรมานสารพัด เพื่อทำให้นางยอมพูด สุดท้ายก็ตายอยู่