ฝ่ามืออุ่นๆ ของเฟิงเย่เสวียนกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย เขาโอบเอวเล็กของนาง ดึงคนเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนแน่น และวางคางลงบนศีรษะนางเบาๆกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ในเมื่อไม่อยากให้ไป เช่นนั้นมีอะไรอยากจะพูดหรืออยากจะทำ คืนนี้ก็พูดกับข้าให้หมด ไม่เช่นนั้นรอข้าไปแล้ว เจ้าอยากพูดก็ไม่มีที่พูดแล้ว”คำพูดนี้ราวกับเป็นการจากลาครั้งสุดท้ายทำเอาฉู่เชียนหลีแสบจมูก เบ้าตาเริ่มพลุ่งพล่าน…“ข้าอยากไปกับเจ้า”“สนามรบไม่ใช่สนามเด็กเล่น อีกทั้งท้องของเจ้าโตเช่นนี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไปเสี่ยงอันตราย”“ถ้าหากเจ้าไม่มีอะไรอยากพูดกับข้า ก็นอนเถอะ อีกสองชั่วยาม ข้าก็จะไปจัดกองกำลังพลที่ค่ายแล้ว”ทันทีที่ฟ้าสว่าง เขาก็จะออกเดินทางทันทีพลันร่างกายฉู่เชียนหลีหดเกร็ง มุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาลึกยิ่งขึ้น และปลดปล่อยคำพูดที่อยู่เต็มอกออกมา“อาเฉิน ข้าเคยชินกับชีวิตที่มีเจ้าแล้ว เวลากินข้าว เจ้านั่งอยู่ข้างกาย เวลานอน เจ้ากอดข้านอน เวลาพักผ่อน เจ้านวดขาให้ข้า ทุกครั้งที่ข้าต้องการ เจ้าก็จะอยู่ข้างกายข้าตลอด”เมื่อนานวันเข้า นางเห็นเขาเป็นที่พึ่งพิงไปแล้วตอนเขาอยู่ ไม่มีเรื่องอะไรที่นางต้องกังวลเขาไปแล้
เมื่อท้องฟ้าใกล้สว่าง ทุกสรรพสิ่งเงียบสงบ เฟิงเย่เสวียนลุกจากเตียงด้วยการเคลื่อนไหวที่เบามาก เขาจากไปอย่างเงียบๆเขาคิดว่าฉู่เชียนหลีหลับแล้วในความเป็นจริง…ฉู่เชียนหลีตื่นตัวยิ่งกว่าใคร แต่นางแสร้งทำทีหลับสนิท นางกลัวว่าเมื่อนางเอ่ยปาก เมื่อนางลุกขึ้น ก็จะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ไม่ยอมปล่อยเขาไปฟังเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เดินไปไกลของเขา…น้ำตาไหลออกมาเงียบๆทำหมอนเปียกชื้นและอุ่นผ่านไปเนิ่นนานเมื่ออารมณ์สงบลงเล็กน้อย จึงจะลุกขึ้น สวมเสื้อชั้นนอก เปิดประตูเดินออกมา“พระชายา ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ท่านจะลุกแล้วหรือเจ้าคะ?” เยว่เอ๋อร์ที่เฝ้ายามถาม“ท่านอ๋องจัดเตรียมกองกำลังพลใกล้เสร็จแล้วกระมัง ช่วยข้าล้างหน้าล้างตาหน่อย ข้าจะไปส่งเขา”เวลานี้ ในค่ายทหารกำลังจัดกำลังพลอยู่จริงๆ แต่หานอิ๋งเป็นคนจัด ส่วนอ๋องเฉินที่เป็นแม่ทัพออกรบ กลับไปปรากฏตัวที่จวนอ๋องเจวี๋ย“เจ้าเจ็ด?”อ๋องเจวี๋ยยังนอนอยู่ เมื่อเห็นเฟิงเย่เสวียนลอบเข้ามาใกล้อย่างเงียบเชียบ เขาตื่นตัวทันที และมีความหวาดระแวงหลายส่วนเฟิงเย่เสวียนยืนมือไพล่หลังอยู่ตรงหน้าต่าง เอ่ยปากอย่างเย็นชา“พี่สาม การที่ข้าเรียกท่านว่าพี่ ท่านน่
ไปทั้งเช่นนี้แล้ว…ผ่านไปเนิ่นนาน ฉู่เชียนหลีจึงจะถอนสายตากลับ ราวกับถูกดูดพละกำลังทั้งหมดไป ร่างกายโซเซหนึ่งก้าวอย่างไม่มั่นคง“ระวัง!”มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจากด้านหลัง ประคองนางไว้อย่างมั่นคง“ใกล้จะเป็นแม่คนอยู่แล้ว ระวังหน่อย” เขากล่าวอย่างห่วงใยไม่หันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นใครอ๋องหลีฉู่เชียนหลีจับผนังกำแพงเมือง ประคองร่างกายให้มั่นคง สงบสติอารมณ์บนใบหน้า จึงจะหมุนกายกลับมา “อ๋องหลียังไม่ไปอีกหรือ?”เฟิงเจิ้งหลีมองนาง“ข้า…กลัวเจ้าเสียใจ ไม่อยากให้เจ้าอยู่คนเดียว”คำพูดของเขาคลุมเครือเล็กน้อย แต่หากตั้งใจฟังก็เหมือนเป็นแค่ความห่วงใยระหว่างเพื่อน ไม่มีปัญหาอะไรเดิมทีฉู่เชียนหลีควรเว้นระยะห่างกับเขา นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องจดหมายลับของอ๋องเฟิงถูกสับเปลี่ยน…แววตาสั่นไหวเล็กน้อย นางไม่ได้ปฏิเสธความห่วงใยของเขา และกล่าวไปตามบทสนทนาของเขา“ที่จริงอ๋องเฉินไม่ได้อยากออกรบ มีคนกลั่นแกล้งเขา”“ฮืม?”บนใบหน้าเฟิงเจิ้งหลีเผยให้เห็นความประหลาดใจ “หมายความว่าอย่างไร?”มือข้างหนึ่งฉู่เชียนหลีประคองกำแพง ส่วนมืออีกข้างจับท้อง นางเดินลงบันไดไปพลาง กล่าวไปพลาง“เมื่อคืนอ๋องเ
นางหัวเราะเสียงดัง ประกายบนใบหน้าสดใส คิ้วคลายออก แสดงท่าทางที่ผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติออกมา“ที่จริงข้ารู้ว่าท่านเป็นคนดี แต่เพราะเรื่องสถานะของแม่ท่าน…คนมากมายโจมตีท่านทำร้ายท่านท่านจึงต้องปกป้องตัวเอง แต่ข้ารู้ว่าจิตใจของท่านดีงาม”ฉู่เชียนหลีเอียงศีรษะ กล่าวด้วยรอยยิ้ม“อ๋องหลี ไม่สู้พวกเราละทิ้งบุญคุณความแค้นในอดีต เป็นเพื่อนกันตลอดไปเถอะ”“เป็นอย่างไร?”เมื่อเฟิงเจิ้งหลีได้ยินเช่นนี้ พลันลมหายใจก็ชะงัก รีบมองไปที่ดวงตาของนาง มองทะลุเข้าไปในส่วนลึกของแววตา เหมือนกลัวตัวเองหูฝาดตอนนั้น นางกับเขาแตกหักนางเคยพูดว่า เจอกันอีกครั้งก็คือคนแปลกหน้าตอนนี้กลับยินดีปล่อยวางอดีต ผูกมิตรกับเขา เขาไม่ค่อยกล้าเชื่อนัก“จริง จริงหรือ?”“จริงเท็จ เท็จจริงอะไร?” ฉู่เชียนหลีกล่าวด้วยรอยยิ้ม“เมื่อก่อนท่านเคยช่วยข้าตั้งหลายครั้ง และก็ช่วยข้าตอนเซ่นไหว้สุสานบรรพชนอีก ข้าไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย จะมองไม่เห็นความดีของท่านได้อย่างไร? การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ต่างก็มีการให้ซึ่งกันและกัน ท่านดีกับข้า ข้าก็ดีกับท่าน”นางยินดีเป็นมิตรกับเขาเฟิงเจิ้งหลีแน่นหน้าอกเล็กน้อย ความปลื้มปีติพุ่งพรวดเข้าม
“น้าสะใภ้ เสด็จป้า อยู่กันครบเลย!”ข้างนอก หลิงเชียนอี้มาแล้วท่าทางที่เขามาจวนอ๋องเฉินอย่างคุ้นเคยนั่น ราวกับมาบ้านตนเอง คุ้นเคยจนไม่สามารถคุ้นเคยได้อีกเมื่อเห็นอ๋องหลี เขาหรี่ตาอย่างเป็นปรปักษ์ฉู่เชียนหลีลุกขึ้น “ท่านโหวน้อยมาแล้ว วันนี้อวิ๋นอิงยังไม่ได้เปลี่ยนยาเลย เจ้าลองไปดูหน่อย?”หัวข้อสนทนานี้ไม่ได้เบี่ยงเบนความสนใจของหลิงเชียนอี้ท่านน้าเพิ่งไป อ๋องหลีก็พยายามเข้าหาน้าสะใภ้ แค่ดูก็รู้ว่าไม่ได้มีเจตนาดี ท่านน้าไม่อยู่บ้าน เขาต้องระวังหน่อยพลันพ่นลมออกจากจมูกอย่างไม่สบอารมณ์“ข้าไปเดี๋ยวนี้”เขาวางเมล็ดทานตะวันที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ “น้าสะใภ้ กิน”พูดจบ ก็สะบัดก้นเดินจากไปโดยไม่มองอ๋องหลีแม้แต่แวบเดียวเฟิงเจิ้งหลีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ดูเหมือนท่านโหวน้อยจะหวั่นไหวจริงๆ แล้ว ถ้าหากเป็นกิ่งทองใบหยกจริงๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องดี”ฉู่เชียนหลีหัวเราะเบาๆ หยิบเมล็ดทานตะวันขึ้นมาแบ่งให้อ๋องหลีครึ่งหนึ่งนั่งไปประมาณครึ่งชั่วยามอ๋องหลีกลับแล้ววันแรกที่เฟิงเย่เสวียนไป ฉู่เชียนหลีไม่ชินเลย ตอนกินข้าว มักจะรู้สึกขาดอะไรบางอย่าง ต่อให้มีถงเฟยอยู่เป็นเพื่อน ก็ไม่มีความอยากอาหาร
พริบตานั่นร่างกายฉู่เชียนหลีหดเกร็ง นางลุกขึ้นนั่ง จ้องอ๋องเจวี๋ยที่ปรากฏตัวกะทันหันอย่างหวาดระแวงแอบเข้ามาในจวนอ๋องเฉินดึกๆ ดื่นๆ ไม่ได้มาดีแน่นอนนางขมวดคิ้ว เสียงก็เย็นลงหลายส่วน“ไม่ทราบว่าอ๋องเจวี๋ยมาดึกดื่น มีธุระอะไร? ที่นี่คือจวนอ๋องเฉิน โปรดระวังสถานะด้วย!”ชายโสดหญิงม่ายอยู่กันตามลำพังในห้อง หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป เกรงว่านางไม่รู้จะเอาไหนไปไว้ที่ไหนแน่เขายืนอยู่ตรงที่เดิม ไขว่มือขวาไว้ด้านหลังจากทิศทางที่ย้อนแสง ดวงตาที่ลึกลับคู่นั้นจ้องมาทางนางไม่พูดอะไรสักคำยามราตรี ร่างเงาสีดำ นิ่งเงียบ ทำให้บรรยากาศของกลางคืนแปลกประหลาดเป็นพิเศษคิ้วฉู่เชียนหลีขมวดจนแทบเป็นปมแล้วทำบ้าอะไร?ตอนนี้นางตั้งครรภ์ ต่อสู้ไม่สะดวก จึงตะโกนออกไปข้างนอก “เยว่เอ๋อร์…”เพิ่งอ้าปาก เขาเดินมาทางนางกะทันหันพลันร่างกายสั่นไหวมาปรากฏตัวตรงหน้านางในพริบตาด้วยความเร็วที่ไวมาก เขาเอื้อมฝ่ามือใหญ่ออกไปคว้าแขนสองข้างของนาง ร่างกายโน้มไปข้างหน้า การเคลื่อนไหวปราดเปรียว เรียบง่ายแต่หยาบกระด้าง ไม่มีอืดอาดยืดยาด“ท่านทำอะไร!”ม่านตาฉู่เชียนหลีหด เกลียดการสัมผัสของคนอื่น มีเจตนาฆ่าปรากฏใน
“ตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้ากินข้าวหรือไม่? ออกกำลังกายหรือไม่? คิดถึงข้าจนร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยใช่หรือไม่? ฮืม?”เสียงของเขาแหบแห้ง กล่าวถามด้วยรอยยิ้มน้ำเสียงที่เยาะเย้ยเล็กน้อยนั่น ทำให้ฉู่เชียนหลีหน้าแดงทันที ความคิดถูกมองออกโดยตรง…ไม่ยอมรับเด็ดขาด!“เจ้าหลงตัวเองจริงๆ” นางผลักหน้าอกของเขาออก มุดเข้าไปในผ้าห่มอย่างรังเกียจ “ข้าอยากให้เจ้าไปเร็วๆ ด้วยซ้ำ เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้านอนเตียงใหญ่เช่นนี้คนเดียว กลิ้งไปกลิ้งมาสบายแค่ไหน”เฟิงเย่เสวียนมองนาง “ปากไม่ตรงกับใจ”“เปล่าสักหน่อย”“ปากอย่างใจอย่าง”“...”“ในเมื่อเจ้าไม่คิดถึงข้า เช่นนั้นข้าไปแล้ว”“...”รู้ว่าเขาอยู่ หัวใจฉู่เชียนหลีก็มั่นคงแล้ว “เช่นนั้นเจ้าไปเถอะ ข้าจะนอนแล้ว”กล่าวจบก็นอนลง ห่มผ้าให้เรียบร้อย ตาโตๆ ที่เปี่ยมล้นไปด้วยชีวิตชีวามองเขาอย่างสงบเขากำลังรอให้นางขอให้เขาอยู่ต่อ หาได้เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดที่แสบแก้วหูเช่นนี้จากปากนางสายตาของนางกลับกำลังบอกว่าเจ้าไปสิ รีบไปเลย เหตุใดเจ้ายังยืนไม่ขยับ? ไม่อยากไปใช่ไหมล่ะ? เจ้ารีบไปเถอะยืนนิ่งครู่หนึ่งในที่สุดเฟิงเย่เสวียนก็แพ้แล้ว เขากัดฟัน กระโดดขึ้นเตียง
ฉู่เชียนหลีใบหน้างุนงง ยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ถูกถงเฟยจับมือทั้งสองข้างแน่น พูดเกลี้ยกล่อมด้วยเจตนาดี“เจ้าอย่าได้คิดไม่ตกเด็ดขาดเชียวนะ!”“เฉินเอ๋อร์เขาใกล้จะกลับมาแล้ว!”“อ๋องหลีนั่นไม่คู่ควรกับเจ้า เจ้าอย่าได้ทำอะไรเลอะเลือนเชียว!”“...”ฉู่เชียนหลีพอจะเข้าจับใจความเจตนาของถงเฟยได้แล้ว สีหน้าคร่ำเครียดขึ้นมาเล็กน้อยทันทีทันทีที่ตื่นนอนตอนเช้าตรู่ ยังไม่ได้ดื่มน้ำสักอึก ก็ถูกถงเฟยตราหน้าว่าเป็น ‘หญิงที่กำลังจะนอกใจสามี’ เสียแล้ว ทำให้นางร้องไห้ก็ไม่ได้ ยิ้มก็ยิ้มไม่ออกสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกว่ากันหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ถึงได้กล่าวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“เสด็จแม่ แนวทางความคิดของท่านช่างโลดแล่นจริง ๆความคิดก็มากมายหลากหลาย ข้าพูดคุยกับอ๋องหลี ก็จะต้องเป็นหญิงนอกใจสามีเสียแล้ว ถ้าข้าไม่อยากทานอาหารเช้า ก็จะต้องตายเพราะประท้วงอดอาหารใช่หรือไม่?”“ถุย ๆๆ! ตายเตยอะไรกัน ห้ามพูดจาเหลวไหล!”ถงเฟยตบปากเบา ๆคายเรื่องอัปมงคลทิ้ง“ต่อไปห้ามพูด เรื่องอัปมงคล”“ข้าเพียงแค่เห็นว่าทันทีที่เฉินเอ๋อร์ไป อ๋องหลีก็วิ่งมาหาถึงที่จวนอย่างเปิดเผย นี่ไม่ใ
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ
“ดื่มเยอะๆ”“...เสด็จแม่ยังไม่ฟื้นหรือ?”“หมอบอกว่าอาจจะต้องพรุ่งนี้ เสด็จพี่สาม ฉู่เชียนหลีโกหก ไม่ว่าเวลาไหน ท่านก็ห้ามเชื่อคำพูดของนางเด็ดขาด และไม่ว่ายวนเอ๋อร์ทำอะไร ก็ล้วนทำเพราะหวังดีต่อท่านพี่ ยวนเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง”จวินลั่วยวนเงยหน้า กล่าวอย่างจริงจังมากจวินชิงอวี่เชื่อคำพูดของนางอย่างไม่มีเงื่อนไขเขามีแค่น้องสาวคนเดียว เขาไม่ตามใจแล้วใครจะตามใจ? เขาไม่รักแล้วใครจะรัก?“เป็นเด็กดีนะ”วันรุ่งขึ้นตามที่นัดหมายกับฉู่เชียนหลี เดิมทีจวินชิงอวี่ไม่อยากไป ยี่สิบกว่าปีมานี้ มีหมอนับไม่ถ้วนเคยรักษาเขา ไม่มีใครสามารถรักษาโรคร้อนของเขาได้เลยกล่าวอีกนัยคือ เขาไม่เชื่อฉู่เชียนหลี แต่การเดิมพันนั่น…เขาไม่เคยสงสัยยวนเอ๋อร์การเดิมพันนี้ ก็ย่อมไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ลับกล่าว “องค์ชาย ท่านไปดีกว่า ในแคว้นตงหลิง ไม่มีใครไม่รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ถ้าหากนางสามารถรักษาได้จริงๆ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะโรคกำเริบแล้ว”หลังจากจวินชิงอวี่ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจไปชานเมืองบ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงบเอี๊ยด…“ท่านมา
“เช่นนั้นพวกเราเหมือนเดิมพันกัน”“เดิมพันก็เดิมพัน!”นอกหอน้ำชาจวินลั่วยวนมาถึง หลังจากสอบถามข้อมูลคร่าวๆ จากเด็กในร้าน ก็ย่องขึ้นไปบนชั้นสอง เข้าใกล้ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เพิ่งแนบหูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาข้างในเสียงของฉู่เชียนหลี“โรคร้อนอันตรายมาก แค่ไม่ระวังเล็กน้อยก็จะกำเริบ ตอนที่ข้ารักษาเจ้า ต้องเปิดจุดชีพจร กรีดเปิดแผลบนมือและเท้าสี่จุด ใช้เลือดของข้าแลกกับเจ้าครึ่งหนึ่ง ในระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด”ลดเสียงกล่าวอย่างจริงจัง“ไม่เช่นนั้น กำลังภายในจะย้อนกลับ ห้ามเลือดไม่ได้ ถึงเวลา ข้าจะตาย เจ้าก็เจ้าตาย”จวินลั่วยวนประหลาดใจฉู่เชียนหลีสามารถรักษาโรคร้อน?ยิ่งกว่านั้น!ประเด็นสำคัญคือ!ห้ามถูกขัดจังหวะกลางคันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉู่เชียนหลีกับองค์ชายสามล้วนจะตาย!ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินก็ว่าง อยากได้อ๋องเฉิน ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้วไม่ใช่หรือ?ทันใดนั้น แววตาเร่าร้อนทันทีตื่นเต้นคาดหวังแทบรอไม่ไหวนางกำลังจะเป็นพระชายาอ๋องเฉินแล้ว!การสนทนาภายในห้องกินเวลานานหนึ่งเค่อ ก่อนจะจบลง จวินลั่วยวนรีบวิ่งไปซ่อนตัวที่หัวมุม ประตูห้องเปิดออ
จวินลั่วยวนยกมือทั้งสองข้างขึ้น วางลงไปที่คอของฮองเฮาทันใดนั้น ร่างกายของฮองเฮาหนานยวนขยับเล็กน้อย นางรีบดึงมือกลับ ลุกขึ้นยืน และกลับมาดูเป็นเด็กดีอีกครั้ง“ซวงซวง ทางเสด็จพี่สามของข้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”ซวงซวงวิ่งเข้ามา“เมื่อครู่ทางองครักษ์มารายงาน หลังจากเสด็จพี่สามออกไป เจอสามีภรรยาอ๋องเฉิน ตอนนี้พวกเขาเข้าไปในหอน้ำชาแล้ว ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันลับๆ เจ้าค่ะ”“?”พวกเขายังมีเรื่องให้คุยกันอีกหรือ?เสด็จพี่สามไม่ได้ไปสืบเรื่องของคนร้าย?เหตุใดยังสามารถคุยกับสามีภรรยาอ๋องเฉินดีๆ อีก?คุยอะไรกัน?หรือเป็นความลับที่นางไม่รู้?จวินลั่วยวนไม่อนุญาตให้มีเรื่องที่อยู่เหนือกันควบคุมของนาง กล่าวทันที “ซวงซวง เจ้าเฝ้าเสด็จแม่ไว้ ข้าลองไปดูหน่อย!”“เจ้าค่ะ องค์หญิง!”หอน้ำชาห้องส่วนตัวจวินชิงอวี่นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ สีหน้าดูไม่ดีนัก และยังบึ้งตึงเหมือนจะกินคน กัดฟันจนดังก๊อกๆ“ท่านกล้าบอกว่ายวนเอ๋อร์เป็นคนวางยา!”จ้องฉู่เชียนหลีด้วยความโกรธโมโหมากถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินนั่งอยู่ที่ข้างๆ เกรงว่าเขาลงมือโดยตรงแล้วฉู่เชียนหลีกล่าว“ตอนที่พวกเราออกจากศาลาพักม้า องครักษ์ลับ
ฉู่เชียนหลี “องค์หญิงมั่นใจในตัวเองจริงๆ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าผู้หญิงที่ถูกอ๋องเฉินโยนออกไปเป็นใคร?”“...”รออ๋องเฉินถีบฉู่เชียนหลีทิ้ง นางจะจับฉู่เชียนหลีมาขังไว้ ทรมานทุกวัน ทำให้นางทรมานยิ่งกว่าตายจวินลั่วยวนเถียงไม่ไหว พลันเบ้าตาแดงก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของจวินชิงอวี่ หาที่ปลอบใจตัวเองจวินชิงอวี่ย่อมเข้าข้างน้องสาว“ฉู่เชียนหลี ดูจากพฤติกรรมที่ชอบบีบคั้นคนของเจ้า มันก็ไม่แปลกอะไรที่เจ้าจะสามารถวางยาพิษ”อาศัยเพียงแค่การคาดเดา ก็ตัดสินโทษของนางแล้ว?น่าขำ!พี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งหน้าไหว้หลังหลอก อีกคนความรักบังตา ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ“มันน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่แคว้นหนานยวนของพวกท่านสามารถพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน”จวินชิงอวี่หน้าบึ้งทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ปัญหาส่วนตัว ตอนนี้จะลามปามไปถึงบ้านเมืองแล้ว?“ตามที่พูด”“เจ้า!”เขาโมโหจนจะเดินเข้าไปหานางพลันเฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือใหญ่ ดึงนางมาที่ข้างกาย “ข้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกอะไร”ทุกคนรีบหันไปมอง รอคอยคำพูดต่อจากนี้เฟิงเย่เสวียนกล่าวอย่างใจเย็น“แคว้นหนานยวนต่ำช้าเช่นนี้ ต่อให้ข้าแพ้ศึกครั้งนี้ ก็ไม่ร่วม
วันนี้ อย่างไรนางก็จะบีบคั้นฉู่เชียนหลีจนตาย!เหล่าคนรับใช้พากันก้มหน้า หายใจแรง ไม่มีใครกล้าพูดอะไร พระชายาอ๋องเฉินช่วยฮองเฮา เหมือนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงจนถึงขั้นต้องฆ่าตัวตายกระมั้ง?“องค์ชายสามก็คิดเช่นนี้หรือ?” เฟิงเย่เสวียนถามจวินชิงอวี่เงียบไปครู่หนึ่งคนตัดฟืนถูกฆ่าตายแล้ว ในศาลาพักม้ายังมีหนอนบ่อนไส้คนอื่น บางทีอาจจะไม่ใช่ฝีมือของฉู่เชียนหลีจริงๆ รอตรวจสอบเรื่องนี้จนชัดเจน ค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย“ยวนเอ๋อร์”เขาเอ่ยปาก “รอเสด็จแม่ฟื้นแล้ว ดูว่าอาการของเสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้าง เรื่องของคนร้าย ข้าให้คนไปสืบแล้ว”เขาอยากพักเรื่องนี้ชั่วคราวแต่จวินลั่วยวนไม่ยอม“เสด็จพี่สาม ท่านเลอะเลือนหรือ? คนร้ายก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ท่านยังจะสืบอะไรอีก? ท่านทำเช่นนี้ ไม่เท่ากับเปิดโอกาสให้คนร้ายหนีหรอกหรือ?”ฉู่เชียนหลีหัวเราะคำก็คนร้าย สองคำก็คนร้าย ทุกคำพูดล้วนอยากให้นางตาย ไม่ชอบหน้านางเช่นนี้เลย?“องค์หญิง เจ้าอยากได้ผู้ชายของข้า และยังทำทุกวิถีทางเพื่ออยากบีบให้ข้าตาย เสด็จพี่สามของเจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนชอบแย่งของคนอื่นเช่นนี้?”“!”สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลันอยู่ต
สีหน้าของจวินชิงอวี่ดูน่าเกลียดทันที การทำร้ายผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจอะไรจริงๆ แต่เขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องสาว“ถ้าหากฉู่เชียนหลีไม่รังแกยวนเอ๋อร์ แล้วข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไร”“ฉู่เชียนหลีรังแกคนก่อน การโดนมีดแทงก็คือผลที่นางสมควรได้รับ?”เมื่อเฟิงเย่เสวียนได้ยิน แหงนหน้าหัวเราะ“เหอะ ฮ่าๆๆ!”ฉู่เชียนหลีผิด?“คิดไม่ถึงว่าองค์ชายสามหนานยวน จะรักน้องสาวจนถึงขั้นใจบอด แค่ท่านลองสืบดูดีๆ ก็จะรู้เรื่องที่จวินลั่วยวนเคยยั่วยวนข้า และสืบเจอเรื่องที่ฉู่เชียนหลีจะช่วยท่านตอนที่อาการกำเริบกลางถนน”“น้องสาวคนดีของเจ้า ก็ทำได้แค่หลอกท่านคนเดียวเท่านั้นแหละ”“หุบปาก!”จวินชิงอวี่เสียงดังกะทันหัน กลิ่นอายรอบตัวขรึมลง ดูน่ากลัวเป็นพิเศษเขาไม่อนุญาตให้ใครก็ตามนินทายวนเอ๋อร์!ดูหมิ่นยวนเอ๋อร์ เท่ากับดูหมิ่นเขา ดูหมิ่นแคว้นหนานยวนยวนเอ๋อร์คือองค์หญิงเพียงคนเดียวของราชวงศ์หนานยวนในตลอดสามร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ใครบ้างไม่เห็นนางเป็นแก้วตาดวงใจ?“อ๋องเฉิน ข้าเห็นแก่ความร่วมมือระหว่างสองแคว้น ไม่ถือสาท่าน แต่ถ้าหากท่าน ยังกล้าว่าร้ายยวนเอ๋อร์ ข้าไม่ปรานีแน่!”“ท่าน!”“
พลันจวินชิงอวี่ยื่นกระบี่ไปขวางทางของนางไว้ กล่าวเสียงเย็น“เจ้าอยากไปดูว่านางตายหรือไม่ เจ้าทำสำเร็จหรือไม่?”ความอาฆาตแค้นของพี่น้องคู่นี้แรงจริงๆ“เจ้าว่าข้าวางยาพิษหรือ?” ฉู่เชียนหลีถาม“ข้าจับคนรับใช้ได้หนึ่งคน เขาสารภาพหมดแล้วว่าเจ้าเป็นคนทำ เจ้ายังคิดจะปฏิเสธอีกหรือ?”สีหน้าฉู่เชียนหลีสงบ“อืม เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็ไปติดสินบนคนคนหนึ่ง ให้เขามาบอกกับเจ้าว่าข้าไม่เกี่ยว ที่จริงเขาจึงจะเป็นคนร้าย”“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าไม่มีความผิดแล้ว เจ้าไม่ต้องหาเรื่องข้าอีกแล้ว”จวินชิงอวี่พูดอะไรไม่ออกทันที“เจ้า!”ปากเก่งจริงๆ!เถียงข้างๆ คูๆ!ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง เดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรมากอีกตอนที่จวินชิงอวี่จะขวางอีกครั้ง หมอคนที่อยู่ในห้องกล่าวเสียงอ่อน“องค์ชายสาม ทางที่ดีท่านให้พระชายาอ๋องเฉินดูเถอะ…ท่านไม่รู้หรอกว่าในแคว้นตงหลิงของเรา ไม่มีใครไม่รู้เรื่องที่ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ เมื่อก่อนนางยังเคยรักษาโรคระบาด ช่วยชีวิตคนหลายแสนคน…”“ข้าน้อยไร้ความสามารถ รักษาไม่ได้จริงๆ พระชายาอ๋องเฉินอาจจะสามารถลองดู…”หมอเป็นคนเจียงหนานเมื่อจวินชิงอวี่ได้ยินคำพูดนี้ ข
จวินลั่วยวนหลั่งน้ำตาเหมือนสายฝน ร้องไห้จนใจแทบสลาย กรีดร้องจนเสียงแหบแล้ว“อ๊ะ!”สีหน้าที่เศร้าโศกเกินจะบรรยายด้วยคำพูดภายในห้อง หมอ องครักษ์ และคนรับใช้เห็นแล้ว ต่างก็ตื้นตันจนตาแดงแล้วองค์หญิงช่างน่าสงสารจริงๆองค์หญิงรักฮองเฮาจริงๆ!ฮองเฮาเป็นคนดี อ่อนโยน มีเมตตา ใจกว้าง เหตุใดต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ เช่นนี้?เฮ้อ!“รักษานาง ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไร ก็ต้องรักษานางให้หายดี! ไม่เช่นนั้น ข้าก็เอาชีวิตสุนัขของพวกเจ้า!” จวินชิงอวี่ตวาดเสียงเบา ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ แทบจะคลั่งแล้วหมอตกใจจนหน้าซีด“องค์ชายสามโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิต!”“ทักษะการแพทย์ของข้าน้อยยังไม่ดีพอ โปรดไว้ชีวิต…”“ข้าให้เจ้ารักษา!”จวินชิงอวี่คว้าคอเสื้อของเขา จ้องด้วยความโกรธ แล้วเหวี่ยงไปที่หน้าเตียง “รักษา!”หมอสั่นไปทั้งร่าง ริมฝีปากก็กำลังสั่น พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ยกมือขึ้นรักษาด้วยอาการสั่นเทา…วันนี้ ต่อให้ฮัวถวอกลับชาติมาเกิด ก็รักษากล่องเสียงของฮองเฮาไม่ได้เกรงว่าเขา…ไม่รอดแล้ว“เสด็จแม่…เสด็จแม่! ต้องรักษาหายแน่นอน ท่านต้องอดทนเอาไว้นะ!”จวินลั่วยวนจับมือฮองเฮาแน่น น้ำตาไหลออกมาเป็นเ