“อ๊ะ! ท่านอ๋อง ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ!”เฟิงเจิ้งหลีเพิ่งเอ่ยปาก ฉู่เจียวเจียวก็เหมือนสะเทือนใจอย่างรุนแรง นางกอดศีรษะ จิกผม กรีดร้องเสียงดัง“เจียวเจียว…”“ช่วยด้วย ช่วยด้วย! อย่าขังข้าเลย! ท่านอ๋อง ข้าขอร้อง! ลูกของพวกเราใกล้จะคลอดแล้ว ท่านปล่อยข้าออกไปเถอะ!”ฉู่เจียวเจียวจับท้อง คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างโซซัดโซเซในแววตาที่ขุ่นมัวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเฟิงเจิ้งหลีกวาดมองชาวบ้านที่วิพากษ์วิจารณ์โดยรอบแวบหนึ่ง เสียงดังเกินไป จึงดึงดูดผู้คนไม่น้อยมา คนที่มามุงดูเยอะขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคนทั้งเมืองหลวงต้องรู้แน่…แววตาของเขาขรึมลง“เจียวเจียว ฟังข้า…”“เหอะ! ไม่ฟัง! ไม่ฟัง! อย่าเข้ามา อย่าจับข้า!”“เจียวเจียว!”เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของนาง เขย่าแรงๆ ทีหนึ่ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์ นางก็เหมือนกับอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง ในสมองมีเพียงความคิดเดียวอ้อนวอนอ๋องหลีให้ปล่อยตัวเองออกไปชาวบ้านที่วิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงจุดที่ไม่ไกล สองมือกอดอก มองดูภาพนี้อย่างเย็นชาเฟิงเจิ้งหลี เจ้าวางแผนไปวางแผนมา สุดท้ายกรรมก็มาตกที่
น้ำเสียงที่อ่อนโยน กับท่าทางที่อดทนนั่น ชั่วขณะทำให้นางเกิดความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเกิดอันอบอุ่นแม้แต่อากาศและลมหายใจก็หวานไปด้วย“ท่านอ๋อง…”“ท่านอ๋อง ข้าคิดว่าท่านไม่ชอบข้า…”“จะเป็นไปได้อย่างไร?” เฟิงเจิ้งหลีประคองฉู่เจียวเจียวลุกขึ้นจากพื้น “เจ้าดูฉู่เชียนหลี ตั้งแต่ตั้งครรภ์ก็ถูกปองร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า เจตนาของคนร้ายคืออยากฆ่าลูกในท้องของนาง ถ้าหากข้าไม่ปกป้องเจ้าให้ดี ลูกจะอยู่รอดได้อย่างไร?”“เหตุใดเจ้าไม่ลองคิดเรื่องนี้ดู?”เรื่องของลูก สะกิดโดนตำแหน่งที่เปราะบางที่สุดในก้นบึ้งหัวใจของฉู่เจียวเจียวความหวาดระแวงและความเกลียดชังของนาง พังทลายลงในพริบตา“ท่านอ๋อง เมื่อก่อนข้าเลอะเลือน และยังเข้าใจท่านผิด…ข้า…ข้า…”“เด็กโง่ ข้าไม่ถือสาหรอก”สองสามีภรรยาหน้าผากชนหน้าผาก กระซิบคุยกันเบาๆ ไม่มีใครได้ยิน กลับกันเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านโดยรอบดังขึ้นเรื่อยๆ และเดือดขึ้นเรื่อยๆฉู่เชียนหลียืนค่อนข้างไกล ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันแต่ กลับเกิดความคิดที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง…เป็นอย่างที่คิดฉู่เจียวเจียวเรียกนาง“พระชายาอ๋องเฉิน!”เสียงเรียกนี้ ทำให้ทุกคนสังเกตเห็นว่าพระช
“พอแล้ว ทุกคนไม่ต้องมามุ่งอยู่ที่ตรงนี้แล้ว ควรจะไปทำอะไรก็ไปทำ พระชายาอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องหลีเพียงแค่เข้าใจผิดกันเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่นำไปพูดต่อตามคนอื่น”เฟิงเจิ้งหลีกล่าวอย่างอ่อนโยนท่าทางที่สงบเสงี่ยมและใจกว้างของ ในสายตาของบรรดาชาวบ้าน ทำให้ได้รับคำชมเชยไปในทางเดียวกันฉู่เชียนหลีรู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง...คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่เจียวเจียวจะตกหลุมพรางนี้ของอ๋องหลีเรื่องนี้ ถือว่านางคิดผิดพลาด!สีหน้าของนางเย็นยะเยือก ตอนที่กำลังจะหันหลังกลับเดินออกไป ด้านหลัง ชายหนุ่มเอ่ยปากพูดอีกครั้ง“พระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย ทั้งที่นี่ยังอยู่ไกลจากจวนอ๋องหลี มิสู้โดยสารรถม้าคันเดียวกันกับเจียวเจียว กลับไปพร้อมกันดีหรือไม่?”เขาโบกมืออย่างมีน้ำใจ รถมาของจวนอ๋องหลีเคลื่อนเข้ามาหาฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว“ไม่ต้องการน้ำใจจอมปลอมของเจ้า”สาวเท้ากำลังจะเดินออกไปชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ กล่าวเสียงเบา“เจ้าไม่กลับด้วยกันกับเจียวเจียว ก็จะเป็นการยืนยันว่าความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างเจ้ากับเจียวเจียวไม่ปรองดองกันไม่ใช่หรือ? แล้วก็จะเป็นการยืนยันว่าเรื่องที่เจ้าชักนำเจียวเจียว ใส่ร้ายป้ายสีข้าเป็น
“พี่อวี๋ ขอบคุณที่ท่านนำข่าวนี้มาบอกแก่ข้า ยังทำให้ท่านต้องมาเสียเที่ยวอีก”“อย่าพูดเช่นนี้ ข้าก็ไม่ชอบหน้าคางคกขึ้นวออย่างอ๋องหลีนั่นเหมือนกัน เมื่อก่อนรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างซื่อสัตย์ ค่อนข้างว่านอนสอนง่าย ไฉนจะรู้เลยว่าจะเป็นอย่างเช่นตอนนี้...”“ตอนนี้เป็นแบบไหน?”ทันใดนั้น ก็มีเสียงของผู้ชายดังขึ้นทั้งสองคนตกตะลึงทันที หันหน้ากลับไปมองโดยไม่ได้นัดหมายเฟิงเจิ้งหลีชายหนุ่มเอามือไพล่หลังเดินเข้ามา พ่อบ้านเฒ่าขวางเอาไว้ไม่อยู่ “ท่านอ๋องหลี บ่าวยังไม่ได้รายงาน ท่านห้ามเข้า...”“พ่อบ้าน เจ้าไปทำงานเถอะ” ฉู่เชียนหลีเอ่ยปากพูดพ่อบ้านชะงักไป ลังเลครู่หนึ่ง ก้มหน้าลง ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆก่อนหน้านี้ ตอนที่ท่านอ๋องอยู่ จะยอมให้อ๋องหลีมาทำตัวอวดดีเช่นนี้ได้อย่างไร?เป็นเพราะอ๋องหลีรู้ว่าท่านอ๋องไม่อยู่ ในจวนไม่มีคนที่สามารถสยบเขาได้ เจตนามาโอ้อวดแสนยานุภาพพระชายาอ๋องติ้งขมวดคิ้ว“ไม่ทราบว่าท่านอ๋องหลีมาด้วยธุระใด?”ชายหนุ่มเดินเข้ามา พร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้า“ข้าก็ว่าเหตุใดฉู่เชียนหลีถึงรู้เรื่องที่ฉู่เจียวเจียวถูกกักขัง ที่แท้ก็เป็นเพราะพระชายาอ๋องติ้งแอบช่วยเ
“เจ้า!”คำพูดของเขาแทงลึกเข้าไปในหัวใจที่เจ็บปวดของหลิงเชียนอี้ใช่เขาเป็นเด็กที่ไม่รู้ความ ปกป้องอวิ๋นอิงได้ไม่ดี ให้ทุกสิ่งที่นางต้องการไม่ได้ แต่เขากำลังพยายามมากอยู่ทุกวันเฟิงเจิ้งหลีแสยะยิ้มผลักหลิงเชียนอี้ออก หันหน้ามองไปทางฉู่เชียนหลีแสยะยิ้มประหลาดหลังจากมองแวบหนึ่ง ก็สะบัดแขนเดินออกไป“ท่านน้าสะใภ้...”หลิงเชียนอี้เก็บจดหมายที่เป็นก้อนกลมบนพื้นขึ้นมา อ่านเนื้อหาด้านใน สีหน้าซีดขาวการรบครั้งแรก อ๋องเฉินพ่ายแพ้นับตั้งแต่ที่ตนจำความได้ ท่านน้าได้รับชัยชนะมาโดยตลอด ไม่เคยรบแพ้ นี่ไม่ใช่เค้าลางที่ดี แต่เป็นเพราะการเข้าร่วมของอ๋องหลี จึงทำให้เรื่องราวกับกลายเป็นซับซ้อนเขารีบลุกขึ้นยืน“ข้าไม่สนใจว่าเฟิงเจิ้งหลีออกมาจากจวนเฟิงเหรินได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อว่าเสด็จปู่จะเพิกเฉยต่อความเป็นความตายของท่านน้า ข้าจะเข้าวังไปหาเขาเดี๋ยวนี้”ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็สาวเท้าวิ่งออกไปทันที“ท่านโหวน้อย...”ไม่รอให้ตะโกนเรียกไปมากกว่านี้ เขาก็ได้วิ่งหนีไปแล้วฉู่เชียนหลีเท้าโต๊ะทำงาน แล้วนั่งกลับลงไปด้วยความเหนื่อยล้า นวดคลึงหว่างคิ้วด้วยความอ่อนเพลีย สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าใจและ
ฝ่าบาทสีหน้าเย็นชา ตบโต๊ะ บรรยากาศความน่าเกรงขามบนร่างกายปรากฏขึ้นดวงตามองตรงไปยังหลิงเชียนอี้อย่างเคร่งขรึม กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ“เต๋อฝู ส่งตัวท่านโหวน้อยออกไป !”หลิงเชียนอี้สะอึกในลำคอ ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างอุดตันอยู่ ตอนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ถูกเต๋อฝูลากตัวออกไปอย่างลนลานเฮ้อ!พูดให้มันน้อยหน่อยเถอะถ้าหากฝ่าบาททรงกริ้วขึ้นมา คงจะห้ามไม่อยู่สุดท้าย หลิงเชียนอี้ก็ต้องออกไปอย่างไม่พอใจ และไม่เต็มใจ ออกจากวังหลวง ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ดูไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง ยังโมโหไม่น้อยอีกด้วยฝ่าบาทกับอ๋องหลีจะต้องมีความลับกันแน่ ๆ!เฟิงเจิ้งหลีคนนี้ พูดอะไรกับฝ่าบาทกันแน่ ไม่คิดเลยว่าฝ่าบาทจะทรงถือหางเขาเช่นนี้!เฟิงเจิ้งหลีมีแผนร้ายอะไรกันแน่?เขาขมวดคิ้วแน่น เตรียมที่จะกลับไปให้โหวติ้งกว๋อกับองค์หญิงใหญ่ช่วยเหลือ ตอนที่เดินไปถึงที่แห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีคนเรียกเอาไว้“หลิงเชียนอี้”“หืม?”หันหน้ากลับไปด้วยจิตสำนึกบริเวณทางแยกของถนนสองสาย หญิงสาวอายุน้อยรูปร่างอรชรคนหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้ามาหา นั่นก็คือกู้ชิงชิงบุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูลกู้หลิงเชียนอี้ขมวดคิ้ว“ทำไมถึงเป็นเจ้
ช่วงสองวันมานี้ จวนอ๋องเฉินเงียบสงบเฟิงเจิ้งหลีกลับมาจากประชุมขุนนาง นั่งลงที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือ ยืดเส้นยืดสายอย่างเกียจคร้าน นวดข้อมือ รับชาที่อูหนูยื่นมาให้ จิบหนึ่งอึก“เฟิงเย่เสวียนจะตาย?”อูหนูถามชาเข้าใกล้ริมฝีปาก ก็หยุดชะงักลง“ไม่มีทาง” เขาวางถ้วยชาลง “ข้ารู้ว่าเจ้าชอบอ๋องเฉิน และจุดประสงค์ที่พวกเราร่วมมือกัน ก็คือเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ เจ้าได้อ๋องเฉิน ข้าได้ฉู่เชียนหลี”เห็นได้ชัดว่าอูหนูพอใจกับคำตอบนี้มาก ได้รับคำยืนยันจากอ๋องหลี ก็ยิ่งเต็มใจทำงานให้เพื่อเขามากขึ้นกว่าเดิม“แต่เหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อฟัง”เขาเหลือบตาขึ้น หันไปมองอูหนูด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม“ข้าจะทำให้เขาพิการก่อน ค่อยมอบให้เจ้า ถึงตอนนั้น เขาทำได้เพียงยอมให้เจ้าจัดการ เป็นอย่างไร?”อูหนูเลิกคิ้วขอเพียงแค่ได้อ๋องเฉินก็พอ ไม่สนว่าเขาจะพิการหรือไม่ ดีหรือไม่ดี ขอเพียงแค่ไม่ตายก็พอทันทีที่นึกถึงภาพที่อ๋องเฉินเชื่อฟังนาง นางก็รู้สึกสบายใจมาก“ลำบากอ๋องหลีแล้ว”“ไม่ต้องเกรงใจ” เฟิงเจิ้งหลียิ้ม “สองวันมานี้ เหตุใดจึงไม่ได้รับข่าวความเคลื่อนไหวจากทางจวนอ๋องเฉินเลย?”เมื่อเอ่ยถึง
จวนอ๋องเฉินเมื่อฉู่เชียนหลีกลับถึงจวน สั่งให้จิ่งอี้รับผิดชอบดูแลเรื่องของทางนั้น ร่างกายนางหนัก ทำงานได้ไม่นานก็ต้องพักผ่อน แต่ว่าอารมณ์ของนางในเวลานี้แตกต่างจากเมื่อสองวันก่อนโดยสิ้นเชิงแม้แต่กินข้าวก็อร่อยขึ้นไม่น้อยบนโต๊ะอาหารถงเฟยยังกังวลอยู่ฉู่เชียนหลีคีบผักให้นาง “เสด็จแม่ เลิกคิดมากได้แล้ว เฟิงเย่เสวียนจะกลับมาแน่นอน ไม่เกินหนึ่งเดือน เขาจะกลับมา”ถงเฟยกินอาหารไม่รู้รส สีหน้าซีดเซียว“เขาแพ้สงคราม และไม่รู้ว่าตอนนี้กินอิ่มหรือไม่ บาดเจ็บหรือไม่…”“เสด็จแม่ ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่?”“ข้า…”ถงเฟยมองสายตาที่จริงจังและหนักแน่นของฉู่เชียนหลี คำพูดที่เป็นกังวลมาถึงปลายลิ้นก็หยุดเอาไว้นางรู้ว่าฉู่เชียนหลีจะพยายามคิดหาวิธีช่วยเฟิงเย่เสวียนทุกวิถีทางนางรู้ว่าฉู่เชียนหลีจะไม่นั่งรอความตายเวลานี้ นางแค่เจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าเฟิงเย่เสวียนมีอันตราย กลับไม่สามารถให้ความช่วยเหลือที่มีประโยชน์“เสียวฉู่ เจ้าใกล้จะถึงวันคลอดแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อย่าพยายามและฝืน สุขภาพสำคัญที่สุด ถ้าหากต้องการอะไร บอกข้าได้เลย ข้าก็อยากช่วยแบ่งเบาเท่าที่จะทำได้”“ข้าทราบ