ภายในห้องของเด็กสาว มีกลิ่นหอมจางๆ ลอยอบอวล โทนสีชมพูแลดูอบอุ่นผ่อนคลาย แต่กลับมีร่างของผู้ชายล้มอยู่บนเตียงกลิ่นเหล้าที่เข้มข้น ลอยตลบไปทั่วทั้งห้อง“คุณหนู น้ำแกงสร่างเมามาแล้วเจ้าค่ะ”สาวใช้ยกน้ำแกงที่เพิ่งต้มเสร็จ ส่งให้ด้วยสองมือกู้ชิงชิงรับมา กวาดมองบนเตียงแวบหนึ่ง นางกล่าว “พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด ข้าไม่อนุญาต ห้ามเข้ามาเด็ดขาด”“เจ้าค่ะ”สาวใช้ถอยออกไปพร้อมกับปิดประตูภายในห้องที่ปิดตาย เหลือเพียงกู้ชิงชิงกับหลิงเชียนอี้สองคนนางเดินไปที่ข้างเตียง ตักน้ำแกงสร่างเมาขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าแล้วเป่าอีก ยื่นไปที่ข้างปากเขา“ดื่มมากเช่นนี้จึงจะมาหาข้า ทำไม คำว่า ‘ข้าจะแต่งงานกับเจ้า’ มันพูดยากมากเลยหรือ?”หลิงเชียนอี้หลับตา ไม่ขยับ เหมือนเมาจนหมดสติไปแล้วนางไม่ใส่ใจ เพียงแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก“แต่อย่างไรเจ้าก็ยอมก้มหัวแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าเคยบอกแล้ว ตระกูลกู้ไม่ได้รังแกง่ายๆ หากเจ้ายอมแต่งงานกับข้าโดยดีตั้งแต่แรก แล้วมันจะเกิดเรื่องมากมายตามมาได้อย่างไร?”หลิงเชียนอี้หลับตา ไม่ได้ตอบ ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลยกู้ชิงชิงป้อนน้ำแกงสร่างเมาเข้าปากของเขาอย่างสบายๆ พลางกล่าวอย่างใจ
หลังจากนั้นสองวันบัตรเชิญสีแดงฉบับหนึ่งถูกส่งไปยังจวนอ๋องเฉินโดยคนรับใช้ของจวนโหวติ้งกว๋อ เมื่อถงเฟยเห็น นางพูดหยอกล้อประโยคหนึ่ง“ช่วงนี้จวนโหวติ้งกว๋อมีเรื่องดีอะไรนะ? งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งปีของจวิ้นจู่น้อยเหมือนจะยังไม่ถึงกระมัง?”เมื่ออวิ๋นอิงเห็นบัตรเชิญสีแดงนั่น นางขมวดคิ้วทีหนึ่งฉู่เชียนหลีรับมาเปิดดูเมื่อเห็นเนื้อหาข้างใน…รอยยิ้มที่มุมปากแข็งค้างบนใบหน้าทันที กลิ่นอายรอบตัวก็ขรึมลงด้วยเช่นกัน อวิ๋นอิงเห็นดังนี้ รู้สึกแน่นหน้าอกเล็กน้อย เหมือนกับถูกน้ำเย็นราดใส่ศีรษะหลังจากที่ท่านโหวน้อยกล่าวคำพูดเหล่านั้นกับนาง นางก็ไม่ได้เจอเขามาสองวันแล้ว… เหมือนกับเขาหายไปทั้งเช่นนี้ ไร้การปรากฏตัว ไร้การเคลื่อนไหว หลังจากนั้นสองวัน ส่งบัตรเชิญฉบับหนึ่งมาโดยตรง…“ข้างในเขียนอะไรไว้หรือ?” ถงเฟยกล่าวถามฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น ปลายนิ้วมือที่จับบัตรเชิญซีดเล็กน้อย ราวกับจะบีบบัตรเชิญแหลกเป็นชิ้นๆถงเฟยรู้สึกถึงความผิดปกติ รีบเอื้อมมือไปแย่งมาดูเมื่อดูปฏิกิริยาไม่ต่างกับฉู่เชียนหลี“งานหมั้นของท่านโหวน้อยกับคุณหนูตระกูลกู้…” กล่าวอย่างตะลึงงันพริบตานั้น ร่างกายอวิ๋นอิงส
จวนโหวติ้งกว๋อหลังจากฉู่เชียนหลีได้รับบัตรเชิญ ก็ไปหาหลิงเชียนอี้ที่จวนโหวติ้งกว๋อทันที โหวติ้งกว๋อกับองค์หญิงใหญ่ก็ประหลาดใจกับเรื่องนี้มากเช่นกัน แต่ว่า ทั้งสองไม่ได้ก้าวก่ายการตัดสินใจของลูกชายแต่อย่างใด ขอแค่เป็นสิ่งที่ลูกชายเลือก พวกเขาไม่จู้จี้หรือถามดังนั้น ฉู่เชียนหลีจึงไปหาหลิงเชียนอี้โดยตรงไม่เจอกันสองวันเขาดูซีดเซียวไม่น้อยนั่งอยู่ตรงนั้น ชุดเพ้าผ้าแพรสีน้ำเงินที่สวมอยู่บนร่างกายค่อนข้างหลวม ขอบตาดำเล็กน้อย ใต้คางมีตอหนวดสีดำๆ หลายเส้น แก้มก็บุ๋มเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนกับแก่ขึ้นสิบปี“ท่านโหวน้อย…”“น้าสะใภ้ ข้ารู้ว่าท่านอยากพูดอะไร แต่ข้าจริงจัง ข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน”เสียงของเด็กหนุ่มแหบแห้งเมื่อก่อนเขาไม่รู้ความ วันๆ เอาแต่ดื่มกินเที่ยวเล่น ไม่มีอะไรต้องกังวลภายในสองวัน เขาแบกความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง เข้าใจถึงความสำคัญของการเลือก นิสัยและจิตใจก็เปลี่ยนไปมากเขาจะแต่งงานกับกู้ชิงชิงเมื่อวันที่อ๋องเฉินกลับมาพร้อมกับชัยชนะ ก็คือวันแต่งงานของเขากับกู้ชิงชิง “เพราะอะไร…”ฉู่เชียนหลีเดินไปข้างหน้าสองก้าว ถามอย่างไม่กล้าเชื่อ “ทั้งๆ ที่เจ้ากั
อูหนูขานรับคำหนึ่ง ก็ไปลงมือทันทีเมื่อนางไปแล้ว องครักษ์ลับคนหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาปรากฏตัว “นายท่าน รายงานสงครามล่าสุดจากเป่ยเจียงขอรับ”คุกเข่าข้างหนึ่ง ยื่นส่งให้ด้วยสองมือนี่เป็นข่าวที่เฟิงเจิ้งหลีต้องให้ความสนใจทุกวันเขารับจดหมายลับมา ลองจิกนิ้วคำนวณอย่างละเอียด ตามแผนการ ซยงหนูจะจู่โจมเมื่อคืน ในมือซยงหนูมีภาพกลยุทธ์การจัดทัพและภาพกลยุทธ์เมืองของอ๋องเฉินอย่างละเอียด ประกอบกับอาวุธและความช่วยเหลือที่ตระกูลกู้สนับสนุน สามารถเอาชนะอ๋องเฉินได้อย่างง่ายดายดูเหมือน อ๋องเฉินตกอยู่ในอันตรายแล้วริมฝีปากบางของเขาเผยอขึ้นเล็กน้อย พลันเปิดจดหมายลับเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าก็แข็งทื่อทันที…อ๋องเฉิน…กลับมาพร้อมกับชัยชนะ?!“หมายความว่าอย่างไร!” เขาตบจดหมายลงบนโต๊ะฉับพลัน ลุกพรวดขึ้นมา จิตสังหารบนร่างกายระเบิดออกมาในพริบตา องครักษ์ลับคนนั้นตกใจจนก้มหน้าต่ำ“นายท่านโปรดใจเย็น ข้าน้อยได้ยินมาว่าศึกเมื่อคืน อ๋องเฉินใช้กลยุทธ์เชิญท่านลงโอ่ง[1] ล่อซยงหนูเข้าไปในเมือง แล้วปิดประตูเมือง จับเต่าในไห[2]ขอรับ…”ศึกนี้ ซยงหนูแพ้อย่างย่อยยับเช้าวันนี้ อ๋องเฉินจัดกองทัพ เคลื่อนขบวนกลั
เขาออกจากห้องหนังสือ ไปหาอูหนูทันที และได้ขอยาพิเศษมาหนึ่งห่อหลังจากนั้น เทยานี้ลงในน้ำชา แล้วสั่งให้คนรับใช้ยกไปให้ฉู่เจียวเจียวฉู่เจียวเจียวเพิ่งดื่มเสร็จ ก็ปวดท้องอย่างรุนแรง โดยเฉพาะข้างล่าง ยิ่งมีของเหลวไหลออกมากองใหญ่เมื่อสาวใช้เห็น ตกใจมาก รีบไปตามหมอมาทันทีเมื่อตรวจดู พบว่าเป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนดทันใดนั้นทั้งจวนอ๋องหลีวุ่นวาย“ใครก็ได้ พระชายาคลอดก่อนกำหนด!”“หมอตำแยอยู่ไหน!”“น้ำร้อน! เร็ว…”ทุกคนมารวมตัวกันนอกลานเรือน วิ่งมาตรงนี้ วิ่งไปตรงนั้น ยุ่งทางนี้ ยุ่งทางนั้น คนที่ตักน้ำก็ตักน้ำ คนที่ไปเอาของก็เอาของ คนที่ไปเรียกคนก็ไปเรียกคน ล้วนกังวลทุกคนภายในห้อง ประตูถูกปิดไว้ เสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่หยุดเฟิงเจิ้งหลีเดินมาหยุดอยู่ตรงประตูเรือนอย่างใจเย็น เขามองประตูห้องที่ถูกปิดสนิท มีประกายครุ่นคิดปรากฏในแววตาสาวใช้รายงานอย่างรีบร้อน“ท่านอ๋อง หมอบอกว่าพระชายาคลอดก่อนกำหนดหนึ่งเดือน ร่างกายอ่อนแอมาก ประกอบกับขาดสารอาหาร เกรงว่าเด็ก…เกรงว่าคลอดยากมาก…”เขากล่าว“รักษาชีวิตเด็กไว้”สาวใช้เบิกตาอย่างตะลึงงัน ราวกับไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเขากวาดมอ
“ซี้ด…”ความเจ็บปวดนี้ ท่วมท้นดุจภูเขาถล่มลงมา รุนแรงขึ้นทีละระลอกจนอดกลั้นไม่ไหวร่างกายช่วงล่าง ร้อนเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกุมท้อง สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน เจ็บจนขมวดคิ้วดูเหมือนว่าใกล้จะคลอดแล้ว“เจ้าเป็นอะไร?” เฟิงเจิ้งหลีจะเดินเข้ามา ปรากฏว่าถูกนางปัดทิ้ง “ใครก็ได้ ไล่เฟิงเจิ้งหลีออกไป!”“เสียวฉู่…”“ไสหัวไป! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ?”ฉู่เชียนหลีเกลียดที่ได้เห็นใบหน้านี้ของเขา นางตะคอกเสียงดัง พลันยิ่งปวดท้องรุนแรงขึ้นแล้ว นางทรุดนั่งลงบนบันได ลมหายใจก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆเขาคว้ามือของนางไว้ ฝ่ามือร้อนชื้น“เจ้าจะคลอดแล้ว?”เขาแสร้งประหลาดใจ จากนั้นตะโกนออกไปข้างนอก“ใครก็ได้ รีบมาเร็ว!”เสียงเรียกดังขึ้น เหล่าคนรับใช้รีบมา เมื่อทราบอาการของพระชายา หมอตำแยกับสาวใช้ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า รีบประคองพระชายาเข้าห้องแล้วปิดประตู“เตรียมน้ำร้อน!”“กรรไกร!”“คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่าเข้ามา”“เร็ว…”เหล่าคนรับใช้ยุ่งมาก วิ่งไปวิ่งมา ร้อนใจจนเหงื่อท่วมศีรษะ ถงเฟยและคนอื่นก็มาถึงในทันทีภายในเรือนหานเฟิง มีคนยืนเต็มไปหมดภายในห้องที่ประตูปิดสนิท เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังขึ้นเป็นร
จวนอ๋องเฉินพลบค่ำมาถึง ราตรีมาเยือน เสียงภายในห้องยังคงไม่หยุดเสียที คนที่อยู่ข้างนอกร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนวิตกกังวล“นี่มันสามชั่วยามกว่าแล้ว เหตุใดยังไม่คลอดอีก?”“เหตุใดจึงนานเช่นนี้?”“คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”พระชายาอ๋องติ้ง หลิงเชียนอี้ จิ่งอี้และคนอื่น หลังจากได้รับข่าว ก็รีบมาตั้งแต่ตอนเย็น คนกลุ่มใหญ่ยืนรอข้างนอก ทุกคนต่างก็ร้อนใจความสนใจของทุกคนล้วนอยู่ภายในห้อง ไม่มีใครสังเกตเห็นอ๋องหลีที่อยู่นอกเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลีเจ็บมาสามชั่วยามกว่าแล้ว เฟิงเจิ้งหลีก็ยืนอยู่ข้างนอก ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวสามชั่วยามกว่าเช่นกันเฟิงเจิ้งหลียืนข้างนอกสุด จุดที่ไม่สะดุดตาที่สุด เขามองไปทางห้องปีกข้างจากระยะไกลด้วยสายตาเรียบเฉย แววตาไร้อารมณ์ สงบไร้คลื่นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรองครักษ์ลับปรากฏตัวเงียบๆ รายงานเสียงเบา“นายท่าน พระชายาคลอดแล้ว เป็นลูกสาวขอรับ”เมื่อเขาได้ยิน แววตาเย็นลงเล็กน้อยลูกสาว?ไร้ประโยชน์?เป็นท้องไม่ได้เรื่องจริงๆแต่ไม่เป็นอะไรเฟิงเย่เสวียน เจ้าคิดว่าเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ทั้งหมดนี้ก็จบแล้วหรือ? เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว
หมอหญิงเว่ยขานรับคำหนึ่ง ก็ถือกล่องยาของตัวเอง เดินตามหมอตำแยเข้าไปในห้องแล้วตอนที่ก้าวข้ามธรณีประตู หางตานางเหลือบมองข้างหลังแวบหนึ่งทิศทางนั่น…คนที่ยืนอยู่คืออ๋องหลีสบตากันแวบหนึ่ง ละสายตาอย่างเงียบๆ เข้าไปในห้องแล้ว ปิดประตู ตัดการมองเห็นภายนอกและภายใน“พระสนมถงเฟย ท่านดูท่านสิ เป็นโตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังสะเพร่าเช่นนี้อีก เรื่องใหญ่อย่างคลอดลูกก็ไม่บอกฝ่าบาทสักคำ ไม่ให้ความสำคัญจริงๆ” เต๋อฝูหนีบแส้ไว้ที่ข้อพับ ถอนหายใจหนักๆ ทีหนึ่ง ถงเฟยยิ้มอย่างขมขื่น“เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ข้าก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้เสียหน่อย ก่อนเฟิงเย่เสวียนออกจากเมืองหลวง เขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ใครจะรู้ว่าท้องฉู่เชียนหลีใหญ่เกินไป กลายเป็นคลอดยากไปได้ล่ะ”“หากรู้จะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรบอกให้นางกินเยอะตั้งแต่แรกแล้ว”“ดูเหมือนอาหารดีเกินไป เลี้ยงทารกในครรภ์ดีเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร…”เฮ้อ…ชีวิตไม่ง่ายจริงๆ ถงเฟยถอนหายใจถ้าหากฉู่เชียนหลีเป็นอะไรไป เกรงว่านางจะไม่ให้อภัยตัวเองทั้งชีวิต“โชคดีที่ข้ามาทันเวลา รอดูหมอหลวงอาวุโสหยางกับหมอหญิงเว่ยว่าอย่างไรเถอะ ใช่แล้ว ฝ่าบาทบอกว่าไ