หลังจากนั้นสองวันบัตรเชิญสีแดงฉบับหนึ่งถูกส่งไปยังจวนอ๋องเฉินโดยคนรับใช้ของจวนโหวติ้งกว๋อ เมื่อถงเฟยเห็น นางพูดหยอกล้อประโยคหนึ่ง“ช่วงนี้จวนโหวติ้งกว๋อมีเรื่องดีอะไรนะ? งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งปีของจวิ้นจู่น้อยเหมือนจะยังไม่ถึงกระมัง?”เมื่ออวิ๋นอิงเห็นบัตรเชิญสีแดงนั่น นางขมวดคิ้วทีหนึ่งฉู่เชียนหลีรับมาเปิดดูเมื่อเห็นเนื้อหาข้างใน…รอยยิ้มที่มุมปากแข็งค้างบนใบหน้าทันที กลิ่นอายรอบตัวก็ขรึมลงด้วยเช่นกัน อวิ๋นอิงเห็นดังนี้ รู้สึกแน่นหน้าอกเล็กน้อย เหมือนกับถูกน้ำเย็นราดใส่ศีรษะหลังจากที่ท่านโหวน้อยกล่าวคำพูดเหล่านั้นกับนาง นางก็ไม่ได้เจอเขามาสองวันแล้ว… เหมือนกับเขาหายไปทั้งเช่นนี้ ไร้การปรากฏตัว ไร้การเคลื่อนไหว หลังจากนั้นสองวัน ส่งบัตรเชิญฉบับหนึ่งมาโดยตรง…“ข้างในเขียนอะไรไว้หรือ?” ถงเฟยกล่าวถามฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น ปลายนิ้วมือที่จับบัตรเชิญซีดเล็กน้อย ราวกับจะบีบบัตรเชิญแหลกเป็นชิ้นๆถงเฟยรู้สึกถึงความผิดปกติ รีบเอื้อมมือไปแย่งมาดูเมื่อดูปฏิกิริยาไม่ต่างกับฉู่เชียนหลี“งานหมั้นของท่านโหวน้อยกับคุณหนูตระกูลกู้…” กล่าวอย่างตะลึงงันพริบตานั้น ร่างกายอวิ๋นอิงส
จวนโหวติ้งกว๋อหลังจากฉู่เชียนหลีได้รับบัตรเชิญ ก็ไปหาหลิงเชียนอี้ที่จวนโหวติ้งกว๋อทันที โหวติ้งกว๋อกับองค์หญิงใหญ่ก็ประหลาดใจกับเรื่องนี้มากเช่นกัน แต่ว่า ทั้งสองไม่ได้ก้าวก่ายการตัดสินใจของลูกชายแต่อย่างใด ขอแค่เป็นสิ่งที่ลูกชายเลือก พวกเขาไม่จู้จี้หรือถามดังนั้น ฉู่เชียนหลีจึงไปหาหลิงเชียนอี้โดยตรงไม่เจอกันสองวันเขาดูซีดเซียวไม่น้อยนั่งอยู่ตรงนั้น ชุดเพ้าผ้าแพรสีน้ำเงินที่สวมอยู่บนร่างกายค่อนข้างหลวม ขอบตาดำเล็กน้อย ใต้คางมีตอหนวดสีดำๆ หลายเส้น แก้มก็บุ๋มเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนกับแก่ขึ้นสิบปี“ท่านโหวน้อย…”“น้าสะใภ้ ข้ารู้ว่าท่านอยากพูดอะไร แต่ข้าจริงจัง ข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน”เสียงของเด็กหนุ่มแหบแห้งเมื่อก่อนเขาไม่รู้ความ วันๆ เอาแต่ดื่มกินเที่ยวเล่น ไม่มีอะไรต้องกังวลภายในสองวัน เขาแบกความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง เข้าใจถึงความสำคัญของการเลือก นิสัยและจิตใจก็เปลี่ยนไปมากเขาจะแต่งงานกับกู้ชิงชิงเมื่อวันที่อ๋องเฉินกลับมาพร้อมกับชัยชนะ ก็คือวันแต่งงานของเขากับกู้ชิงชิง “เพราะอะไร…”ฉู่เชียนหลีเดินไปข้างหน้าสองก้าว ถามอย่างไม่กล้าเชื่อ “ทั้งๆ ที่เจ้ากั
อูหนูขานรับคำหนึ่ง ก็ไปลงมือทันทีเมื่อนางไปแล้ว องครักษ์ลับคนหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาปรากฏตัว “นายท่าน รายงานสงครามล่าสุดจากเป่ยเจียงขอรับ”คุกเข่าข้างหนึ่ง ยื่นส่งให้ด้วยสองมือนี่เป็นข่าวที่เฟิงเจิ้งหลีต้องให้ความสนใจทุกวันเขารับจดหมายลับมา ลองจิกนิ้วคำนวณอย่างละเอียด ตามแผนการ ซยงหนูจะจู่โจมเมื่อคืน ในมือซยงหนูมีภาพกลยุทธ์การจัดทัพและภาพกลยุทธ์เมืองของอ๋องเฉินอย่างละเอียด ประกอบกับอาวุธและความช่วยเหลือที่ตระกูลกู้สนับสนุน สามารถเอาชนะอ๋องเฉินได้อย่างง่ายดายดูเหมือน อ๋องเฉินตกอยู่ในอันตรายแล้วริมฝีปากบางของเขาเผยอขึ้นเล็กน้อย พลันเปิดจดหมายลับเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าก็แข็งทื่อทันที…อ๋องเฉิน…กลับมาพร้อมกับชัยชนะ?!“หมายความว่าอย่างไร!” เขาตบจดหมายลงบนโต๊ะฉับพลัน ลุกพรวดขึ้นมา จิตสังหารบนร่างกายระเบิดออกมาในพริบตา องครักษ์ลับคนนั้นตกใจจนก้มหน้าต่ำ“นายท่านโปรดใจเย็น ข้าน้อยได้ยินมาว่าศึกเมื่อคืน อ๋องเฉินใช้กลยุทธ์เชิญท่านลงโอ่ง[1] ล่อซยงหนูเข้าไปในเมือง แล้วปิดประตูเมือง จับเต่าในไห[2]ขอรับ…”ศึกนี้ ซยงหนูแพ้อย่างย่อยยับเช้าวันนี้ อ๋องเฉินจัดกองทัพ เคลื่อนขบวนกลั
เขาออกจากห้องหนังสือ ไปหาอูหนูทันที และได้ขอยาพิเศษมาหนึ่งห่อหลังจากนั้น เทยานี้ลงในน้ำชา แล้วสั่งให้คนรับใช้ยกไปให้ฉู่เจียวเจียวฉู่เจียวเจียวเพิ่งดื่มเสร็จ ก็ปวดท้องอย่างรุนแรง โดยเฉพาะข้างล่าง ยิ่งมีของเหลวไหลออกมากองใหญ่เมื่อสาวใช้เห็น ตกใจมาก รีบไปตามหมอมาทันทีเมื่อตรวจดู พบว่าเป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนดทันใดนั้นทั้งจวนอ๋องหลีวุ่นวาย“ใครก็ได้ พระชายาคลอดก่อนกำหนด!”“หมอตำแยอยู่ไหน!”“น้ำร้อน! เร็ว…”ทุกคนมารวมตัวกันนอกลานเรือน วิ่งมาตรงนี้ วิ่งไปตรงนั้น ยุ่งทางนี้ ยุ่งทางนั้น คนที่ตักน้ำก็ตักน้ำ คนที่ไปเอาของก็เอาของ คนที่ไปเรียกคนก็ไปเรียกคน ล้วนกังวลทุกคนภายในห้อง ประตูถูกปิดไว้ เสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่หยุดเฟิงเจิ้งหลีเดินมาหยุดอยู่ตรงประตูเรือนอย่างใจเย็น เขามองประตูห้องที่ถูกปิดสนิท มีประกายครุ่นคิดปรากฏในแววตาสาวใช้รายงานอย่างรีบร้อน“ท่านอ๋อง หมอบอกว่าพระชายาคลอดก่อนกำหนดหนึ่งเดือน ร่างกายอ่อนแอมาก ประกอบกับขาดสารอาหาร เกรงว่าเด็ก…เกรงว่าคลอดยากมาก…”เขากล่าว“รักษาชีวิตเด็กไว้”สาวใช้เบิกตาอย่างตะลึงงัน ราวกับไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเขากวาดมอ
“ซี้ด…”ความเจ็บปวดนี้ ท่วมท้นดุจภูเขาถล่มลงมา รุนแรงขึ้นทีละระลอกจนอดกลั้นไม่ไหวร่างกายช่วงล่าง ร้อนเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกุมท้อง สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน เจ็บจนขมวดคิ้วดูเหมือนว่าใกล้จะคลอดแล้ว“เจ้าเป็นอะไร?” เฟิงเจิ้งหลีจะเดินเข้ามา ปรากฏว่าถูกนางปัดทิ้ง “ใครก็ได้ ไล่เฟิงเจิ้งหลีออกไป!”“เสียวฉู่…”“ไสหัวไป! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ?”ฉู่เชียนหลีเกลียดที่ได้เห็นใบหน้านี้ของเขา นางตะคอกเสียงดัง พลันยิ่งปวดท้องรุนแรงขึ้นแล้ว นางทรุดนั่งลงบนบันได ลมหายใจก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆเขาคว้ามือของนางไว้ ฝ่ามือร้อนชื้น“เจ้าจะคลอดแล้ว?”เขาแสร้งประหลาดใจ จากนั้นตะโกนออกไปข้างนอก“ใครก็ได้ รีบมาเร็ว!”เสียงเรียกดังขึ้น เหล่าคนรับใช้รีบมา เมื่อทราบอาการของพระชายา หมอตำแยกับสาวใช้ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า รีบประคองพระชายาเข้าห้องแล้วปิดประตู“เตรียมน้ำร้อน!”“กรรไกร!”“คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่าเข้ามา”“เร็ว…”เหล่าคนรับใช้ยุ่งมาก วิ่งไปวิ่งมา ร้อนใจจนเหงื่อท่วมศีรษะ ถงเฟยและคนอื่นก็มาถึงในทันทีภายในเรือนหานเฟิง มีคนยืนเต็มไปหมดภายในห้องที่ประตูปิดสนิท เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังขึ้นเป็นร
จวนอ๋องเฉินพลบค่ำมาถึง ราตรีมาเยือน เสียงภายในห้องยังคงไม่หยุดเสียที คนที่อยู่ข้างนอกร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนวิตกกังวล“นี่มันสามชั่วยามกว่าแล้ว เหตุใดยังไม่คลอดอีก?”“เหตุใดจึงนานเช่นนี้?”“คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”พระชายาอ๋องติ้ง หลิงเชียนอี้ จิ่งอี้และคนอื่น หลังจากได้รับข่าว ก็รีบมาตั้งแต่ตอนเย็น คนกลุ่มใหญ่ยืนรอข้างนอก ทุกคนต่างก็ร้อนใจความสนใจของทุกคนล้วนอยู่ภายในห้อง ไม่มีใครสังเกตเห็นอ๋องหลีที่อยู่นอกเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลีเจ็บมาสามชั่วยามกว่าแล้ว เฟิงเจิ้งหลีก็ยืนอยู่ข้างนอก ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวสามชั่วยามกว่าเช่นกันเฟิงเจิ้งหลียืนข้างนอกสุด จุดที่ไม่สะดุดตาที่สุด เขามองไปทางห้องปีกข้างจากระยะไกลด้วยสายตาเรียบเฉย แววตาไร้อารมณ์ สงบไร้คลื่นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรองครักษ์ลับปรากฏตัวเงียบๆ รายงานเสียงเบา“นายท่าน พระชายาคลอดแล้ว เป็นลูกสาวขอรับ”เมื่อเขาได้ยิน แววตาเย็นลงเล็กน้อยลูกสาว?ไร้ประโยชน์?เป็นท้องไม่ได้เรื่องจริงๆแต่ไม่เป็นอะไรเฟิงเย่เสวียน เจ้าคิดว่าเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ทั้งหมดนี้ก็จบแล้วหรือ? เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว
หมอหญิงเว่ยขานรับคำหนึ่ง ก็ถือกล่องยาของตัวเอง เดินตามหมอตำแยเข้าไปในห้องแล้วตอนที่ก้าวข้ามธรณีประตู หางตานางเหลือบมองข้างหลังแวบหนึ่งทิศทางนั่น…คนที่ยืนอยู่คืออ๋องหลีสบตากันแวบหนึ่ง ละสายตาอย่างเงียบๆ เข้าไปในห้องแล้ว ปิดประตู ตัดการมองเห็นภายนอกและภายใน“พระสนมถงเฟย ท่านดูท่านสิ เป็นโตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังสะเพร่าเช่นนี้อีก เรื่องใหญ่อย่างคลอดลูกก็ไม่บอกฝ่าบาทสักคำ ไม่ให้ความสำคัญจริงๆ” เต๋อฝูหนีบแส้ไว้ที่ข้อพับ ถอนหายใจหนักๆ ทีหนึ่ง ถงเฟยยิ้มอย่างขมขื่น“เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ข้าก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้เสียหน่อย ก่อนเฟิงเย่เสวียนออกจากเมืองหลวง เขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ใครจะรู้ว่าท้องฉู่เชียนหลีใหญ่เกินไป กลายเป็นคลอดยากไปได้ล่ะ”“หากรู้จะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรบอกให้นางกินเยอะตั้งแต่แรกแล้ว”“ดูเหมือนอาหารดีเกินไป เลี้ยงทารกในครรภ์ดีเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร…”เฮ้อ…ชีวิตไม่ง่ายจริงๆ ถงเฟยถอนหายใจถ้าหากฉู่เชียนหลีเป็นอะไรไป เกรงว่านางจะไม่ให้อภัยตัวเองทั้งชีวิต“โชคดีที่ข้ามาทันเวลา รอดูหมอหลวงอาวุโสหยางกับหมอหญิงเว่ยว่าอย่างไรเถอะ ใช่แล้ว ฝ่าบาทบอกว่าไ
หมอตำแยอุ้มเด็กที่ยังไม่ได้ล้างตัว วิ่งไปที่หน้าเตียงด้วยความดีใจ“ขอแสดงความยินดีกับพระชายา เป็นคุณหนูเจ้าค่ะ อ้วนมากๆ เกรงว่าหนักแปดชั่งเลยเจ้าค่ะ!”เด็กที่เพิ่งคลอดออกมาหนังย่น บนตัวยังเต็มไปด้วยน้ำคร่ำและคราบเลือด หลับตา ใบหน้าเล็กกลมๆ อวบๆ ศีรษะก็ใหญ่ๆโดยทั่วไป ทารกมีน้ำหนักประมาณห้าชั่งคือปกติ เด็กคนนี้หนักถือแปดชั่ง นับว่าเป็นทารกน้อยที่อ้วนมากๆฉู่เชียนหลีฝืนยกเปลือกตา มองอย่างยากลำบากแวบหนึ่ง พยายามยกมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อขึ้น ยังสัมผัสไม่โดน ก็หมดสติด้วยความอ่อนเพลียแล้ว…“พระชายา!”“ไม่ต้องห่วง นางแค่เหนื่อยเกินไป” หมอหญิงเว่ยกล่าว “ไปล้างตัวเด็ก ตัดสายสะดือ ทำความสะอาดก่อน”“เฮ้อ ได้ ได้!”หมอตำแยกับผู้ช่วยรีบลงมือทันที หมอหญิงเว่ยที่หนักสองร้อยกว่าชั่งนั่งอยู่หน้าเตียง กวาดสายตามองเด็กอ้วนคนนั้น ครุ่นคิดครู่หนึ่งผ่านไปสักพักถอนสายตากลับตอนที่กำลังลุกขึ้น เหลือบเห็นท้องที่ยังนูนอยู่ของฉู่เชียนหลี หนังท้องกระตุกเบาๆ ทีหนึ่งโดยบังเอิญ พลันนางสะท้านทันทีเหมือนนึกถึงอะไรบางอย่าง รีบก้มลงไป ใช้ฝ่ามือกดท้องของนางเมื่อสัมผัสยังมีเด็กอีกหนึ่งคน!พระชายาท
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท