วันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีตื่นเช้ามาก หลังจากกินอาหารเช้าก็ออกจากจวนโดยทั่วไปแล้ว เพื่อความปลอดภัยและความเข้มงวดของจวนอ๋อง ทุกคนที่ออกจากจวนจำเป็นต้องได้รับป้ายอนุญาตผ่านทาง หรือไปรายงานท่านอ๋อง แต่เหมือนว่าพระชายาจะได้รับความโปรดปรานแล้ว ชั่วขณะทหารยามที่เฝ้าประตูจึงไม่มีใครขวางเมืองหลวง ท้องฟ้าสดใส กำลังอยู่ในช่วงคึกคักและที่ใดมีคน ที่นั่นก็มีคนสอดรู้เรื่องชาวบ้าน ชาวบ้านไม่น้อยที่กำลังสัญจรไปมาพลางยุ่งอยู่กับงานของตนเอง พลางสนทนาไปด้วย เนื้อหาคร่าวๆ คือ“อ๋องเฉินกำจัดโจรภูเขาไปแล้ว ร้ายกาจมาก ได้ยินมาว่าแม้แต่แม่ทัพหลี่ก็เอาโจรภูเขาพวกนี้ไม่ลง”“ท่านอ๋องเฉินสร้างผลงานอีกแล้ว ความสามารถของเขาเหนือคน มีความกล้ามีกลอุบาย พวกเราเลื่อมใสจากใจ…”“ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง ตอนปราบโจร เกิดไฟไหม้ใหญ่มาก อ๋องเฉินหนึ่งคนหนึ่งม้าหนึ่งกระบี่ เหยียบไฟกลับออกมาจากกองเพลิง ผาวสีหมึกปลิวว่อน ใบหน้าเยือกเย็นมีเสน่ห์ ราวกับเทพลงมาเยือน…”“สวรรค์!”การบรรยายภาพเหตุการณ์นี้ ทำเอาหญิงสาวกลุ่มหนึ่งใช้มือปิดแก้มกรี๊ดเสียงหลง ในดวงตาเต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาฉู่เชียนหลีเดินผ่านจากด้านข้าง เพียงแค่
นางเดินเข้าไปนั่งลง “วันนี้ข้ามาเพื่อจะบอกพวกเจ้าว่า ข้าตั้งใจจะดำเนินกิจการโรงหมอแห่งนี้ พวกเจ้าจำเป็นต้องช่วยข้าจึงจะทำได้”ข้อหนึ่ง นางจะพัฒนากิจการของตนเอง สร้างรากฐานในต่างโลกข้อสอง นางไม่มีทางเลี้ยงคนกลุ่มหนึ่งที่กินฟรีดื่มฟรีโดยไม่ทำอะไรทุกคนเห็นด้วย โรงหมอช่วยชีวิตคนเป็นการทำความดี เป็นเรื่องที่สมควรทำ“คุณหนูต้องการอะไรพูดมาได้เลย พวกเราพร้อมรับคำสั่ง” จิ่งอี้กล่าวไม่ว่าจะต้องการตำราแพทย์อันล้ำเลิศ หรือวรยุทธ์ระดับแนวหน้า หรือร้านค้าชั้นสูงใจกลางเมืองหลวง ยาดีในหล้า ขอแค่คุณหนูต้องการ พวกเขาจะมอบให้ทั้งหมดฉู่เชียนหลีพยักหน้า หลังจากนั้นชี้ไปที่คนคนหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ พลางกล่าว“เจ้ารับผิดชอบจัดระเบียบยาสมุนไพร แยกพวกมันให้เป็นประเภท”ผู้ชายผอมที่ถูกชี้ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เขา? จัดระเบียบยาสมุนไพร? เขาเป็นถึงมือสังหารอันดับหนึ่งในยุทธภพเลยนะ!มือที่ถือกระบี่ฆ่าคนจะไปหยิบพู่กัน?“เจ้ารับผิดชอบแนวหลัง หุงข้าว”ผู้ชายอ้วนที่ถูกชี้ก็ตะลึงงันเช่นกันคุณหนู ท่านพูดจริงหรือ? ข้าเป็นถึงมือพิษยามรัตติกาลที่มีชื่อเสียงในยุทธภพ สิ่งของที่ใช้ลงมือล้วนเป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุด…”
เฟิงเย่เสวียน!มีอาหารหลากหลายถูกวางอยู่บนโต๊ะ เป็นมื้อเบาที่อุดมไปด้วยสารอาหาร แต่เย็นหมดแล้ว เฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่ข้างโต๊ะ กลิ่นอายรอบตัวเงียบและเยือกเย็นเป็นพิเศษเมื่อเห็นฉู่เชียนหลีกลับมา เขาเงยหน้าขึ้นมอง ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“เยว่เอ๋อร์บอกว่าเจ้าออกไปทั้งวัน หายไปไหนมา?”เสียงทุ้มมาก ราวกับกำลังข่มอารมณ์เยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้างๆ อย่างกระสับกระส่าย ก้มศีรษะ สองมือบีบชายเสื้อ กลัวเล็กน้อยท่านอ๋องรออยู่ที่นี่สองชั่วยามกว่าแล้ว อาหารบนโต๊ะก็อุ่นไปแล้วสี่รอบ…ฉู่เชียนหลีก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ถอดผ้าคลุมหน้าออกอย่างไม่ใส่ใจ โยนไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง “ไม่ได้ทำอะไร”พูดพลาง เดินไปที่หน้าชั้นวางของ ล้างหน้าแล้วเช็ดให้สะอาดเดินไปที่หน้ากระจกสัมฤทธิ์ ลูบๆ มองๆ อยู่หน้ากระจกสัมฤทธิ์สายตาของเฟิงเย่เสวียนจับจ้องไปที่นางตลอด ขยับไปตามการเดินของนางเขารอนางนานเช่นนี้ นางกลับมาก็เฉยเมยเช่นนี้เลย?มีไฟที่ไร้ชื่อสายหนึ่งผุดขึ้นในใจ แต่ก็สูดลมเข้าลึกๆ อย่างมีสติ ข่มเอาไว้ จึงจะกล่าว“ในเมื่อไม่สบาย ก็อยู่ในจวนดีๆ รอรอบเดือนผ่านไปก่อนแล้วค่อยออกไป”ฉู่เชียนหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “
ใบหน้าเล็กของเยว่เอ๋อร์ตกใจจนซีดขาวเล็กน้อย ร่างกายสั่นเทาเมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย เหตุใดวันนี้จึงทะเลาะกันเช่นนี้?คำพูดฉู่เชียนหลีออกจากปาก อารมณ์ก็ขึ้นเช่นกัน เห็นใบหน้าของเฟิงเย่เสวียน ก็นึกถึงคำพูดของหานเฟิง นึกถึงแผนการของเขา นึกถึงเด็กหนุ่มผู้บริสุทธิ์ที่ถูกไฟคลอกตายที่ค่ายโจร…“เฟิงเย่เสวียน เป็นเจ้าที่อยากรอข้า แต่สุดท้ายกลับมาโยนความผิดให้ข้า โทษที่ข้ากลับมาช้า?”“ทำไม?”“ตามที่เจ้าพูด เจ้าเตะข้าคืนที่เจ้าแต่งอนุภรรยา หรือนี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า แต่เป็นข้าที่ทำตัวต่ำ จงใจเอาร่างกายของตัวเองไปวางไว้ที่ใต้เท้าเจ้า?”สีหน้าของเฟิงเย่เสวียนดูย่ำแย่เป็นพิเศษขึ้นมาทันที“ตกลงเจ้าเป็นอะไรกันแน่?”ตอนอยู่ภูเขากว่างหนิงยังดีๆ อยู่เลย“ฉู่เชียนหลี หรือเจ้าลืมคำพูดที่พวกเราเคยคุยกันและเคยทำในถ้ำไปแล้ว…”“พอที!” ฉู่เชียนหลีพูดขัดเสียงดัง “เรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ต้องพูดถึงอีก ข้าง่วงแล้ว”นางยกเท้าจะเดิน กลับถูกเฟิงเย่เสวียนดึงกลับมา“วันนี้ต้องพูดให้รู้เรื่อง!”“ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้า”“ฉู่เชียนหลี!”“ปล่อยข้า!”“ตกลงข้าทำอะไรผิด!”ระหว่างที่ทั้งสองโต้เถียง หนังสือเล็กๆ
วันรุ่งขึ้นวันนี้ฉู่เชียนหลีอยากออกจากจวน แต่กลับถูกขวางเอาไว้“พระชายา ไม่ได้รับอนุญาตจากท่านอ๋อง ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าออกจวนขอรับ” ทหารยามที่เฝ้าประตูยื่นมือออกมาขวางคนไว้ฉู่เชียนหลีหัวเราะทำไม?คิดจะขังนาง?นางไม่ใช่นกในกรงเสียหน่อย และยิ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่มีอิสระกระทั่งออกจากจวน? “แล้วถ้าข้าจะออกไปให้ได้ล่ะ” นางกล่าวถามกลับทหารยามก้มศีรษะ “พระชายาโปรดอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยขอรับ”“ทำไมถึงเป็นข้าที่ทำให้พวกเจ้าลำบากใจ? เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องทำให้พวกเจ้าลำบากใจ” ฉู่เชียนหลีพูดจบ ก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอก“พระชายา…”“ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครกล้าขวางข้า?”กวาดสายตามองอย่างเย็นชา ราวกับลูกธนูที่แหลมคม ทำให้มือที่ยื่นออกไปของทหารยามทั้งสองคนหยุดชะงัก ไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้าแม้แต่ครึ่งก้าวทันทีปัจจุบัน พระชายาได้รับความโปรดปราน สถานะไม่เหมือนเมื่อก่อนพวกเขาไม่กล้าละเลยสิ้นเสียงฉู่เชียนหลี นางก้าวเขาข้ามธรณีประตูไปอย่างลำพองทหารยามหมดหนทาง “รีบไปรายงานท่านอ๋อง”ออกจากจวนฉู่เชียนหลีไปบ้านหลังหนึ่งที่เรียบง่ายและเปลี่ยว เพื่อเยี่ยมผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บที่ขาคนนั้น
ฉู่เชียนหลีเบิกตาเล็กน้อย“ก็เพราะข้าไม่ยอมไปงานเลี้ยงฉลองครบรอบแต่งงานห้าสิบปี เจ้าก็เลยส่งคนไปตีขาของเขาหักทั้งสองข้าง…”ความตะลึงงันปรากฏขึ้นในแววตาของนาง มองดูผู้ชายตรงหน้า ราวกับเป็นปีศาจอสุรกายนั่นไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานนั่นเป็นมนุษย์เป็นๆ ที่มีชีวิตนะ! “เฟิงเย่เสวียน คนคนนั้นเป็นมนุษย์! หรือว่าในสายตาของเจ้า ชีวิตมนุษย์ไร้ค่าเหมือนต้นหญ้า บอกฆ่าก็ฆ่าเลย บอกตายก็ตายเลย!”มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นไข่มุกในฝ่ามือของบิดามารดา มีเลือดมีเนื้อ ไม่ใช่สุนัขหรือแมว!ผู้ชายคนนี้ ควบคู่กับเด็กหนุ่มที่ถูกเผาตายในค่ายโจร และรวมถึงความเฉยเมยไม่แยแสของเขา ฉู่เชียนหลีในฐานะที่เป็นหมอแทบเป็นบ้าแล้ว“เจ้ามันคนบ้า! เจ้ายัดเยียดสุขโกรธของตัวเองลงบนตัวคนอื่น ดึงดันทำตามใจตัวเอง วิธีการโหดเหี้ยม เจ้าไม่ใช่คน!”ใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกคนแตกต่างอะไรกับพวกขุนนางโกงกินเอาผลประโยชน์ส่วนรวมไปเป็นของตัวเอง?เฟิงเย่เสวียนเปิดริมฝีปากบาง เสียงสายหนึ่งดังอยู่ในลำคอเหอะ!ในที่สุดนางก็พูดความในใจออกมาแล้วในสายตาของนาง เขามันน่ารังเกียจ ไร้ยางอายและอัปลักษณ์เช่นนี้นี่เอง!“ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับคนบ้าที่โหดเห
เฟิงเย่เสวียนกดนางไว้ด้วยมือข้างเดียวโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มืออีกข้างที่ว่างโอบเอวบางของนาง มือลูบไปที่หน้าท้อง จับผ้าคาดเอว พลันกระชาก“ปล่อยข้า!”“ข้าไม่เอา!”ฉู่เชียนหลีดิ้นรนอย่างสุดชีวิต นางไม่มีทางมีความสัมพันธ์กับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้ชอบเฟิงเย่เสวียนเหลือบมองนางจากเบื้องสูง “ผู้หญิงเป็นคนปากไม่ตรงกับใจเสมอ บอกว่าไม่เอา ก็คือจะเอา”ฉู่เชียนหลีโมโหจนดวงตาแดงก่ำ“เจ้าไปหาเซียวจือฮว่า อย่าทำข้า!”นางเกลียดนางโมโหนางไม่อยากกลายเป็นของเล่นของผู้ชาย“เหตุใดจึงทำหน้าเหมือนถูกขืนใจ?” เฟิงเย่เสวียนจับเสื้อผ้าบนไหล่ของนาง พลันดึงลงข้างล่าง “ตอนอยู่ในถ้ำภูเขากว่างหนิง เจ้าตอบสนองข้าอยู่นะ!”“เฟิงเย่เสวียน!”อย่าพูดถึงเรื่องของภูเขากว่างหนิง!นึกถึงกระโดดหน้าผา นึกถึงถ้ำ นึกถึงการจงใจวางแผนของเขา และความซาบซึ้งที่นางไม่รู้อะไรเลย คิดเพียงอยากตบตนเองให้ตายในฝ่ามือเดียวนางโง่เขลายิ่งนัก!นางกลับเชื่อว่าหมาป่าที่กินเนื้อมนุษย์มีความรู้สึก!“ปล่อยข้า! หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายนิ้ว ข้าฆ่าเจ้าแน่!” นางออกแรงทั้งหมดในร่างกาย ดิ้นรนจนเส้นเลือดปูดขึ้นที่หน้าผาก เบ้าตายิ่งแดงก่
ในเมื่อเรื่องของผู้ชายคนนั้นกับโจรภูเขามีเลศนัย เหตุใดเฟิงเย่เสวียนจึงไม่บอกนาง?ปล่อยให้นางเข้าใจผิด?เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนางทั้งหมด เขาก็มีส่วนผิดเช่นกัน ใครใช้ให้เขามีปากแต่ไม่พูด?“อืม!”รอหานเฟิงพูดจบ นางตอบรับอย่างเฉยเมย ก็จะไปทันทีหานเฟิง “?”ความเข้าใจผิดได้คลี่คลายแล้ว ควรจะดีกันเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ?“พระชายา…”“มีอะไรอีก? ขยันเรียกเช่นนี้ จะให้ข้าป้อนข้าวเจ้าหรือ?” ฉู่เชียนหลีตำหนิเขา“ข้าน้อยไม่กล้าขอรับ!” หานเฟิงตระหนกตกใจ“ฮึ!”นายกับบ่าวคู่นี้เหมือนกันไม่มีผิด ทำหน้าเย็นชา ให้ตายก็ไม่ยอมอธิบายแม้แต่ครึ่งคำ เหมือนกับว่าพูดให้ชัดเจน ก็จะเป็นการเอาชีวิตของพวกเขาต้องมีสะดุดสักวัน!ฉู่เชียนหลีสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหานเฟิงมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของนาง จิกผมอย่างทุกข์ระทมเล็กน้อยทั้งๆ ที่ไม่เป็นอะไรแล้ว เหตุใดจึงยังโกรธ?ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ภูเขากว่างหนิงยังดีกันอยู่เลยหัวใจของผู้หญิง เข็มใต้มหาสมุทร เข้าใจยากยิ่งนัก…สวรรค์โปรดคุ้มครอง ต่อไปเขาจะไม่ทุกข์เพราะความรักเด็ดขาดหานเฟิงเก็บตำลึงเงิน เตรียมไปรายงานข่าวที่ห้องหนังสือ เด็กรับใช้ที่เฝ้าประ