พริบตานั้น ร่างกายฉู่เชียนหลีสั่นสะท้าน ราวกับเกิดอาการหูแว่วจงใจ…กระโดดหน้าผา?ภายในห้องหนังสือ เสียงของหานเฟิงดังต่อเนื่อง“มันไม่ง่ายเลยที่ท่านจะมาถึงวันนี้ แบกรับหน้าที่อันใหญ่หลวงไว้เช่นนั้น กลับเล่นกับเรื่องที่อันตรายเช่นนี้ หากเกิดอะไรขึ้น…”“พระชายาสามารถแต่งใหม่ พวกโจรภูเขาฆ่าแล้วก็สิ้นเรื่อง แต่ความปลอดภัยของท่าน…”จงใจ…เล่น…คำพูดของหานเฟิงยังคงดัง เสียงเบามาก แต่ทุกคำพูดทุกอักษร ล้วนลอยเข้าหูฉู่เชียนหลีอย่างชัดเจนจงใจ…นางรู้สึกเพียงแน่นหน้าอก ภายในศีรษะว่างเปล่า ร่างกายเย็นวูบตั้งแต่หัวจรดเท้าเฟิงเย่เสวียนจงใจกระโดดหน้าผา แสดงบทหนีเอาชีวิตรอดจากความตายเป็นเพื่อนนาง ในความเป็นจริงเขามีความมั่นใจต่อเรื่องนี้อยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายอะไรนั่น ความอ่อนโยนก่อนตายอะไรนั่น ล้วนเป็นของปลอมทั้งสิ้นเขาจงใจกระโดดหน้าผา ก่อให้เกิดเรื่องที่ตามมาทีหลัง เด็กหนุ่มคนนั้นก็อยู่ในการคำนวณของเขาเช่นกันทั้งหมดนี้คือการหลอกลวง!นางคิดว่า…คิดว่าเขาสามารถกระโดดหน้าผาเพื่อนาง และตายเพื่อนางโดยไม่คำนึงถึงตนเอง เพื่อปกป้องนางแล้ว ยอมเสียสละทุกสิ่
“พระชายา ดื่มชาขิงร้อนๆ อุ่นท้องเจ้าค่ะ”“บ่าวจะไปนำผ้าห่มมาคลุมให้อีกผืนนะเจ้าคะ”“พระชายา น้ำแกงใกล้จะเสร็จแล้ว เมื่อก่อนเวลาท่านไม่สบายรอบเดือนมา เมื่อดื่มน้ำแกงเมล็ดบัวขิงแก่ที่บ่าวทำก็จะหายปวดทันที!”ในลาน จุดเตาไฟขนาดเล็กเยว่เอ๋อร์นั่งยองอยู่ข้างหน้าเตา ถือพัดไว้ในมือหนึ่งเล่ม พัดไฟเป็นระยะ พลันเปิดฝาหม้อดูแล้วก็พัดต่อ ร้อนจนใบหน้าเล็กมีเม็ดเหงื่อขนาดใหญ่ไหลฉู่เชียนหลีนั่งพิงอยู่บนเตียง นางงอขากอดตัวเอง คางพาดอยู่บนหัวเข่า มองดูแผ่นหลังที่กำลังยุ่งของสาวใช้ตัวน้อย รู้สึกแสบที่ปลายจมูกชีวิตนี้สามารถทรยศผู้ชายทุกคน แต่สำหรับเยว่เอ๋อร์ แม้ตายก็ต้องทำให้นางใช้ชีวิตโดยปราศจากความกังวล ครอบครัวสุขสบาย ลูกหลานล้อมรอบมองไปมองมา สายตาก็เริ่มอดไม่ได้ที่จะพร่ามัว ระหว่างใจลอย ภาพบางภาพปรากฏขึ้นตรงหน้า‘เชียนหลี มานี่ หากสามารถหนีรอดออกไปได้ ข้าจะมอบคืนแต่งงานใหม่ที่สมบูรณ์แบบให้เจ้า’‘เชียนหลี รอหลังจากออกไปแล้ว พวกเราใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไปดีหรือไม่?’‘เชียนหลี…’‘นายท่าน ทั้งๆ ที่ท่านสามารถปราบโจรภูเขา เหตุใดต้องจงใจกระโดดหน้าผา…’จงใจกระโดดหน้าผา…เล่นละคร
เซียวจือฮว่าเงยหน้ามอง เห็นฉู่เชียนหลีเดินออกมาพลาง ผูกเสื้อผาวของตนเองเมื่อเห็นฉู่เชียนหลี นางก็นึกถึงตอนที่ท่านอ๋องกลับจวน อุ้มฉู่เชียนหลีกลับมาด้วยมือตัวเอง และถึงขั้นมองข้ามนาง…มีความเกลียดชังอันลึกซึ้งสายหนึ่งแล่นผ่านแววตานางอย่างคลุมเครือพริบตาเดียวก็หายไปจากนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยน “พี่หญิงล้อเล่นแล้ว น้องหญิงจะต้มน้ำแกงเป็นได้อย่างไร?”ให้นางลงมือต้มน้ำแกง?ฉู่เชียนหลีกินแล้วไม่กลัวอายุสั้นหรือ?ฉู่เชียนหลีเหลือบมองนางอย่างเฉยเมย “ทำลายของของข้า ชดใช้แล้วจึงจะนับว่าขอโทษ หากแค่พูดเพียงลมปาก เช่นนั้นข้าฆ่าเจ้าแล้วค่อยขอโทษ ก็ไม่เป็นอะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?”สีหน้าเซียวจือฮว่าชะงักทันทีนี่ฉู่เชียนหลีจะประจันหน้ากับนางหรือ?ถือดีที่ท่านอ๋องอุ้มนางกลับจวน ได้รับความโปรดปรานชั่วขณะ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้านางแล้ว?นางเป็นถึงผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างท่านอ๋องมาเป็นเวลาสิบปีเต็มในสายตาของท่านอ๋อง ฉู่เชียนหลีที่อัปลักษณ์เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบก็เท่านั้น นางเซียวจือฮว่าจึงจะเป็นคนที่อยู่ในใจของท่านอ๋องเชอะ!“ข้าไม่ได้ตั้งใจ และได้ขอโทษไปแล้ว เหตุใดท่านต้องบีบคั้นกันเช่นนี้…” นางหลุ
เสียงอันเย็นชากระแทกลงมา ร่างเพรียวบางของฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงนั้น เยือกเย็น มองเหยียด สูงส่ง ระหว่างคิ้วมีกลิ่นอายที่บีบคั้นแฝงอยู่ เหมือนดอกไม้บนยอดเขาที่ไม่สามารถเข้าใกล้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตะลึงงันนี่…นี่ยังใช่พระชายาอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีที่ขี้ขลาด มีปมด้อย อัปลักษณ์ ไม่กล้าพบหน้าผู้คนในอดีตหรือไม่?ผ่านไปครู่หนึ่งเซียวจือฮว่าจึงจะหวนคืนสติอย่างฉับพลัน ฝ่ามือสั่นเครือ เจ็บปวดอย่างรุนแรงจนดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลพราก“พี่หญิง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของข้าเอง ข้าทำให้ท่านไม่พอใจ บาดเจ็บก็เพราะข้ารนหาที่เอง ข้าไม่กล้าตำหนิท่าน…”เสียงที่สั่นเครือนั้นมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ พร้อมกับสูดลมเย็นเข้าปอด ทำให้ผู้คนปวดใจและในเวลานี้เอง มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่นอกเรือนเซียวจือฮว่ายิ่งร้องไห้หนัก “ขอแค่พี่หญิงมีความสุข ข้าตายก็ไม่เสียดาย…”“ท่านอ๋อง!”เป่าอวี้เห็นร่างเงาสีหมึกที่เดินเข้ามา ตาเป็นประกาย ราวกับมองเห็นที่พึ่งสุดท้าย พุ่งพรวดออกไปคุกเข่าลงกับพื้น พลางร้องห่มร้องไห้“ท่านอ๋อง ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับนายหญิงของบ่าวนะเจ้าคะ!”เยว่เอ๋อร์ประหม่าทันที รีบวิ่งไปข้
เซียวจือฮว่าชะงักพูดอะไรไม่ออกทันที ไม่มีคำโต้แย้งแม้แต่คำเดียวหากโต้แย้ง เช่นนั้นภาพลักษณ์ดอกไม้สีขาวที่ใจกว้าง รู้ความ และมีน้ำใจเมื่อครู่ของนางก็จะถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์แต่บาดแผลที่สาหัสเช่นนี้ จะเจ็บตัวเปล่าหรือ?น่าโมโห!โมโหจนร้องไห้!โมโหจนตาย!ในใจของเซียวจือฮว่าแทบโมโหจนจะร้องไห้ แต่ใบหน้ากลับต้องรักษาท่าทางที่อ่อนโยนไว้และรู้ความไว้ อดกลั้นความเจ็บปวดบนมือ ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ร่างกายที่ผอมบางแทบโอนเอนยืนไม่มั่นคง“นายหญิง…” เป่าอวี้ก้าวออกมาประคองนางอย่างทะนุถนอมเมื่อเห็นเลือดนั่น ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำทันที“นายหญิง มือของท่าน…เกรงว่าจะทิ้งรอยแผลเป็น…”ด้านข้าง เยว่เอ๋อร์เห็นท่านอ๋องปกป้องพระชายา ความมั่นใจเต็มเปี่ยม ก้าวเท้ายาวออกไปข้างหน้า พลางกล่าวเสียงดัง“เป่าอวี้ เจ้าไม่ใช่หมอเสียหน่อย รู้เรื่องที่จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้หรือไม่ทิ้งได้อย่างไร? แม้แต่พระชายารองเซียวก็บอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว หรือเจ้าหวังอยากให้พระชายารองเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ถามกลับประโยคเดียว โยนความผิดทั้งหมดไปให้เป่าอวี้เป่าอวี้ตระหนกตกใจ “ท่านอ๋อง บ่าวไม่ได้มีเจตนาเช่นนี้!”นางเป็นเพียงสาวใช้
“หมอมาแล้วว่าอย่างไรบ้าง?” เฟิงเย่เสวียนถามเยว่เอ๋อร์ด้านข้าง เยว่เอ๋อร์มองพระชายาก่อนแวบหนึ่ง จึงจะถอนสายบัวกล่าวตอบ “หมอบอกว่าพระชายาได้รับความตกใจเล็กน้อย ควบคู่กับเป็นช่วงเวลาพิเศษ โลหิตค่อนข้างจาง จำเป็นต้องพักผ่อนให้มาก ห้ามโดนความเย็นเจ้าค่ะ”จู่ๆ ท่านอ๋องก็เป็นห่วงพระชายาราวกับผู้ชายคนก่อนที่เคยรังเกียจและลงมือกับพระชายาไม่ใช่ท่านอ๋อง… “ไปเอาน้ำแกงที่ห้องครัว” ตอนเขามา ได้สั่งให้ห้องครัวทำน้ำแกงนกพิราบพุทราแดง ตอนนี้น่าจะต้มได้ที่แล้วฉู่เชียนหลีหลับตาไว้ รู้สึกอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวกะทันหันได้ยินเสียงของเฟิงเย่เสวียน ได้เห็นใบหน้าของเขา มันทำให้นางอดนึกถึงท่าทางที่ตายอย่างน่าอนาถของเด็กหนุ่มไม่ได้…มือที่กำผ้าห่มแน่นขึ้นหลายส่วน สูดลมเข้าลึกๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ข้าไม่อยากดื่ม อยากนอนสักงีบ”เฟิงเย่เสวียนโน้มตัว สามารถมองเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของนาง มองอารมณ์ในแววตาของนางไม่ชัด เขากล่าว“ดื่มแล้วค่อยนอน อุ่นท้องเสียหน่อย ช่วยทำให้สบายขึ้น”“ข้าบอกว่าข้าไม่อยากดื่ม” เสียงของนางเย็นชาลงหลายส่วน“เชียนหลี…”“ข้าพูดยังชัดเจนไม่พออีกหรือ” นางได้พูดส่งแขกแล้
เรือนหมิงเยว่เซียวจือฮว่าเพิ่งทำแผลที่มือเสร็จ ผ้าพันแผลที่ถูกพันอย่างหนามีรอยเปื้อนของคราบเลือด เบ้าตาของนางแดงก่ำ น้ำตาไหลเงียบๆนางไม่เข้าใจ เหตุใดจู่ๆ ฉู่เชียนหลีจึงได้ใจของท่านอ๋องยิ่งไม่เข้าใจ ตนเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เหตุใดจึงสูญเสียความโปรดปรานทั้งๆ ที่ท่านอ๋องโปรดปรานนางสิบปีเต็ม เหตุใดบอกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน?“นายหญิง ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ”นอกประตู เป่าอวี้พุ่งพรวดเข้ามาในห้องราวกับลูกธนู ใบหน้าปลื้มปีติเซียวจือฮว่าตะลึงงันก่อน จากนั้นก็ยิ้ม นางว่าแล้ว ท่านอ๋องดีกับนางเช่นนี้ จะเปลี่ยนไปได้อย่างไร? อาศัยแค่เรื่องที่นางแซ่เซียว นางก็เป็นคนสำคัญของท่านอ๋องทั้งชีวิตแล้วมุมปากเผยอขึ้นเล็กน้อย ฟังเสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามา น้ำตาที่ไหลออกจากตาก็ยิ่งมากขึ้น ดวงตาก็ยิ่งแดงเฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามาพลันหัวไหล่ของนางกระตุก ร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมทันทีเป่าอวี้ฉลาดมาก นางจงใจกล่าวเสียงดังต่อหน้าเฟิงเย่เสวียน“นายหญิง รอยแผลเป็นบนมือท่านรักษาไม่หายแล้ว ท่านน่าสังเวชยิ่งหนัก ท่านอุตส่าห์หวังดีไปเยี่ยมพระชายา กลับได้รับเคราะห์กรรมเช่นนี้ ฮือๆๆ…”เซียวจือฮว่าสะอึกสะอื้น น้ำ
วันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีตื่นเช้ามาก หลังจากกินอาหารเช้าก็ออกจากจวนโดยทั่วไปแล้ว เพื่อความปลอดภัยและความเข้มงวดของจวนอ๋อง ทุกคนที่ออกจากจวนจำเป็นต้องได้รับป้ายอนุญาตผ่านทาง หรือไปรายงานท่านอ๋อง แต่เหมือนว่าพระชายาจะได้รับความโปรดปรานแล้ว ชั่วขณะทหารยามที่เฝ้าประตูจึงไม่มีใครขวางเมืองหลวง ท้องฟ้าสดใส กำลังอยู่ในช่วงคึกคักและที่ใดมีคน ที่นั่นก็มีคนสอดรู้เรื่องชาวบ้าน ชาวบ้านไม่น้อยที่กำลังสัญจรไปมาพลางยุ่งอยู่กับงานของตนเอง พลางสนทนาไปด้วย เนื้อหาคร่าวๆ คือ“อ๋องเฉินกำจัดโจรภูเขาไปแล้ว ร้ายกาจมาก ได้ยินมาว่าแม้แต่แม่ทัพหลี่ก็เอาโจรภูเขาพวกนี้ไม่ลง”“ท่านอ๋องเฉินสร้างผลงานอีกแล้ว ความสามารถของเขาเหนือคน มีความกล้ามีกลอุบาย พวกเราเลื่อมใสจากใจ…”“ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง ตอนปราบโจร เกิดไฟไหม้ใหญ่มาก อ๋องเฉินหนึ่งคนหนึ่งม้าหนึ่งกระบี่ เหยียบไฟกลับออกมาจากกองเพลิง ผาวสีหมึกปลิวว่อน ใบหน้าเยือกเย็นมีเสน่ห์ ราวกับเทพลงมาเยือน…”“สวรรค์!”การบรรยายภาพเหตุการณ์นี้ ทำเอาหญิงสาวกลุ่มหนึ่งใช้มือปิดแก้มกรี๊ดเสียงหลง ในดวงตาเต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาฉู่เชียนหลีเดินผ่านจากด้านข้าง เพียงแค่