แมวป่าตัวหนึ่ง?ในจวนอ๋องนี่แมวป่ามาจากไหน? ประกอบกับเป็นกลางคืน นางไปอยู่หลังพุ่มไม้ในที่มืดๆ ฤดูร้อนอากาศร้อน นางไม่กลัวพวกแมลงกับงูเลยหรือ?อวิ๋นอิงสงสัยเล็กน้อย ยังอยากทำอะไรบางอย่าง แต่เยว่เอ๋อร์เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม จับแขนของอวิ๋นอิง“อวิ๋นอิง อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”“ข้าช่วยทายาที่หลังให้เจ้าดีหรือไม่?”“ท่านโหวน้อยไม่ได้อยู่กับเจ้าหรือ?”นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ พลางลากอวิ๋นอิงไปแล้วอวิ๋นอิงพลางเดิน พลางอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองข้างหลังแวบหนึ่งเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าใต้กำแพงที่มืดมิดนั่น มีเงาสีดำขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง ดูแล้วไม่เหมือนสุนัขหรือแมว แต่เหมือน…รูปร่างของคนผอม?ไม่ทันได้ดูเยอะ ก็ถูกเยว่เอ๋อร์ลากไปแล้วมองดูใบหน้าที่สะอาดของเยว่เอ๋อร์ ในใจอวิ๋นอิงเกิดความสงสัยอีกครั้ง แต่ก็สลัดทิ้งในทันทีเยว่เอ๋อร์เป็นห่วงนาง นางสงสัยเยว่เอ๋อร์ได้อย่างไรอีกอย่างนะ เยว่เอ๋อร์ติดตามพระชายาเกือบสิบปีแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าเป็นคนสนิทที่ไว้ใจได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือความรู้สึก นางก็ไม่ควรสงสัย“พี่เยว่เอ๋อร์ ข้าขอโทษ”เยว่เอ๋อร์ตะลึงงันครู่หนึ่ง “อะไร?”
ลมหายใจอุ่นๆ ทำให้ร่างกายฉู่เชียนหลีเหมือนถูกไฟช็อต กระตุกตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของเขา“เจ้าทำอะไร!”แสร้งโกรธ ทุบกำปั้นใส่หน้าอกเขา เหมือนเกาเฟิงเย่เสวียนยิ้มลึก “เชียนหลีนับว่าช่วยเตือนข้าแล้ว เมื่อก่อนอยู่กับเจ้า ล้วนเปิดเผย ทำตามใจชอบ วันนี้ข้าพบว่าลักลอบเช่นนี้ มันก็ตื่นเต้นดีเหมือนกัน”เพราะไม่สามารถให้บุคคลที่สอง รู้การมีอยู่ของเขา ดังนั้นทั้งสองจึงทำได้เพียงแอบพบกลางตอนกลางคืน เวลาพูดก็เสียงดังไม่ได้ ลับๆ ล่อๆ เหมือนขโมยที่จริงพฤติกรรมที่แอบเล่นจ้ำจี้โดยปิดบังทุกคน กลับอยู่ต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ มันตื่นเต้นมากจริงๆเขาเลิกคิ้ว “หรือไม่…มาสักยก?”ฉู่เชียนหลี “...”พูดหนึ่งไม่เป็นสอง เขาจะลงมือทันทีฉู่เชียนหลีหน้าบึ้ง ใช้สองมือยันหน้าอก และเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง“เจ้าอยากเปิดเผยตัวตน?”ข้างนอก มีเยว่เอ๋อร์เฝ้ายามอยู่ นอกเรือนหานเฟิง ก็มีทหารยามที่ลาดตระเวนเดินผ่านเป็นระยะ ถ้าหากได้ยินความเคลื่อนไหวในห้อง คิดว่านางแอบคบชู้…แค่ก!“เจ้าก็อย่าร้องออกเสียงสิ”“ข้า…?”ฮึ่ม?!เขาพูดคำพูดเช่นนี้ออกจากปากได้อย่างไร?พลันเอื้อมมือเล็กออกไป กระชากเนื้อน
วันรุ่งขึ้นจวนอ๋องหลี“ดอกไม้แห่งความตาย?”เฟิงเจิ้งหลีนั่งอยู่ที่หลังโต๊ะ ฟังข่าวที่อูหนูนำกลับมา เลิกคิ้วด้วยความสงสัยยาสรรพคุณเย็นมากมายที่ฉู่เชียนหลีซื้อเมื่อวาน ที่แท้นำมาใช้ศึกษาดอกไม้แห่งความตายอูหนูเชี่ยวชาญด้านยาสมุนไพรที่สุด นางพูดความลับที่น่าตกใจออกมาหนึ่งอย่าง“ดอกไม้แห่งความตายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหมู่สมุนไพร ได้ยินมาว่ามีอายุพันปี แม้แต่ข้าก็ไม่เคยเห็น แค่เคยอ่านเจอในหนังสือโบราณของปู่ทวดของข้า”“ส่วนสรรพคุณของมันคือ…เป็นอมตะ”ม่านตาเฟิงเจิ้งหลีหด ลุกขึ้นยืนฉับพลันอมตะ?!“ความหมายของเจ้าคือ…”ฮ่องเต้แอบสั่งให้อ๋องเฉินไปเก็บดอกไม้ต้นนี้มา เพราะต้องการศึกษาและใช้มันเขาอยากเป็นอมตะ!เขาอยากเป็นฮ่องเต้ตลอดไป ไม่อยากส่งมอบราชบัลลังก์ให้ใครทั้งนั้น!อูหนูกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ดอกไม้แห่งความตายเป็นหยางบริสุทธิ์ มันสามารถชำระล้างเลือดในร่างกายมนุษย์ ฟื้นฟูอวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหาย ขจัดสิ่งที่เป็นอันตรายทั้งหมดในร่างกาย ต่อให้เป็นร่างกายที่มีอายุหกสิบปี หลังจากใช้มัน ก็สามารถเหมือนได้ลอกคราบเปลี่ยนกระดูก แข็งแรงเหมือนทารกแรกเกิด”หรือก็คือหลังจากก
“พระชายาอ๋องเฉิน…”“เสียวฉู่?!”สีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนฉับพลัน มีความตื่นตระหนกที่เหมือนกันแลบผ่านแววตาฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม เอียงศีรษะเล็กน้อย มองทั้งสองอย่างอยากรู้อยากเห็น “อ๋องหลีใกล้ชิดกับหัวหน้าตระกูลกู้เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”นางถามอย่างจะยิ้มไม่ยิ้มเหมือนมานานแล้ว แต่ก็เหมือนเพิ่งมาเหมือนได้ยินพวกเขาคุยกัน แต่ก็เหมือนไม่ได้ยินท่าทางที่ยากจะคาดเดาอารมณ์ สะท้อนเข้าไปในแววตาเฟิงเจิ้งหลี ทำให้จิตใจของเขาหนักขึ้นหลายส่วนอย่างคลุมเครือ แม้แต่สายตาก็ขรึมลงมากนางยืนอยู่ตรงหน้า ใกล้มากแต่ก็เหมือนมีแม่น้ำสายหนึ่ง คั่นกลางระหว่างเขากับนางครั้งนี้ แม่น้ำสายนี้ ไม่มีวันข้ามไปได้แล้ว…ท่านรองกู้มองไปทางฉู่เชียนหลีโดยไม่ได้พูดอะไรเฟิงเจิ้งหลีสบตาของนางที่ตั้งคำถามด้วยรอยยิ้ม ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงอย่างคลุมเครือทีหนึ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะเอ่ยปาก“เสียวฉู่ เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”ฉู่เชียนหลียิ้ม “เดิมทีข้าเดินเล่นในเมืองหลวง เห็นรถม้าของจวนอ๋องหลีออกนอกเมือง คิดว่าท่านมีเรื่องเร่งด่วนอะไร ก็เลยตามมาดู”นางมองอ๋องหลี แล้วมองท่านรองกู้ที่อยู่ข้างๆ ถามอีกคร
“อ๋องหลี นางมาคนเดียว!” ท่านรองกู้กวาดมองโดยรอบอย่างหวาดระแวงที่นี่นอกจากพวกเขาสามคน ไม่มีบุคคลที่สี่ พวกเขาสองคนร่วมมือกัน จัดการฉู่เชียนหลีที่ตั้งครรภ์ได้ไม่ยาก“ฆ่านางเถอะ!”“พอแล้ว!”เฟิงเจิ้งหลีพลิกมือผลักไปข้างหลังอย่างหมดความอดทน ท่านรองกู้ลอยกระเด็นออกไปเจ็ดแปดเมตรโดยตรงท่านรองกู้ “?”“ฉู่เชียนหลี ใช่ ข้ายอมรับ ข้าเป็นคนขโมยภาพกลยุทธ์ ข้าร่วมมือกับตระกูลกู้ อยากฆ่าเฟิงเย่เสวียนให้ตาย แต่นี่เป็นสิ่งที่เฟิงเย่เสวียนติดค้างข้า!”เขาเปิดเผยและยอมรับโดยตรง ไม่คิดจะปิดบังอีกแล้ว “เขาบีบให้แม่ฆ่าตาย เขาติดค้างชีวิตแม่ข้า มีเพียงใช้ชีวิตของเขา จึงจะสามารถชดใช้!”“ท่านบ้าไปแล้ว!”ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา“คืนนั้น เฟิงเย่เสวียนอยู่กับข้าตลอด เขาไม่เคยเจอฮูหยินเว่ยเลย ฮูหยินเว่ยตายเพราะภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เกี่ยวอะไรกับเฟิงเย่เสวียน!”“เป็นฝีมือของเขา!”เฟิงเจิ้งหลีเดินเข้าไปใกล้นาง พลันคว้าข้อมือของนางด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน“เขาเป็นคนบีบให้แม่ฆ่าตาย!”“เขาเป็นคนย้ายข้าไปสุสานหลวง ต้องการฆ่าข้าให้ตาย!”“เขาอยากให้ข้าตาย ข้าก็แค่ปกป้องตัวเอง และแค่ทำการโ
ฉู่เชียนหลีตะลึงงันแล้วคำพูดเช่นนี้เขาก็สามารถพูดออกมาจากปาก…พวกเขาต่างก็เป็นคนมีครอบครัวและใกล้จะมีลูกแล้ว เขากลับพูดคำพูดเช่นนี้กับนาง เขาไม่รู้สึกผิดต่อมโนธรรมของตัวเอง? และรวมถึงเด็กที่อยู่ในท้องของฉู่เจียวเจียวหรือ?“บ้าไปแล้ว…เฟิงเจิ้งหลี ท่านบ้าไปแล้ว!”นางยิ่งออกแรงดิ้นรนแล้วอ้าปาก ก็กัดไปที่ข้อมือของเขา!เฟิงเจิ้งหลีเจ็บพลันจับไหล่ทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี หมุนนางกลับมา จ้องดวงตาทั้งคู่ของนาง กล่าวเสียงสั่น“ตอนนี้ข้ากำลังพูดอะไร ในใจข้ารู้ดี นี่เป็นความในใจของข้า ข้าชอบเจ้า ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเจ้า ก็ชอบเจ้าแล้ว”“ปีที่แล้ว ข้าเก็บความรู้สึกไว้ในใจมาโดยตลอด แอบเฝ้าดูเจ้าเงียบๆ ไม่อยากรบกวนชีวิตประจำวันของเจ้า แต่หลังจากเฟิงเย่เสวียนบีบคั้นแม่ข้าตาย ข้าก็รู้แล้วว่าข้าคิดผิด!”“ผู้ชายที่จิตใจอำมหิตคนนั้น สามารถบีบคั้นแม้แต่ผู้หญิงคนหนึ่งจนตาย คนที่ต่ำช้าเช่นนี้!”“เขาไม่สามารถมอบความสุขที่แท้จริงให้เจ้า เจ้าอยู่กับเขา ไม่มีทางอยู่จนแก่เฒ่า!”เขาจับนางแน่น เขย่านางอย่างแรงยิ่งเขย่าแรงเพียงใด เสียงก็ยิ่งสั่นเท่านั้นอำมหิตไร้ยางอายต่ำช้ำจึงจะเป็นโฉมหน้าท
ความอดทนของเขามีขีดจำกัดต่อให้เขานิสัยดีแค่ไหน อ่อนโยนแค่ไหน ก็มีช่วงที่ฉุนเฉียวจนเสียการควบคุม“ทำไม?” ฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างถากถาง “ข้าไม่ทำตามที่ท่านพูด ท่านก็จะทำร้ายข้าเหมือนที่ทำร้ายเฟิงเย่เสวียนหรือ?”เฟิงเจิ้งหลีเพิ่งโกรธ ก็เหมือนหวนคืนสติฉับพลัน มีสติทันทีไม่เหมือน!เขากับเฟิงเย่เสวียนมีความแค้น จึงต้องการชีวิตของเฟิงเย่เสวียนแต่ฉู่เชียนหลีเป็นคนที่เขารัก“ต่อให้ข้าทำร้ายคนทั้งโลก ก็จะไม่ทำร้ายเจ้าเด็ดขาด!”เขาเดินออกมา จับข้อมือข้างหนึ่งของนาง “อย่ากลับเมืองหลวงเลย ข้าหาสถานที่เงียบๆ ให้เจ้า อยู่ที่นั่นก่อนสองสามเดือน คลอดลูกออกมาก่อน ดีหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างตะลึงงัน“นี่ท่านจะกักบริเวณข้า?”ขังนางไว้ ควบคุมอิสระของนาง“ข้าทำเพราะหวังดีต่อเจ้า”เฟิงเจิ้งหลีกล่าว “อีกไม่นาน ทางเป่ยเจียงก็จะรายงานสงครามการตายของอ๋องเฉิน ข้าจะซ่อนเจ้าไว้ สร้างเรื่องว่าเจ้าเสียใจมากเกินไป จึงฆ่าตัวตายเพื่ออ๋องเฉิน”ให้ฉู่เชียนหลีแกล้งตาย“รอเจ้าคลอดลูกแล้ว ข้าจะมอบตัวตนใหม่ให้ และเปลี่ยนใบหน้าใหม่ให้เจ้า รับพวกเจ้าสองแม่ลูกกลับเมืองหลวง พวกเราอยู่ด้วยกันตลอดไป”ตอนที่
เฟิงเจิ้งหลียืนตัวแข็งที่อยู่กับที่ทันที จ้องมองอ๋องเฉินที่กำลังสาวเท้าออกมาอย่างช้า ๆ ด้วยความตกตะลึงมีเรื่องอะไรที่เหนือการควบคุมของเขาตอนแรก เขายังไม่เข้าใจทันทีที่ฉู่เชียนหลีเก็บสีหน้า ‘ตื่นตกใจ’ เมื่อครู่นี้กลับไป แบกท้องโย้ เดินไปที่ข้างกายของเฟิงเย่เสวียน ทั้งสองคนยืนเคียงข้างกัน“พวกเจ้า...”เฟิงเจิ้งหลีจ้องมองทั้งสองคนด้วยความงงงัน ราวกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วที่แท้ ฉู่เชียนหลีรู้เรื่องที่เฟิงเย่เสวียนไม่ได้ออกจากเมืองหลวงตั้งแต่แรกแล้ว จึงร่วมมือกับเฟิงเจิ้งหลี ขุดหลุมพราง แล้วให้เขากระโดดลงไปรู้ตัวอีกทีถึงได้เข้าใจเรื่องนี้“ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้า...”“ลูกอกตัญญู!”เพี้ยะ——เสียงตบหน้าดังก้อง สะบัดเข้าไปที่ใบหน้าของเฟิงเจิ้งหลี เขาโดนตบจนสมองมึนงงไปสองวินาที มีเลือดไหลออกมาจากบริเวณมุมปากทันทีไม่คิดเลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือ...ฝ่าบาทแม้แต่ฝ่าบาทก็ทรงเสด็จมาด้วยเช่นกันเป็นเวลาสิบกว่าวินาทีที่เฟิงเจิ้งหลียืนกุมแก้มที่เจ็บจนชาเอาไว้ ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตัวตรง หันหน้าไปมองฝ่าบาทที่ทรงกริ้ว อ๋องเฉินหยอกล้อ ฉู่เชียนหลีที่มีสีหน้าไร้อารมณ์เรื่องดำเนินมาถึงตร
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท