อวิ๋นอิงถือทวนหงอิง พลันเท้าเคลื่อนไหว ผมสั้นที่เรียบร้อยสะบัด ร่างกายก็พุ่งเข้าไปอย่างปราดเปรียวนายท่านรองกู้เก็บไม้ท่อนหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้น โต้กลับอย่างเกรี้ยวกราด“นางแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้า!”ต่อให้รากฐานของตระกูลกู้เสียหายอย่างหนัก แต่อย่างไรก็เป็นถึงตระกูลกู้ หาใช่หมูหมากาไก่ที่ไหนก็สามารถล่วงเกิน?บังอาจท้าทายบารมีของเขา เขาจะให้อวิ๋นอิงเดินเข้ามา แต่ต้องคลานออกไป!ทั้งสองเริ่มปะทะกันนายท่านรองกู้ท่องยุทธภพมานานหลายปี มีวรยุทธ์ติดตัว พละกำลังก็เยอะ เขาเหวี่ยงท่อนไม้ในมือจนดังฟู่ๆ ราวกับมันไม่ใช่ท่อนไม้ แต่เป็นดาบที่แหลมคมอวิ๋นอิงตัวเล็กบอบบาง แขนขาว่องไวดั่งแมว ปฏิกิริยาตอบสนองเร็ว กระโดดหลบเลี่ยงเข้าโจมตีและตั้งรับ การเคลื่อนไหวไวมาก เห็นแล้วตาลายตามไม่ทันทั้งสองประมือกัน ได้ยินเพียงเสียงที่ดุดันดังขึ้นเป็นระลอกฟู้!ฮ้า!ปัง!อวิ๋นอิงเข้าประชิดอย่างไว สองเท้าเหยียบบนเสา อาศัยแรงดีดกระโดดขึ้น ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น“เจ้าไม่อยากยกเลิกสัญญาแต่งงานของกู้ชิงชิงกับท่านโหวน้อย แล้วเหตุใดต้องตอบตกลง? เหตุใดต้องใช้วิธีระเบิดที่ต่ำช้าเช่นนี้! เป็นถึงหัวหน้าตระกูลกู้ น
อวิ๋นอิงเริ่มโมโหแล้ว ตอนที่ทวนหงอิงกำลังจะแทงลงไปทันใดนั้น นางปวดข้อมือฉับพลันมีหินก้อนหนึ่งลอยมาจากอากาศ ตีจนข้อมือของนางปวด ทำให้ข้อมือชาฉับพลัน พริบตานั้นสูญเสียกำลังทั้งหมด ทวนหงอิงหลุดออกจากมือ ตกลงบนพื้นและก็เป็นพริบตานี้เอง นายท่านรองกู้สบโอกาสโต้กลับเขาดีดตัวลุกขึ้น ฟาดขาเตะอวิ๋นอิงล้มลงบนพื้นกระทืบลงไปอย่างแรง!ร่างกายที่ปราดเปรียวของอวิ๋นอิงพลิกตัวหลบอย่างฉับไว คุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้น แต่ข้อมือยังรู้สึกชาอยู่ แขนขวาไร้เรี่ยวแรงเมื่อเห็นนายท่านรองกู้โจมตีเข้ามา นางยกมือบัง กลับถูกถีบจนลอยออกไปเจ็ดแปดเมตร“อ๊า!”นางกลิ้งตกจากบันได ไปอยู่ตรงลานนอกหัวโถงหลักและก็เป็นเวลานี้เอง นางสังเกตเห็นร่างเงาที่คุ้นเคยสายหนึ่ง!บนหลังคาชุดเพ้าสีดำก้มมองจากที่สูงเหลือบมองอย่างดูถูกจิ่งอี้!เป็นเขา!อวิ๋นอิงตะลึงงัน ถึงว่าอยู่ดีๆ เหตุใดจู่ๆ ตนก็ถูกก้อนหินตี ที่แท้เป็นฝีมือของจิ่งอี้!ไม่ทันได้พูดอะไร นายท่านรองกู้ก้าวเข้ามาแล้ว“นางบ่าวไพร่ชั้นต่ำ ข้าจะเอาชีวิตเจ้า!”ฝ่ามือถูกเหวี่ยงเข้ามา แม้อวิ๋นอิงหลบได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ยังถูกตบโดนหัวไหล่ รู้สึกปวดจนชา“ข้า
พ่อแม่อยู่ ชีวิตยังมีที่มาพ่อแม่จากไปแล้ว ชีวิตเหลือเพียงปลายทางถ้าหากสามารถมีที่หลบลมหลบฝน ก็อาจจะไม่เหนื่อยเช่นนี้แล้ว หรือมีที่พึ่งพิง ไร้กังวล ขี้อ้อนเหมือนเด็กคนอื่นนางคิดว่าในที่สุดก็ได้อยู่ร่วมกับพ่อแม่แล้วแต่ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ความเจ็บบนร่างกายดึงนางกลับสู่ความเป็นจริงเมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับห้องที่ไม่คุ้นเคย สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย และยังมีร่างเงา…สายหนึ่งที่คุ้นเคยตรงหน้าอวิ๋นอิงเห็นเขา ปฏิกิริยาแรกคือหลบเลี่ยง ขดตัวเข้าไปในผ้าห่ม สองมือกำผ้าห่มแน่น คลุมตัวเองไว้อย่างมิดชิดจิ่งอี้มองนางอย่างเย็นชา “ที่แท้ก็ยังไม่ตาย”เขาปิดฝายาทาที่อยู่ในมือ โยนทิ้งบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ กล่าวอย่างเย้ยหยัน“มันก็จริง ทำเรื่องที่ละอายใจก็ตายไปทั้งเช่นนี้ เกรงว่าไปถึงยมโลกก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”อวิ๋นอิงกำหมัดแน่น กลิ่นคาวหวานพุ่งพรวดขึ้นมาที่ลำคอ“ข้าไม่ได้เป็นคนทำ…”เสียงยังไร้เรี่ยวแรง แต่หนักแน่น“ตระกูลกู้ใส่ร้ายข้า ข้าไปตามหาความจริง เหตุใดเจ้าไม่จับนายท่านรองกู้มา แค่ถามกระจ่าง?”“ข้าเชื่อแค่ในสิ่งที่ข้าเห็น”ขลุ่ยไม้ไผ่ของนางปรากฏในมือจางเฟยก็แสดงว่าเกี่ยวข้อ
นางยอมจำนนแล้วคำพูดเหล่านั้น เกือบจะเป็นกำลังการวิงวอน และพูดออกมาอย่างระมัดระวังนางรู้ว่า อธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงถูกบีบให้พูดคำพูดที่เขาอยากได้ยิน แล้วค่อยแอบสืบความจริงเงียบ ๆนางเชื่อมั่นว่า ไม่มีความลับบนโลกใบนี้นางเชื่อว่า จะช้าหรือเร็ว ความจริงก็จะปรากฏออกมา“จิ่งอี้ ท่านช่วยปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ ให้เวลาข้าหน่อย หนึ่งเดือน หรือครึ่งเดือนก็ยังดี...”นางกำลังวิงวอนเขาด้วยความต่ำต้อย เบ้าตาแดงช้ำกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ สายตาที่หันไปมองทางชายหนุ่มเต็มไปด้วยความหวาดระแวงจิ่งอี้จ้องมองท่าทางของนาง ขมวดคิ้วท่าทีแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะกับนางเท่าไหร่จึงจับคางของนางขึ้นมา “อุปนิสัยเย่อหยิ่งจองหองมาตลอด อ้อนวอนขอร้องเป็นด้วย?”“ข้า...”“ถ้าหากกล้าร้องไห้แม้แต่อีกหยดเดียว ข้าจะสั่งสอนเจ้า ‘เชื่อฟัง’ สองคำนี้เขียนอย่างไร”อวิ๋นอิงร่างกายสั่นสะท้านเบา ๆ เสียงสะอื้นที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในลำคอนางกำมือแน่นทันที จากนั้นก็กลืนลงไป กัดริมฝีปากล่างแน่น ไม่กล้าส่งเสียงอีกแม้แต่นิดเดียวแต่ เบ้าตายังคงแดงก่ำ...จิ่งอี้รู้สึกขัดหูขัดตาอย่างบอกไม่ถูก สะบัดนางออกด้วยความโมโห พลิกตั
“เจ็บหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีแตะที่มุมปากของอวิ๋นอิงอย่างทะนุถนอม ขยับปลายนิ้วอย่างเบามือมาก เกรงว่าจะทำให้นางเจ็บอวิ๋นอิงเบ้าตาแดงก่ำนอกจากท่านพ่อท่านแม่แล้ว ก็มีแค่พระชายาที่เป็นห่วงนางจริง ๆ...รู้สึกปวดปลายจมูก เกือบจะกลั้นน้ำตาเอาไม่ไม่อยู่ กอดบ่าทั้งสองข้างของตนเอาไว้แน่น พยายามส่ายหน้า“ไม่เจ็บ ไม่เจ็บเลยสักนิด”พระชายาดีกับนางขนาดนี้ แต่จางเฟยกลับตายเพราะนาง ในใจของนางยิ่งรู้สึกผิด“เยว่เอ๋อร์ เจ้าพาอวิ๋นอิงกลับไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับจิ่งอี้” ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นเยว่เอ๋อร์กะพริบตาปริบ ๆ“พระชายา ท่านจะคุยอะไรกับคุณชายจิ่งหรือ? ข้าติดตามท่านดีกว่า ตอนนี้ท้องท่านโตแล้ว ข้าไม่วางใจที่ท่านอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง”ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ นางอยากจะอยู่ต่อ ก็เพื่ออยากเห็นคุณชายจิ่งให้มากกว่านี้อีกหน่อยจิ่งอี้ขมวดคิ้ว“เจ้านายพูด บ่าวยังมีสิทธิ์พูดแทรกอีกหรือ?”กล่าวอย่างเย็นชา “คุณหนู เหมือนว่าสาวใช้คนนี้จะถูกท่านโอ๋จนเคยตัวแล้ว”ฉู่เชียนหลีชะงักไปเล็กน้อยจิ่งอี้ไม่พูด นางก็ไม่สังเกตเห็นถึงจุดนี้เนื่องจากนิสัยของนางค่อนข้างเข้าหาง่าย การปฏิบัติตัวต่อบรรดาคนใช้ปกติ ก็
ทำร้ายคนของนาง ก็เท่ากับว่ากำลังตบหน้านางถ้าหากทุกคนสามารถแตะต้องคนของนางได้ตามอำเภอใจ ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินของนางก็คงเป็นอย่างสูญเปล่า?ท่านรองกู้ทรุดลงไปกองกับพื้น ถูกทำร้ายจนศีรษะจนมึนงงไปแล้ว สูญเสียเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ มุมปากมีเลือดไหลออกมา ย้อมจนสาบเสื้อเป็นสีแดงฉาน มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่เบิกตาโตกว้างอย่างโมโห จ้องมองฉู่เชียนหลีเขม็งแต่ปาก ยังบ่นพึมพำอู้อี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่“ท่านจะต้องเสียใจ...”“ฉู่เชียนหลี...ท่านจะต้องเสียใจ...ตระกูลกู้ของข้า...มีอำนาจมากกว่าที่ท่านจินตนาการไว้...”“ข้าจะคอยดู!”ฉู่เชียนหลีโยนเขาออกไปอย่างเย็นชา จากนั้นรับผ้าเช็ดมือจากจิ่งอี้ เช็ดคราบเลือดที่เปื้อนบนมือนำผ้าเช็ดมือที่เปื้อนแล้วโยนใส่ตัวเขา“ใช่แล้ว เงินค่าปรับห้าแสนตำลึง จดเอาไว้ด้วยว่าต้องชำระ ต่อไปเจอกันคนหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจวนอ๋องเฉิน ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยง”“ข้าคนนี้ เจ้าคิดเจ้าแค้นที่สุด”พูดจบ ก็หันหลังเดินจากไปกลุ่มคนมาอย่างรีบร้อน แล้วก็ไปอย่างรีบร้อน เหลือเพียงท่านรองกู้ที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บปางตาย ล้มตัวลงบนพื้นราวกับเป็นอัมพาต กระดูกทั่วทั้งตัวราวกับถูกบดจนแตกละเอี
กองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีในอดีต วันนี้ทุกคนเต็มไปด้วยความโมโห ระเบิดอารมณ์ ราวกับถูกจุดชนวนระเบิด ก่อความวุ่นวายจนไม่สามารถจัดการได้ทั้งทะเลาะกัน ยังมีคนไม่น้อยที่ลงมือ ต่อยตีกันขึ้นมาทันทีที่ต่อยตีกันขึ้น ก็ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่อยู่ ทั้งค่ายทหารเต็มไปด้วยความวุ่นวาย...ห่างออกไปไกลหายเมตร ในที่ลับที่บรรดาพลทหารมองไม่เห็น ผู้ชายร่างใหญ่สองคนนั่งอ้าขา ก้นนั่งลงไปบนพื้น กำลังนั่งอย่างสบายใจ สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของทางด้านค่ายทหาร ก็หัวเราะออกมาเสียงดังขวัญกำลังใจของทหารองครักษ์เงาผู้สง่าผ่าเผย ก็มีแค่นี้ขวัญกำลังใจของทหารไม่เข้มแข็งไม่มีความน่าเกรงขามเลยแม้แต่น้อยในรอยยิ้มของอ๋องเจวี๋ยแฝงไปด้วยความชั่วร้าย “ยาหลอนจิตนี่ ใช้ได้ผลดีจริง ๆ!”ยาหลอนจิต ความหมายสมชื่อ คนที่ใช้ จะได้รับอิทธิพลจากมัน ทำให้สติสัมปชัญญะเกิดความสับสน ทำให้กลายเป็นคนหุนหันพลันแล่น ถึงขนาดฉุนเฉียว เอาแต่ใจตัวเองเขานำยาหลอนจิตสาดลงไปในน้ำ น้ำพวกนี้เอามาหุงข้าว ทำกับข้าว เมื่อเข้าสู่ในร่างกายของบรรดาพลทหารทหารองครักษ์เงาทั้งหมด ก็จะก่อความวุ่นวายเหมือนกับตลาดไม่มีผิด เสียงดังโวยวายไม
อีกด้านหนึ่งอ๋องเฟิงฉวยโอกาสระหว่างที่ออกมาชั่วคราว เรียกองครักษ์ลับ รีบร่างจดหมายลับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับขวดกระเบื้องเล็กนี้“นำไปมอบให้กับมือของฝ่าบาท”“ขอรับ!”องครักษ์ลับรับด้วยสองมือ จากไปอย่างรวดเร็วอ๋องเฟิงหมอบอยู่ที่กิ่งไม้ จ้องมองแผ่นหลังขององครักษ์ลับที่ค่อย ๆไกลออกไป หัวใจค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้นเมื่อก่อน ใจจดใจจ่ออยากได้ตำแหน่งรัชทายาท ทำได้ทุกเรื่อง โดยไม่เลือกวิธีการ แต่นับตั้งแต่ที่เชื่อฟังคำของเหยาเหยา หลังจากหันหน้าเข้าหาอ๋องเฉิน หัวใจของเขาก็กลับกลายเป็นสงบมากฉู่เชียนหลี เจ้ารักษาเหยาเหยาให้หายดี ในที่สุดก็ทำให้พวกเรามีลูกของตัวเองตลอดหลายปีมานี้ เขาทำเรื่องชั่วช้ามามากมาย แปดในสิบเป็นเพราะอ๋องเจวี๋ยแอบยุยงอ๋องเจวี๋ยเป็นคนที่เย่อหยิ่ง ถือตัวอวดดี เขากุมอำนาจทหาร นิสัยโหดร้าย ทำอะไรก็ได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายคนแบบนี้ จะต้องขัดขวางอ๋องเฉินอย่างแน่นอนเพียงแค่เขานำหลักฐานที่เป็นเจตนาชั่วร้ายของอ๋องเจวี๋ยส่งให้ถึงมือของฝ่าบาท เมื่อฝ่าบาททรงทราบ จะต้องลงโทษอ๋องเจวี๋ยอย่างหนักแน่นอนพระชายาอ๋องเฉิน ข้ากำลังจะไปยังที่ดินศักดินาแล้วการกำจัดภัยคุกคามอย่างอ๋องเจวี
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท