“อ๊ะ! ท่านอ๋อง ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ!”เฟิงเจิ้งหลีเพิ่งเอ่ยปาก ฉู่เจียวเจียวก็เหมือนสะเทือนใจอย่างรุนแรง นางกอดศีรษะ จิกผม กรีดร้องเสียงดัง“เจียวเจียว…”“ช่วยด้วย ช่วยด้วย! อย่าขังข้าเลย! ท่านอ๋อง ข้าขอร้อง! ลูกของพวกเราใกล้จะคลอดแล้ว ท่านปล่อยข้าออกไปเถอะ!”ฉู่เจียวเจียวจับท้อง คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างโซซัดโซเซในแววตาที่ขุ่นมัวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเฟิงเจิ้งหลีกวาดมองชาวบ้านที่วิพากษ์วิจารณ์โดยรอบแวบหนึ่ง เสียงดังเกินไป จึงดึงดูดผู้คนไม่น้อยมา คนที่มามุงดูเยอะขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคนทั้งเมืองหลวงต้องรู้แน่…แววตาของเขาขรึมลง“เจียวเจียว ฟังข้า…”“เหอะ! ไม่ฟัง! ไม่ฟัง! อย่าเข้ามา อย่าจับข้า!”“เจียวเจียว!”เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของนาง เขย่าแรงๆ ทีหนึ่ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์ นางก็เหมือนกับอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง ในสมองมีเพียงความคิดเดียวอ้อนวอนอ๋องหลีให้ปล่อยตัวเองออกไปชาวบ้านที่วิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงจุดที่ไม่ไกล สองมือกอดอก มองดูภาพนี้อย่างเย็นชาเฟิงเจิ้งหลี เจ้าวางแผนไปวางแผนมา สุดท้ายกรรมก็มาตกที่
น้ำเสียงที่อ่อนโยน กับท่าทางที่อดทนนั่น ชั่วขณะทำให้นางเกิดความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเกิดอันอบอุ่นแม้แต่อากาศและลมหายใจก็หวานไปด้วย“ท่านอ๋อง…”“ท่านอ๋อง ข้าคิดว่าท่านไม่ชอบข้า…”“จะเป็นไปได้อย่างไร?” เฟิงเจิ้งหลีประคองฉู่เจียวเจียวลุกขึ้นจากพื้น “เจ้าดูฉู่เชียนหลี ตั้งแต่ตั้งครรภ์ก็ถูกปองร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า เจตนาของคนร้ายคืออยากฆ่าลูกในท้องของนาง ถ้าหากข้าไม่ปกป้องเจ้าให้ดี ลูกจะอยู่รอดได้อย่างไร?”“เหตุใดเจ้าไม่ลองคิดเรื่องนี้ดู?”เรื่องของลูก สะกิดโดนตำแหน่งที่เปราะบางที่สุดในก้นบึ้งหัวใจของฉู่เจียวเจียวความหวาดระแวงและความเกลียดชังของนาง พังทลายลงในพริบตา“ท่านอ๋อง เมื่อก่อนข้าเลอะเลือน และยังเข้าใจท่านผิด…ข้า…ข้า…”“เด็กโง่ ข้าไม่ถือสาหรอก”สองสามีภรรยาหน้าผากชนหน้าผาก กระซิบคุยกันเบาๆ ไม่มีใครได้ยิน กลับกันเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านโดยรอบดังขึ้นเรื่อยๆ และเดือดขึ้นเรื่อยๆฉู่เชียนหลียืนค่อนข้างไกล ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันแต่ กลับเกิดความคิดที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง…เป็นอย่างที่คิดฉู่เจียวเจียวเรียกนาง“พระชายาอ๋องเฉิน!”เสียงเรียกนี้ ทำให้ทุกคนสังเกตเห็นว่าพระช
“พอแล้ว ทุกคนไม่ต้องมามุ่งอยู่ที่ตรงนี้แล้ว ควรจะไปทำอะไรก็ไปทำ พระชายาอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องหลีเพียงแค่เข้าใจผิดกันเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่นำไปพูดต่อตามคนอื่น”เฟิงเจิ้งหลีกล่าวอย่างอ่อนโยนท่าทางที่สงบเสงี่ยมและใจกว้างของ ในสายตาของบรรดาชาวบ้าน ทำให้ได้รับคำชมเชยไปในทางเดียวกันฉู่เชียนหลีรู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง...คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่เจียวเจียวจะตกหลุมพรางนี้ของอ๋องหลีเรื่องนี้ ถือว่านางคิดผิดพลาด!สีหน้าของนางเย็นยะเยือก ตอนที่กำลังจะหันหลังกลับเดินออกไป ด้านหลัง ชายหนุ่มเอ่ยปากพูดอีกครั้ง“พระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย ทั้งที่นี่ยังอยู่ไกลจากจวนอ๋องหลี มิสู้โดยสารรถม้าคันเดียวกันกับเจียวเจียว กลับไปพร้อมกันดีหรือไม่?”เขาโบกมืออย่างมีน้ำใจ รถมาของจวนอ๋องหลีเคลื่อนเข้ามาหาฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว“ไม่ต้องการน้ำใจจอมปลอมของเจ้า”สาวเท้ากำลังจะเดินออกไปชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ กล่าวเสียงเบา“เจ้าไม่กลับด้วยกันกับเจียวเจียว ก็จะเป็นการยืนยันว่าความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างเจ้ากับเจียวเจียวไม่ปรองดองกันไม่ใช่หรือ? แล้วก็จะเป็นการยืนยันว่าเรื่องที่เจ้าชักนำเจียวเจียว ใส่ร้ายป้ายสีข้าเป็น
“พี่อวี๋ ขอบคุณที่ท่านนำข่าวนี้มาบอกแก่ข้า ยังทำให้ท่านต้องมาเสียเที่ยวอีก”“อย่าพูดเช่นนี้ ข้าก็ไม่ชอบหน้าคางคกขึ้นวออย่างอ๋องหลีนั่นเหมือนกัน เมื่อก่อนรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างซื่อสัตย์ ค่อนข้างว่านอนสอนง่าย ไฉนจะรู้เลยว่าจะเป็นอย่างเช่นตอนนี้...”“ตอนนี้เป็นแบบไหน?”ทันใดนั้น ก็มีเสียงของผู้ชายดังขึ้นทั้งสองคนตกตะลึงทันที หันหน้ากลับไปมองโดยไม่ได้นัดหมายเฟิงเจิ้งหลีชายหนุ่มเอามือไพล่หลังเดินเข้ามา พ่อบ้านเฒ่าขวางเอาไว้ไม่อยู่ “ท่านอ๋องหลี บ่าวยังไม่ได้รายงาน ท่านห้ามเข้า...”“พ่อบ้าน เจ้าไปทำงานเถอะ” ฉู่เชียนหลีเอ่ยปากพูดพ่อบ้านชะงักไป ลังเลครู่หนึ่ง ก้มหน้าลง ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆก่อนหน้านี้ ตอนที่ท่านอ๋องอยู่ จะยอมให้อ๋องหลีมาทำตัวอวดดีเช่นนี้ได้อย่างไร?เป็นเพราะอ๋องหลีรู้ว่าท่านอ๋องไม่อยู่ ในจวนไม่มีคนที่สามารถสยบเขาได้ เจตนามาโอ้อวดแสนยานุภาพพระชายาอ๋องติ้งขมวดคิ้ว“ไม่ทราบว่าท่านอ๋องหลีมาด้วยธุระใด?”ชายหนุ่มเดินเข้ามา พร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้า“ข้าก็ว่าเหตุใดฉู่เชียนหลีถึงรู้เรื่องที่ฉู่เจียวเจียวถูกกักขัง ที่แท้ก็เป็นเพราะพระชายาอ๋องติ้งแอบช่วยเ
“เจ้า!”คำพูดของเขาแทงลึกเข้าไปในหัวใจที่เจ็บปวดของหลิงเชียนอี้ใช่เขาเป็นเด็กที่ไม่รู้ความ ปกป้องอวิ๋นอิงได้ไม่ดี ให้ทุกสิ่งที่นางต้องการไม่ได้ แต่เขากำลังพยายามมากอยู่ทุกวันเฟิงเจิ้งหลีแสยะยิ้มผลักหลิงเชียนอี้ออก หันหน้ามองไปทางฉู่เชียนหลีแสยะยิ้มประหลาดหลังจากมองแวบหนึ่ง ก็สะบัดแขนเดินออกไป“ท่านน้าสะใภ้...”หลิงเชียนอี้เก็บจดหมายที่เป็นก้อนกลมบนพื้นขึ้นมา อ่านเนื้อหาด้านใน สีหน้าซีดขาวการรบครั้งแรก อ๋องเฉินพ่ายแพ้นับตั้งแต่ที่ตนจำความได้ ท่านน้าได้รับชัยชนะมาโดยตลอด ไม่เคยรบแพ้ นี่ไม่ใช่เค้าลางที่ดี แต่เป็นเพราะการเข้าร่วมของอ๋องหลี จึงทำให้เรื่องราวกับกลายเป็นซับซ้อนเขารีบลุกขึ้นยืน“ข้าไม่สนใจว่าเฟิงเจิ้งหลีออกมาจากจวนเฟิงเหรินได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อว่าเสด็จปู่จะเพิกเฉยต่อความเป็นความตายของท่านน้า ข้าจะเข้าวังไปหาเขาเดี๋ยวนี้”ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็สาวเท้าวิ่งออกไปทันที“ท่านโหวน้อย...”ไม่รอให้ตะโกนเรียกไปมากกว่านี้ เขาก็ได้วิ่งหนีไปแล้วฉู่เชียนหลีเท้าโต๊ะทำงาน แล้วนั่งกลับลงไปด้วยความเหนื่อยล้า นวดคลึงหว่างคิ้วด้วยความอ่อนเพลีย สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าใจและ
ฝ่าบาทสีหน้าเย็นชา ตบโต๊ะ บรรยากาศความน่าเกรงขามบนร่างกายปรากฏขึ้นดวงตามองตรงไปยังหลิงเชียนอี้อย่างเคร่งขรึม กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ“เต๋อฝู ส่งตัวท่านโหวน้อยออกไป !”หลิงเชียนอี้สะอึกในลำคอ ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างอุดตันอยู่ ตอนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ถูกเต๋อฝูลากตัวออกไปอย่างลนลานเฮ้อ!พูดให้มันน้อยหน่อยเถอะถ้าหากฝ่าบาททรงกริ้วขึ้นมา คงจะห้ามไม่อยู่สุดท้าย หลิงเชียนอี้ก็ต้องออกไปอย่างไม่พอใจ และไม่เต็มใจ ออกจากวังหลวง ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ดูไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง ยังโมโหไม่น้อยอีกด้วยฝ่าบาทกับอ๋องหลีจะต้องมีความลับกันแน่ ๆ!เฟิงเจิ้งหลีคนนี้ พูดอะไรกับฝ่าบาทกันแน่ ไม่คิดเลยว่าฝ่าบาทจะทรงถือหางเขาเช่นนี้!เฟิงเจิ้งหลีมีแผนร้ายอะไรกันแน่?เขาขมวดคิ้วแน่น เตรียมที่จะกลับไปให้โหวติ้งกว๋อกับองค์หญิงใหญ่ช่วยเหลือ ตอนที่เดินไปถึงที่แห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีคนเรียกเอาไว้“หลิงเชียนอี้”“หืม?”หันหน้ากลับไปด้วยจิตสำนึกบริเวณทางแยกของถนนสองสาย หญิงสาวอายุน้อยรูปร่างอรชรคนหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้ามาหา นั่นก็คือกู้ชิงชิงบุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูลกู้หลิงเชียนอี้ขมวดคิ้ว“ทำไมถึงเป็นเจ้
ช่วงสองวันมานี้ จวนอ๋องเฉินเงียบสงบเฟิงเจิ้งหลีกลับมาจากประชุมขุนนาง นั่งลงที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือ ยืดเส้นยืดสายอย่างเกียจคร้าน นวดข้อมือ รับชาที่อูหนูยื่นมาให้ จิบหนึ่งอึก“เฟิงเย่เสวียนจะตาย?”อูหนูถามชาเข้าใกล้ริมฝีปาก ก็หยุดชะงักลง“ไม่มีทาง” เขาวางถ้วยชาลง “ข้ารู้ว่าเจ้าชอบอ๋องเฉิน และจุดประสงค์ที่พวกเราร่วมมือกัน ก็คือเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ เจ้าได้อ๋องเฉิน ข้าได้ฉู่เชียนหลี”เห็นได้ชัดว่าอูหนูพอใจกับคำตอบนี้มาก ได้รับคำยืนยันจากอ๋องหลี ก็ยิ่งเต็มใจทำงานให้เพื่อเขามากขึ้นกว่าเดิม“แต่เหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อฟัง”เขาเหลือบตาขึ้น หันไปมองอูหนูด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม“ข้าจะทำให้เขาพิการก่อน ค่อยมอบให้เจ้า ถึงตอนนั้น เขาทำได้เพียงยอมให้เจ้าจัดการ เป็นอย่างไร?”อูหนูเลิกคิ้วขอเพียงแค่ได้อ๋องเฉินก็พอ ไม่สนว่าเขาจะพิการหรือไม่ ดีหรือไม่ดี ขอเพียงแค่ไม่ตายก็พอทันทีที่นึกถึงภาพที่อ๋องเฉินเชื่อฟังนาง นางก็รู้สึกสบายใจมาก“ลำบากอ๋องหลีแล้ว”“ไม่ต้องเกรงใจ” เฟิงเจิ้งหลียิ้ม “สองวันมานี้ เหตุใดจึงไม่ได้รับข่าวความเคลื่อนไหวจากทางจวนอ๋องเฉินเลย?”เมื่อเอ่ยถึง
จวนอ๋องเฉินเมื่อฉู่เชียนหลีกลับถึงจวน สั่งให้จิ่งอี้รับผิดชอบดูแลเรื่องของทางนั้น ร่างกายนางหนัก ทำงานได้ไม่นานก็ต้องพักผ่อน แต่ว่าอารมณ์ของนางในเวลานี้แตกต่างจากเมื่อสองวันก่อนโดยสิ้นเชิงแม้แต่กินข้าวก็อร่อยขึ้นไม่น้อยบนโต๊ะอาหารถงเฟยยังกังวลอยู่ฉู่เชียนหลีคีบผักให้นาง “เสด็จแม่ เลิกคิดมากได้แล้ว เฟิงเย่เสวียนจะกลับมาแน่นอน ไม่เกินหนึ่งเดือน เขาจะกลับมา”ถงเฟยกินอาหารไม่รู้รส สีหน้าซีดเซียว“เขาแพ้สงคราม และไม่รู้ว่าตอนนี้กินอิ่มหรือไม่ บาดเจ็บหรือไม่…”“เสด็จแม่ ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่?”“ข้า…”ถงเฟยมองสายตาที่จริงจังและหนักแน่นของฉู่เชียนหลี คำพูดที่เป็นกังวลมาถึงปลายลิ้นก็หยุดเอาไว้นางรู้ว่าฉู่เชียนหลีจะพยายามคิดหาวิธีช่วยเฟิงเย่เสวียนทุกวิถีทางนางรู้ว่าฉู่เชียนหลีจะไม่นั่งรอความตายเวลานี้ นางแค่เจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าเฟิงเย่เสวียนมีอันตราย กลับไม่สามารถให้ความช่วยเหลือที่มีประโยชน์“เสียวฉู่ เจ้าใกล้จะถึงวันคลอดแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อย่าพยายามและฝืน สุขภาพสำคัญที่สุด ถ้าหากต้องการอะไร บอกข้าได้เลย ข้าก็อยากช่วยแบ่งเบาเท่าที่จะทำได้”“ข้าทราบ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท