ฉู่เชียนหลีใบหน้างุนงง ยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ถูกถงเฟยจับมือทั้งสองข้างแน่น พูดเกลี้ยกล่อมด้วยเจตนาดี“เจ้าอย่าได้คิดไม่ตกเด็ดขาดเชียวนะ!”“เฉินเอ๋อร์เขาใกล้จะกลับมาแล้ว!”“อ๋องหลีนั่นไม่คู่ควรกับเจ้า เจ้าอย่าได้ทำอะไรเลอะเลือนเชียว!”“...”ฉู่เชียนหลีพอจะเข้าจับใจความเจตนาของถงเฟยได้แล้ว สีหน้าคร่ำเครียดขึ้นมาเล็กน้อยทันทีทันทีที่ตื่นนอนตอนเช้าตรู่ ยังไม่ได้ดื่มน้ำสักอึก ก็ถูกถงเฟยตราหน้าว่าเป็น ‘หญิงที่กำลังจะนอกใจสามี’ เสียแล้ว ทำให้นางร้องไห้ก็ไม่ได้ ยิ้มก็ยิ้มไม่ออกสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกว่ากันหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ถึงได้กล่าวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“เสด็จแม่ แนวทางความคิดของท่านช่างโลดแล่นจริง ๆความคิดก็มากมายหลากหลาย ข้าพูดคุยกับอ๋องหลี ก็จะต้องเป็นหญิงนอกใจสามีเสียแล้ว ถ้าข้าไม่อยากทานอาหารเช้า ก็จะต้องตายเพราะประท้วงอดอาหารใช่หรือไม่?”“ถุย ๆๆ! ตายเตยอะไรกัน ห้ามพูดจาเหลวไหล!”ถงเฟยตบปากเบา ๆคายเรื่องอัปมงคลทิ้ง“ต่อไปห้ามพูด เรื่องอัปมงคล”“ข้าเพียงแค่เห็นว่าทันทีที่เฉินเอ๋อร์ไป อ๋องหลีก็วิ่งมาหาถึงที่จวนอย่างเปิดเผย นี่ไม่ใ
เมื่อพูดถึงเรื่องไปเที่ยวเล่น ถงเฟยก็กระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง เดิมทียังเป็นกังวลใจว่าอ๋องเฉินไปแล้ว ฉู่เชียนหลีอยู่คนเดียวจะทุกข์ใจ ได้พานางออกไปเดินเล่น ผ่อนคลายจิตใจ คงจะดีไม่น้อยนางมีความกระตือรือร้นมากกว่าอ๋องหลีเสียอีก โอบฉู่เชียนหลีกำลังจะออกจากจวนเมื่อมองสีหน้าของอ๋องหลี ได้สำลักจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว “...”แผนการคือเดินทางกันสองคน กลายเป็นการเดินทางสามคนไปแล้วแม้ว่าในใจจะไม่พอใจ แต่ก็พูดไม่ออกตอนที่กำลังจะออกจากจวน เยว่เอ๋อร์กำลังจะตามไป ทันใดนั้นฉู่เชียนหลีก็ดึงมาอีกข้าง “ข้ากับเสด็จแม่ออกไปกันสองคนก็พอ เจ้าอยู่ที่จวนเถอะ”เยว่เอ๋อร์ไม่เข้าใจ“เพราะเหตุใด?”เมื่อก่อน ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ไม่ว่าจะไปที่ไหน นางก็ต้องตามติดพระชายาไปทุกฝีก้าวฉู่เชียนหลีดวงตาล้ำลึก กวาดสายตามองอ๋องหลีที่ยืนอยู่ด้านนอกจวน กำลังจะออกเดินทางแวบหนึ่ง ดวงตามีแสงสลัวเกิดขึ้นในดวงตาแวบหนึ่ง กล่าว“ท่านอ๋องไม่อยู่บ้าน เจ้าอยู่ที่จวน เฝ้าจวนเอาไว้ให้ดี ข้าออกไปเที่ยวข้างนอกประเดี๋ยวก็กลับ”พูดจบ ก็เดินออกไปเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่กับที่ เกาหัวอย่างสงสัย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจทำไมถึงต้
“เสียวฉู่ เจ้าไร้เดียงสามากเกินไปแล้ว อย่าได้คลายความระแวดระวังลง เพียงเพราะใครคนหนึ่งทำดีต่อเจ้าอย่างเด็ดขาด ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นหมาป่าที่ใส่หน้ากากตัวหนึ่งก็ได้”ถงเฟยมีความหวาดระแวงลูกชายของนางกำนัลคนหนึ่ง สามารถปีนมาถึงตำแหน่งในทุกวันนี้ได้ ทั้งยังได้รับหน้าที่ที่สำคัญอย่างเช่นพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษขนาดนี้ มองออกได้ไม่ยากว่ากลอุบายของเขาไม่ธรรมดานางกังวลใจ คนแบบนี้ จะส่งผลดีต่ออ๋องเฉินฉู่เชียนหลีเพียงแค่ยิ้มเท่านั้นภายในใจของนางราวกับกระจกบานหนึ่งเพียงแต่ เรื่องที่อ๋องเฉินอยู่ในเมืองหลวงมาตลอด นางไม่สามารถบอกถงเฟยได้ ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง กล่าว“ไม่หรอก ข้ารู้สึกว่าอ๋องหลีดีมากเลยทีเดียว”“!”ถงเฟยสีหน้าปกติทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว แล้วก็รุนแรงด้วย จำเป็นต้องปรับแก้ไขความคิดของฉู่เชียนหลีให้ถูกต้อง“เสียวฉู่ เจ้าท่องตามข้า” นางกางมือซ้ายของฉู่เชียนหลีออก นิ้วชี้จิ้มไปที่ฝ่ามืออันอวบอิ่มของนาง เอ่ยปากพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “จื่อเวิงเฟิง จื่อเอินเจิ้ง เลยอีฮ่วย”“เฟิงเจิ้งฮ่วย[1]”“?”“?”ไม่ใช่เลยอีหลีหรอกหรือ?ฉู่เชียนหลี
เรียกทีเดียว สองคำ ทำให้ฝีเท้าของเยว่เอ๋อร์ชะงักหยุดอยู่กับที่ทันที ก็ทำให้เกิดความกระสับกระส่ายขึ้นมาทันทีอ๋องหลีคงจะไม่ใช่ว่าเห็นนางแล้ว คิดจะฆ่านางปิดปากหรอกใช่หรือไม่?เมื่อนึกได้เช่นนี้ สีหน้าก็ซีดขาวยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ จ้องมองชายหนุ่มที่ค่อย ๆเดินเข้ามาหานาง ร่างกายรู้สึกตึงเครียดขึ้นอย่างอดไม่ได้ แม้แต่ลมหายใจก็ตื่นเต้นขึ้น“ทะ...ท่านอ๋องหลี...”ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ หรี่ดวงตาเล็กน้อย จ้องมองนาง“เจ้าชื่อเยว่เอ๋อร์ใช่หรือไม่?”สีหน้าที่สงบนิ่งของเขา ท่าทางที่เอ้อระเหยลอยชายนั่น ราวกับว่าเป็นบ้านของตนเอง แม้ว่าจะถูกพบเข้าแล้ว ก็ไม่ได้หลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อยเยว่เอ๋อร์มีความลนลานเล็กน้อย“ชะ ใช่...”เหตุใดจึงรู้สึกว่าอ๋องหลีเป็นเจ้านายของจวนแห่งนี้ แต่นางเป็นโจรชั่วที่ถูกจับได้คาหนังคาเขาเสียละ?ไม่ใช่!เหตุใดนางถึงต้องถูกอ๋องหลีทำให้ตกใจด้วยเล่า?นางจะต้องนำเรื่องนี้ไปบอกแก่พระชายา! เพื่อให้พระชายารู้ถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของอ๋องหลี!อ๋องหลีเข้าใกล้พระชายา เพราะมีแผนการชั่วร้าย จะต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่นแน่!เฟิงเจิ้งหลียิ้ม“เยว่เอ๋อร์เอย ครั้งก่อนที่ตระกูล
อ๋องหลีคนนี้ ไม่อยู่ที่จวนตัวเอง ไม่อยู่เป็นเพื่อนพระชายาของตน ต้องคอยมากระแซะอยู่ข้าง ๆ ฉู่เชียนหลีทุกวัน ทันทีที่เห็นก็รู้สึกไม่สบายใจไม่ว่าเขาจะมีแผนการร้ายอะไร ขอเพียงแค่นางกินของพวกนี้จนหมด อ๋องหลีก็จะทำร้ายฉู่เชียนหลีไม่ได้แล้วเมื่อคิดได้ดังนั้น ถงเฟยก็ยิ้มอย่างด้วยใบหน้าเบิกบาน“ท่านอ๋องหลีมีน้ำใจเช่นนี้ ในโลกนี้มีน้อยนัก เพียงแต่ วันนี้แดดดีมาก เหตุใดจึงไม่เห็นพระชายาอ๋องหลีละ?”นางพลางถาม พลางหยิบปลาน้อยแห้งสองสามตัว ใส่เข้าไปในปาก“ซี้ด เผ็ดไปหน่อย เสียวฉู่ เจ้าห้ามกิน”อ๋องหลี “...”สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าถูกเพ่งเล็งแล้วรอยยิ้มบาง ๆ อันอบอุ่นที่อยู่บนใบหน้า สีหน้าไม่แสดงออกถึงความไม่พอใจแม้แต่น้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ“พระชายาอ๋องหลีสุขภาพไม่แข็งแรง กำลังอยู่ในระหว่างบำรุงครรภ์ ไม่สะดวกออกจากจวน”“งั้นหรือ? ถ้านางตั้งท้องอยู่แล้วยังไม่สบายอีก เหตุใดท่านถึงไม่อยู่เป็นเพื่อนนางละ?” ถงเฟยซักไซ้ “ถ้าหากถูกนางรู้เข้าว่าท่านออกมาเที่ยวเล่นกับฉู่เชียนหลีเข้าละก็ จะต้องไม่พอใจแน่ ๆใช่หรือไม่?”“...”รอยยิ้มของชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยเพียงแค่ชั่วขณะเดียว ก็ยิ้มบา
ณ จวนอ๋องเฉิน แคว้นตงหลิง “สารเลว!” “โอ๊ย!”เสียงตวาดแผดขึ้น ร่างผอมบางร่างหนึ่งถูกถีบจนกระเด็นเข้าชนกับเสาที่ผนัง ก่อนกระแทกกับพื้นอย่างแรง ปิ่นเงินร่วงลง เส้นผมสีดำกระจายลงบนพื้นเจ็บ...เจ็บจัง...เธอเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัดใหญ่ที่นานถึงสามสิบแปดชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก พอออกมาจากห้องผ่าตัดก็หมดสติล้มลงกับพื้น แต่ทำไมตัวเธอถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ?จากนั้น ความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยกลุ่มหนึ่งก็เบียดเข้ามาในหัวสมองและฉายให้เห็นอย่างรวดเร็ว ฉู่เชียนหลี คุณหนูสี่ผู้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ใบหน้าอัปลักษณ์ไร้ซึ่งความงาม นางแต่งเข้าจวนเฉินอ๋องเมื่อสามเดือนก่อน ไม่เคยได้รับความชื่นและต้องอยู่ลำพังในห้องว่างเปล่าเรื่อยมาวันนี้อ๋องเฉินรับอนุภรรยา นางถูกเรียกให้มาปรนนิบัติอนุภรรยา แต่เพราะพลั้งเผลอปัดน้ำชาหกไปลวกถูกอีกฝ่าย จึงถูกอ๋องเฉินถีบจนตายในคราวเดียว!เป็นผู้ชายที่โหดจริงๆ!แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ทำใจอยู่อย่างสงบเสียฉู่เชียนหลีรับเรื่องราวต่างๆ เข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ฝืนทนความเจ็บปวด เงยหน้าขึ้นมาห้องหอที่ประดับตกแต่งด้วยสีแดงแห่งงานมงคล ชายหญิงในชุดแต่งงานคู่หนึ่งอย
เซียวจือฮว่าตกตะลึง “เฉิน…”มิใช่ว่าเขารังเกียจฉู่เชียนหลีเป็นที่สุด ซ้ำยังบอกว่าจะยกตำแหน่งชายาเอกให้นางหรอกหรือ? เห็นอยู่ว่าหนังสือหย่าเขียนจวนจะเสร็จอยู่แล้ว แต่จู่ๆ กลับไม่หย่ากับนาง?ฉู่เชียนหลีเองก็รู้สึกแปลกใจ หากเขาไม่หย่ากับนาง แล้วนางจะได้ท่องเที่ยวในยุคโบราณอย่างสบายอุราและเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขได้อย่างไร?“ท่านอ๋อง ข้ามีความผิดนี่!” นางโผเข้าไปกอดต้นขาของชายหนุ่ม เอ่ยประหนึ่งใจแทบขาด “สามเดือนก่อน ข้าวางยาท่าน บีบให้ท่านแต่งกับข้า ข้าผิดหลักคุณธรรม”“เมื่อครู่ ก็จงใจปัดน้ำชาร้อนไปลวกถูกน้องเซียวอีก จิตใจคับแคบนัก”“สตรีที่ใจแคบเช่นไส้ไก่ เจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นข้า ไม่มีหน้าจะรั้งตำแหน่งชายาอ๋องเฉินจริงๆ ขอท่านอ๋องให้ผู้ล้ำเลิศกว่ามาแทนที่เถิด!”ภายในใจ 'ผู้ชายบ้า รีบหย่าฉันเร็วๆ ฉันมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อยู่มานานกว่านายตั้งหลายพันปี ไอ้เด็กรุ่นกระเตาะที่ขนยังขึ้นไม่หมดอย่างนาย มีสิทธิ์อะไรจะแต่งกับฉัน?'รู้แต่แรก สิบปีก่อนฉันก็จะไม่ช่วยชีวิตนาย ให้นายจมน้ำตายไปเลยก็ดี!เฟิงเย่เสวียนปรี่เข้าไปกุมคอเสื้อนาง “เมื่อครู่เจ้ากล่าวสิ่งใด?”คนที่ช่วยชีวิตเขาเมื่อสิบปีก่
ในเรือนหลังเล็กโกโรโกโสสาวใช้เยว่เอ๋อร์กำลังเดินวนเวียนไปมา สองมือกำแน่นอย่างกระวนกระวายใจ และคอยชะเง้อมองข้างนอกตลอดเวลา ยามเห็นร่างที่คุ้นเคยนั้น นางก็พุ่งตัวออกไปทันใด“พระชายา!”นางรีบปรี่เข้าไปกุมมือสองของฉู่เชียนหลี ก่อนตรวจดูทั้งบนล่างซ้ายขวาหน้าหลัง “พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” ท่านอ๋องไม่ได้ทำให้ท่านลำบากใช่หรือไม่เจ้าคะ? พระชายารองเซียวนั่นรังแกท่านหรือไม่เจ้าคะ? พวกเขาเรียกท่านไปทำสิ่งใดเจ้าคะ?”ฉู่เชียนหลีกะพริบตาเยว่เอ๋อร์เป็นสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางมาสิบปีแล้ว เติบโตมาพร้อมกับนางตั้งแต่เล็ก สนิทกันดังพี่สาวน้องสาวนางส่ายหัวพลางผลักประตูเข้าไปในห้อง เรื่องแรกที่ทำก็คือปรี่เข้าไปที่โต๊ะแต่งหน้า และคว้าเอากระจกทองเหลืองแสนเก่าเขรอะขนาดเท่าฝ่ามืออี๋...น่าเกลียดชะมัด!แม้จะทำใจมาแล้ว แต่เมื่อได้เห็นใบหน้านี้ นางก็ยังต้องตกใจกับตัวเองภาพสะท้อนในกระจกทองเหลืองนั้น ครึ่งหน้าของสตรีหยาบขรุขระ เหมือนถูกเผาด้วยไฟร้อน ผิวหนังยู่ย่น อัปลักษณ์น่าตกใจกลัว เหมือนปีศาจไม่มีผิด ใครพบเห็นเข้า ตกกลางคืนต้องมีอันฝันร้ายเยว่เอ๋อร์กังวลว่าพระชายาจะน้อยเนื้อต่ำใจจึงรีบดึงกระจกท