“เป็นความผิดของข้า!”น้ำตาเม็ดใหญ่ของฉู่เชียนหลีร่วงลงมา มองดูศพของเด็กหนุ่ม รู้สึกทรมานใจราวกับมีมีดปักอยู่กลางอกเขาเป็นลูกของครอบครัวคนดี เป็นดั่งไข่มุกอันเลอค่าในฝ่ามือของบิดามารดา กลับมาตายอยู่ในรังโจร ถูกไฟคลอกขาขาดไปทั้งสองข้าง เจ็บปวดจนตายทั้งเป็นตอนที่เขาอยากหนี กลับถูกของบางอย่างทับไว้ หนีไม่พ้น ต้องมองดูเปลวไฟกลืนกินร่างกายของเขาทีละนิดต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดที่แสนทรมาน ความหวาดกลัวของความตาย…เวลานั้น เขาควรหวาดกลัวและสิ้นหวังเพียงใดนึกถึงตรงนี้ ฉู่เชียนหลีปิดหน้าสะอื้นร้องไห้“หากตอนนั้นข้าไม่ลงมือกับพี่หู่ หากตอนนั้นข้าไม่ตัดสินใจโดยพลการ เชื่อฟังการจัดการของเจ้า เขาก็จะไม่ตาย…”เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้อะไรเลยตอนที่นางสัญญาว่าจะช่วยเขาออกไป เขายิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ราวกับเชื่อนาง และก็ราวกับยิ้มให้ความไร้เดียงสาของนาง“เชียนหลี นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”“ข้าเป็นคนทำ แต่ข้าเป็นคนทำ! ศพทั้งหมดที่นอนอยู่ที่นี่ ล้วนเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของข้า…”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า!”เฟิงเย่เสวียนจับไหล่ฉู่เชียนหลี ทำให้นางต้องสบตาเขามองดูดวงตาที่แดงก่ำทั้งคู่ของนาง กล่าวทีล
ทุกคนพากันกล่าวขอบคุณ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งของการรอดจากภัยพิบัติฉู่เชียนหลีมองใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยแต่จริงใจอย่างตะลึงงัน ฟังคำขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า นางอึ้งเล็กน้อยเฟิงเย่เสวียนยกแขนเสื้อขึ้น เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง “เชียนหลี เจ้าช่วยคนไว้เยอะมาก”เสียสละหนึ่งคน ช่วยได้มากเช่นนั้น มันคุ้มค่า“ใครก็ได้ จัดพิธีศพให้เด็กหนุ่มคนนี้อย่างยิ่งใหญ่ ส่งเงินทำขวัญสองพันตำลึงให้พ่อแม่เขา หากครอบครัวของเขามีเรื่องลำบากอะไร ก็ช่วยเขาจัดการทั้งหมด”“ขอรับ นายท่าน!” หานเฟิงรับคำสั่ง รีบสั่งให้คนไปดำเนินการทันทีฉู่เชียนหลีร้องไห้สะอึกสะอื้น ไหล่ทั้งสองข้างกระตุก มองดูเด็กหนุ่มคนนั้นถูกยกลงไป แล้วมองดูชาวบ้านที่ซาบซึ้งนางเหล่านี้ รู้สึกสบายใจขึ้นไม่มากก็น้อยแต่อารมณ์ของนางก็ยังหดหู่อยู่หลายส่วนนางเม้มริมฝีปาก ไม่อยากพูดอะไรทั้งสิ้นเหล่าทหารองครักษ์ควบคุมตัวโจรภูเขา กวาดล้างค่ายโจร เก็บกวาดสนามรบ เวลาเดียวกัน บรรดาชาวบ้านเพื่อเป็นการขอบคุณ ได้ส่งอาหารพื้นเมืองที่เรียบง่ายมาให้เนื้อตากแห้ง ไข่ไก่พื้นเมืองอะไรทำนองนี้หลังจากนั้นสองชั่วยามทุกอย่างถูกจั
เรือนข้างเฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามา กวาดสายตามองลานเรือนแวบหนึ่ง คิ้วดาบขมวดเล็กน้อย จากนั้นเดินเข้าห้องนอน คิ้วยิ่งขมวดแน่นแล้วเหตุใดเมื่อก่อนจึงไม่พบว่าที่อยู่อาศัยของนางแย่เช่นนี้?เขาวางนางลงบนเตียงแล้วกล่าว “พรุ่งนี้ย้ายไปอยู่เรือนหานเฟิง” “!”ร่างกายฉู่เชียนหลีหดเกร็งทันทีเรือนหานเฟิงเป็นที่อยู่อาศัยของเขาอยู่ร่วมกับเขา?พริบตานั้น นางนึกถึงคำพูดที่อยู่ในถ้ำ…เขาจะชดเชยคืนแต่งงานที่สมบูรณ์แบบให้นาง และนางจะ… มีลูกชายให้เขาสิบคน!สวรรค์!พระเจ้า!นี่นับไม่ได้เด็ดขาด!ตอนนั้นอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่สิ้นหวัง นางแค่สนองความอยากของปาก จึงพูดคำพูดเช่นนั้นออกมา ใครจะรู้ว่ากลับพบแม่น้ำใต้ดิน สามารถรอดมาได้ล่ะ?ดังนั้น คำพูดเหล่านั้นจึงไม่มีผลในทางกฎหมายเท่ากับเป็นโมฆะฉู่เชียนหลีรีบคว้าผ้าห่มไว้แน่น ดึงขึ้นมาถึงตำแหน่งของคอ คลุมร่างกายไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่ลมก็เข้าไปไม่ได้ พลันพูดอย่างระแวง“ท่านอ๋อง ข้าอยู่ที่นี่จนชินแล้ว แม้ว่าห้องจะเล็กและเก่าไปบ้าง แต่สะอาดอยู่สบาย”เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาพูดมากกว่านี้ นางรับตัดบทเขาทันที“เหนื่อยมาหลายวัน ข้าเหนื่อยมาก อยากนอนสั
กลับมาที่จวนอ๋องเฉินห้องหนังสือหานเฟิงกลับมาถึง อ๋องเฉินก็กลับจากการรายงานการปฏิบัติภารกิจในวังพอดี เขาก็เลยเข้าไปรายงานข้อมูล“นายท่าน ยังมีอีกเรื่องที่ข้าน้อยลืมบอกท่าน หลังจากท่านตกหน้าผา ไฟลุกไหม้จนหยุดไม่ได้ ตอนนั้นสำนักอู๋จี๋ลงมือแล้ว… ”เฟิงเย่เสวียนที่เพิ่งนั่งลง การกระทำชะงักเล็กน้อย“สำนักอู๋จี๋?”“ขอรับ”เป็นสำนักที่ลึกลับมากในยุทธภพสถานะของลูกศิษย์ในสำนักอู๋จี๋ลึกลับ ความสามารถไม่แน่ชัด ได้ยินมาว่าบางคนมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับเป็นคนตาบอด บางคนมีกลยุทธ์เหนือมนุษย์ แต่กลับเป็นคนง่อย บางคนผอมแห้งเตี้ยเล็ก กลับได้ฉายาปรมาจารย์แปลงโฉมอันดับหนึ่งในหล้าได้ยินมาว่า…ไม่ควรมองข้ามคนเหล่านั้นเด็ดขาดหลายปีมานี้ สำนักอู๋จี๋ไม่ฆ่าคนปล้นสินค้า หรือรับงานเพื่อหาเงิน แต่ที่ใดมีฝ่ายอธรรม ที่ใดต้องการความช่วยเหลือ ก็ปรากฏตัวที่นั่น“จางขาเป๋ของสำนักอู๋จี๋มาขอรับ” หานเฟิงกล่าว “ตอนนั้นไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง จางขาเป๋ปล่อยว่าวที่ทำจากลวดเหล็กขึ้นฟ้า เรียกสายฟ้า ฝนตกหนัก นี่จึงสามารถดับไฟได้ขอรับ”ไม่เช่นนั้น คนที่อยู่บนภูเขาจะตายทั้งหมด มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากกว่านี้แววตาขอ
พริบตานั้น ร่างกายฉู่เชียนหลีสั่นสะท้าน ราวกับเกิดอาการหูแว่วจงใจ…กระโดดหน้าผา?ภายในห้องหนังสือ เสียงของหานเฟิงดังต่อเนื่อง“มันไม่ง่ายเลยที่ท่านจะมาถึงวันนี้ แบกรับหน้าที่อันใหญ่หลวงไว้เช่นนั้น กลับเล่นกับเรื่องที่อันตรายเช่นนี้ หากเกิดอะไรขึ้น…”“พระชายาสามารถแต่งใหม่ พวกโจรภูเขาฆ่าแล้วก็สิ้นเรื่อง แต่ความปลอดภัยของท่าน…”จงใจ…เล่น…คำพูดของหานเฟิงยังคงดัง เสียงเบามาก แต่ทุกคำพูดทุกอักษร ล้วนลอยเข้าหูฉู่เชียนหลีอย่างชัดเจนจงใจ…นางรู้สึกเพียงแน่นหน้าอก ภายในศีรษะว่างเปล่า ร่างกายเย็นวูบตั้งแต่หัวจรดเท้าเฟิงเย่เสวียนจงใจกระโดดหน้าผา แสดงบทหนีเอาชีวิตรอดจากความตายเป็นเพื่อนนาง ในความเป็นจริงเขามีความมั่นใจต่อเรื่องนี้อยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายอะไรนั่น ความอ่อนโยนก่อนตายอะไรนั่น ล้วนเป็นของปลอมทั้งสิ้นเขาจงใจกระโดดหน้าผา ก่อให้เกิดเรื่องที่ตามมาทีหลัง เด็กหนุ่มคนนั้นก็อยู่ในการคำนวณของเขาเช่นกันทั้งหมดนี้คือการหลอกลวง!นางคิดว่า…คิดว่าเขาสามารถกระโดดหน้าผาเพื่อนาง และตายเพื่อนางโดยไม่คำนึงถึงตนเอง เพื่อปกป้องนางแล้ว ยอมเสียสละทุกสิ่
“พระชายา ดื่มชาขิงร้อนๆ อุ่นท้องเจ้าค่ะ”“บ่าวจะไปนำผ้าห่มมาคลุมให้อีกผืนนะเจ้าคะ”“พระชายา น้ำแกงใกล้จะเสร็จแล้ว เมื่อก่อนเวลาท่านไม่สบายรอบเดือนมา เมื่อดื่มน้ำแกงเมล็ดบัวขิงแก่ที่บ่าวทำก็จะหายปวดทันที!”ในลาน จุดเตาไฟขนาดเล็กเยว่เอ๋อร์นั่งยองอยู่ข้างหน้าเตา ถือพัดไว้ในมือหนึ่งเล่ม พัดไฟเป็นระยะ พลันเปิดฝาหม้อดูแล้วก็พัดต่อ ร้อนจนใบหน้าเล็กมีเม็ดเหงื่อขนาดใหญ่ไหลฉู่เชียนหลีนั่งพิงอยู่บนเตียง นางงอขากอดตัวเอง คางพาดอยู่บนหัวเข่า มองดูแผ่นหลังที่กำลังยุ่งของสาวใช้ตัวน้อย รู้สึกแสบที่ปลายจมูกชีวิตนี้สามารถทรยศผู้ชายทุกคน แต่สำหรับเยว่เอ๋อร์ แม้ตายก็ต้องทำให้นางใช้ชีวิตโดยปราศจากความกังวล ครอบครัวสุขสบาย ลูกหลานล้อมรอบมองไปมองมา สายตาก็เริ่มอดไม่ได้ที่จะพร่ามัว ระหว่างใจลอย ภาพบางภาพปรากฏขึ้นตรงหน้า‘เชียนหลี มานี่ หากสามารถหนีรอดออกไปได้ ข้าจะมอบคืนแต่งงานใหม่ที่สมบูรณ์แบบให้เจ้า’‘เชียนหลี รอหลังจากออกไปแล้ว พวกเราใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไปดีหรือไม่?’‘เชียนหลี…’‘นายท่าน ทั้งๆ ที่ท่านสามารถปราบโจรภูเขา เหตุใดต้องจงใจกระโดดหน้าผา…’จงใจกระโดดหน้าผา…เล่นละคร
เซียวจือฮว่าเงยหน้ามอง เห็นฉู่เชียนหลีเดินออกมาพลาง ผูกเสื้อผาวของตนเองเมื่อเห็นฉู่เชียนหลี นางก็นึกถึงตอนที่ท่านอ๋องกลับจวน อุ้มฉู่เชียนหลีกลับมาด้วยมือตัวเอง และถึงขั้นมองข้ามนาง…มีความเกลียดชังอันลึกซึ้งสายหนึ่งแล่นผ่านแววตานางอย่างคลุมเครือพริบตาเดียวก็หายไปจากนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยน “พี่หญิงล้อเล่นแล้ว น้องหญิงจะต้มน้ำแกงเป็นได้อย่างไร?”ให้นางลงมือต้มน้ำแกง?ฉู่เชียนหลีกินแล้วไม่กลัวอายุสั้นหรือ?ฉู่เชียนหลีเหลือบมองนางอย่างเฉยเมย “ทำลายของของข้า ชดใช้แล้วจึงจะนับว่าขอโทษ หากแค่พูดเพียงลมปาก เช่นนั้นข้าฆ่าเจ้าแล้วค่อยขอโทษ ก็ไม่เป็นอะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?”สีหน้าเซียวจือฮว่าชะงักทันทีนี่ฉู่เชียนหลีจะประจันหน้ากับนางหรือ?ถือดีที่ท่านอ๋องอุ้มนางกลับจวน ได้รับความโปรดปรานชั่วขณะ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้านางแล้ว?นางเป็นถึงผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างท่านอ๋องมาเป็นเวลาสิบปีเต็มในสายตาของท่านอ๋อง ฉู่เชียนหลีที่อัปลักษณ์เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบก็เท่านั้น นางเซียวจือฮว่าจึงจะเป็นคนที่อยู่ในใจของท่านอ๋องเชอะ!“ข้าไม่ได้ตั้งใจ และได้ขอโทษไปแล้ว เหตุใดท่านต้องบีบคั้นกันเช่นนี้…” นางหลุ
เสียงอันเย็นชากระแทกลงมา ร่างเพรียวบางของฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงนั้น เยือกเย็น มองเหยียด สูงส่ง ระหว่างคิ้วมีกลิ่นอายที่บีบคั้นแฝงอยู่ เหมือนดอกไม้บนยอดเขาที่ไม่สามารถเข้าใกล้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตะลึงงันนี่…นี่ยังใช่พระชายาอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีที่ขี้ขลาด มีปมด้อย อัปลักษณ์ ไม่กล้าพบหน้าผู้คนในอดีตหรือไม่?ผ่านไปครู่หนึ่งเซียวจือฮว่าจึงจะหวนคืนสติอย่างฉับพลัน ฝ่ามือสั่นเครือ เจ็บปวดอย่างรุนแรงจนดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลพราก“พี่หญิง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของข้าเอง ข้าทำให้ท่านไม่พอใจ บาดเจ็บก็เพราะข้ารนหาที่เอง ข้าไม่กล้าตำหนิท่าน…”เสียงที่สั่นเครือนั้นมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ พร้อมกับสูดลมเย็นเข้าปอด ทำให้ผู้คนปวดใจและในเวลานี้เอง มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่นอกเรือนเซียวจือฮว่ายิ่งร้องไห้หนัก “ขอแค่พี่หญิงมีความสุข ข้าตายก็ไม่เสียดาย…”“ท่านอ๋อง!”เป่าอวี้เห็นร่างเงาสีหมึกที่เดินเข้ามา ตาเป็นประกาย ราวกับมองเห็นที่พึ่งสุดท้าย พุ่งพรวดออกไปคุกเข่าลงกับพื้น พลางร้องห่มร้องไห้“ท่านอ๋อง ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับนายหญิงของบ่าวนะเจ้าคะ!”เยว่เอ๋อร์ประหม่าทันที รีบวิ่งไปข้