วันรุ่งขึ้นจวนอ๋องหลี“ดอกไม้แห่งความตาย?”เฟิงเจิ้งหลีนั่งอยู่ที่หลังโต๊ะ ฟังข่าวที่อูหนูนำกลับมา เลิกคิ้วด้วยความสงสัยยาสรรพคุณเย็นมากมายที่ฉู่เชียนหลีซื้อเมื่อวาน ที่แท้นำมาใช้ศึกษาดอกไม้แห่งความตายอูหนูเชี่ยวชาญด้านยาสมุนไพรที่สุด นางพูดความลับที่น่าตกใจออกมาหนึ่งอย่าง“ดอกไม้แห่งความตายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหมู่สมุนไพร ได้ยินมาว่ามีอายุพันปี แม้แต่ข้าก็ไม่เคยเห็น แค่เคยอ่านเจอในหนังสือโบราณของปู่ทวดของข้า”“ส่วนสรรพคุณของมันคือ…เป็นอมตะ”ม่านตาเฟิงเจิ้งหลีหด ลุกขึ้นยืนฉับพลันอมตะ?!“ความหมายของเจ้าคือ…”ฮ่องเต้แอบสั่งให้อ๋องเฉินไปเก็บดอกไม้ต้นนี้มา เพราะต้องการศึกษาและใช้มันเขาอยากเป็นอมตะ!เขาอยากเป็นฮ่องเต้ตลอดไป ไม่อยากส่งมอบราชบัลลังก์ให้ใครทั้งนั้น!อูหนูกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ดอกไม้แห่งความตายเป็นหยางบริสุทธิ์ มันสามารถชำระล้างเลือดในร่างกายมนุษย์ ฟื้นฟูอวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหาย ขจัดสิ่งที่เป็นอันตรายทั้งหมดในร่างกาย ต่อให้เป็นร่างกายที่มีอายุหกสิบปี หลังจากใช้มัน ก็สามารถเหมือนได้ลอกคราบเปลี่ยนกระดูก แข็งแรงเหมือนทารกแรกเกิด”หรือก็คือหลังจากก
“พระชายาอ๋องเฉิน…”“เสียวฉู่?!”สีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนฉับพลัน มีความตื่นตระหนกที่เหมือนกันแลบผ่านแววตาฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม เอียงศีรษะเล็กน้อย มองทั้งสองอย่างอยากรู้อยากเห็น “อ๋องหลีใกล้ชิดกับหัวหน้าตระกูลกู้เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”นางถามอย่างจะยิ้มไม่ยิ้มเหมือนมานานแล้ว แต่ก็เหมือนเพิ่งมาเหมือนได้ยินพวกเขาคุยกัน แต่ก็เหมือนไม่ได้ยินท่าทางที่ยากจะคาดเดาอารมณ์ สะท้อนเข้าไปในแววตาเฟิงเจิ้งหลี ทำให้จิตใจของเขาหนักขึ้นหลายส่วนอย่างคลุมเครือ แม้แต่สายตาก็ขรึมลงมากนางยืนอยู่ตรงหน้า ใกล้มากแต่ก็เหมือนมีแม่น้ำสายหนึ่ง คั่นกลางระหว่างเขากับนางครั้งนี้ แม่น้ำสายนี้ ไม่มีวันข้ามไปได้แล้ว…ท่านรองกู้มองไปทางฉู่เชียนหลีโดยไม่ได้พูดอะไรเฟิงเจิ้งหลีสบตาของนางที่ตั้งคำถามด้วยรอยยิ้ม ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงอย่างคลุมเครือทีหนึ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะเอ่ยปาก“เสียวฉู่ เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”ฉู่เชียนหลียิ้ม “เดิมทีข้าเดินเล่นในเมืองหลวง เห็นรถม้าของจวนอ๋องหลีออกนอกเมือง คิดว่าท่านมีเรื่องเร่งด่วนอะไร ก็เลยตามมาดู”นางมองอ๋องหลี แล้วมองท่านรองกู้ที่อยู่ข้างๆ ถามอีกคร
“อ๋องหลี นางมาคนเดียว!” ท่านรองกู้กวาดมองโดยรอบอย่างหวาดระแวงที่นี่นอกจากพวกเขาสามคน ไม่มีบุคคลที่สี่ พวกเขาสองคนร่วมมือกัน จัดการฉู่เชียนหลีที่ตั้งครรภ์ได้ไม่ยาก“ฆ่านางเถอะ!”“พอแล้ว!”เฟิงเจิ้งหลีพลิกมือผลักไปข้างหลังอย่างหมดความอดทน ท่านรองกู้ลอยกระเด็นออกไปเจ็ดแปดเมตรโดยตรงท่านรองกู้ “?”“ฉู่เชียนหลี ใช่ ข้ายอมรับ ข้าเป็นคนขโมยภาพกลยุทธ์ ข้าร่วมมือกับตระกูลกู้ อยากฆ่าเฟิงเย่เสวียนให้ตาย แต่นี่เป็นสิ่งที่เฟิงเย่เสวียนติดค้างข้า!”เขาเปิดเผยและยอมรับโดยตรง ไม่คิดจะปิดบังอีกแล้ว “เขาบีบให้แม่ฆ่าตาย เขาติดค้างชีวิตแม่ข้า มีเพียงใช้ชีวิตของเขา จึงจะสามารถชดใช้!”“ท่านบ้าไปแล้ว!”ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา“คืนนั้น เฟิงเย่เสวียนอยู่กับข้าตลอด เขาไม่เคยเจอฮูหยินเว่ยเลย ฮูหยินเว่ยตายเพราะภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เกี่ยวอะไรกับเฟิงเย่เสวียน!”“เป็นฝีมือของเขา!”เฟิงเจิ้งหลีเดินเข้าไปใกล้นาง พลันคว้าข้อมือของนางด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน“เขาเป็นคนบีบให้แม่ฆ่าตาย!”“เขาเป็นคนย้ายข้าไปสุสานหลวง ต้องการฆ่าข้าให้ตาย!”“เขาอยากให้ข้าตาย ข้าก็แค่ปกป้องตัวเอง และแค่ทำการโ
ฉู่เชียนหลีตะลึงงันแล้วคำพูดเช่นนี้เขาก็สามารถพูดออกมาจากปาก…พวกเขาต่างก็เป็นคนมีครอบครัวและใกล้จะมีลูกแล้ว เขากลับพูดคำพูดเช่นนี้กับนาง เขาไม่รู้สึกผิดต่อมโนธรรมของตัวเอง? และรวมถึงเด็กที่อยู่ในท้องของฉู่เจียวเจียวหรือ?“บ้าไปแล้ว…เฟิงเจิ้งหลี ท่านบ้าไปแล้ว!”นางยิ่งออกแรงดิ้นรนแล้วอ้าปาก ก็กัดไปที่ข้อมือของเขา!เฟิงเจิ้งหลีเจ็บพลันจับไหล่ทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี หมุนนางกลับมา จ้องดวงตาทั้งคู่ของนาง กล่าวเสียงสั่น“ตอนนี้ข้ากำลังพูดอะไร ในใจข้ารู้ดี นี่เป็นความในใจของข้า ข้าชอบเจ้า ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเจ้า ก็ชอบเจ้าแล้ว”“ปีที่แล้ว ข้าเก็บความรู้สึกไว้ในใจมาโดยตลอด แอบเฝ้าดูเจ้าเงียบๆ ไม่อยากรบกวนชีวิตประจำวันของเจ้า แต่หลังจากเฟิงเย่เสวียนบีบคั้นแม่ข้าตาย ข้าก็รู้แล้วว่าข้าคิดผิด!”“ผู้ชายที่จิตใจอำมหิตคนนั้น สามารถบีบคั้นแม้แต่ผู้หญิงคนหนึ่งจนตาย คนที่ต่ำช้าเช่นนี้!”“เขาไม่สามารถมอบความสุขที่แท้จริงให้เจ้า เจ้าอยู่กับเขา ไม่มีทางอยู่จนแก่เฒ่า!”เขาจับนางแน่น เขย่านางอย่างแรงยิ่งเขย่าแรงเพียงใด เสียงก็ยิ่งสั่นเท่านั้นอำมหิตไร้ยางอายต่ำช้ำจึงจะเป็นโฉมหน้าท
ความอดทนของเขามีขีดจำกัดต่อให้เขานิสัยดีแค่ไหน อ่อนโยนแค่ไหน ก็มีช่วงที่ฉุนเฉียวจนเสียการควบคุม“ทำไม?” ฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างถากถาง “ข้าไม่ทำตามที่ท่านพูด ท่านก็จะทำร้ายข้าเหมือนที่ทำร้ายเฟิงเย่เสวียนหรือ?”เฟิงเจิ้งหลีเพิ่งโกรธ ก็เหมือนหวนคืนสติฉับพลัน มีสติทันทีไม่เหมือน!เขากับเฟิงเย่เสวียนมีความแค้น จึงต้องการชีวิตของเฟิงเย่เสวียนแต่ฉู่เชียนหลีเป็นคนที่เขารัก“ต่อให้ข้าทำร้ายคนทั้งโลก ก็จะไม่ทำร้ายเจ้าเด็ดขาด!”เขาเดินออกมา จับข้อมือข้างหนึ่งของนาง “อย่ากลับเมืองหลวงเลย ข้าหาสถานที่เงียบๆ ให้เจ้า อยู่ที่นั่นก่อนสองสามเดือน คลอดลูกออกมาก่อน ดีหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างตะลึงงัน“นี่ท่านจะกักบริเวณข้า?”ขังนางไว้ ควบคุมอิสระของนาง“ข้าทำเพราะหวังดีต่อเจ้า”เฟิงเจิ้งหลีกล่าว “อีกไม่นาน ทางเป่ยเจียงก็จะรายงานสงครามการตายของอ๋องเฉิน ข้าจะซ่อนเจ้าไว้ สร้างเรื่องว่าเจ้าเสียใจมากเกินไป จึงฆ่าตัวตายเพื่ออ๋องเฉิน”ให้ฉู่เชียนหลีแกล้งตาย“รอเจ้าคลอดลูกแล้ว ข้าจะมอบตัวตนใหม่ให้ และเปลี่ยนใบหน้าใหม่ให้เจ้า รับพวกเจ้าสองแม่ลูกกลับเมืองหลวง พวกเราอยู่ด้วยกันตลอดไป”ตอนที่
เฟิงเจิ้งหลียืนตัวแข็งที่อยู่กับที่ทันที จ้องมองอ๋องเฉินที่กำลังสาวเท้าออกมาอย่างช้า ๆ ด้วยความตกตะลึงมีเรื่องอะไรที่เหนือการควบคุมของเขาตอนแรก เขายังไม่เข้าใจทันทีที่ฉู่เชียนหลีเก็บสีหน้า ‘ตื่นตกใจ’ เมื่อครู่นี้กลับไป แบกท้องโย้ เดินไปที่ข้างกายของเฟิงเย่เสวียน ทั้งสองคนยืนเคียงข้างกัน“พวกเจ้า...”เฟิงเจิ้งหลีจ้องมองทั้งสองคนด้วยความงงงัน ราวกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วที่แท้ ฉู่เชียนหลีรู้เรื่องที่เฟิงเย่เสวียนไม่ได้ออกจากเมืองหลวงตั้งแต่แรกแล้ว จึงร่วมมือกับเฟิงเจิ้งหลี ขุดหลุมพราง แล้วให้เขากระโดดลงไปรู้ตัวอีกทีถึงได้เข้าใจเรื่องนี้“ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้า...”“ลูกอกตัญญู!”เพี้ยะ——เสียงตบหน้าดังก้อง สะบัดเข้าไปที่ใบหน้าของเฟิงเจิ้งหลี เขาโดนตบจนสมองมึนงงไปสองวินาที มีเลือดไหลออกมาจากบริเวณมุมปากทันทีไม่คิดเลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือ...ฝ่าบาทแม้แต่ฝ่าบาทก็ทรงเสด็จมาด้วยเช่นกันเป็นเวลาสิบกว่าวินาทีที่เฟิงเจิ้งหลียืนกุมแก้มที่เจ็บจนชาเอาไว้ ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตัวตรง หันหน้าไปมองฝ่าบาทที่ทรงกริ้ว อ๋องเฉินหยอกล้อ ฉู่เชียนหลีที่มีสีหน้าไร้อารมณ์เรื่องดำเนินมาถึงตร
“เป็นเพราะว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของหม่อมฉันเป็นนางกำนัล หม่อมฉันถึงได้ถูกเยาะเย้ย”“แต่ว่าตอนนั้น เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าพระองค์เสวยน้ำจันทร์จนเมามาย บังคับมารดาของหม่อมฉันถวายตัว แต่พระองค์กลับสลัดความรับผิดชอบทั้งหมดทิ้ง กลายเป็นความผิดของมารดาหม่อมฉันทั้งหมด!”“ทรงเห็นแก่ตัว ชั่วช้า พระองค์ไม่คู่ควรที่จะเป็นบิดา!”เฟิงเจิ้งหลีกล่าวตำหนิเขาอย่างโกรธแค้นคำพูดเหล่านี้ ได้เก็บซ่อนอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเขามายี่สิบกว่าปีน้ำเสียงที่โมโหดังก้องอยู่ในอากาศ เหมือนกับค้อนหนัก ที่ตอกลงไปในหัวใจของฝ่าบาทอย่างรุนแรง ทำให้การให้ใจของฮ่องเต้หนักหน่วงและหอบถี่เขายอมรับ ตอนนั้น เป็นเขาที่เมาสุราขืนใจนางโปรดปรานคนนั้น เฟิงเจิ้งหลีถึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาเขายอมรับ ว่าเป็นความผิดของเขาคำโบราณพูดเอาไว้ได้ดี คนเราหาใช่เทพเทวดา จะไม่เคยทำผิดพลาดได้อย่างไร?ใครบ้างไม่เคยทำผิด?แต่ ลูกชายคนหนึ่ง กำลังชี้หน้า ด่าข้าอย่างหยาบคาย นี่คือสิ่งที่เขาสั่งสอน?เขาเป็นฮ่องเต้ผู้สง่าผ่าเผย เป็นผู้ชายที่สูงศักดิ์ที่สุดแห่งแคว้นตงหลิง เคยได้รับความอัปยศอดสูแบบนี้เช่นนี้เมื่อใดกัน?ฝ่าบาทใบหน้าบึ้งตึง สีหน้าดูแย่จ
เป็นอมตะ...สายตาของฝ่าบาทจริงจังขึ้นมาทันที แสงในดวงตาล้ำลึกและซับซ้อนเรื่องนี้ เขาไม่เคยเอ่ยกับใครมาก่อน แม้จะเป็นการเก็บดอกไม้แห่งความตาย ก็ใช้ชื่อของฮองเฮา ประกาศกับภายนอกว่าฮองเฮาสุขภาพไม่แข็งแรง เฟิงเจิ้งหลีรู้ได้อย่างไรเฟิงเจิ้งหลีเข้าใกล้หู กระซิบ พูดอะไรบางอย่างอีกสองสามประโยคห่างออกไปไม่ไกลนักฉู่เชียนหลียืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน แม้แต่คำเดียวจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์นั้นของอ๋องหลี ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางถึงมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง...ผ่านไปครู่หนึ่งเฟิงเจิ้งหลียืนตัวตรง จ้องมองฝ่าบาทด้วยใบหน้าอมยิ้ม จากนั้นก็ถอยออกไปสองก้าว เป็นฝ่ายพูดออกมาเอง“พาข้าไปที่จวนเฟิงเหรินเถอะ”องครักษ์สองคนก้าวมาข้างหน้า คุมตัวเขาออกไปก่อนหน้าออกไป เขามองฉู่เชียนหลีด้วยสายตาล้ำลึกแวบหนึ่งฝ่าบาทเม้มปากแน่น ยืนอยู่ที่เดิม มองสีหน้าบนใบหน้าไม่ออก สายตาที่อึมครึม ทำให้คนคาดเดาสิ่งที่กำลังคิดอยู่ไม่ออก“เสด็จพ่อ?”ฉู่เชียนหลีเรียกเป็นการลองหยั่งเชิงฝ่าบาทถึงได้สติกลับคืนมา“อ้อ ภรรยาเจ้าเจ็ด...เรื่องราวที่นี่จบลงแล้ว กลับไปเ