นางยอมจำนนแล้วคำพูดเหล่านั้น เกือบจะเป็นกำลังการวิงวอน และพูดออกมาอย่างระมัดระวังนางรู้ว่า อธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงถูกบีบให้พูดคำพูดที่เขาอยากได้ยิน แล้วค่อยแอบสืบความจริงเงียบ ๆนางเชื่อมั่นว่า ไม่มีความลับบนโลกใบนี้นางเชื่อว่า จะช้าหรือเร็ว ความจริงก็จะปรากฏออกมา“จิ่งอี้ ท่านช่วยปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ ให้เวลาข้าหน่อย หนึ่งเดือน หรือครึ่งเดือนก็ยังดี...”นางกำลังวิงวอนเขาด้วยความต่ำต้อย เบ้าตาแดงช้ำกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ สายตาที่หันไปมองทางชายหนุ่มเต็มไปด้วยความหวาดระแวงจิ่งอี้จ้องมองท่าทางของนาง ขมวดคิ้วท่าทีแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะกับนางเท่าไหร่จึงจับคางของนางขึ้นมา “อุปนิสัยเย่อหยิ่งจองหองมาตลอด อ้อนวอนขอร้องเป็นด้วย?”“ข้า...”“ถ้าหากกล้าร้องไห้แม้แต่อีกหยดเดียว ข้าจะสั่งสอนเจ้า ‘เชื่อฟัง’ สองคำนี้เขียนอย่างไร”อวิ๋นอิงร่างกายสั่นสะท้านเบา ๆ เสียงสะอื้นที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในลำคอนางกำมือแน่นทันที จากนั้นก็กลืนลงไป กัดริมฝีปากล่างแน่น ไม่กล้าส่งเสียงอีกแม้แต่นิดเดียวแต่ เบ้าตายังคงแดงก่ำ...จิ่งอี้รู้สึกขัดหูขัดตาอย่างบอกไม่ถูก สะบัดนางออกด้วยความโมโห พลิกตั
“เจ็บหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีแตะที่มุมปากของอวิ๋นอิงอย่างทะนุถนอม ขยับปลายนิ้วอย่างเบามือมาก เกรงว่าจะทำให้นางเจ็บอวิ๋นอิงเบ้าตาแดงก่ำนอกจากท่านพ่อท่านแม่แล้ว ก็มีแค่พระชายาที่เป็นห่วงนางจริง ๆ...รู้สึกปวดปลายจมูก เกือบจะกลั้นน้ำตาเอาไม่ไม่อยู่ กอดบ่าทั้งสองข้างของตนเอาไว้แน่น พยายามส่ายหน้า“ไม่เจ็บ ไม่เจ็บเลยสักนิด”พระชายาดีกับนางขนาดนี้ แต่จางเฟยกลับตายเพราะนาง ในใจของนางยิ่งรู้สึกผิด“เยว่เอ๋อร์ เจ้าพาอวิ๋นอิงกลับไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับจิ่งอี้” ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นเยว่เอ๋อร์กะพริบตาปริบ ๆ“พระชายา ท่านจะคุยอะไรกับคุณชายจิ่งหรือ? ข้าติดตามท่านดีกว่า ตอนนี้ท้องท่านโตแล้ว ข้าไม่วางใจที่ท่านอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง”ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ นางอยากจะอยู่ต่อ ก็เพื่ออยากเห็นคุณชายจิ่งให้มากกว่านี้อีกหน่อยจิ่งอี้ขมวดคิ้ว“เจ้านายพูด บ่าวยังมีสิทธิ์พูดแทรกอีกหรือ?”กล่าวอย่างเย็นชา “คุณหนู เหมือนว่าสาวใช้คนนี้จะถูกท่านโอ๋จนเคยตัวแล้ว”ฉู่เชียนหลีชะงักไปเล็กน้อยจิ่งอี้ไม่พูด นางก็ไม่สังเกตเห็นถึงจุดนี้เนื่องจากนิสัยของนางค่อนข้างเข้าหาง่าย การปฏิบัติตัวต่อบรรดาคนใช้ปกติ ก็
ทำร้ายคนของนาง ก็เท่ากับว่ากำลังตบหน้านางถ้าหากทุกคนสามารถแตะต้องคนของนางได้ตามอำเภอใจ ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินของนางก็คงเป็นอย่างสูญเปล่า?ท่านรองกู้ทรุดลงไปกองกับพื้น ถูกทำร้ายจนศีรษะจนมึนงงไปแล้ว สูญเสียเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ มุมปากมีเลือดไหลออกมา ย้อมจนสาบเสื้อเป็นสีแดงฉาน มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่เบิกตาโตกว้างอย่างโมโห จ้องมองฉู่เชียนหลีเขม็งแต่ปาก ยังบ่นพึมพำอู้อี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่“ท่านจะต้องเสียใจ...”“ฉู่เชียนหลี...ท่านจะต้องเสียใจ...ตระกูลกู้ของข้า...มีอำนาจมากกว่าที่ท่านจินตนาการไว้...”“ข้าจะคอยดู!”ฉู่เชียนหลีโยนเขาออกไปอย่างเย็นชา จากนั้นรับผ้าเช็ดมือจากจิ่งอี้ เช็ดคราบเลือดที่เปื้อนบนมือนำผ้าเช็ดมือที่เปื้อนแล้วโยนใส่ตัวเขา“ใช่แล้ว เงินค่าปรับห้าแสนตำลึง จดเอาไว้ด้วยว่าต้องชำระ ต่อไปเจอกันคนหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจวนอ๋องเฉิน ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยง”“ข้าคนนี้ เจ้าคิดเจ้าแค้นที่สุด”พูดจบ ก็หันหลังเดินจากไปกลุ่มคนมาอย่างรีบร้อน แล้วก็ไปอย่างรีบร้อน เหลือเพียงท่านรองกู้ที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บปางตาย ล้มตัวลงบนพื้นราวกับเป็นอัมพาต กระดูกทั่วทั้งตัวราวกับถูกบดจนแตกละเอี
กองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีในอดีต วันนี้ทุกคนเต็มไปด้วยความโมโห ระเบิดอารมณ์ ราวกับถูกจุดชนวนระเบิด ก่อความวุ่นวายจนไม่สามารถจัดการได้ทั้งทะเลาะกัน ยังมีคนไม่น้อยที่ลงมือ ต่อยตีกันขึ้นมาทันทีที่ต่อยตีกันขึ้น ก็ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่อยู่ ทั้งค่ายทหารเต็มไปด้วยความวุ่นวาย...ห่างออกไปไกลหายเมตร ในที่ลับที่บรรดาพลทหารมองไม่เห็น ผู้ชายร่างใหญ่สองคนนั่งอ้าขา ก้นนั่งลงไปบนพื้น กำลังนั่งอย่างสบายใจ สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของทางด้านค่ายทหาร ก็หัวเราะออกมาเสียงดังขวัญกำลังใจของทหารองครักษ์เงาผู้สง่าผ่าเผย ก็มีแค่นี้ขวัญกำลังใจของทหารไม่เข้มแข็งไม่มีความน่าเกรงขามเลยแม้แต่น้อยในรอยยิ้มของอ๋องเจวี๋ยแฝงไปด้วยความชั่วร้าย “ยาหลอนจิตนี่ ใช้ได้ผลดีจริง ๆ!”ยาหลอนจิต ความหมายสมชื่อ คนที่ใช้ จะได้รับอิทธิพลจากมัน ทำให้สติสัมปชัญญะเกิดความสับสน ทำให้กลายเป็นคนหุนหันพลันแล่น ถึงขนาดฉุนเฉียว เอาแต่ใจตัวเองเขานำยาหลอนจิตสาดลงไปในน้ำ น้ำพวกนี้เอามาหุงข้าว ทำกับข้าว เมื่อเข้าสู่ในร่างกายของบรรดาพลทหารทหารองครักษ์เงาทั้งหมด ก็จะก่อความวุ่นวายเหมือนกับตลาดไม่มีผิด เสียงดังโวยวายไม
อีกด้านหนึ่งอ๋องเฟิงฉวยโอกาสระหว่างที่ออกมาชั่วคราว เรียกองครักษ์ลับ รีบร่างจดหมายลับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับขวดกระเบื้องเล็กนี้“นำไปมอบให้กับมือของฝ่าบาท”“ขอรับ!”องครักษ์ลับรับด้วยสองมือ จากไปอย่างรวดเร็วอ๋องเฟิงหมอบอยู่ที่กิ่งไม้ จ้องมองแผ่นหลังขององครักษ์ลับที่ค่อย ๆไกลออกไป หัวใจค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้นเมื่อก่อน ใจจดใจจ่ออยากได้ตำแหน่งรัชทายาท ทำได้ทุกเรื่อง โดยไม่เลือกวิธีการ แต่นับตั้งแต่ที่เชื่อฟังคำของเหยาเหยา หลังจากหันหน้าเข้าหาอ๋องเฉิน หัวใจของเขาก็กลับกลายเป็นสงบมากฉู่เชียนหลี เจ้ารักษาเหยาเหยาให้หายดี ในที่สุดก็ทำให้พวกเรามีลูกของตัวเองตลอดหลายปีมานี้ เขาทำเรื่องชั่วช้ามามากมาย แปดในสิบเป็นเพราะอ๋องเจวี๋ยแอบยุยงอ๋องเจวี๋ยเป็นคนที่เย่อหยิ่ง ถือตัวอวดดี เขากุมอำนาจทหาร นิสัยโหดร้าย ทำอะไรก็ได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายคนแบบนี้ จะต้องขัดขวางอ๋องเฉินอย่างแน่นอนเพียงแค่เขานำหลักฐานที่เป็นเจตนาชั่วร้ายของอ๋องเจวี๋ยส่งให้ถึงมือของฝ่าบาท เมื่อฝ่าบาททรงทราบ จะต้องลงโทษอ๋องเจวี๋ยอย่างหนักแน่นอนพระชายาอ๋องเฉิน ข้ากำลังจะไปยังที่ดินศักดินาแล้วการกำจัดภัยคุกคามอย่างอ๋องเจวี
ณ จวนอ๋องเฉิน แคว้นตงหลิง “สารเลว!” “โอ๊ย!”เสียงตวาดแผดขึ้น ร่างผอมบางร่างหนึ่งถูกถีบจนกระเด็นเข้าชนกับเสาที่ผนัง ก่อนกระแทกกับพื้นอย่างแรง ปิ่นเงินร่วงลง เส้นผมสีดำกระจายลงบนพื้นเจ็บ...เจ็บจัง...เธอเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัดใหญ่ที่นานถึงสามสิบแปดชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก พอออกมาจากห้องผ่าตัดก็หมดสติล้มลงกับพื้น แต่ทำไมตัวเธอถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ?จากนั้น ความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยกลุ่มหนึ่งก็เบียดเข้ามาในหัวสมองและฉายให้เห็นอย่างรวดเร็ว ฉู่เชียนหลี คุณหนูสี่ผู้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ใบหน้าอัปลักษณ์ไร้ซึ่งความงาม นางแต่งเข้าจวนเฉินอ๋องเมื่อสามเดือนก่อน ไม่เคยได้รับความชื่นและต้องอยู่ลำพังในห้องว่างเปล่าเรื่อยมาวันนี้อ๋องเฉินรับอนุภรรยา นางถูกเรียกให้มาปรนนิบัติอนุภรรยา แต่เพราะพลั้งเผลอปัดน้ำชาหกไปลวกถูกอีกฝ่าย จึงถูกอ๋องเฉินถีบจนตายในคราวเดียว!เป็นผู้ชายที่โหดจริงๆ!แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ทำใจอยู่อย่างสงบเสียฉู่เชียนหลีรับเรื่องราวต่างๆ เข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ฝืนทนความเจ็บปวด เงยหน้าขึ้นมาห้องหอที่ประดับตกแต่งด้วยสีแดงแห่งงานมงคล ชายหญิงในชุดแต่งงานคู่หนึ่งอย
เซียวจือฮว่าตกตะลึง “เฉิน…”มิใช่ว่าเขารังเกียจฉู่เชียนหลีเป็นที่สุด ซ้ำยังบอกว่าจะยกตำแหน่งชายาเอกให้นางหรอกหรือ? เห็นอยู่ว่าหนังสือหย่าเขียนจวนจะเสร็จอยู่แล้ว แต่จู่ๆ กลับไม่หย่ากับนาง?ฉู่เชียนหลีเองก็รู้สึกแปลกใจ หากเขาไม่หย่ากับนาง แล้วนางจะได้ท่องเที่ยวในยุคโบราณอย่างสบายอุราและเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขได้อย่างไร?“ท่านอ๋อง ข้ามีความผิดนี่!” นางโผเข้าไปกอดต้นขาของชายหนุ่ม เอ่ยประหนึ่งใจแทบขาด “สามเดือนก่อน ข้าวางยาท่าน บีบให้ท่านแต่งกับข้า ข้าผิดหลักคุณธรรม”“เมื่อครู่ ก็จงใจปัดน้ำชาร้อนไปลวกถูกน้องเซียวอีก จิตใจคับแคบนัก”“สตรีที่ใจแคบเช่นไส้ไก่ เจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นข้า ไม่มีหน้าจะรั้งตำแหน่งชายาอ๋องเฉินจริงๆ ขอท่านอ๋องให้ผู้ล้ำเลิศกว่ามาแทนที่เถิด!”ภายในใจ 'ผู้ชายบ้า รีบหย่าฉันเร็วๆ ฉันมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อยู่มานานกว่านายตั้งหลายพันปี ไอ้เด็กรุ่นกระเตาะที่ขนยังขึ้นไม่หมดอย่างนาย มีสิทธิ์อะไรจะแต่งกับฉัน?'รู้แต่แรก สิบปีก่อนฉันก็จะไม่ช่วยชีวิตนาย ให้นายจมน้ำตายไปเลยก็ดี!เฟิงเย่เสวียนปรี่เข้าไปกุมคอเสื้อนาง “เมื่อครู่เจ้ากล่าวสิ่งใด?”คนที่ช่วยชีวิตเขาเมื่อสิบปีก่
ในเรือนหลังเล็กโกโรโกโสสาวใช้เยว่เอ๋อร์กำลังเดินวนเวียนไปมา สองมือกำแน่นอย่างกระวนกระวายใจ และคอยชะเง้อมองข้างนอกตลอดเวลา ยามเห็นร่างที่คุ้นเคยนั้น นางก็พุ่งตัวออกไปทันใด“พระชายา!”นางรีบปรี่เข้าไปกุมมือสองของฉู่เชียนหลี ก่อนตรวจดูทั้งบนล่างซ้ายขวาหน้าหลัง “พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” ท่านอ๋องไม่ได้ทำให้ท่านลำบากใช่หรือไม่เจ้าคะ? พระชายารองเซียวนั่นรังแกท่านหรือไม่เจ้าคะ? พวกเขาเรียกท่านไปทำสิ่งใดเจ้าคะ?”ฉู่เชียนหลีกะพริบตาเยว่เอ๋อร์เป็นสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางมาสิบปีแล้ว เติบโตมาพร้อมกับนางตั้งแต่เล็ก สนิทกันดังพี่สาวน้องสาวนางส่ายหัวพลางผลักประตูเข้าไปในห้อง เรื่องแรกที่ทำก็คือปรี่เข้าไปที่โต๊ะแต่งหน้า และคว้าเอากระจกทองเหลืองแสนเก่าเขรอะขนาดเท่าฝ่ามืออี๋...น่าเกลียดชะมัด!แม้จะทำใจมาแล้ว แต่เมื่อได้เห็นใบหน้านี้ นางก็ยังต้องตกใจกับตัวเองภาพสะท้อนในกระจกทองเหลืองนั้น ครึ่งหน้าของสตรีหยาบขรุขระ เหมือนถูกเผาด้วยไฟร้อน ผิวหนังยู่ย่น อัปลักษณ์น่าตกใจกลัว เหมือนปีศาจไม่มีผิด ใครพบเห็นเข้า ตกกลางคืนต้องมีอันฝันร้ายเยว่เอ๋อร์กังวลว่าพระชายาจะน้อยเนื้อต่ำใจจึงรีบดึงกระจกท