“เสียวฉู่ เจ้าไร้เดียงสามากเกินไปแล้ว อย่าได้คลายความระแวดระวังลง เพียงเพราะใครคนหนึ่งทำดีต่อเจ้าอย่างเด็ดขาด ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นหมาป่าที่ใส่หน้ากากตัวหนึ่งก็ได้”ถงเฟยมีความหวาดระแวงลูกชายของนางกำนัลคนหนึ่ง สามารถปีนมาถึงตำแหน่งในทุกวันนี้ได้ ทั้งยังได้รับหน้าที่ที่สำคัญอย่างเช่นพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษขนาดนี้ มองออกได้ไม่ยากว่ากลอุบายของเขาไม่ธรรมดานางกังวลใจ คนแบบนี้ จะส่งผลดีต่ออ๋องเฉินฉู่เชียนหลีเพียงแค่ยิ้มเท่านั้นภายในใจของนางราวกับกระจกบานหนึ่งเพียงแต่ เรื่องที่อ๋องเฉินอยู่ในเมืองหลวงมาตลอด นางไม่สามารถบอกถงเฟยได้ ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง กล่าว“ไม่หรอก ข้ารู้สึกว่าอ๋องหลีดีมากเลยทีเดียว”“!”ถงเฟยสีหน้าปกติทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว แล้วก็รุนแรงด้วย จำเป็นต้องปรับแก้ไขความคิดของฉู่เชียนหลีให้ถูกต้อง“เสียวฉู่ เจ้าท่องตามข้า” นางกางมือซ้ายของฉู่เชียนหลีออก นิ้วชี้จิ้มไปที่ฝ่ามืออันอวบอิ่มของนาง เอ่ยปากพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “จื่อเวิงเฟิง จื่อเอินเจิ้ง เลยอีฮ่วย”“เฟิงเจิ้งฮ่วย[1]”“?”“?”ไม่ใช่เลยอีหลีหรอกหรือ?ฉู่เชียนหลี
เรียกทีเดียว สองคำ ทำให้ฝีเท้าของเยว่เอ๋อร์ชะงักหยุดอยู่กับที่ทันที ก็ทำให้เกิดความกระสับกระส่ายขึ้นมาทันทีอ๋องหลีคงจะไม่ใช่ว่าเห็นนางแล้ว คิดจะฆ่านางปิดปากหรอกใช่หรือไม่?เมื่อนึกได้เช่นนี้ สีหน้าก็ซีดขาวยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ จ้องมองชายหนุ่มที่ค่อย ๆเดินเข้ามาหานาง ร่างกายรู้สึกตึงเครียดขึ้นอย่างอดไม่ได้ แม้แต่ลมหายใจก็ตื่นเต้นขึ้น“ทะ...ท่านอ๋องหลี...”ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ หรี่ดวงตาเล็กน้อย จ้องมองนาง“เจ้าชื่อเยว่เอ๋อร์ใช่หรือไม่?”สีหน้าที่สงบนิ่งของเขา ท่าทางที่เอ้อระเหยลอยชายนั่น ราวกับว่าเป็นบ้านของตนเอง แม้ว่าจะถูกพบเข้าแล้ว ก็ไม่ได้หลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อยเยว่เอ๋อร์มีความลนลานเล็กน้อย“ชะ ใช่...”เหตุใดจึงรู้สึกว่าอ๋องหลีเป็นเจ้านายของจวนแห่งนี้ แต่นางเป็นโจรชั่วที่ถูกจับได้คาหนังคาเขาเสียละ?ไม่ใช่!เหตุใดนางถึงต้องถูกอ๋องหลีทำให้ตกใจด้วยเล่า?นางจะต้องนำเรื่องนี้ไปบอกแก่พระชายา! เพื่อให้พระชายารู้ถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของอ๋องหลี!อ๋องหลีเข้าใกล้พระชายา เพราะมีแผนการชั่วร้าย จะต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่นแน่!เฟิงเจิ้งหลียิ้ม“เยว่เอ๋อร์เอย ครั้งก่อนที่ตระกูล
อ๋องหลีคนนี้ ไม่อยู่ที่จวนตัวเอง ไม่อยู่เป็นเพื่อนพระชายาของตน ต้องคอยมากระแซะอยู่ข้าง ๆ ฉู่เชียนหลีทุกวัน ทันทีที่เห็นก็รู้สึกไม่สบายใจไม่ว่าเขาจะมีแผนการร้ายอะไร ขอเพียงแค่นางกินของพวกนี้จนหมด อ๋องหลีก็จะทำร้ายฉู่เชียนหลีไม่ได้แล้วเมื่อคิดได้ดังนั้น ถงเฟยก็ยิ้มอย่างด้วยใบหน้าเบิกบาน“ท่านอ๋องหลีมีน้ำใจเช่นนี้ ในโลกนี้มีน้อยนัก เพียงแต่ วันนี้แดดดีมาก เหตุใดจึงไม่เห็นพระชายาอ๋องหลีละ?”นางพลางถาม พลางหยิบปลาน้อยแห้งสองสามตัว ใส่เข้าไปในปาก“ซี้ด เผ็ดไปหน่อย เสียวฉู่ เจ้าห้ามกิน”อ๋องหลี “...”สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าถูกเพ่งเล็งแล้วรอยยิ้มบาง ๆ อันอบอุ่นที่อยู่บนใบหน้า สีหน้าไม่แสดงออกถึงความไม่พอใจแม้แต่น้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ“พระชายาอ๋องหลีสุขภาพไม่แข็งแรง กำลังอยู่ในระหว่างบำรุงครรภ์ ไม่สะดวกออกจากจวน”“งั้นหรือ? ถ้านางตั้งท้องอยู่แล้วยังไม่สบายอีก เหตุใดท่านถึงไม่อยู่เป็นเพื่อนนางละ?” ถงเฟยซักไซ้ “ถ้าหากถูกนางรู้เข้าว่าท่านออกมาเที่ยวเล่นกับฉู่เชียนหลีเข้าละก็ จะต้องไม่พอใจแน่ ๆใช่หรือไม่?”“...”รอยยิ้มของชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยเพียงแค่ชั่วขณะเดียว ก็ยิ้มบา
“เสี่ยวเอ้อร์ ห่อยาพวกนี้ให้ข้าหน่อย” ฉู่เชียนหลีชี้สมุนไพรสิบกว่าชนิด มีทั้งแห้งและแบบที่เพิ่งเก็บมาล้วนเป็นยาที่มีสรรพคุณเย็น“ขอรับ ฮูหยิน”ผู้ช่วยหมอนำถุงกระดาษมาห่อทีละอย่างสายตาที่ลึกซึ้งของเฟิงเจิ้งหลีมองมา จดจำชื่อและหน้าตาของสมุนไพรเหล่านั้นทีละอย่าง…เดินเตร่ครู่หนึ่ง ฉู่เชียนหลีกลับจวน ทั้งสองแยกกันจวนอ๋องหลี“ท่านอ๋องกลับแล้วหรือ” ปัจจุบันอูหนูเคลื่อนไหวอย่างอิสระในจวนอ๋องหลี เมื่อเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่หญิงสาวในเมืองหลวงสวมใส่ ช่วยลดกลิ่นอายของเหมียวเจียงลงหลายส่วน แต่ใบหน้าที่มีเค้าโครงชัดเจนนั่น ยังคงสวยงามมากเฟิงเจิ้งหลีเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้หลักมองอูหนูแวบหนึ่งอย่างครุ่นคิดทันใดนั้น กระดิกนิ้วทีหนึ่ง อูหนูเดินเข้ามาสองสามก้าวอย่างเข้าใจ“หญ้ารากแดง อูจื่อเอ๋อร์ ใบงู สมุนไพรพวกนี้ใช้รักษาอะไร?” เขาถามนี่เป็นสมุนไพรที่ฉู่เชียนหลีซื้อในโรงหมอ เขาสังเกตอย่างละเอียดอูหนูเชี่ยวชาญวิชามนตร์ดำพิษกู่ โดยเฉพาะด้านสมุนไพรยิ่งมีประสบการณ์ เมื่อได้ยินชื่อสมุนไพรเหล่านี้ ก็รู้สรรพคุณแล้ว“ท่านอ๋อง เป็นของเย็นทั้งหมด”“สมุนไพรที่เย็นเกินไป ใช้เป็นยาได้เพียงครั้ง
“นี่พูดอะไร? เจ้าดูเฉินเอ๋อร์ แล้วลองดูเจ้า ลูกที่เกิดจากมังกรและหงส์ จะด้อยไปถึงไหนกันเชียว?” ถงเฟยชื่นชมด้วยรอยยิ้ม“ใช่เจ้าค่ะ!”เยว่เอ๋อร์ถือน้ำอุ่นกะละมังหนึ่งเข้ามาฉู่เชียนหลีจับสมุนไพรมาครึ่งวันแล้ว ล้างมือให้นางก่อนค่อยกิน“เท่าที่ข้าดู วันข้างหน้าท่านอ๋องน้อยจะฉลาดเหมือนท่านอ๋อง หลักแหลมเหมือนพระชายา ไม่รู้ว่าลูกสาวบ้านไหนจะคู่ควรนะ” นางกล่าวด้วยรอยยิ้มลูกยังไม่ทันเกิด นึกถึงกระทั่งสะใภ้ในอนาคตแล้วฉู่เชียนหลี “...”สองคนนี้ เหตุใดดูรีบร้อนยิ่งกว่านางที่เป็นแม่คนนี้?ยิ่งพูดยิ่งไปไกลล้างมือ กินถั่วเขียวต้ม เย็นสดชื่น“แต่ว่านะเสียวฉู่ เจ้าพลิกไปพลิกมาดูสมุนไพรพวกนี้ทำไม?” ถงเฟยไม่มีความรู้เรื่องยา มองดูสมุนไพรหลากสีเหล่านั้นด้วยความสงสัย“ข้าเห็นเจ้าทำมาครึ่งวันแล้ว กำลังศึกษายาอะไรหรือ? ดูเหมือนยากมากเลย?”ฉู่เชียนหลีกลืนถั่วเขียวต้มที่เย็นสดชื่น กล่าวตอบอย่างไม่ใส่ใจคำหนึ่ง“ฮ่องเต้ให้ข้าทำ”เพราะถงเฟยกับเยว่เอ๋อร์ต่างก็เป็นคนที่เชื่อใจได้ นางอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลาย คำพูดก็ย่อมตามใจและเป็นธรรมชาติ“เขาบอกว่าฤทธิ์ยาของดอกไม้แห่งความตายรุนแรงเกินไป ฮองเฮากินแค
อวิ๋นอิง “...”ถงเฟยรู้สึกว่าตนเองพูดมีเหตุผลมาก หลิงเชียนอี้ก็มองไปด้วยสายตาที่เห็นด้วย ด้วยความเป็นห่วง ทั้งสามจึงลดฝีเท้าให้เบาลง และกอดคอกอดไหล่เข้าใกล้ห้องปีกข้างอย่างเงียบๆท่าทางที่ย่องเหมือนเป็นขโมย ศีรษะดำๆ สามลูก แนบกับกำแพงอย่างระมัดระวัง แอบฟังความเคลื่อนไหวที่อยู่ข้างใน“เป็นอย่างไรบ้าง? น้าสะใภ้ข้ากำลังร้องไห้หรือไม่?” หลิงเชียนอี้ถามด้วยเสียงที่เบามากๆถงเฟยฟังอย่างตั้งใจสิบกว่าวินาทีทุกอย่างเงียบสงัดนางส่ายศีรษะ “ไม่ได้ยิน”อวิ๋นอิง “พระชายาไม่ใช่คนอ่อนแอเช่นนั้น”ถงเฟย “เจ้าพูดถูก เสียวฉู่ไม่ร้องไห้ออกมาเป็นเสียงหรอก นางน่าจะกำลังกัดผ้าห่ม ฝืนกลั้นเสียงร้องไห้”อวิ๋นอิง “...”ความหมายของนางคือ นางติดตามพระชายาเกือบหนึ่งปีแล้ว ไม่เคยเห็นพระชายาร้องไห้ พระชายาไม่มีทางหลั่งน้ำตาง่ายๆแต่ความสามารถในการเข้าใจของถงเฟย…ผ่านไปครู่หนึ่งถงเฟยถอนหายใจ“เสียวฉู่น่าสงสารจัง”“แต่สงครามที่เป่ยเจียงเป็นเรื่องเร่งด่วน ถ้าหากเฟิงเย่เสวียนไม่ไป ราษฎรของทางนั้นก็จะพลัดถิ่นลี้ภัย หรือกระทั่งสูญเสียบ้านและชีวิต โลกนี้หาได้มีหนทางพรั่งพร้อม ไม่ผิดต่อพุทธองค์ก็ผิดต่อเจ้
แมวป่าตัวหนึ่ง?ในจวนอ๋องนี่แมวป่ามาจากไหน? ประกอบกับเป็นกลางคืน นางไปอยู่หลังพุ่มไม้ในที่มืดๆ ฤดูร้อนอากาศร้อน นางไม่กลัวพวกแมลงกับงูเลยหรือ?อวิ๋นอิงสงสัยเล็กน้อย ยังอยากทำอะไรบางอย่าง แต่เยว่เอ๋อร์เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม จับแขนของอวิ๋นอิง“อวิ๋นอิง อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”“ข้าช่วยทายาที่หลังให้เจ้าดีหรือไม่?”“ท่านโหวน้อยไม่ได้อยู่กับเจ้าหรือ?”นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ พลางลากอวิ๋นอิงไปแล้วอวิ๋นอิงพลางเดิน พลางอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองข้างหลังแวบหนึ่งเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าใต้กำแพงที่มืดมิดนั่น มีเงาสีดำขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง ดูแล้วไม่เหมือนสุนัขหรือแมว แต่เหมือน…รูปร่างของคนผอม?ไม่ทันได้ดูเยอะ ก็ถูกเยว่เอ๋อร์ลากไปแล้วมองดูใบหน้าที่สะอาดของเยว่เอ๋อร์ ในใจอวิ๋นอิงเกิดความสงสัยอีกครั้ง แต่ก็สลัดทิ้งในทันทีเยว่เอ๋อร์เป็นห่วงนาง นางสงสัยเยว่เอ๋อร์ได้อย่างไรอีกอย่างนะ เยว่เอ๋อร์ติดตามพระชายาเกือบสิบปีแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าเป็นคนสนิทที่ไว้ใจได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือความรู้สึก นางก็ไม่ควรสงสัย“พี่เยว่เอ๋อร์ ข้าขอโทษ”เยว่เอ๋อร์ตะลึงงันครู่หนึ่ง “อะไร?”
ลมหายใจอุ่นๆ ทำให้ร่างกายฉู่เชียนหลีเหมือนถูกไฟช็อต กระตุกตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของเขา“เจ้าทำอะไร!”แสร้งโกรธ ทุบกำปั้นใส่หน้าอกเขา เหมือนเกาเฟิงเย่เสวียนยิ้มลึก “เชียนหลีนับว่าช่วยเตือนข้าแล้ว เมื่อก่อนอยู่กับเจ้า ล้วนเปิดเผย ทำตามใจชอบ วันนี้ข้าพบว่าลักลอบเช่นนี้ มันก็ตื่นเต้นดีเหมือนกัน”เพราะไม่สามารถให้บุคคลที่สอง รู้การมีอยู่ของเขา ดังนั้นทั้งสองจึงทำได้เพียงแอบพบกลางตอนกลางคืน เวลาพูดก็เสียงดังไม่ได้ ลับๆ ล่อๆ เหมือนขโมยที่จริงพฤติกรรมที่แอบเล่นจ้ำจี้โดยปิดบังทุกคน กลับอยู่ต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ มันตื่นเต้นมากจริงๆเขาเลิกคิ้ว “หรือไม่…มาสักยก?”ฉู่เชียนหลี “...”พูดหนึ่งไม่เป็นสอง เขาจะลงมือทันทีฉู่เชียนหลีหน้าบึ้ง ใช้สองมือยันหน้าอก และเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง“เจ้าอยากเปิดเผยตัวตน?”ข้างนอก มีเยว่เอ๋อร์เฝ้ายามอยู่ นอกเรือนหานเฟิง ก็มีทหารยามที่ลาดตระเวนเดินผ่านเป็นระยะ ถ้าหากได้ยินความเคลื่อนไหวในห้อง คิดว่านางแอบคบชู้…แค่ก!“เจ้าก็อย่าร้องออกเสียงสิ”“ข้า…?”ฮึ่ม?!เขาพูดคำพูดเช่นนี้ออกจากปากได้อย่างไร?พลันเอื้อมมือเล็กออกไป กระชากเนื้อน