ฝ่ามือใหญ่กำกิ่งไม้แน่นขึ้นหลายส่วน งูที่เสียบอยู่ข้างบนสั่นสองที ริมฝีปากบางของเขาเผยอยิ้ม“เหอะๆ พระชายาช่างเลื่อมใสข้ายิ่งนัก”“ท่านอ๋องเป็นสวรรค์ของข้า ข้าไม่เลื่อมใสท่านจะให้เลื่อมใสใครเล่า? ข้าพ่ายแพ้ใต้เสื้อผาวสีหมึกของท่านนานแล้ว เป็นบริวารใต้เสื้อผาวของท่าน”ฉู่เชียนหลีหัวเราะเหอะๆความตายอยู่ตรงหน้า ได้แต่สนองความอยากของปากแล้ว“หืม?” เฟิงเย่เสวียนเลิกคิ้ว “หากจะว่าไป ข้าก็มีสิ่งหนึ่งที่ยังรู้สึกเสียดาย”ฉู่เชียนหลี : ฉันใช้นิ้วเท้าคิดยังคิดได้เลย ความเสียดายของนายก็คือเซียวจือฮว่าไม่ใช่เหรอ?ดอกบัวขาวที่อ้อนแอ้นอรชรดอกนั้น ท่าทางที่อ่อนแอจนแค่ลมพัดก็สามารถไอครึ่งชั่วยาม ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ และแค่สัมผัสก็ล้มลงทันที ไม่ว่าผู้ชายคนใดก็วางไม่ลง!ถุย!นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะห่วงผู้หญิงอีก ผู้ชายเป็นสัตว์ที่คิดแต่เรื่องช่วงล่างของร่างกายจริงๆ!เฟิงเย่เสวียนพลิกงูที่อยู่ในมือ กล่าวอย่างเชื่องช้า“หากสามารถออกไปได้ ข้าจะมอบคืนแต่งงานที่สมบูรณ์แบบให้พระชายา”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันเขา…ในเวลาแบบนี้ คนที่เขายังห่วงคือนาง…“แต่งงานจะสี่เดือนแล้ว ข้าทำสงครามอยู่ข้างนอกมาโดยตล
สัมผัสถูกความอุ่นเมื่อยกมือขึ้นมาดู เลือด…ฉู่เชียนหลียิ่งรู้สึกตัวแล้ว เมื่อก้มหน้าดู นางได้สติแบบขนลุกซู่ฉับพลัน เขินอายจนหน้าแดง พลันรีบดึงกางเกงขึ้น จัดแจงเสื้อให้เรียบร้อยบ้าจริง!เมนส์มา!เมื่อครู่นางกำลังทำอะไรกับผู้ชายคนนี้?หากไม่ใช่เพราะเมนส์มาเยี่ยมกะทันหัน นางก็อาจจะ…อืมๆ อ้าๆ โอ๊ยๆเฟิงเย่เสวียนรีบระงับความปรารถนาในร่างกายทันที เขาถอดผาวตัวนอกคลุมลงบนร่างกายของนาง ถือโอกาสดึงคนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน และเอื้อมฝ่ามือข้างหนึ่งออกไปหยิบเนื้องูที่ย่างเสร็จแล้วลอกเปลือกที่ไหม้จนเกรียม เผยให้เห็นเนื้ออันละเอียดอ่อนที่มีไอร้อนลอยออกมาเอากระดูกออก หยิบมาหนึ่งชิ้น “อ้าปาก”“ข้ากินเอง…อื้อ”เพิ่งอ้าปาก เนื้องูหนึ่งชิ้นถูกป้อนเข้าปาก“ข้ากิน…” ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะลุกขึ้น ก็ถูกข้อพับแขนที่มีพละกำลังของเฟิงเย่เสวียนดึงกลับไป ฝ่ามือนั้นเหมือนเหล็กกล้า กอดนางไว้ในอ้อมแขนแน่นกลิ่นบนตัวเขาหอมมาก เป็นกลิ่นปอเหอเย็นๆอ้อมแขนของเฟิงเย่เสวียนอบอุ่นมาก อุณหภูมิร่างกายของเขาส่งไปยังร่างกายของนางผ่านเสื้อบางๆเขาใส่ใจรายละเอียดมาก ตอนป้อนนาง แม้แต่กระดูกก็ถูกเอาออกเกลี้ยง และถึงขั
ฉู่เชียนหลีนั่งตัวตรง เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ พลางกวาดสายตามองถ้ำอย่างตื่นตัวเมื่อครู่ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น นางได้ยินเสียง ‘ติ๋งๆ ซ่าๆ’เสียงเบามาก แต่นางได้ยินจริงๆอยู่นั่น!เสียงน้ำ!“เฟิงเย่เสวียน ที่นั่นมีน้ำ!” ฉู่เชียนหลีชี้ไปที่ทิศทางหนึ่งอย่างฉับไว เป็นผนังหินของถ้ำ เสียงน้ำดังมาจากด้านหลังของผนังหินบนใบหน้าฉู่เชียนหลีเผยให้เห็นความตื่นเต้น“ถ้าหากเดาไม่ผิด น่าจะเป็นแม่น้ำใต้ดินสายหนึ่ง หรือตาน้ำผุด ลำธารอะไรทำนองนี้ ขอแค่ไปตามกระแสน้ำ ก็สามารถออกไปได้!”เฟิงเย่เสวียนประหลาดใจเล็กน้อย มีประกายสายหนึ่งแล่นผ่านแววตาอย่างคลุมเครือนางฉลาดมาก…ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ ความดีใจเช่นนี้เป็นอารมณ์ของผู้หนีเอาชีวิตรอดพ้นจากภัยพิบัติแห่งความตาย เป็นแสงอันริบหรี่ในความมืด และเป็นความดีใจที่แม้แต่ความมั่งคั่งร่ำรวยและสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตก็เทียบไม่ได้เป็นความดีใจที่ยังมีชีวิตรอด!มีน้ำก็มีทางรอดแล้ว!นางรีบพุ่งพรวดไปที่ผนังหินตรงนั้น พลันเอียงศีรษะ เอาหูแนบตั้งใจฟัง“มีน้ำจริงด้วย!”ตอนกลางวันเพราะเหนื่อยล้าและประหม่า จึงไม่ทันสังเกตยามราตรีเงียบสงบ เริ
เดินไปตามแม่น้ำใต้ดินประมาณสองเค่อ ในที่สุดก็มองเห็นแสงสว่างจากระยะไกลเป็นปากถ้ำเป็นทางออกในที่สุดก็ได้เห็นดวงอาทิตย์อีกครั้ง!แม่น้ำใต้ดินสายนี้เชื่อมต่อไปยังหุบเขาที่อยู่ด้านหลังของภูเขากว่างหนิง กลายเป็นลำธารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เมื่อเหยียบย่ำลงบนผืนดินอีกครั้ง ฉู่เชียนหลีจึงจะสามารถถอนหายใจอย่างโล่งอกในที่สุดก็นับว่าสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้แล้วพระอาทิตย์ไขแสงแสงแดดอบอุ่นทั้งสองเดินจับมือกันออกจากหุบเขา อ้อมผ่านภูเขาครึ่งลูก เดินไปยังทิศทางของโจรภูเขา พลันก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากระยะไกล“ท่านอ๋อง! พระชายา พวกท่านอยู่ที่ไหน?”“รีบตามหา ต่อให้ต้องพลิกทั้งภูเขากว่างหนิงก็ต้องหาให้เจอ!”“ท่านอ๋อง…”“อยู่นั่น!”ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกน พบร่างเงาของคนทั้งสองแล้วหานเฟิงรีบพุ่งพรวดเข้าไปทันที เมื่อเห็นว่าเจ้านายปลอดภัยไร้ปัญหา แขนขาอยู่ครบ หัวใจที่ประหม่ามาทั้งคืนจึงจะผ่อนคลายลงเล็กน้อยเบ้าตาแดงเล็กน้อย…“นายท่าน…”คล้ายกับจะร้องไห้ออกมาแล้วเฟิงเย่เสวียนเหลือบมองเขาอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง “ตื่นตระหนกอะไร?”หานเฟิงเบะปากหากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านาย เขาจะไปหาเจ้
“เป็นความผิดของข้า!”น้ำตาเม็ดใหญ่ของฉู่เชียนหลีร่วงลงมา มองดูศพของเด็กหนุ่ม รู้สึกทรมานใจราวกับมีมีดปักอยู่กลางอกเขาเป็นลูกของครอบครัวคนดี เป็นดั่งไข่มุกอันเลอค่าในฝ่ามือของบิดามารดา กลับมาตายอยู่ในรังโจร ถูกไฟคลอกขาขาดไปทั้งสองข้าง เจ็บปวดจนตายทั้งเป็นตอนที่เขาอยากหนี กลับถูกของบางอย่างทับไว้ หนีไม่พ้น ต้องมองดูเปลวไฟกลืนกินร่างกายของเขาทีละนิดต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดที่แสนทรมาน ความหวาดกลัวของความตาย…เวลานั้น เขาควรหวาดกลัวและสิ้นหวังเพียงใดนึกถึงตรงนี้ ฉู่เชียนหลีปิดหน้าสะอื้นร้องไห้“หากตอนนั้นข้าไม่ลงมือกับพี่หู่ หากตอนนั้นข้าไม่ตัดสินใจโดยพลการ เชื่อฟังการจัดการของเจ้า เขาก็จะไม่ตาย…”เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้อะไรเลยตอนที่นางสัญญาว่าจะช่วยเขาออกไป เขายิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ราวกับเชื่อนาง และก็ราวกับยิ้มให้ความไร้เดียงสาของนาง“เชียนหลี นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”“ข้าเป็นคนทำ แต่ข้าเป็นคนทำ! ศพทั้งหมดที่นอนอยู่ที่นี่ ล้วนเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของข้า…”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า!”เฟิงเย่เสวียนจับไหล่ฉู่เชียนหลี ทำให้นางต้องสบตาเขามองดูดวงตาที่แดงก่ำทั้งคู่ของนาง กล่าวทีล
ทุกคนพากันกล่าวขอบคุณ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งของการรอดจากภัยพิบัติฉู่เชียนหลีมองใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยแต่จริงใจอย่างตะลึงงัน ฟังคำขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า นางอึ้งเล็กน้อยเฟิงเย่เสวียนยกแขนเสื้อขึ้น เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง “เชียนหลี เจ้าช่วยคนไว้เยอะมาก”เสียสละหนึ่งคน ช่วยได้มากเช่นนั้น มันคุ้มค่า“ใครก็ได้ จัดพิธีศพให้เด็กหนุ่มคนนี้อย่างยิ่งใหญ่ ส่งเงินทำขวัญสองพันตำลึงให้พ่อแม่เขา หากครอบครัวของเขามีเรื่องลำบากอะไร ก็ช่วยเขาจัดการทั้งหมด”“ขอรับ นายท่าน!” หานเฟิงรับคำสั่ง รีบสั่งให้คนไปดำเนินการทันทีฉู่เชียนหลีร้องไห้สะอึกสะอื้น ไหล่ทั้งสองข้างกระตุก มองดูเด็กหนุ่มคนนั้นถูกยกลงไป แล้วมองดูชาวบ้านที่ซาบซึ้งนางเหล่านี้ รู้สึกสบายใจขึ้นไม่มากก็น้อยแต่อารมณ์ของนางก็ยังหดหู่อยู่หลายส่วนนางเม้มริมฝีปาก ไม่อยากพูดอะไรทั้งสิ้นเหล่าทหารองครักษ์ควบคุมตัวโจรภูเขา กวาดล้างค่ายโจร เก็บกวาดสนามรบ เวลาเดียวกัน บรรดาชาวบ้านเพื่อเป็นการขอบคุณ ได้ส่งอาหารพื้นเมืองที่เรียบง่ายมาให้เนื้อตากแห้ง ไข่ไก่พื้นเมืองอะไรทำนองนี้หลังจากนั้นสองชั่วยามทุกอย่างถูกจั
เรือนข้างเฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามา กวาดสายตามองลานเรือนแวบหนึ่ง คิ้วดาบขมวดเล็กน้อย จากนั้นเดินเข้าห้องนอน คิ้วยิ่งขมวดแน่นแล้วเหตุใดเมื่อก่อนจึงไม่พบว่าที่อยู่อาศัยของนางแย่เช่นนี้?เขาวางนางลงบนเตียงแล้วกล่าว “พรุ่งนี้ย้ายไปอยู่เรือนหานเฟิง” “!”ร่างกายฉู่เชียนหลีหดเกร็งทันทีเรือนหานเฟิงเป็นที่อยู่อาศัยของเขาอยู่ร่วมกับเขา?พริบตานั้น นางนึกถึงคำพูดที่อยู่ในถ้ำ…เขาจะชดเชยคืนแต่งงานที่สมบูรณ์แบบให้นาง และนางจะ… มีลูกชายให้เขาสิบคน!สวรรค์!พระเจ้า!นี่นับไม่ได้เด็ดขาด!ตอนนั้นอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่สิ้นหวัง นางแค่สนองความอยากของปาก จึงพูดคำพูดเช่นนั้นออกมา ใครจะรู้ว่ากลับพบแม่น้ำใต้ดิน สามารถรอดมาได้ล่ะ?ดังนั้น คำพูดเหล่านั้นจึงไม่มีผลในทางกฎหมายเท่ากับเป็นโมฆะฉู่เชียนหลีรีบคว้าผ้าห่มไว้แน่น ดึงขึ้นมาถึงตำแหน่งของคอ คลุมร่างกายไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่ลมก็เข้าไปไม่ได้ พลันพูดอย่างระแวง“ท่านอ๋อง ข้าอยู่ที่นี่จนชินแล้ว แม้ว่าห้องจะเล็กและเก่าไปบ้าง แต่สะอาดอยู่สบาย”เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาพูดมากกว่านี้ นางรับตัดบทเขาทันที“เหนื่อยมาหลายวัน ข้าเหนื่อยมาก อยากนอนสั
กลับมาที่จวนอ๋องเฉินห้องหนังสือหานเฟิงกลับมาถึง อ๋องเฉินก็กลับจากการรายงานการปฏิบัติภารกิจในวังพอดี เขาก็เลยเข้าไปรายงานข้อมูล“นายท่าน ยังมีอีกเรื่องที่ข้าน้อยลืมบอกท่าน หลังจากท่านตกหน้าผา ไฟลุกไหม้จนหยุดไม่ได้ ตอนนั้นสำนักอู๋จี๋ลงมือแล้ว… ”เฟิงเย่เสวียนที่เพิ่งนั่งลง การกระทำชะงักเล็กน้อย“สำนักอู๋จี๋?”“ขอรับ”เป็นสำนักที่ลึกลับมากในยุทธภพสถานะของลูกศิษย์ในสำนักอู๋จี๋ลึกลับ ความสามารถไม่แน่ชัด ได้ยินมาว่าบางคนมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับเป็นคนตาบอด บางคนมีกลยุทธ์เหนือมนุษย์ แต่กลับเป็นคนง่อย บางคนผอมแห้งเตี้ยเล็ก กลับได้ฉายาปรมาจารย์แปลงโฉมอันดับหนึ่งในหล้าได้ยินมาว่า…ไม่ควรมองข้ามคนเหล่านั้นเด็ดขาดหลายปีมานี้ สำนักอู๋จี๋ไม่ฆ่าคนปล้นสินค้า หรือรับงานเพื่อหาเงิน แต่ที่ใดมีฝ่ายอธรรม ที่ใดต้องการความช่วยเหลือ ก็ปรากฏตัวที่นั่น“จางขาเป๋ของสำนักอู๋จี๋มาขอรับ” หานเฟิงกล่าว “ตอนนั้นไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง จางขาเป๋ปล่อยว่าวที่ทำจากลวดเหล็กขึ้นฟ้า เรียกสายฟ้า ฝนตกหนัก นี่จึงสามารถดับไฟได้ขอรับ”ไม่เช่นนั้น คนที่อยู่บนภูเขาจะตายทั้งหมด มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากกว่านี้แววตาขอ