ถ้าหากเฟิงเย่เสวียนเป็นอะไรไป นางก็ไม่ขออยู่บนโลกใบนี้แล้วฉู่เชียนหลีหายใจเร็วเกินไป สมองขาดออกซิเจนจนหายใจไม่ทัน นางวูบไปสองวินาที ภาพตรงหน้าดับลงครู่หนึ่ง เกือบจะล้มลงพื้น“คุณหนู!”“พระชายา!”จิ่งอี้พุ่งเข้าไปอย่างฉับไว ตอนที่ประคองนาง ฝ่ามือของเขาบังเอิญไปชนโดนฝ่ามือเยว่เอ๋อร์พริบตานั้น เยว่เอ๋อร์เหมือนถูกไฟช็อต ร่างกายสั่นสะท้าน รีบดึงมือกลับทันที นางก้มหน้า แก้มกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว…ตอนที่จิ่งอี้มองนางจู่ๆ มีอะไรบางอย่างแลบเข้ามาในสมอง…ทันใดนั้น เขาเอ่ยปาก“คุณหนู ฐานที่ชานเมืองของพวกเราถูกเก็บเป็นความลับ ข้าสงสัยว่ามีคนปล่อยข่าวให้อ๋องหลี อ๋องหลีจึงหันมาตลบหลังพวกเรา”“เหมือนกับตอนที่อยู่ในหุบเขา ตำแหน่งของหุบเขาถูกเก็บเป็นความลับ อ๋องหลีกลับหาเจอ ก็เป็นคนคนนี้เช่นกันที่ปล่อยข่าวให้อ๋องหลี”เมื่อทุกคนได้ยิน แต่ละคนยืดหลังตรง ตื่นตัวขึ้นมาทันทีใช่!เหตุใดก่อนหน้านี้พวกเขาจึงคิดไม่ถึงนะ?มีหนอนบ่อนไส้แน่นอน!“คุณหนู คุณชายจิ่งพูดมีเหตุผล ในกลุ่มของพวกเราต้องมีคนของอ๋องหลีแน่นอน อ๋องหลีถึงได้รู้การเคลื่อนไหวของพวกเราอย่างละเอียด!” ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งขอ
ไม่อยากสงสัยใครทั้งนั้นหรือสายลับที่อ๋องหลีวางไว้เป็นคนอื่นกระมัง…มองดูระเบิดที่เตรียมไว้กลายเป็นซากปรักหักพังที่ไหม้เกรียมอีกด้านหนึ่ง นางรู้สึกเพียงเวียนศีรษะ ร่างกายเหนื่อยล้า อยากล้มกายลงไป นอนโดยไม่ต้องคิดอะไรสักงีบไม่อยากคิดอะไรทั้งสิ้น ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น นอนจนตราบสิ้นฟ้าดินสลาย นอนจนอิ่มอกอิ่มใจฉู่เชียนหลีหลุบตาที่มืดสลัวลง“กลับเถอะ”ค่อยๆ ยกเท้าที่แข็งขึ้น หมุนกายทีหนึ่ง แผ่นหลังที่บอบบางนั้นดูแล้วเปล่าเปลี่ยวมาก ทำให้รู้สึกปวดใจนัก“คุณหนู…”จิ่งอี้รู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะหายใจไม่ได้ปกป้องนางให้ดี เขาโทษตัวเองพลันเขาก้าวเข้าไปอย่างฉับไว อุ้มนางขึ้น แล้ววางลงบนรถม้าอย่างระมัดระวังในช่วงเวลาสั้นๆ ขณะที่ขึ้นรถม้า เขาหันหลังให้ทุกคน ใช้เสียงที่สามารถได้ยินแค่ระหว่างพวกเขาสองคน กล่าวอย่างลังเล“คุณหนู ข้ามีคำพูดหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าควรพูดหรือไม่”ไม่พูด เขาเคลือบแคลงพูดแล้ว ก็กลัวนางคิดมากฉู่เชียนหลีฝืนหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง“เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังมีอะไรที่พูดไม่ได้อีก? พูดเถอะ ไม่ว่าแย่แค่ไหน ข้าก็รับไหว”จิ่งอี้หลุบตา ใช้หางตากวาดมองด้านหลังอย่างเงียบๆ
ฉู่เชียนหลีเม้มมุมปาก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เช่นเดียวกับไม่รู้ว่าอะไรที่สามารถพูดได้ นางทำเพียงแค่หลุบตา ลูบท้องที่ค่อนข้างใหญ่ จิตใจหดหู่มากใช่แล้วเฟิงเจิ้งหลีเกลียดเฟิงเย่เสวียน แทบอยากจะบีบคั้นเขาให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ครั้งนี้ เขาไม่มีทางออมมือกับเฟิงเย่เสวียนแน่แต่นางกับไม่สามารถอยู่เคียงข้างเฟิงเย่เสวียนจู่ๆ ลูกในท้องก็เหมือนกับรู้สึกถึงความคิดของนาง ถีบท้องของนางทีหนึ่ง“อืม…”นางขมวดคิ้วถงเฟยเห็นดังนี้ รีบเช็ดน้ำตา เดินเข้าไปหานางทันที “เสียวฉู่ เป็นอะไร? รู้สึกไม่สบายท้องหรือ? จะคลอดแล้วใช่หรือไม่?”เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยความประหม่าเช่นกันฉู่เชียนหลีลองสัมผัสดู มันเจ็บแค่ทีเดียวก็ไม่เจ็บแล้วอาจเพราะนางอารมณ์ไม่ดี ความคิดของนางกับลูกเชื่อมโยงการกระมังนางเม้มปาก ส่ายศีรษะ“น่าจะยังเหลืออีกหลายวัน”“เฮ้อ…” ถงเฟยนั่งลง จับมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีไว้แน่น ชั่วขณะ ไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดีที่ไม่สบายใจคือเป็นห่วงเฟิงเย่เสวียนที่ดีใจคือนางกำลังจะได้อุ้มหลานแล้วเพียงแต่น่าเสียดาย เฟิงเย่เสวียนไม่อยู่“เสียวฉู่ เจ้าอย่าคิดมาก คลอดล
ฉู่เชียนหลีเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย“นี่ก็ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ ข้าอ่านหนังสืออีกสักพักก็จะนอนแล้ว”“บ่าวรอท่านเจ้าค่ะ”“ไม่ต้องหรอก ข้าอยากนั่งคิดอะไรเงียบๆ คนเดียวสักพัก”เยว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างเบาๆ นางลุกขึ้นยืน ลังเลครู่หนึ่ง ก็ถอยออกไปแล้วยามราตรี เงียบเป็นพิเศษเมื่อทุกสรรพสิ่งเงียบสงบ ความคิดต่างๆ ผุดขึ้นในสมอง ภาพต่างๆ ในอดีตภายในห้องนี้ปรากฏสู่สายตาทีละภาพที่ข้างโต๊ะตัวนี้ เฟิงเย่เสวียนชอบมานั่งปอกเปลือกองุ่นให้นาง และยังชอบจับขาของนางมาวางบนตัก แล้วนวดเท้าให้นางที่ข้างหน้าต่าง เฟิงเย่เสวียนชอบกอดนางจากข้างหลัง หน้าอกของเขาแนบติดกับแผ่นหลังของนางแน่นเขาบอกว่า เมื่อกอดนางแน่นๆ สามารถสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจสามดวงของเขา ของนาง และของลูกเวลานอน เขามักจะนอนด้านนอก กลัวนางพลิกไปพลิกมา จะพลิกตกเตียงกลางดึกทุกเช้าที่ตื่น ลืมตาก็สามารถมองเห็นเขา…เขาไม่อยู่ร่างเงาของเขา เสียงของเขา กลับลอยอยู่ข้างหูนาง ชัดเจนเหมือนวันๆแม้แต่ในอากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นปอเหอของเขาพริบตาเดียว ภายในห้องอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงนางลำพังตัวคนเดียวประกายความผิดหวังแลบผ่านแววตาฉู่เชียนหลี
เขาไม่ได้เข้าไป ยืนอยู่นอกประตูเป็นเวลาเนิ่นนาน จากนั้นหมุนกายเดินออกจากเรือนหานเฟิงเงียบๆเมื่อก่อน เขาไม่รู้ว่าความคิดถึงคืออะไรหลังจากที่ได้พบอวิ๋นอิง ก็รู้สึกถึงมันแล้ว และยิ่งรู้ดีว่าฉู่เชียนหลีในเวลานี้ ทรมานกว่าเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่าท่านน้าเฉินดีกับเขามากตั้งแต่เด็ก ให้ท้ายเขา รักเขา คุ้มครองเขา เขาก่อปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความซุกซน ท่านน้าเฉินปากบอกสั่งสอนเขา แต่ในใจกลับไม่เคยโกรธจริงๆในความทรงจำ ไม่มีปัญหาอะไรที่ท่านน้าเฉินแก้ไขไม่ได้ปัจจุบัน ท่านน้าเฉินตกอยู่ในอันตราย เฟิงเจิ้งหลีบีบคั้นเข้ามาเรื่อยๆ น้าสะใภ้สู้สุดใจโดยไม่กลัวเกิดอันตรายกับลูกในท้อง จวนอ๋องเฉินถูกบีบจนไม่มีทางเลือก เขาจะนิ่งดูดายไม่สนใจได้อย่างไร?เขาจะตอบแทนท่านน้าเขาจะทำในสิ่งที่สามารถทำเพื่อท่านน้า…ภายในเรือนหานเฟิงอวิ๋นอิงออกมาแล้ว นางเดินไปทางห้องครัว“อวิ๋นอิง!”จู่ๆ หลิงเชียนอี้ก็เอ่ยปากเรียกนางอวิ๋นอิงที่อยู่ห่างออกไปเจ็ดแปดเมตรได้ยินเสียง เมื่อหันไปเห็นว่าท่านโหวน้อยกำลังเดินมาทางนาง นางโน้มตัวเล็กน้อยเพื่อคำนับเพิ่งยืนตัวตรง ก็ถูกกอดฉับพลัน“อืม…”“ท่านโหวน้อย นี่ท่านทำอ
พลันอวิ๋นอิงแน่นหน้าอก กระวนกระวายใจเล็กน้อยนางไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อ กลัวว่าหากยังคุยต่อไป จะทนไม่ไหว…หมุนกายก็วิ่งหนีไปแล้วหลิงเชียนอี้พุ่งพรวดออกไปคว้าข้อมือของนางไว้“ข้ามีคำพูดมากมายอยากบอกเจ้า”“ข้าไม่อยากฟัง!”นางเป็นคนโผงผางตั้งแต่เด็ก ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ตรงไปตรงมา แต่เพราะท่านโหวน้อย หัวใจจึงอ่อนโยนและเปราะบางคำพูดของเขา สามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของนางโดยตรงนางเกลียดที่หัวใจของตนเองหวั่นไหวนางกลัวจริงๆนางออกแรงสะบัดมือเขาหลุด สับขาก็วิ่งทันทีหลิงเชียนอี้ตะโกน “เจ้าอย่าวิ่งได้หรือไม่ ข้ารับรอง นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้ารบกวนเจ้า! จากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่ทำเรื่องที่ล้ำเส้นอีก จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจอีก!”ฝีเท้าของอวิ๋นอิงชะงักเล็กน้อยครั้งสุดท้าย…อะไรคือครั้งสุดท้าย…“ถ้าหากการชอบของข้า ทำให้เจ้ารู้สึกว่ามันเป็นภาระจริงๆ ข้ายินดีมอบท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ให้เจ้า ถ้าหากไม่มีข้า เจ้าจะอารมณ์ดี เจ้าจะมีความสุข ต่อไป…ข้าจะพยายามไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าอีก”เขามองแผ่นหลังของนาง เสียงทุ้มและแหบ แทบเหมือนกำลังร้องไห้ทุกคำพูดล้วนกำลังสะอึกทุกคำพูดล้วนเหมือนมีดที่แหลมคม
เหตุใดจึงนึกถึงนาง?ดูเหมือน ยังเมาไม่พอ“เอาเหล้ามา…ใครก็ได้…เอาเหล้ามา…” เขาฟุบอยู่บนโต๊ะ กอดไหเหล้าที่ว่างเปล่า เสียงพูดไม่ชัดเจน เมาจนหมดสภาพ แก้มทั้งสองข้างแดง สายตาพร่ามัวเสี่ยวเอ้อร์ประจำร้านเป็นห่วงเล็กน้อย“คุณชาย ท่านดื่มหมดไปหนึ่งไหแล้ว หากดื่มอีก เกรงว่าร่างกาย…”หลิงเชียนอี้โยนไหเหล้าลงบนพื้นอย่างฉุนเฉียว ตะคอกด้วยความโกรธ“ให้เจ้าไปเอาก็ไปเอามา เหตุใดพูดมากเช่นนี้! ข้าเป็นถึงท่านโหวน้อย ยังจะไม่มีเงินจ่ายค่าเหล้าให้เจ้าหรือ!”เสี่ยวเอ้อร์ประจำร้านตกใจจนสะดุ้งที่แท้เขาเป็นท่านโหวน้อยของจวนโหวติ้งกว๋อ!ไม่กล้าพูดมาก รีบไปเอามาอีกหนึ่งไหทันที ดึงฝาทิ้ง หลิงเชียนอี้แหงนหน้าดื่มทันที ฤทธิ์เหล้าที่เผ็ดร้อนทำให้คอของเขาร้อนระอุเหมือนลุกเป็นไฟ รู้สึกทรมาน แต่เมื่อนึกถึงคนที่เมาแล้วก็ยังลืมไม่ได้ เขายิ่งทรมาน และยิ่งดื่มหนักขึ้นอีกสายตาของแขกที่อยู่โดยรอบมองมาไม่น้อย ต่างวิจารณ์เสียงเบา“พวกเจ้าดูสิ คนคนนี้เป็นอะไร?”“ดื่มมากเช่นนั้น ดูสภาพที่หมดอาลัยตายอยาก น่าจะเจอเรื่องแย่ๆ มากระมัง”“หรือญาติของเขาตาย?”“เขาคงจะไม่อาละวาดกระมัง พวกเรานั่งห่างหน่อยดีกว่า…”
ภายในห้องของเด็กสาว มีกลิ่นหอมจางๆ ลอยอบอวล โทนสีชมพูแลดูอบอุ่นผ่อนคลาย แต่กลับมีร่างของผู้ชายล้มอยู่บนเตียงกลิ่นเหล้าที่เข้มข้น ลอยตลบไปทั่วทั้งห้อง“คุณหนู น้ำแกงสร่างเมามาแล้วเจ้าค่ะ”สาวใช้ยกน้ำแกงที่เพิ่งต้มเสร็จ ส่งให้ด้วยสองมือกู้ชิงชิงรับมา กวาดมองบนเตียงแวบหนึ่ง นางกล่าว “พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด ข้าไม่อนุญาต ห้ามเข้ามาเด็ดขาด”“เจ้าค่ะ”สาวใช้ถอยออกไปพร้อมกับปิดประตูภายในห้องที่ปิดตาย เหลือเพียงกู้ชิงชิงกับหลิงเชียนอี้สองคนนางเดินไปที่ข้างเตียง ตักน้ำแกงสร่างเมาขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าแล้วเป่าอีก ยื่นไปที่ข้างปากเขา“ดื่มมากเช่นนี้จึงจะมาหาข้า ทำไม คำว่า ‘ข้าจะแต่งงานกับเจ้า’ มันพูดยากมากเลยหรือ?”หลิงเชียนอี้หลับตา ไม่ขยับ เหมือนเมาจนหมดสติไปแล้วนางไม่ใส่ใจ เพียงแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก“แต่อย่างไรเจ้าก็ยอมก้มหัวแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าเคยบอกแล้ว ตระกูลกู้ไม่ได้รังแกง่ายๆ หากเจ้ายอมแต่งงานกับข้าโดยดีตั้งแต่แรก แล้วมันจะเกิดเรื่องมากมายตามมาได้อย่างไร?”หลิงเชียนอี้หลับตา ไม่ได้ตอบ ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลยกู้ชิงชิงป้อนน้ำแกงสร่างเมาเข้าปากของเขาอย่างสบายๆ พลางกล่าวอย่างใจ
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ
“ดื่มเยอะๆ”“...เสด็จแม่ยังไม่ฟื้นหรือ?”“หมอบอกว่าอาจจะต้องพรุ่งนี้ เสด็จพี่สาม ฉู่เชียนหลีโกหก ไม่ว่าเวลาไหน ท่านก็ห้ามเชื่อคำพูดของนางเด็ดขาด และไม่ว่ายวนเอ๋อร์ทำอะไร ก็ล้วนทำเพราะหวังดีต่อท่านพี่ ยวนเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง”จวินลั่วยวนเงยหน้า กล่าวอย่างจริงจังมากจวินชิงอวี่เชื่อคำพูดของนางอย่างไม่มีเงื่อนไขเขามีแค่น้องสาวคนเดียว เขาไม่ตามใจแล้วใครจะตามใจ? เขาไม่รักแล้วใครจะรัก?“เป็นเด็กดีนะ”วันรุ่งขึ้นตามที่นัดหมายกับฉู่เชียนหลี เดิมทีจวินชิงอวี่ไม่อยากไป ยี่สิบกว่าปีมานี้ มีหมอนับไม่ถ้วนเคยรักษาเขา ไม่มีใครสามารถรักษาโรคร้อนของเขาได้เลยกล่าวอีกนัยคือ เขาไม่เชื่อฉู่เชียนหลี แต่การเดิมพันนั่น…เขาไม่เคยสงสัยยวนเอ๋อร์การเดิมพันนี้ ก็ย่อมไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ลับกล่าว “องค์ชาย ท่านไปดีกว่า ในแคว้นตงหลิง ไม่มีใครไม่รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ถ้าหากนางสามารถรักษาได้จริงๆ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะโรคกำเริบแล้ว”หลังจากจวินชิงอวี่ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจไปชานเมืองบ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงบเอี๊ยด…“ท่านมา
“เช่นนั้นพวกเราเหมือนเดิมพันกัน”“เดิมพันก็เดิมพัน!”นอกหอน้ำชาจวินลั่วยวนมาถึง หลังจากสอบถามข้อมูลคร่าวๆ จากเด็กในร้าน ก็ย่องขึ้นไปบนชั้นสอง เข้าใกล้ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เพิ่งแนบหูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาข้างในเสียงของฉู่เชียนหลี“โรคร้อนอันตรายมาก แค่ไม่ระวังเล็กน้อยก็จะกำเริบ ตอนที่ข้ารักษาเจ้า ต้องเปิดจุดชีพจร กรีดเปิดแผลบนมือและเท้าสี่จุด ใช้เลือดของข้าแลกกับเจ้าครึ่งหนึ่ง ในระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด”ลดเสียงกล่าวอย่างจริงจัง“ไม่เช่นนั้น กำลังภายในจะย้อนกลับ ห้ามเลือดไม่ได้ ถึงเวลา ข้าจะตาย เจ้าก็เจ้าตาย”จวินลั่วยวนประหลาดใจฉู่เชียนหลีสามารถรักษาโรคร้อน?ยิ่งกว่านั้น!ประเด็นสำคัญคือ!ห้ามถูกขัดจังหวะกลางคันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉู่เชียนหลีกับองค์ชายสามล้วนจะตาย!ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินก็ว่าง อยากได้อ๋องเฉิน ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้วไม่ใช่หรือ?ทันใดนั้น แววตาเร่าร้อนทันทีตื่นเต้นคาดหวังแทบรอไม่ไหวนางกำลังจะเป็นพระชายาอ๋องเฉินแล้ว!การสนทนาภายในห้องกินเวลานานหนึ่งเค่อ ก่อนจะจบลง จวินลั่วยวนรีบวิ่งไปซ่อนตัวที่หัวมุม ประตูห้องเปิดออ
จวินลั่วยวนยกมือทั้งสองข้างขึ้น วางลงไปที่คอของฮองเฮาทันใดนั้น ร่างกายของฮองเฮาหนานยวนขยับเล็กน้อย นางรีบดึงมือกลับ ลุกขึ้นยืน และกลับมาดูเป็นเด็กดีอีกครั้ง“ซวงซวง ทางเสด็จพี่สามของข้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”ซวงซวงวิ่งเข้ามา“เมื่อครู่ทางองครักษ์มารายงาน หลังจากเสด็จพี่สามออกไป เจอสามีภรรยาอ๋องเฉิน ตอนนี้พวกเขาเข้าไปในหอน้ำชาแล้ว ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันลับๆ เจ้าค่ะ”“?”พวกเขายังมีเรื่องให้คุยกันอีกหรือ?เสด็จพี่สามไม่ได้ไปสืบเรื่องของคนร้าย?เหตุใดยังสามารถคุยกับสามีภรรยาอ๋องเฉินดีๆ อีก?คุยอะไรกัน?หรือเป็นความลับที่นางไม่รู้?จวินลั่วยวนไม่อนุญาตให้มีเรื่องที่อยู่เหนือกันควบคุมของนาง กล่าวทันที “ซวงซวง เจ้าเฝ้าเสด็จแม่ไว้ ข้าลองไปดูหน่อย!”“เจ้าค่ะ องค์หญิง!”หอน้ำชาห้องส่วนตัวจวินชิงอวี่นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ สีหน้าดูไม่ดีนัก และยังบึ้งตึงเหมือนจะกินคน กัดฟันจนดังก๊อกๆ“ท่านกล้าบอกว่ายวนเอ๋อร์เป็นคนวางยา!”จ้องฉู่เชียนหลีด้วยความโกรธโมโหมากถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินนั่งอยู่ที่ข้างๆ เกรงว่าเขาลงมือโดยตรงแล้วฉู่เชียนหลีกล่าว“ตอนที่พวกเราออกจากศาลาพักม้า องครักษ์ลับ
ฉู่เชียนหลี “องค์หญิงมั่นใจในตัวเองจริงๆ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าผู้หญิงที่ถูกอ๋องเฉินโยนออกไปเป็นใคร?”“...”รออ๋องเฉินถีบฉู่เชียนหลีทิ้ง นางจะจับฉู่เชียนหลีมาขังไว้ ทรมานทุกวัน ทำให้นางทรมานยิ่งกว่าตายจวินลั่วยวนเถียงไม่ไหว พลันเบ้าตาแดงก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของจวินชิงอวี่ หาที่ปลอบใจตัวเองจวินชิงอวี่ย่อมเข้าข้างน้องสาว“ฉู่เชียนหลี ดูจากพฤติกรรมที่ชอบบีบคั้นคนของเจ้า มันก็ไม่แปลกอะไรที่เจ้าจะสามารถวางยาพิษ”อาศัยเพียงแค่การคาดเดา ก็ตัดสินโทษของนางแล้ว?น่าขำ!พี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งหน้าไหว้หลังหลอก อีกคนความรักบังตา ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ“มันน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่แคว้นหนานยวนของพวกท่านสามารถพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน”จวินชิงอวี่หน้าบึ้งทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ปัญหาส่วนตัว ตอนนี้จะลามปามไปถึงบ้านเมืองแล้ว?“ตามที่พูด”“เจ้า!”เขาโมโหจนจะเดินเข้าไปหานางพลันเฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือใหญ่ ดึงนางมาที่ข้างกาย “ข้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกอะไร”ทุกคนรีบหันไปมอง รอคอยคำพูดต่อจากนี้เฟิงเย่เสวียนกล่าวอย่างใจเย็น“แคว้นหนานยวนต่ำช้าเช่นนี้ ต่อให้ข้าแพ้ศึกครั้งนี้ ก็ไม่ร่วม