ภายในห้องของเด็กสาว มีกลิ่นหอมจางๆ ลอยอบอวล โทนสีชมพูแลดูอบอุ่นผ่อนคลาย แต่กลับมีร่างของผู้ชายล้มอยู่บนเตียงกลิ่นเหล้าที่เข้มข้น ลอยตลบไปทั่วทั้งห้อง“คุณหนู น้ำแกงสร่างเมามาแล้วเจ้าค่ะ”สาวใช้ยกน้ำแกงที่เพิ่งต้มเสร็จ ส่งให้ด้วยสองมือกู้ชิงชิงรับมา กวาดมองบนเตียงแวบหนึ่ง นางกล่าว “พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด ข้าไม่อนุญาต ห้ามเข้ามาเด็ดขาด”“เจ้าค่ะ”สาวใช้ถอยออกไปพร้อมกับปิดประตูภายในห้องที่ปิดตาย เหลือเพียงกู้ชิงชิงกับหลิงเชียนอี้สองคนนางเดินไปที่ข้างเตียง ตักน้ำแกงสร่างเมาขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าแล้วเป่าอีก ยื่นไปที่ข้างปากเขา“ดื่มมากเช่นนี้จึงจะมาหาข้า ทำไม คำว่า ‘ข้าจะแต่งงานกับเจ้า’ มันพูดยากมากเลยหรือ?”หลิงเชียนอี้หลับตา ไม่ขยับ เหมือนเมาจนหมดสติไปแล้วนางไม่ใส่ใจ เพียงแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก“แต่อย่างไรเจ้าก็ยอมก้มหัวแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าเคยบอกแล้ว ตระกูลกู้ไม่ได้รังแกง่ายๆ หากเจ้ายอมแต่งงานกับข้าโดยดีตั้งแต่แรก แล้วมันจะเกิดเรื่องมากมายตามมาได้อย่างไร?”หลิงเชียนอี้หลับตา ไม่ได้ตอบ ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลยกู้ชิงชิงป้อนน้ำแกงสร่างเมาเข้าปากของเขาอย่างสบายๆ พลางกล่าวอย่างใจ
หลังจากนั้นสองวันบัตรเชิญสีแดงฉบับหนึ่งถูกส่งไปยังจวนอ๋องเฉินโดยคนรับใช้ของจวนโหวติ้งกว๋อ เมื่อถงเฟยเห็น นางพูดหยอกล้อประโยคหนึ่ง“ช่วงนี้จวนโหวติ้งกว๋อมีเรื่องดีอะไรนะ? งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งปีของจวิ้นจู่น้อยเหมือนจะยังไม่ถึงกระมัง?”เมื่ออวิ๋นอิงเห็นบัตรเชิญสีแดงนั่น นางขมวดคิ้วทีหนึ่งฉู่เชียนหลีรับมาเปิดดูเมื่อเห็นเนื้อหาข้างใน…รอยยิ้มที่มุมปากแข็งค้างบนใบหน้าทันที กลิ่นอายรอบตัวก็ขรึมลงด้วยเช่นกัน อวิ๋นอิงเห็นดังนี้ รู้สึกแน่นหน้าอกเล็กน้อย เหมือนกับถูกน้ำเย็นราดใส่ศีรษะหลังจากที่ท่านโหวน้อยกล่าวคำพูดเหล่านั้นกับนาง นางก็ไม่ได้เจอเขามาสองวันแล้ว… เหมือนกับเขาหายไปทั้งเช่นนี้ ไร้การปรากฏตัว ไร้การเคลื่อนไหว หลังจากนั้นสองวัน ส่งบัตรเชิญฉบับหนึ่งมาโดยตรง…“ข้างในเขียนอะไรไว้หรือ?” ถงเฟยกล่าวถามฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น ปลายนิ้วมือที่จับบัตรเชิญซีดเล็กน้อย ราวกับจะบีบบัตรเชิญแหลกเป็นชิ้นๆถงเฟยรู้สึกถึงความผิดปกติ รีบเอื้อมมือไปแย่งมาดูเมื่อดูปฏิกิริยาไม่ต่างกับฉู่เชียนหลี“งานหมั้นของท่านโหวน้อยกับคุณหนูตระกูลกู้…” กล่าวอย่างตะลึงงันพริบตานั้น ร่างกายอวิ๋นอิงส
จวนโหวติ้งกว๋อหลังจากฉู่เชียนหลีได้รับบัตรเชิญ ก็ไปหาหลิงเชียนอี้ที่จวนโหวติ้งกว๋อทันที โหวติ้งกว๋อกับองค์หญิงใหญ่ก็ประหลาดใจกับเรื่องนี้มากเช่นกัน แต่ว่า ทั้งสองไม่ได้ก้าวก่ายการตัดสินใจของลูกชายแต่อย่างใด ขอแค่เป็นสิ่งที่ลูกชายเลือก พวกเขาไม่จู้จี้หรือถามดังนั้น ฉู่เชียนหลีจึงไปหาหลิงเชียนอี้โดยตรงไม่เจอกันสองวันเขาดูซีดเซียวไม่น้อยนั่งอยู่ตรงนั้น ชุดเพ้าผ้าแพรสีน้ำเงินที่สวมอยู่บนร่างกายค่อนข้างหลวม ขอบตาดำเล็กน้อย ใต้คางมีตอหนวดสีดำๆ หลายเส้น แก้มก็บุ๋มเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนกับแก่ขึ้นสิบปี“ท่านโหวน้อย…”“น้าสะใภ้ ข้ารู้ว่าท่านอยากพูดอะไร แต่ข้าจริงจัง ข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน”เสียงของเด็กหนุ่มแหบแห้งเมื่อก่อนเขาไม่รู้ความ วันๆ เอาแต่ดื่มกินเที่ยวเล่น ไม่มีอะไรต้องกังวลภายในสองวัน เขาแบกความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง เข้าใจถึงความสำคัญของการเลือก นิสัยและจิตใจก็เปลี่ยนไปมากเขาจะแต่งงานกับกู้ชิงชิงเมื่อวันที่อ๋องเฉินกลับมาพร้อมกับชัยชนะ ก็คือวันแต่งงานของเขากับกู้ชิงชิง “เพราะอะไร…”ฉู่เชียนหลีเดินไปข้างหน้าสองก้าว ถามอย่างไม่กล้าเชื่อ “ทั้งๆ ที่เจ้ากั
อูหนูขานรับคำหนึ่ง ก็ไปลงมือทันทีเมื่อนางไปแล้ว องครักษ์ลับคนหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาปรากฏตัว “นายท่าน รายงานสงครามล่าสุดจากเป่ยเจียงขอรับ”คุกเข่าข้างหนึ่ง ยื่นส่งให้ด้วยสองมือนี่เป็นข่าวที่เฟิงเจิ้งหลีต้องให้ความสนใจทุกวันเขารับจดหมายลับมา ลองจิกนิ้วคำนวณอย่างละเอียด ตามแผนการ ซยงหนูจะจู่โจมเมื่อคืน ในมือซยงหนูมีภาพกลยุทธ์การจัดทัพและภาพกลยุทธ์เมืองของอ๋องเฉินอย่างละเอียด ประกอบกับอาวุธและความช่วยเหลือที่ตระกูลกู้สนับสนุน สามารถเอาชนะอ๋องเฉินได้อย่างง่ายดายดูเหมือน อ๋องเฉินตกอยู่ในอันตรายแล้วริมฝีปากบางของเขาเผยอขึ้นเล็กน้อย พลันเปิดจดหมายลับเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าก็แข็งทื่อทันที…อ๋องเฉิน…กลับมาพร้อมกับชัยชนะ?!“หมายความว่าอย่างไร!” เขาตบจดหมายลงบนโต๊ะฉับพลัน ลุกพรวดขึ้นมา จิตสังหารบนร่างกายระเบิดออกมาในพริบตา องครักษ์ลับคนนั้นตกใจจนก้มหน้าต่ำ“นายท่านโปรดใจเย็น ข้าน้อยได้ยินมาว่าศึกเมื่อคืน อ๋องเฉินใช้กลยุทธ์เชิญท่านลงโอ่ง[1] ล่อซยงหนูเข้าไปในเมือง แล้วปิดประตูเมือง จับเต่าในไห[2]ขอรับ…”ศึกนี้ ซยงหนูแพ้อย่างย่อยยับเช้าวันนี้ อ๋องเฉินจัดกองทัพ เคลื่อนขบวนกลั
เขาออกจากห้องหนังสือ ไปหาอูหนูทันที และได้ขอยาพิเศษมาหนึ่งห่อหลังจากนั้น เทยานี้ลงในน้ำชา แล้วสั่งให้คนรับใช้ยกไปให้ฉู่เจียวเจียวฉู่เจียวเจียวเพิ่งดื่มเสร็จ ก็ปวดท้องอย่างรุนแรง โดยเฉพาะข้างล่าง ยิ่งมีของเหลวไหลออกมากองใหญ่เมื่อสาวใช้เห็น ตกใจมาก รีบไปตามหมอมาทันทีเมื่อตรวจดู พบว่าเป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนดทันใดนั้นทั้งจวนอ๋องหลีวุ่นวาย“ใครก็ได้ พระชายาคลอดก่อนกำหนด!”“หมอตำแยอยู่ไหน!”“น้ำร้อน! เร็ว…”ทุกคนมารวมตัวกันนอกลานเรือน วิ่งมาตรงนี้ วิ่งไปตรงนั้น ยุ่งทางนี้ ยุ่งทางนั้น คนที่ตักน้ำก็ตักน้ำ คนที่ไปเอาของก็เอาของ คนที่ไปเรียกคนก็ไปเรียกคน ล้วนกังวลทุกคนภายในห้อง ประตูถูกปิดไว้ เสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่หยุดเฟิงเจิ้งหลีเดินมาหยุดอยู่ตรงประตูเรือนอย่างใจเย็น เขามองประตูห้องที่ถูกปิดสนิท มีประกายครุ่นคิดปรากฏในแววตาสาวใช้รายงานอย่างรีบร้อน“ท่านอ๋อง หมอบอกว่าพระชายาคลอดก่อนกำหนดหนึ่งเดือน ร่างกายอ่อนแอมาก ประกอบกับขาดสารอาหาร เกรงว่าเด็ก…เกรงว่าคลอดยากมาก…”เขากล่าว“รักษาชีวิตเด็กไว้”สาวใช้เบิกตาอย่างตะลึงงัน ราวกับไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเขากวาดมอ
“ซี้ด…”ความเจ็บปวดนี้ ท่วมท้นดุจภูเขาถล่มลงมา รุนแรงขึ้นทีละระลอกจนอดกลั้นไม่ไหวร่างกายช่วงล่าง ร้อนเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกุมท้อง สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน เจ็บจนขมวดคิ้วดูเหมือนว่าใกล้จะคลอดแล้ว“เจ้าเป็นอะไร?” เฟิงเจิ้งหลีจะเดินเข้ามา ปรากฏว่าถูกนางปัดทิ้ง “ใครก็ได้ ไล่เฟิงเจิ้งหลีออกไป!”“เสียวฉู่…”“ไสหัวไป! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ?”ฉู่เชียนหลีเกลียดที่ได้เห็นใบหน้านี้ของเขา นางตะคอกเสียงดัง พลันยิ่งปวดท้องรุนแรงขึ้นแล้ว นางทรุดนั่งลงบนบันได ลมหายใจก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆเขาคว้ามือของนางไว้ ฝ่ามือร้อนชื้น“เจ้าจะคลอดแล้ว?”เขาแสร้งประหลาดใจ จากนั้นตะโกนออกไปข้างนอก“ใครก็ได้ รีบมาเร็ว!”เสียงเรียกดังขึ้น เหล่าคนรับใช้รีบมา เมื่อทราบอาการของพระชายา หมอตำแยกับสาวใช้ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า รีบประคองพระชายาเข้าห้องแล้วปิดประตู“เตรียมน้ำร้อน!”“กรรไกร!”“คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่าเข้ามา”“เร็ว…”เหล่าคนรับใช้ยุ่งมาก วิ่งไปวิ่งมา ร้อนใจจนเหงื่อท่วมศีรษะ ถงเฟยและคนอื่นก็มาถึงในทันทีภายในเรือนหานเฟิง มีคนยืนเต็มไปหมดภายในห้องที่ประตูปิดสนิท เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังขึ้นเป็นร
จวนอ๋องเฉินพลบค่ำมาถึง ราตรีมาเยือน เสียงภายในห้องยังคงไม่หยุดเสียที คนที่อยู่ข้างนอกร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนวิตกกังวล“นี่มันสามชั่วยามกว่าแล้ว เหตุใดยังไม่คลอดอีก?”“เหตุใดจึงนานเช่นนี้?”“คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”พระชายาอ๋องติ้ง หลิงเชียนอี้ จิ่งอี้และคนอื่น หลังจากได้รับข่าว ก็รีบมาตั้งแต่ตอนเย็น คนกลุ่มใหญ่ยืนรอข้างนอก ทุกคนต่างก็ร้อนใจความสนใจของทุกคนล้วนอยู่ภายในห้อง ไม่มีใครสังเกตเห็นอ๋องหลีที่อยู่นอกเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลีเจ็บมาสามชั่วยามกว่าแล้ว เฟิงเจิ้งหลีก็ยืนอยู่ข้างนอก ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวสามชั่วยามกว่าเช่นกันเฟิงเจิ้งหลียืนข้างนอกสุด จุดที่ไม่สะดุดตาที่สุด เขามองไปทางห้องปีกข้างจากระยะไกลด้วยสายตาเรียบเฉย แววตาไร้อารมณ์ สงบไร้คลื่นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรองครักษ์ลับปรากฏตัวเงียบๆ รายงานเสียงเบา“นายท่าน พระชายาคลอดแล้ว เป็นลูกสาวขอรับ”เมื่อเขาได้ยิน แววตาเย็นลงเล็กน้อยลูกสาว?ไร้ประโยชน์?เป็นท้องไม่ได้เรื่องจริงๆแต่ไม่เป็นอะไรเฟิงเย่เสวียน เจ้าคิดว่าเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ทั้งหมดนี้ก็จบแล้วหรือ? เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว
หมอหญิงเว่ยขานรับคำหนึ่ง ก็ถือกล่องยาของตัวเอง เดินตามหมอตำแยเข้าไปในห้องแล้วตอนที่ก้าวข้ามธรณีประตู หางตานางเหลือบมองข้างหลังแวบหนึ่งทิศทางนั่น…คนที่ยืนอยู่คืออ๋องหลีสบตากันแวบหนึ่ง ละสายตาอย่างเงียบๆ เข้าไปในห้องแล้ว ปิดประตู ตัดการมองเห็นภายนอกและภายใน“พระสนมถงเฟย ท่านดูท่านสิ เป็นโตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังสะเพร่าเช่นนี้อีก เรื่องใหญ่อย่างคลอดลูกก็ไม่บอกฝ่าบาทสักคำ ไม่ให้ความสำคัญจริงๆ” เต๋อฝูหนีบแส้ไว้ที่ข้อพับ ถอนหายใจหนักๆ ทีหนึ่ง ถงเฟยยิ้มอย่างขมขื่น“เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ข้าก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้เสียหน่อย ก่อนเฟิงเย่เสวียนออกจากเมืองหลวง เขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ใครจะรู้ว่าท้องฉู่เชียนหลีใหญ่เกินไป กลายเป็นคลอดยากไปได้ล่ะ”“หากรู้จะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรบอกให้นางกินเยอะตั้งแต่แรกแล้ว”“ดูเหมือนอาหารดีเกินไป เลี้ยงทารกในครรภ์ดีเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร…”เฮ้อ…ชีวิตไม่ง่ายจริงๆ ถงเฟยถอนหายใจถ้าหากฉู่เชียนหลีเป็นอะไรไป เกรงว่านางจะไม่ให้อภัยตัวเองทั้งชีวิต“โชคดีที่ข้ามาทันเวลา รอดูหมอหลวงอาวุโสหยางกับหมอหญิงเว่ยว่าอย่างไรเถอะ ใช่แล้ว ฝ่าบาทบอกว่าไ
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ
“ดื่มเยอะๆ”“...เสด็จแม่ยังไม่ฟื้นหรือ?”“หมอบอกว่าอาจจะต้องพรุ่งนี้ เสด็จพี่สาม ฉู่เชียนหลีโกหก ไม่ว่าเวลาไหน ท่านก็ห้ามเชื่อคำพูดของนางเด็ดขาด และไม่ว่ายวนเอ๋อร์ทำอะไร ก็ล้วนทำเพราะหวังดีต่อท่านพี่ ยวนเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง”จวินลั่วยวนเงยหน้า กล่าวอย่างจริงจังมากจวินชิงอวี่เชื่อคำพูดของนางอย่างไม่มีเงื่อนไขเขามีแค่น้องสาวคนเดียว เขาไม่ตามใจแล้วใครจะตามใจ? เขาไม่รักแล้วใครจะรัก?“เป็นเด็กดีนะ”วันรุ่งขึ้นตามที่นัดหมายกับฉู่เชียนหลี เดิมทีจวินชิงอวี่ไม่อยากไป ยี่สิบกว่าปีมานี้ มีหมอนับไม่ถ้วนเคยรักษาเขา ไม่มีใครสามารถรักษาโรคร้อนของเขาได้เลยกล่าวอีกนัยคือ เขาไม่เชื่อฉู่เชียนหลี แต่การเดิมพันนั่น…เขาไม่เคยสงสัยยวนเอ๋อร์การเดิมพันนี้ ก็ย่อมไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ลับกล่าว “องค์ชาย ท่านไปดีกว่า ในแคว้นตงหลิง ไม่มีใครไม่รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ถ้าหากนางสามารถรักษาได้จริงๆ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะโรคกำเริบแล้ว”หลังจากจวินชิงอวี่ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจไปชานเมืองบ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงบเอี๊ยด…“ท่านมา
“เช่นนั้นพวกเราเหมือนเดิมพันกัน”“เดิมพันก็เดิมพัน!”นอกหอน้ำชาจวินลั่วยวนมาถึง หลังจากสอบถามข้อมูลคร่าวๆ จากเด็กในร้าน ก็ย่องขึ้นไปบนชั้นสอง เข้าใกล้ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เพิ่งแนบหูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาข้างในเสียงของฉู่เชียนหลี“โรคร้อนอันตรายมาก แค่ไม่ระวังเล็กน้อยก็จะกำเริบ ตอนที่ข้ารักษาเจ้า ต้องเปิดจุดชีพจร กรีดเปิดแผลบนมือและเท้าสี่จุด ใช้เลือดของข้าแลกกับเจ้าครึ่งหนึ่ง ในระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด”ลดเสียงกล่าวอย่างจริงจัง“ไม่เช่นนั้น กำลังภายในจะย้อนกลับ ห้ามเลือดไม่ได้ ถึงเวลา ข้าจะตาย เจ้าก็เจ้าตาย”จวินลั่วยวนประหลาดใจฉู่เชียนหลีสามารถรักษาโรคร้อน?ยิ่งกว่านั้น!ประเด็นสำคัญคือ!ห้ามถูกขัดจังหวะกลางคันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉู่เชียนหลีกับองค์ชายสามล้วนจะตาย!ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินก็ว่าง อยากได้อ๋องเฉิน ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้วไม่ใช่หรือ?ทันใดนั้น แววตาเร่าร้อนทันทีตื่นเต้นคาดหวังแทบรอไม่ไหวนางกำลังจะเป็นพระชายาอ๋องเฉินแล้ว!การสนทนาภายในห้องกินเวลานานหนึ่งเค่อ ก่อนจะจบลง จวินลั่วยวนรีบวิ่งไปซ่อนตัวที่หัวมุม ประตูห้องเปิดออ
จวินลั่วยวนยกมือทั้งสองข้างขึ้น วางลงไปที่คอของฮองเฮาทันใดนั้น ร่างกายของฮองเฮาหนานยวนขยับเล็กน้อย นางรีบดึงมือกลับ ลุกขึ้นยืน และกลับมาดูเป็นเด็กดีอีกครั้ง“ซวงซวง ทางเสด็จพี่สามของข้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”ซวงซวงวิ่งเข้ามา“เมื่อครู่ทางองครักษ์มารายงาน หลังจากเสด็จพี่สามออกไป เจอสามีภรรยาอ๋องเฉิน ตอนนี้พวกเขาเข้าไปในหอน้ำชาแล้ว ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันลับๆ เจ้าค่ะ”“?”พวกเขายังมีเรื่องให้คุยกันอีกหรือ?เสด็จพี่สามไม่ได้ไปสืบเรื่องของคนร้าย?เหตุใดยังสามารถคุยกับสามีภรรยาอ๋องเฉินดีๆ อีก?คุยอะไรกัน?หรือเป็นความลับที่นางไม่รู้?จวินลั่วยวนไม่อนุญาตให้มีเรื่องที่อยู่เหนือกันควบคุมของนาง กล่าวทันที “ซวงซวง เจ้าเฝ้าเสด็จแม่ไว้ ข้าลองไปดูหน่อย!”“เจ้าค่ะ องค์หญิง!”หอน้ำชาห้องส่วนตัวจวินชิงอวี่นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ สีหน้าดูไม่ดีนัก และยังบึ้งตึงเหมือนจะกินคน กัดฟันจนดังก๊อกๆ“ท่านกล้าบอกว่ายวนเอ๋อร์เป็นคนวางยา!”จ้องฉู่เชียนหลีด้วยความโกรธโมโหมากถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินนั่งอยู่ที่ข้างๆ เกรงว่าเขาลงมือโดยตรงแล้วฉู่เชียนหลีกล่าว“ตอนที่พวกเราออกจากศาลาพักม้า องครักษ์ลับ
ฉู่เชียนหลี “องค์หญิงมั่นใจในตัวเองจริงๆ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าผู้หญิงที่ถูกอ๋องเฉินโยนออกไปเป็นใคร?”“...”รออ๋องเฉินถีบฉู่เชียนหลีทิ้ง นางจะจับฉู่เชียนหลีมาขังไว้ ทรมานทุกวัน ทำให้นางทรมานยิ่งกว่าตายจวินลั่วยวนเถียงไม่ไหว พลันเบ้าตาแดงก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของจวินชิงอวี่ หาที่ปลอบใจตัวเองจวินชิงอวี่ย่อมเข้าข้างน้องสาว“ฉู่เชียนหลี ดูจากพฤติกรรมที่ชอบบีบคั้นคนของเจ้า มันก็ไม่แปลกอะไรที่เจ้าจะสามารถวางยาพิษ”อาศัยเพียงแค่การคาดเดา ก็ตัดสินโทษของนางแล้ว?น่าขำ!พี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งหน้าไหว้หลังหลอก อีกคนความรักบังตา ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ“มันน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่แคว้นหนานยวนของพวกท่านสามารถพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน”จวินชิงอวี่หน้าบึ้งทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ปัญหาส่วนตัว ตอนนี้จะลามปามไปถึงบ้านเมืองแล้ว?“ตามที่พูด”“เจ้า!”เขาโมโหจนจะเดินเข้าไปหานางพลันเฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือใหญ่ ดึงนางมาที่ข้างกาย “ข้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกอะไร”ทุกคนรีบหันไปมอง รอคอยคำพูดต่อจากนี้เฟิงเย่เสวียนกล่าวอย่างใจเย็น“แคว้นหนานยวนต่ำช้าเช่นนี้ ต่อให้ข้าแพ้ศึกครั้งนี้ ก็ไม่ร่วม