ชายหนุ่มคนนั้นกลัว ถูกสายตามากมายเช่นหนีจ้องมอง และยังอยู่ต่อหน้าสุสานหลวง คุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุม แม้แต่ริมฝีปากก็สั่นด้วย“ข้า…ข้าเดิน…เดินผ่าน…ข้าไม่รู้อะไรเลย…”พูดจาอ้ำอึ้ง แค่ดูก็รู้ว่ามีพิรุธเสียงที่เย็นชาของเฟิงเจิ้งหลีดังขึ้น“ในเมื่อไม่พูด เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้แล้ว!”“ใครก็ได้ เฉือนเนื้อเขาออกมาเป็นชิ้นๆ ยอมพูดเมื่อไร ก็ปล่อยเขาเมื่อนั้น!”เมื่อมีคำสั่งออกมา ทหารองครักษ์คนหนึ่งลวงมีดสั่นออกมาวางบนแขนของเขา จะลงมือทันทีพลันชายหนุ่มตกใจจนก้นหด เขาจะกล้าแบกรับความเจ็บปวดที่ทรมานยิ่งกว่าตายเช่นนี้เสียที่ไหน? อ้าปากก็กล่าว“ข้าพูด! ข้าพูด! อ๋องเฟิงเป็นคนสั่งให้ข้าไปทาเถ้าขาวบนเทียนแดง!”ซี้ด…ทั้งสุสานหลวง เต็มไปด้วยเสียงสูดลมเย็นเข้าปอดอ๋องเฟิง!ทุกคนหันไปมองทางอ๋องเฟิง อ๋องเฟิงสะดุ้งเหมือนนกที่ตกใจลูกธนู“พูดเหลวไหล!”ปฏิกิริยาของเขารุนแรงเป็นพิเศษ“ข้าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร!”ฉู่เชียนหลีคิดไม่ถึงว่าอ๋องหลีจะช่วยนาง…นางอดไม่ได้ที่จะมองอ๋องหลีแวบหนึ่ง พอดีกับอ๋องหลีมองมาเช่นกัน บนใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ ที่อ่อนโย
ตระกูลกู้!ทันใดนั้น คนคนหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องถูกลากเข้ามาพัวพัน ทุกคนต่างประหลาดใจ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องที่กิจการครอบครัวของตระกูลกู้ได้ตกไปอยู่ในมือพระชายาอ๋องเฉินสี่ส่วนคิดเพียงตระกูลกู้แพ้เดิมพัน รู้สึกเสียหน้ามาก ไม่สามารถระบายความคับข้องใจนี้ ด้วยเหตุนี้จึงเล่นสกปรก แก้แค้นอ๋องเฉินฮ่องเต้ขมวดคิ้ว “นายท่านรองกู้?”“พ่ะย่ะค่ะ!”อ๋องเฟิงพยักหน้าแรงๆ “เสด็จพ่อ เขานี่แหละ! เมื่อสามวันก่อนเขามาหาหม่อมฉัน อยากร่วมมือกับหม่อมฉันใส่ร้ายอ๋องเฉิน แต่หม่อมฉันปฏิเสธ คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ!”เขาผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้นายท่านรองกู้ฮ่องเต้เป็นคนเข้าข้างคนของตัวเอง ในเมื่อมีแพะรับบาป ก็ย่อมต้องปกป้องชื่อเสียงของอ๋องเฟิง เวลาเดียวกันก็ปกป้องชื่อเสียงของราชวงศ์ด้วย“ใครก็ได้ เรียกนายท่านรองกู้มา!”เขาออกคำสั่งหลังจากประมาณสองเค่อ นายท่านรองกู้มาแล้วเขาเห็นชายหนุ่มคนนั้นถูกกระชากออกมาแล้ว บรรยากาศในที่เกิดเหตุค่อนข้างเคร่งขรึม ในใจพอรู้อะไรบ้างแล้ว เขาตั้งสติแล้วเดินเข้าไปคำนับฮ่องเต้หยิบเทียนแดงเล่มนั้นขึ้น โยนไปที่ตรงหน้านายท่านรองกู้ ตวาดอย่างเย็นชา “
นายท่านรองกู้ร้อนรนแล้ว “พระชายาอ๋องเฉิน อย่าพูดเหลวไหล!”เรื่องสำคัญอย่างเชงเม้งเซ่นไหว้บรรพชน หากเขารับผิดชอบคนเดียว ไม่สามารถแบกรับผลที่ตามมาอยากแก้แค้นอ๋องเฉินเพื่อระบายความคับข้องใจ ใครจะรู้ว่าเอาตัวเองเดิมพันเข้าไปด้วย“เรื่องนี้ข้าสมคบคิดกับอ๋องเฟิง!”เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่ปิดบังอีก พูดความจริงออกมาโดยตรง เพื่อลากอ๋องเฟิงเข้ามารับผิดด้วย“ท่านอย่าคิดลากอ๋องเฟิงเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นฝีมือของท่านนั่นแหละ” ฉู่เชียนหลีเหลือบมองเขา “แผนการของท่านไม่สำเร็จ อยากลากอ๋องเฟิงมารับผิดด้วย หัวหน้าตระกูลกู้ ท่านบังอาจมาก!”นางลูบท้องไปพลาง ทุกคำพูดเย็นชาเฉียบขาดหัวหน้าตระกูลกู้ทำจางเฟยตาย นางไม่ล้มตระกูลกู้ ก็ไม่สามารถระบายความคับข้องใจนี้!ฮ่องเต้เอนเอียงไปทางฉู่เชียนหลีอยู่แล้วถ้าหากเกี่ยวข้องกับอ๋องเฟิง มีแต่จะทำให้ราชวงศ์เสียหน้า เมื่อผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้ตระกูลกู้ ไม่เพียงสามารถปกป้องอ๋องเฟิง และยังสามารถจบปัญหาเมื่อคิดเช่นนี้ เขาตวาดอย่างเย็นชา“หัวหน้าตระกูลกู้ พฤติกรรมเช่นนี้ของท่านยิ่งอยู่ยิ่งเหิมเกริม ไม่เห็นเราอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ!”“เห็นแก่มิตรภาพระหว่
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปถึงหูพระชายาอ๋องเฟิง พระชายาอ๋องเฟิงโมโหจนกระโดดลุกขึ้นนั่งบนเตียง ดึงหูของอ๋องเฟิงโดยตรงอ๋องเฟิงตกใจมาก“เหยาเหยา นอนลง! รีบนอนดีๆ! หมอหลวงบอกว่าเจ้าห้ามขยับส่งเดช!”เพราะปัญหาด้านสุขภาพของพระชายาอ๋องเฟิง ตั้งแต่ตั้งครรภ์ก็วิ่งไม่ได้ กระโดดไม่ได้ ตื่นเต้นไม่ได้ นางใช้เวลาส่วนใหญ่ของทุกวันนอนพักฟื้นบนเตียง ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้จึงอนุญาต ไม่ต้องเข้าร่วมเชงเม้งเซ่นไหว้บรรพชนพระชายาอ๋องเฟิงโมโหมาก“ฉู่เชียนหลีเป็นผู้มีพระคุณของข้า เจ้ากลับทำเช่นนี้กับนาง ต่อไปข้าจะไปพบนางอย่างไร?”เมื่อก่อน นางเย่อหยิ่งตั้งแต่ตั้งครรภ์ นางก็รู้จักแยกแยะหนักเบาตอนนี้ นางแค่อยากคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย ไม่อยากคิดเรื่องอื่นอีกแล้ว“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากเป็นรัชทายาท แต่เหตุใดเจ้าไม่ลองคิดดู มันถึงคราวของเจ้าแล้วหรือ? ฝ่าบาทเข้าข้างอ๋องเฉินตั้งแต่เด็ก ครอบครัวเสด็จแม่ของอ๋องอันมีอำนาจล้นฟ้า ช่วงนี้อ๋องหลีก็ได้รับความสำคัญจากฝ่าบาท แล้วยังมีอ๋องติ้งอ๋องเจวี๋ย แถมในมืออ๋องเจวี๋ยยังมีอำนาจทางทหารด้วย”“เจ้าลองพูดดู เจ้ามีข้อได้เปรียบอะไร?”“เจ้าเอาอะไรไปแย่งกับคนอื่น? เจ้ามันหยิ
ตระกูลกู้ซากปรักหักพังที่ถูกระเบิดได้รับการเก็บกวาดแล้ว เหล่าคนรับใช้กำลังยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง คนที่ขนไม้ก็ขนไม้ คนที่ก่อกำแพงก็ก่อกำแพง คนที่ขนอิฐก็ขนอิฐ…สร้างคฤหาสน์ใหม่นายท่านรองกู้สีหน้ามืดมน วิ่งกลับมาอย่างโมโหเมื่อเห็นกำแพงที่กำลังก่อ เขาก็กระโดดเข้าไปถีบด้วยความโกรธปัง!กำแพงที่เพิ่งก่อยังไม่มั่นคง เมื่อโดนถีบเช่นนี้ ก็ถล่มลงมาทันที พลันอิฐก่อนหนึ่งก็ตกไปที่ศีรษะนายท่านรองกู้“อ๊า!”เหล่าคนรับใช้ตกใจมาก“นายท่าน ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง…”“ไสหัวไป!”คนเราเมื่อถึงคราวเคราะห์ ดื่มน้ำก็สามารถติดซอกฟันเดิมทีคิดจะถีบกำแพงระบายความโกรธ กลับถูกอิฐตกใส่ศีรษะน่าโมโห!นายท่านรองกู้โมโหจนแทบระเบิดแล้ว หลายปีมานี้ เขาไม่เคยถูกเอาเปรียบเช่นนี้ ไม่เคยโมโหเช่นนี้ แต่เรื่องที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ โมโหแล้วยังไม่สามารถระบายออกมา ได้แต่กัดฟันอดกลั้น มันแม่งทำให้คนคลั่งจริงๆ!จะเป็นบ้าแล้ว!กิจการครอบครัวสี่ส่วน เงินห้าแสนตำลึง เอาชีวิตครึ่งหนึ่งของตระกูลกู้ไปโดยตรงเขาเกลียดราชวงศ์!ไอ้โจรพวกนี้!นายท่านรองกู้เดินเข้าไปในห้องโถงหลักอย่างโมโห โกรธจนเห็นอะไรก็ทุบของสิ่งนั้น อะไ
อวิ๋นอิงถือทวนหงอิง พลันเท้าเคลื่อนไหว ผมสั้นที่เรียบร้อยสะบัด ร่างกายก็พุ่งเข้าไปอย่างปราดเปรียวนายท่านรองกู้เก็บไม้ท่อนหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้น โต้กลับอย่างเกรี้ยวกราด“นางแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้า!”ต่อให้รากฐานของตระกูลกู้เสียหายอย่างหนัก แต่อย่างไรก็เป็นถึงตระกูลกู้ หาใช่หมูหมากาไก่ที่ไหนก็สามารถล่วงเกิน?บังอาจท้าทายบารมีของเขา เขาจะให้อวิ๋นอิงเดินเข้ามา แต่ต้องคลานออกไป!ทั้งสองเริ่มปะทะกันนายท่านรองกู้ท่องยุทธภพมานานหลายปี มีวรยุทธ์ติดตัว พละกำลังก็เยอะ เขาเหวี่ยงท่อนไม้ในมือจนดังฟู่ๆ ราวกับมันไม่ใช่ท่อนไม้ แต่เป็นดาบที่แหลมคมอวิ๋นอิงตัวเล็กบอบบาง แขนขาว่องไวดั่งแมว ปฏิกิริยาตอบสนองเร็ว กระโดดหลบเลี่ยงเข้าโจมตีและตั้งรับ การเคลื่อนไหวไวมาก เห็นแล้วตาลายตามไม่ทันทั้งสองประมือกัน ได้ยินเพียงเสียงที่ดุดันดังขึ้นเป็นระลอกฟู้!ฮ้า!ปัง!อวิ๋นอิงเข้าประชิดอย่างไว สองเท้าเหยียบบนเสา อาศัยแรงดีดกระโดดขึ้น ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น“เจ้าไม่อยากยกเลิกสัญญาแต่งงานของกู้ชิงชิงกับท่านโหวน้อย แล้วเหตุใดต้องตอบตกลง? เหตุใดต้องใช้วิธีระเบิดที่ต่ำช้าเช่นนี้! เป็นถึงหัวหน้าตระกูลกู้ น
อวิ๋นอิงเริ่มโมโหแล้ว ตอนที่ทวนหงอิงกำลังจะแทงลงไปทันใดนั้น นางปวดข้อมือฉับพลันมีหินก้อนหนึ่งลอยมาจากอากาศ ตีจนข้อมือของนางปวด ทำให้ข้อมือชาฉับพลัน พริบตานั้นสูญเสียกำลังทั้งหมด ทวนหงอิงหลุดออกจากมือ ตกลงบนพื้นและก็เป็นพริบตานี้เอง นายท่านรองกู้สบโอกาสโต้กลับเขาดีดตัวลุกขึ้น ฟาดขาเตะอวิ๋นอิงล้มลงบนพื้นกระทืบลงไปอย่างแรง!ร่างกายที่ปราดเปรียวของอวิ๋นอิงพลิกตัวหลบอย่างฉับไว คุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้น แต่ข้อมือยังรู้สึกชาอยู่ แขนขวาไร้เรี่ยวแรงเมื่อเห็นนายท่านรองกู้โจมตีเข้ามา นางยกมือบัง กลับถูกถีบจนลอยออกไปเจ็ดแปดเมตร“อ๊า!”นางกลิ้งตกจากบันได ไปอยู่ตรงลานนอกหัวโถงหลักและก็เป็นเวลานี้เอง นางสังเกตเห็นร่างเงาที่คุ้นเคยสายหนึ่ง!บนหลังคาชุดเพ้าสีดำก้มมองจากที่สูงเหลือบมองอย่างดูถูกจิ่งอี้!เป็นเขา!อวิ๋นอิงตะลึงงัน ถึงว่าอยู่ดีๆ เหตุใดจู่ๆ ตนก็ถูกก้อนหินตี ที่แท้เป็นฝีมือของจิ่งอี้!ไม่ทันได้พูดอะไร นายท่านรองกู้ก้าวเข้ามาแล้ว“นางบ่าวไพร่ชั้นต่ำ ข้าจะเอาชีวิตเจ้า!”ฝ่ามือถูกเหวี่ยงเข้ามา แม้อวิ๋นอิงหลบได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ยังถูกตบโดนหัวไหล่ รู้สึกปวดจนชา“ข้า
พ่อแม่อยู่ ชีวิตยังมีที่มาพ่อแม่จากไปแล้ว ชีวิตเหลือเพียงปลายทางถ้าหากสามารถมีที่หลบลมหลบฝน ก็อาจจะไม่เหนื่อยเช่นนี้แล้ว หรือมีที่พึ่งพิง ไร้กังวล ขี้อ้อนเหมือนเด็กคนอื่นนางคิดว่าในที่สุดก็ได้อยู่ร่วมกับพ่อแม่แล้วแต่ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ความเจ็บบนร่างกายดึงนางกลับสู่ความเป็นจริงเมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับห้องที่ไม่คุ้นเคย สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย และยังมีร่างเงา…สายหนึ่งที่คุ้นเคยตรงหน้าอวิ๋นอิงเห็นเขา ปฏิกิริยาแรกคือหลบเลี่ยง ขดตัวเข้าไปในผ้าห่ม สองมือกำผ้าห่มแน่น คลุมตัวเองไว้อย่างมิดชิดจิ่งอี้มองนางอย่างเย็นชา “ที่แท้ก็ยังไม่ตาย”เขาปิดฝายาทาที่อยู่ในมือ โยนทิ้งบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ กล่าวอย่างเย้ยหยัน“มันก็จริง ทำเรื่องที่ละอายใจก็ตายไปทั้งเช่นนี้ เกรงว่าไปถึงยมโลกก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”อวิ๋นอิงกำหมัดแน่น กลิ่นคาวหวานพุ่งพรวดขึ้นมาที่ลำคอ“ข้าไม่ได้เป็นคนทำ…”เสียงยังไร้เรี่ยวแรง แต่หนักแน่น“ตระกูลกู้ใส่ร้ายข้า ข้าไปตามหาความจริง เหตุใดเจ้าไม่จับนายท่านรองกู้มา แค่ถามกระจ่าง?”“ข้าเชื่อแค่ในสิ่งที่ข้าเห็น”ขลุ่ยไม้ไผ่ของนางปรากฏในมือจางเฟยก็แสดงว่าเกี่ยวข้อ
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ
“ดื่มเยอะๆ”“...เสด็จแม่ยังไม่ฟื้นหรือ?”“หมอบอกว่าอาจจะต้องพรุ่งนี้ เสด็จพี่สาม ฉู่เชียนหลีโกหก ไม่ว่าเวลาไหน ท่านก็ห้ามเชื่อคำพูดของนางเด็ดขาด และไม่ว่ายวนเอ๋อร์ทำอะไร ก็ล้วนทำเพราะหวังดีต่อท่านพี่ ยวนเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง”จวินลั่วยวนเงยหน้า กล่าวอย่างจริงจังมากจวินชิงอวี่เชื่อคำพูดของนางอย่างไม่มีเงื่อนไขเขามีแค่น้องสาวคนเดียว เขาไม่ตามใจแล้วใครจะตามใจ? เขาไม่รักแล้วใครจะรัก?“เป็นเด็กดีนะ”วันรุ่งขึ้นตามที่นัดหมายกับฉู่เชียนหลี เดิมทีจวินชิงอวี่ไม่อยากไป ยี่สิบกว่าปีมานี้ มีหมอนับไม่ถ้วนเคยรักษาเขา ไม่มีใครสามารถรักษาโรคร้อนของเขาได้เลยกล่าวอีกนัยคือ เขาไม่เชื่อฉู่เชียนหลี แต่การเดิมพันนั่น…เขาไม่เคยสงสัยยวนเอ๋อร์การเดิมพันนี้ ก็ย่อมไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ลับกล่าว “องค์ชาย ท่านไปดีกว่า ในแคว้นตงหลิง ไม่มีใครไม่รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ถ้าหากนางสามารถรักษาได้จริงๆ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะโรคกำเริบแล้ว”หลังจากจวินชิงอวี่ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจไปชานเมืองบ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงบเอี๊ยด…“ท่านมา
“เช่นนั้นพวกเราเหมือนเดิมพันกัน”“เดิมพันก็เดิมพัน!”นอกหอน้ำชาจวินลั่วยวนมาถึง หลังจากสอบถามข้อมูลคร่าวๆ จากเด็กในร้าน ก็ย่องขึ้นไปบนชั้นสอง เข้าใกล้ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เพิ่งแนบหูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาข้างในเสียงของฉู่เชียนหลี“โรคร้อนอันตรายมาก แค่ไม่ระวังเล็กน้อยก็จะกำเริบ ตอนที่ข้ารักษาเจ้า ต้องเปิดจุดชีพจร กรีดเปิดแผลบนมือและเท้าสี่จุด ใช้เลือดของข้าแลกกับเจ้าครึ่งหนึ่ง ในระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด”ลดเสียงกล่าวอย่างจริงจัง“ไม่เช่นนั้น กำลังภายในจะย้อนกลับ ห้ามเลือดไม่ได้ ถึงเวลา ข้าจะตาย เจ้าก็เจ้าตาย”จวินลั่วยวนประหลาดใจฉู่เชียนหลีสามารถรักษาโรคร้อน?ยิ่งกว่านั้น!ประเด็นสำคัญคือ!ห้ามถูกขัดจังหวะกลางคันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉู่เชียนหลีกับองค์ชายสามล้วนจะตาย!ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินก็ว่าง อยากได้อ๋องเฉิน ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้วไม่ใช่หรือ?ทันใดนั้น แววตาเร่าร้อนทันทีตื่นเต้นคาดหวังแทบรอไม่ไหวนางกำลังจะเป็นพระชายาอ๋องเฉินแล้ว!การสนทนาภายในห้องกินเวลานานหนึ่งเค่อ ก่อนจะจบลง จวินลั่วยวนรีบวิ่งไปซ่อนตัวที่หัวมุม ประตูห้องเปิดออ
จวินลั่วยวนยกมือทั้งสองข้างขึ้น วางลงไปที่คอของฮองเฮาทันใดนั้น ร่างกายของฮองเฮาหนานยวนขยับเล็กน้อย นางรีบดึงมือกลับ ลุกขึ้นยืน และกลับมาดูเป็นเด็กดีอีกครั้ง“ซวงซวง ทางเสด็จพี่สามของข้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”ซวงซวงวิ่งเข้ามา“เมื่อครู่ทางองครักษ์มารายงาน หลังจากเสด็จพี่สามออกไป เจอสามีภรรยาอ๋องเฉิน ตอนนี้พวกเขาเข้าไปในหอน้ำชาแล้ว ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันลับๆ เจ้าค่ะ”“?”พวกเขายังมีเรื่องให้คุยกันอีกหรือ?เสด็จพี่สามไม่ได้ไปสืบเรื่องของคนร้าย?เหตุใดยังสามารถคุยกับสามีภรรยาอ๋องเฉินดีๆ อีก?คุยอะไรกัน?หรือเป็นความลับที่นางไม่รู้?จวินลั่วยวนไม่อนุญาตให้มีเรื่องที่อยู่เหนือกันควบคุมของนาง กล่าวทันที “ซวงซวง เจ้าเฝ้าเสด็จแม่ไว้ ข้าลองไปดูหน่อย!”“เจ้าค่ะ องค์หญิง!”หอน้ำชาห้องส่วนตัวจวินชิงอวี่นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ สีหน้าดูไม่ดีนัก และยังบึ้งตึงเหมือนจะกินคน กัดฟันจนดังก๊อกๆ“ท่านกล้าบอกว่ายวนเอ๋อร์เป็นคนวางยา!”จ้องฉู่เชียนหลีด้วยความโกรธโมโหมากถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินนั่งอยู่ที่ข้างๆ เกรงว่าเขาลงมือโดยตรงแล้วฉู่เชียนหลีกล่าว“ตอนที่พวกเราออกจากศาลาพักม้า องครักษ์ลับ
ฉู่เชียนหลี “องค์หญิงมั่นใจในตัวเองจริงๆ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าผู้หญิงที่ถูกอ๋องเฉินโยนออกไปเป็นใคร?”“...”รออ๋องเฉินถีบฉู่เชียนหลีทิ้ง นางจะจับฉู่เชียนหลีมาขังไว้ ทรมานทุกวัน ทำให้นางทรมานยิ่งกว่าตายจวินลั่วยวนเถียงไม่ไหว พลันเบ้าตาแดงก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของจวินชิงอวี่ หาที่ปลอบใจตัวเองจวินชิงอวี่ย่อมเข้าข้างน้องสาว“ฉู่เชียนหลี ดูจากพฤติกรรมที่ชอบบีบคั้นคนของเจ้า มันก็ไม่แปลกอะไรที่เจ้าจะสามารถวางยาพิษ”อาศัยเพียงแค่การคาดเดา ก็ตัดสินโทษของนางแล้ว?น่าขำ!พี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งหน้าไหว้หลังหลอก อีกคนความรักบังตา ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ“มันน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่แคว้นหนานยวนของพวกท่านสามารถพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน”จวินชิงอวี่หน้าบึ้งทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ปัญหาส่วนตัว ตอนนี้จะลามปามไปถึงบ้านเมืองแล้ว?“ตามที่พูด”“เจ้า!”เขาโมโหจนจะเดินเข้าไปหานางพลันเฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือใหญ่ ดึงนางมาที่ข้างกาย “ข้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกอะไร”ทุกคนรีบหันไปมอง รอคอยคำพูดต่อจากนี้เฟิงเย่เสวียนกล่าวอย่างใจเย็น“แคว้นหนานยวนต่ำช้าเช่นนี้ ต่อให้ข้าแพ้ศึกครั้งนี้ ก็ไม่ร่วม
วันนี้ อย่างไรนางก็จะบีบคั้นฉู่เชียนหลีจนตาย!เหล่าคนรับใช้พากันก้มหน้า หายใจแรง ไม่มีใครกล้าพูดอะไร พระชายาอ๋องเฉินช่วยฮองเฮา เหมือนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงจนถึงขั้นต้องฆ่าตัวตายกระมั้ง?“องค์ชายสามก็คิดเช่นนี้หรือ?” เฟิงเย่เสวียนถามจวินชิงอวี่เงียบไปครู่หนึ่งคนตัดฟืนถูกฆ่าตายแล้ว ในศาลาพักม้ายังมีหนอนบ่อนไส้คนอื่น บางทีอาจจะไม่ใช่ฝีมือของฉู่เชียนหลีจริงๆ รอตรวจสอบเรื่องนี้จนชัดเจน ค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย“ยวนเอ๋อร์”เขาเอ่ยปาก “รอเสด็จแม่ฟื้นแล้ว ดูว่าอาการของเสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้าง เรื่องของคนร้าย ข้าให้คนไปสืบแล้ว”เขาอยากพักเรื่องนี้ชั่วคราวแต่จวินลั่วยวนไม่ยอม“เสด็จพี่สาม ท่านเลอะเลือนหรือ? คนร้ายก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ท่านยังจะสืบอะไรอีก? ท่านทำเช่นนี้ ไม่เท่ากับเปิดโอกาสให้คนร้ายหนีหรอกหรือ?”ฉู่เชียนหลีหัวเราะคำก็คนร้าย สองคำก็คนร้าย ทุกคำพูดล้วนอยากให้นางตาย ไม่ชอบหน้านางเช่นนี้เลย?“องค์หญิง เจ้าอยากได้ผู้ชายของข้า และยังทำทุกวิถีทางเพื่ออยากบีบให้ข้าตาย เสด็จพี่สามของเจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนชอบแย่งของคนอื่นเช่นนี้?”“!”สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลันอยู่ต
สีหน้าของจวินชิงอวี่ดูน่าเกลียดทันที การทำร้ายผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจอะไรจริงๆ แต่เขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องสาว“ถ้าหากฉู่เชียนหลีไม่รังแกยวนเอ๋อร์ แล้วข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไร”“ฉู่เชียนหลีรังแกคนก่อน การโดนมีดแทงก็คือผลที่นางสมควรได้รับ?”เมื่อเฟิงเย่เสวียนได้ยิน แหงนหน้าหัวเราะ“เหอะ ฮ่าๆๆ!”ฉู่เชียนหลีผิด?“คิดไม่ถึงว่าองค์ชายสามหนานยวน จะรักน้องสาวจนถึงขั้นใจบอด แค่ท่านลองสืบดูดีๆ ก็จะรู้เรื่องที่จวินลั่วยวนเคยยั่วยวนข้า และสืบเจอเรื่องที่ฉู่เชียนหลีจะช่วยท่านตอนที่อาการกำเริบกลางถนน”“น้องสาวคนดีของเจ้า ก็ทำได้แค่หลอกท่านคนเดียวเท่านั้นแหละ”“หุบปาก!”จวินชิงอวี่เสียงดังกะทันหัน กลิ่นอายรอบตัวขรึมลง ดูน่ากลัวเป็นพิเศษเขาไม่อนุญาตให้ใครก็ตามนินทายวนเอ๋อร์!ดูหมิ่นยวนเอ๋อร์ เท่ากับดูหมิ่นเขา ดูหมิ่นแคว้นหนานยวนยวนเอ๋อร์คือองค์หญิงเพียงคนเดียวของราชวงศ์หนานยวนในตลอดสามร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ใครบ้างไม่เห็นนางเป็นแก้วตาดวงใจ?“อ๋องเฉิน ข้าเห็นแก่ความร่วมมือระหว่างสองแคว้น ไม่ถือสาท่าน แต่ถ้าหากท่าน ยังกล้าว่าร้ายยวนเอ๋อร์ ข้าไม่ปรานีแน่!”“ท่าน!”“
พลันจวินชิงอวี่ยื่นกระบี่ไปขวางทางของนางไว้ กล่าวเสียงเย็น“เจ้าอยากไปดูว่านางตายหรือไม่ เจ้าทำสำเร็จหรือไม่?”ความอาฆาตแค้นของพี่น้องคู่นี้แรงจริงๆ“เจ้าว่าข้าวางยาพิษหรือ?” ฉู่เชียนหลีถาม“ข้าจับคนรับใช้ได้หนึ่งคน เขาสารภาพหมดแล้วว่าเจ้าเป็นคนทำ เจ้ายังคิดจะปฏิเสธอีกหรือ?”สีหน้าฉู่เชียนหลีสงบ“อืม เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็ไปติดสินบนคนคนหนึ่ง ให้เขามาบอกกับเจ้าว่าข้าไม่เกี่ยว ที่จริงเขาจึงจะเป็นคนร้าย”“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าไม่มีความผิดแล้ว เจ้าไม่ต้องหาเรื่องข้าอีกแล้ว”จวินชิงอวี่พูดอะไรไม่ออกทันที“เจ้า!”ปากเก่งจริงๆ!เถียงข้างๆ คูๆ!ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง เดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรมากอีกตอนที่จวินชิงอวี่จะขวางอีกครั้ง หมอคนที่อยู่ในห้องกล่าวเสียงอ่อน“องค์ชายสาม ทางที่ดีท่านให้พระชายาอ๋องเฉินดูเถอะ…ท่านไม่รู้หรอกว่าในแคว้นตงหลิงของเรา ไม่มีใครไม่รู้เรื่องที่ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ เมื่อก่อนนางยังเคยรักษาโรคระบาด ช่วยชีวิตคนหลายแสนคน…”“ข้าน้อยไร้ความสามารถ รักษาไม่ได้จริงๆ พระชายาอ๋องเฉินอาจจะสามารถลองดู…”หมอเป็นคนเจียงหนานเมื่อจวินชิงอวี่ได้ยินคำพูดนี้ ข
จวินลั่วยวนหลั่งน้ำตาเหมือนสายฝน ร้องไห้จนใจแทบสลาย กรีดร้องจนเสียงแหบแล้ว“อ๊ะ!”สีหน้าที่เศร้าโศกเกินจะบรรยายด้วยคำพูดภายในห้อง หมอ องครักษ์ และคนรับใช้เห็นแล้ว ต่างก็ตื้นตันจนตาแดงแล้วองค์หญิงช่างน่าสงสารจริงๆองค์หญิงรักฮองเฮาจริงๆ!ฮองเฮาเป็นคนดี อ่อนโยน มีเมตตา ใจกว้าง เหตุใดต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ เช่นนี้?เฮ้อ!“รักษานาง ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไร ก็ต้องรักษานางให้หายดี! ไม่เช่นนั้น ข้าก็เอาชีวิตสุนัขของพวกเจ้า!” จวินชิงอวี่ตวาดเสียงเบา ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ แทบจะคลั่งแล้วหมอตกใจจนหน้าซีด“องค์ชายสามโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิต!”“ทักษะการแพทย์ของข้าน้อยยังไม่ดีพอ โปรดไว้ชีวิต…”“ข้าให้เจ้ารักษา!”จวินชิงอวี่คว้าคอเสื้อของเขา จ้องด้วยความโกรธ แล้วเหวี่ยงไปที่หน้าเตียง “รักษา!”หมอสั่นไปทั้งร่าง ริมฝีปากก็กำลังสั่น พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ยกมือขึ้นรักษาด้วยอาการสั่นเทา…วันนี้ ต่อให้ฮัวถวอกลับชาติมาเกิด ก็รักษากล่องเสียงของฮองเฮาไม่ได้เกรงว่าเขา…ไม่รอดแล้ว“เสด็จแม่…เสด็จแม่! ต้องรักษาหายแน่นอน ท่านต้องอดทนเอาไว้นะ!”จวินลั่วยวนจับมือฮองเฮาแน่น น้ำตาไหลออกมาเป็นเ