ชายหนุ่มคนนั้นกลัว ถูกสายตามากมายเช่นหนีจ้องมอง และยังอยู่ต่อหน้าสุสานหลวง คุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุม แม้แต่ริมฝีปากก็สั่นด้วย“ข้า…ข้าเดิน…เดินผ่าน…ข้าไม่รู้อะไรเลย…”พูดจาอ้ำอึ้ง แค่ดูก็รู้ว่ามีพิรุธเสียงที่เย็นชาของเฟิงเจิ้งหลีดังขึ้น“ในเมื่อไม่พูด เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้แล้ว!”“ใครก็ได้ เฉือนเนื้อเขาออกมาเป็นชิ้นๆ ยอมพูดเมื่อไร ก็ปล่อยเขาเมื่อนั้น!”เมื่อมีคำสั่งออกมา ทหารองครักษ์คนหนึ่งลวงมีดสั่นออกมาวางบนแขนของเขา จะลงมือทันทีพลันชายหนุ่มตกใจจนก้นหด เขาจะกล้าแบกรับความเจ็บปวดที่ทรมานยิ่งกว่าตายเช่นนี้เสียที่ไหน? อ้าปากก็กล่าว“ข้าพูด! ข้าพูด! อ๋องเฟิงเป็นคนสั่งให้ข้าไปทาเถ้าขาวบนเทียนแดง!”ซี้ด…ทั้งสุสานหลวง เต็มไปด้วยเสียงสูดลมเย็นเข้าปอดอ๋องเฟิง!ทุกคนหันไปมองทางอ๋องเฟิง อ๋องเฟิงสะดุ้งเหมือนนกที่ตกใจลูกธนู“พูดเหลวไหล!”ปฏิกิริยาของเขารุนแรงเป็นพิเศษ“ข้าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร!”ฉู่เชียนหลีคิดไม่ถึงว่าอ๋องหลีจะช่วยนาง…นางอดไม่ได้ที่จะมองอ๋องหลีแวบหนึ่ง พอดีกับอ๋องหลีมองมาเช่นกัน บนใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ ที่อ่อนโย
ตระกูลกู้!ทันใดนั้น คนคนหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องถูกลากเข้ามาพัวพัน ทุกคนต่างประหลาดใจ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องที่กิจการครอบครัวของตระกูลกู้ได้ตกไปอยู่ในมือพระชายาอ๋องเฉินสี่ส่วนคิดเพียงตระกูลกู้แพ้เดิมพัน รู้สึกเสียหน้ามาก ไม่สามารถระบายความคับข้องใจนี้ ด้วยเหตุนี้จึงเล่นสกปรก แก้แค้นอ๋องเฉินฮ่องเต้ขมวดคิ้ว “นายท่านรองกู้?”“พ่ะย่ะค่ะ!”อ๋องเฟิงพยักหน้าแรงๆ “เสด็จพ่อ เขานี่แหละ! เมื่อสามวันก่อนเขามาหาหม่อมฉัน อยากร่วมมือกับหม่อมฉันใส่ร้ายอ๋องเฉิน แต่หม่อมฉันปฏิเสธ คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ!”เขาผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้นายท่านรองกู้ฮ่องเต้เป็นคนเข้าข้างคนของตัวเอง ในเมื่อมีแพะรับบาป ก็ย่อมต้องปกป้องชื่อเสียงของอ๋องเฟิง เวลาเดียวกันก็ปกป้องชื่อเสียงของราชวงศ์ด้วย“ใครก็ได้ เรียกนายท่านรองกู้มา!”เขาออกคำสั่งหลังจากประมาณสองเค่อ นายท่านรองกู้มาแล้วเขาเห็นชายหนุ่มคนนั้นถูกกระชากออกมาแล้ว บรรยากาศในที่เกิดเหตุค่อนข้างเคร่งขรึม ในใจพอรู้อะไรบ้างแล้ว เขาตั้งสติแล้วเดินเข้าไปคำนับฮ่องเต้หยิบเทียนแดงเล่มนั้นขึ้น โยนไปที่ตรงหน้านายท่านรองกู้ ตวาดอย่างเย็นชา “
นายท่านรองกู้ร้อนรนแล้ว “พระชายาอ๋องเฉิน อย่าพูดเหลวไหล!”เรื่องสำคัญอย่างเชงเม้งเซ่นไหว้บรรพชน หากเขารับผิดชอบคนเดียว ไม่สามารถแบกรับผลที่ตามมาอยากแก้แค้นอ๋องเฉินเพื่อระบายความคับข้องใจ ใครจะรู้ว่าเอาตัวเองเดิมพันเข้าไปด้วย“เรื่องนี้ข้าสมคบคิดกับอ๋องเฟิง!”เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่ปิดบังอีก พูดความจริงออกมาโดยตรง เพื่อลากอ๋องเฟิงเข้ามารับผิดด้วย“ท่านอย่าคิดลากอ๋องเฟิงเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นฝีมือของท่านนั่นแหละ” ฉู่เชียนหลีเหลือบมองเขา “แผนการของท่านไม่สำเร็จ อยากลากอ๋องเฟิงมารับผิดด้วย หัวหน้าตระกูลกู้ ท่านบังอาจมาก!”นางลูบท้องไปพลาง ทุกคำพูดเย็นชาเฉียบขาดหัวหน้าตระกูลกู้ทำจางเฟยตาย นางไม่ล้มตระกูลกู้ ก็ไม่สามารถระบายความคับข้องใจนี้!ฮ่องเต้เอนเอียงไปทางฉู่เชียนหลีอยู่แล้วถ้าหากเกี่ยวข้องกับอ๋องเฟิง มีแต่จะทำให้ราชวงศ์เสียหน้า เมื่อผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้ตระกูลกู้ ไม่เพียงสามารถปกป้องอ๋องเฟิง และยังสามารถจบปัญหาเมื่อคิดเช่นนี้ เขาตวาดอย่างเย็นชา“หัวหน้าตระกูลกู้ พฤติกรรมเช่นนี้ของท่านยิ่งอยู่ยิ่งเหิมเกริม ไม่เห็นเราอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ!”“เห็นแก่มิตรภาพระหว่
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปถึงหูพระชายาอ๋องเฟิง พระชายาอ๋องเฟิงโมโหจนกระโดดลุกขึ้นนั่งบนเตียง ดึงหูของอ๋องเฟิงโดยตรงอ๋องเฟิงตกใจมาก“เหยาเหยา นอนลง! รีบนอนดีๆ! หมอหลวงบอกว่าเจ้าห้ามขยับส่งเดช!”เพราะปัญหาด้านสุขภาพของพระชายาอ๋องเฟิง ตั้งแต่ตั้งครรภ์ก็วิ่งไม่ได้ กระโดดไม่ได้ ตื่นเต้นไม่ได้ นางใช้เวลาส่วนใหญ่ของทุกวันนอนพักฟื้นบนเตียง ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้จึงอนุญาต ไม่ต้องเข้าร่วมเชงเม้งเซ่นไหว้บรรพชนพระชายาอ๋องเฟิงโมโหมาก“ฉู่เชียนหลีเป็นผู้มีพระคุณของข้า เจ้ากลับทำเช่นนี้กับนาง ต่อไปข้าจะไปพบนางอย่างไร?”เมื่อก่อน นางเย่อหยิ่งตั้งแต่ตั้งครรภ์ นางก็รู้จักแยกแยะหนักเบาตอนนี้ นางแค่อยากคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย ไม่อยากคิดเรื่องอื่นอีกแล้ว“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากเป็นรัชทายาท แต่เหตุใดเจ้าไม่ลองคิดดู มันถึงคราวของเจ้าแล้วหรือ? ฝ่าบาทเข้าข้างอ๋องเฉินตั้งแต่เด็ก ครอบครัวเสด็จแม่ของอ๋องอันมีอำนาจล้นฟ้า ช่วงนี้อ๋องหลีก็ได้รับความสำคัญจากฝ่าบาท แล้วยังมีอ๋องติ้งอ๋องเจวี๋ย แถมในมืออ๋องเจวี๋ยยังมีอำนาจทางทหารด้วย”“เจ้าลองพูดดู เจ้ามีข้อได้เปรียบอะไร?”“เจ้าเอาอะไรไปแย่งกับคนอื่น? เจ้ามันหยิ
ตระกูลกู้ซากปรักหักพังที่ถูกระเบิดได้รับการเก็บกวาดแล้ว เหล่าคนรับใช้กำลังยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง คนที่ขนไม้ก็ขนไม้ คนที่ก่อกำแพงก็ก่อกำแพง คนที่ขนอิฐก็ขนอิฐ…สร้างคฤหาสน์ใหม่นายท่านรองกู้สีหน้ามืดมน วิ่งกลับมาอย่างโมโหเมื่อเห็นกำแพงที่กำลังก่อ เขาก็กระโดดเข้าไปถีบด้วยความโกรธปัง!กำแพงที่เพิ่งก่อยังไม่มั่นคง เมื่อโดนถีบเช่นนี้ ก็ถล่มลงมาทันที พลันอิฐก่อนหนึ่งก็ตกไปที่ศีรษะนายท่านรองกู้“อ๊า!”เหล่าคนรับใช้ตกใจมาก“นายท่าน ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง…”“ไสหัวไป!”คนเราเมื่อถึงคราวเคราะห์ ดื่มน้ำก็สามารถติดซอกฟันเดิมทีคิดจะถีบกำแพงระบายความโกรธ กลับถูกอิฐตกใส่ศีรษะน่าโมโห!นายท่านรองกู้โมโหจนแทบระเบิดแล้ว หลายปีมานี้ เขาไม่เคยถูกเอาเปรียบเช่นนี้ ไม่เคยโมโหเช่นนี้ แต่เรื่องที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ โมโหแล้วยังไม่สามารถระบายออกมา ได้แต่กัดฟันอดกลั้น มันแม่งทำให้คนคลั่งจริงๆ!จะเป็นบ้าแล้ว!กิจการครอบครัวสี่ส่วน เงินห้าแสนตำลึง เอาชีวิตครึ่งหนึ่งของตระกูลกู้ไปโดยตรงเขาเกลียดราชวงศ์!ไอ้โจรพวกนี้!นายท่านรองกู้เดินเข้าไปในห้องโถงหลักอย่างโมโห โกรธจนเห็นอะไรก็ทุบของสิ่งนั้น อะไ
อวิ๋นอิงถือทวนหงอิง พลันเท้าเคลื่อนไหว ผมสั้นที่เรียบร้อยสะบัด ร่างกายก็พุ่งเข้าไปอย่างปราดเปรียวนายท่านรองกู้เก็บไม้ท่อนหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้น โต้กลับอย่างเกรี้ยวกราด“นางแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้า!”ต่อให้รากฐานของตระกูลกู้เสียหายอย่างหนัก แต่อย่างไรก็เป็นถึงตระกูลกู้ หาใช่หมูหมากาไก่ที่ไหนก็สามารถล่วงเกิน?บังอาจท้าทายบารมีของเขา เขาจะให้อวิ๋นอิงเดินเข้ามา แต่ต้องคลานออกไป!ทั้งสองเริ่มปะทะกันนายท่านรองกู้ท่องยุทธภพมานานหลายปี มีวรยุทธ์ติดตัว พละกำลังก็เยอะ เขาเหวี่ยงท่อนไม้ในมือจนดังฟู่ๆ ราวกับมันไม่ใช่ท่อนไม้ แต่เป็นดาบที่แหลมคมอวิ๋นอิงตัวเล็กบอบบาง แขนขาว่องไวดั่งแมว ปฏิกิริยาตอบสนองเร็ว กระโดดหลบเลี่ยงเข้าโจมตีและตั้งรับ การเคลื่อนไหวไวมาก เห็นแล้วตาลายตามไม่ทันทั้งสองประมือกัน ได้ยินเพียงเสียงที่ดุดันดังขึ้นเป็นระลอกฟู้!ฮ้า!ปัง!อวิ๋นอิงเข้าประชิดอย่างไว สองเท้าเหยียบบนเสา อาศัยแรงดีดกระโดดขึ้น ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น“เจ้าไม่อยากยกเลิกสัญญาแต่งงานของกู้ชิงชิงกับท่านโหวน้อย แล้วเหตุใดต้องตอบตกลง? เหตุใดต้องใช้วิธีระเบิดที่ต่ำช้าเช่นนี้! เป็นถึงหัวหน้าตระกูลกู้ น
อวิ๋นอิงเริ่มโมโหแล้ว ตอนที่ทวนหงอิงกำลังจะแทงลงไปทันใดนั้น นางปวดข้อมือฉับพลันมีหินก้อนหนึ่งลอยมาจากอากาศ ตีจนข้อมือของนางปวด ทำให้ข้อมือชาฉับพลัน พริบตานั้นสูญเสียกำลังทั้งหมด ทวนหงอิงหลุดออกจากมือ ตกลงบนพื้นและก็เป็นพริบตานี้เอง นายท่านรองกู้สบโอกาสโต้กลับเขาดีดตัวลุกขึ้น ฟาดขาเตะอวิ๋นอิงล้มลงบนพื้นกระทืบลงไปอย่างแรง!ร่างกายที่ปราดเปรียวของอวิ๋นอิงพลิกตัวหลบอย่างฉับไว คุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้น แต่ข้อมือยังรู้สึกชาอยู่ แขนขวาไร้เรี่ยวแรงเมื่อเห็นนายท่านรองกู้โจมตีเข้ามา นางยกมือบัง กลับถูกถีบจนลอยออกไปเจ็ดแปดเมตร“อ๊า!”นางกลิ้งตกจากบันได ไปอยู่ตรงลานนอกหัวโถงหลักและก็เป็นเวลานี้เอง นางสังเกตเห็นร่างเงาที่คุ้นเคยสายหนึ่ง!บนหลังคาชุดเพ้าสีดำก้มมองจากที่สูงเหลือบมองอย่างดูถูกจิ่งอี้!เป็นเขา!อวิ๋นอิงตะลึงงัน ถึงว่าอยู่ดีๆ เหตุใดจู่ๆ ตนก็ถูกก้อนหินตี ที่แท้เป็นฝีมือของจิ่งอี้!ไม่ทันได้พูดอะไร นายท่านรองกู้ก้าวเข้ามาแล้ว“นางบ่าวไพร่ชั้นต่ำ ข้าจะเอาชีวิตเจ้า!”ฝ่ามือถูกเหวี่ยงเข้ามา แม้อวิ๋นอิงหลบได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ยังถูกตบโดนหัวไหล่ รู้สึกปวดจนชา“ข้า
พ่อแม่อยู่ ชีวิตยังมีที่มาพ่อแม่จากไปแล้ว ชีวิตเหลือเพียงปลายทางถ้าหากสามารถมีที่หลบลมหลบฝน ก็อาจจะไม่เหนื่อยเช่นนี้แล้ว หรือมีที่พึ่งพิง ไร้กังวล ขี้อ้อนเหมือนเด็กคนอื่นนางคิดว่าในที่สุดก็ได้อยู่ร่วมกับพ่อแม่แล้วแต่ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ความเจ็บบนร่างกายดึงนางกลับสู่ความเป็นจริงเมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับห้องที่ไม่คุ้นเคย สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย และยังมีร่างเงา…สายหนึ่งที่คุ้นเคยตรงหน้าอวิ๋นอิงเห็นเขา ปฏิกิริยาแรกคือหลบเลี่ยง ขดตัวเข้าไปในผ้าห่ม สองมือกำผ้าห่มแน่น คลุมตัวเองไว้อย่างมิดชิดจิ่งอี้มองนางอย่างเย็นชา “ที่แท้ก็ยังไม่ตาย”เขาปิดฝายาทาที่อยู่ในมือ โยนทิ้งบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ กล่าวอย่างเย้ยหยัน“มันก็จริง ทำเรื่องที่ละอายใจก็ตายไปทั้งเช่นนี้ เกรงว่าไปถึงยมโลกก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”อวิ๋นอิงกำหมัดแน่น กลิ่นคาวหวานพุ่งพรวดขึ้นมาที่ลำคอ“ข้าไม่ได้เป็นคนทำ…”เสียงยังไร้เรี่ยวแรง แต่หนักแน่น“ตระกูลกู้ใส่ร้ายข้า ข้าไปตามหาความจริง เหตุใดเจ้าไม่จับนายท่านรองกู้มา แค่ถามกระจ่าง?”“ข้าเชื่อแค่ในสิ่งที่ข้าเห็น”ขลุ่ยไม้ไผ่ของนางปรากฏในมือจางเฟยก็แสดงว่าเกี่ยวข้อ