กู้ชิงชิงปั้นหน้าไม่อยู่แล้ว ค้อนฉู่เชียนหลีอย่างดุร้ายแวบหนึ่ง และกลับไปนั่งบนหลังม้าอีกครั้งด้วยความโมโห ไม่มีอารมณ์จะทะเลาะด้วย สีหน้าอึมครึม เดินไปที่ข้างหน้าสุดคนเดียว“ลูกสาวสุดที่รัก~~” นายท่านรองกู้รีบไปโอ๋ลูกสาวคนของตระกูลกู้เดิมตามด้านหลัง สองกองทัพที่ยิ่งใหญ่ออกเดินทางพร้อมกันจิ่งอี้กับจางเฟยเดินตามมาด้วย ยังมีคนของสำนักอู๋จี๋อีกหลายคน“นี่” จางเฟยหนีบที่ท้องของม้าแน่น เดินตามไปที่ด้านข้างจิ่งอี้ ใช้ศอกกระแทกเขาทีหนึ่ง ท่าทางลับ ๆล่อ ๆ“จิ่งอี้ เจ้ารู้หรือไม่ การเดิมพันของคุณหนูกับตระกูลกู้ อันที่จริงน่ะ ไม่ใช่เพื่ออะไรอย่างอื่นเลย แต่เพื่ออวิ๋นอิงสาวใช้ของนาง”จิ่งอี้ชะงักไปเล็กน้อย“ข้าได้ข่าวว่า อวิ๋นอิงกับท่านโหวน้อยชอบกันและกัน แต่ว่ากู้ชิงชิงกับท่านโหวน้อยมีสัญญามั่นหมายกัน คุณหนูเพื่อทำให้อวิ๋นอิงสมปรารถนาแล้ว ถึงได้เดิมพันกับตระกูลกู้” จางเฟยกล่าวด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ท่าทางนินทานั้น เหมือนกับผู้หญิงจิ่งอี้หลุบตาลงเล็กน้อยเพื่อทำให้สาวใช้สมปรารถนา ไม่ลังเลที่จะทำสงครามใหญ่ คุณหนูปฏิบัติตัวกับสาวใช้ของตนเองดีมากจริง ๆอวิ๋นอิงกับหลิงเชียนอี้...เมื่
กู้ชิงชิงกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าจะต้องแต่งงานกับเจ้าโหวน้อยให้ได้ ท่านให้อวิ๋นอิงนั่นเตรียมตัวให้ดี มาเป็นสาวใช้คอยล้างเท้าให้ข้า”“ข้ากับเจ้าโหวน้อยเป็นสามีภรรยาที่รักกันมาก รักกันยืนยาว แต่นางทำได้แค่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าเตียง คอยปรนนิบัติพวกเรา ภาพนี้แค่ลองคิดดูก็ทำให้หัวใจข้าฮึกเหิม ข้ารู้สึกอดรนทนไม่ไหวแล้วนะ”นางเลียริมฝีปากเบา ๆ ความชั่วร้ายเอ่อล้นออกมาจากดวงตา“เจ้ายังเข้าไม่ได้แม้แต่ประตูของจวนโหวติ้งกว๋อ ก็ฝันหวานไปก่อนแล้วหรือ?” ฉู่เชียนหลีเงยหน้าจ้องมองความมืดยามราตรี “ก็ใช่ ดึกแล้ว ได้เวลานอนแล้ว”“ท่านเอาชนะตระกูลกู้ไม่ได้หรอก คนที่ฝันหวานคือเจ้า”“อย่างไรเสียก็ดีกว่าที่เจ้าที่ฝันว่าตนเองได้เป็นฮูหยินของเจ้าโหวน้อย โดยปกติแล้วล้วนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ถึงได้เอาแต่ปรารถนาอยู่ในความฝันเท่านั้น”“ท่าน!”กู้ชิงชิงโมโหเล็กน้อย พบว่าฝีปากของฉู่เชียนหลีคนนี้ร้ายกาจจริง ๆ นางเถียงไม่ชนะสีหน้าสงบลง “พระชายาอ๋องเฉินนอกจากจะปากกล้าแล้ว ก็ไม่มีตรงไหนที่ข้อดีแล้ว”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้ว เอาคืนนางด้วยประโยคนี้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง“เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?”“ข้าด
นายท่านรองกู้เอ่ยปากพูด “ไปเด็ดผลไม้ป่าประทังความหิวเถอะ”กู้ชิงชิงตะลึงงันไป ถามอย่างไม่เข้าใจ “ท่านพ่อ กินผลไม้ป่าจะอิ่มได้อย่างไร?”“ล่าสัตว์ไม่ได้แล้ว” นายท่านรองกู้แยกขาออก นั่งลงที่ข้างกองไฟ เชิดใบหน้าที่อวบอิ่มขึ้น ชี้ไปทางอ๋องเฉินและคนอื่นทางด้านนั้น“ถ้าหากข้าเดาไม่ผิดละก็ หมาป่าตัวนั้นน่าจะมาจากเขาคุนหลุน”“เขาคุนหลุน? ก็คือเทือกเขาที่ลึกลับที่สุด เก่าแก่ที่สุดของแผ่นดินใหญ่? ได้ยินมาว่า หนึ่งพันปีมานี้ ไม่มีใครกล้าเข้าไปในส่วนลึกของเขาคุนหลุน ท่านพูดว่าหมาป่าตัวนั้นมีต้นกำเนิดมาจากเขาคุนหลุนหรือ?” กู้ชิงชิงประหลาดใจมาก“ถูกต้อง”วันนี้ตอนเช้า ทันทีที่หมาป่าตัวนั้นปรากฏตัว กำให้ม้าตกใจ รังสีของหมาป่าเดียวดายนั่น ไม่ใช่ที่หมาป่าธรรมดาทั่วไปจะมีประกอบกับเรื่องที่ล่าสัตว์ไม่ได้ เขาถึงได้เข้าใจมีที่ไหนบ้างที่ไม่มีสัตว์ให้ล่า เห็นได้ชัดว่าสัตว์ที่อยู่บริเวณรอบ ๆหลายลี้นี้ ทั้งหมดหนีไปเพราะตกใจหมาป่าตัวนี้สายเลือดที่บริสุทธิ์ของมัน ความน่าเกรงขามที่แฝงอยู่ในกระดูกของมัน เป็นสิ่งที่สัตว์อื่นไม่สามารถเทียบได้อย่างแน่นอน แม้ว่าสัตว์ที่ดุร้ายที่สุดในป่าจะอยู่เบื้องหน้า ก็ไม
นางขมวดคิ้ว ทัดปอยผมไว้ที่ใบหู นั่งลงอย่างสง่างาม อยากจะแสดงเสน่ห์ของตนเองสักหน่อยจิ่งอี้ “อย่ามานั่งตรงนี้ ขวางข้ากินเนื้อย่าง”กู้ชิงชิง “...”ทันทีที่ก้นหย่อนลงไป ได้เพียงครึ่งเดียว เมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็ชะงักอย่างเก้อเขิน จะนั่งลงไปก็ไม่ใช่ จะลุกขึ้นยืนก็ไม่ใช่ ค้างอยู่ท่านี้ไว้ อย่าถามว่าเก้อเขินมากแค่ไหนเมื่อเห็นชายหนุ่มเหล่านี้ห้อมล้อมฉู่เชียนหลี แต่กลับมองข้ามนางที่ความงามไม่ธรรมดานี้ไป อย่าถามว่าในใจโมโหมากแค่ไหน!นางยืดตัวตรงอย่างโมโหมาก กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว“พระชายาอ๋องเฉิน ถ้าหากท่านแพ้เดิมพันแล้ว ไม่เพียงต้องให้อวิ๋นอิงมาเป็นสาวใช้ล้างเท้าของข้าเท่านั้น ยังต้องมอบหมาป่าตัวนี้ให้ข้าด้วย ท่านกล้าหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเล็กน้อยพูดมามากมายขนาดนี้ ที่แท้ก็คืออยากได้หมาป่าของนาง?หัวของเจ้าดำน้อยเกยอยู่ที่บนรองเท้าปักลายดอกไม้ของฉู่เชียนหลี เงยหน้าขึ้นอย่างเกียจคร้าน เหลือบมองกู้ชิงชิง แล้วก็ก้มหัวลงไปอีกครั้ง พร้อมกับถอนหายใจ เป่าจนใบไม้ที่ร่วงสีเหลืองสองสามใบให้พัดขึ้น แล้วก็งีบหลับต่อฉู่เชียนหลีกัดเนื้อกระต่ายคำหนึ่ง “คุณหนูกู้ต้องการเพิ่มเดิมพันงั้นหรือ
ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นตลอดคืนเช้าวันรุ่งขึ้น แต่เช้าตรู่ หลังจากกินอาหารเช้าง่าย ๆ ทั้งสองกองทัพก็เดินเข้าไปในป่าต่อ หลังจากเดินไปประมาณหนึ่งชั่วยามกว่า ๆ หน่วยสำรวจของตระกูลกู้ก็เริ่มลงมือนี่คือหนึ่งกองทัพที่ประกอบไปด้วยคนสิบแปดคน มีทั้งคนแก่ เด็ก ทั้งหมดเป็นผู้ชาย ในมือพวกเขาถืออุปกรณ์ต่างกัน แต่ละคนมีความสามารถของตน กำลังสำรวจตำแหน่งของเหมืองคนที่ถือเข็มทิศ เดินหาตำแหน่งไปทั่วทุกสารทิศผู้ที่สังเกตฮวงจุ้ย จะคำนวณนับนิ้วตามตำแหน่งยังมีด้านวิชาฟิสิกส์อีกด้วย ขุดดินขึ้นมาก้อนหนึ่งแล้วดม ก็สามารถจำแนกได้คร่าว ๆ พากองทัพเดินไปยังอีกทิศทางหนึ่งยังมีความสามารถด้านอื่น ๆ อีก...เมื่อฉู่เชียนหลีเห็นดังนั้น ก็ประหลาดใจเล็กน้อย พูดตามตรง มีชีวิตอยู่มาสองภพ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นวิธีการหาเหมืองของคนโบราณเนื่องจากสงสัย อดไม่ได้ที่จะมองอยู่พักหนึ่ง“มองอะไรกัน?”ทางด้านนั้น กู้ชิงชิงสายตาเย็นชา “ต่อให้ท่านมองจนตาถลนออกมา ท่านก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้หรอก?”“ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเรียนเช่นกัน” ฉู่เชียนหลีเพียงแค่สงสัยเท่านั้น“ข้าว่าพวกท่านคงอยากจะลักวิชา” กู้ชิงชิงกอดอก “ตั้งแต่ออ
กู้ชิงชิงถามจบ ก็รู้สึกเสียใจ เห็นได้ชัดว่าตนเองโง่เขลา“ของที่เก็บมาได้” ฉู่เชียนหลีพูดอย่างสบาย ๆ “จิ่งอี้ เจ้าเอามันไปสำรวจดูทุกที่เลย ถ้าหากมันส่งเสียงร้องตรงไหน ก็ขุดตรงนั้น”ทุกคน “?”เจ้าของสิ่งนี้ยังส่งเสียงได้อีกด้วยเหรอ?พวกเขาคนแก่สุดอายุหกสิบกว่าปี เด็กสุดอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี มีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ ไม่เคยเห็นสิ่งของหน้าตาแปลกประหลาดนี้มาก่อนเลยจิ่งอี้ตอบ ถือเครื่องตรวจจับโลหะ แล้วเดินไปเขาเดินไปทั่วบริเวณหนึ่งรอบใหญ่ สุดท้าย ที่ภูเขาลูกนั้นตรงหน้ากับภูเขาแร่ของตระกูลกู้ ก็ตามหาตำแหน่งที่เหมาะสมจนเจอเครื่องตรวจจับดังขึ้นแล้ว ก็ขุดภูเขาลูกนี้เริ่มลงมือทำงานทั้งสองกองทัพต่างฝ่ายต่างขุดภูเขาแร่ ภูเขาทั้งสองลูกมีระยะห่างกันประมาณยี่สิบสามสิบเมตร ไม่ไกล แล้วก็ไม่ใกล้ แค่เงยหน้าก็มองเห็นในขณะที่กำลังยุ่งกู้ชิงชิงกับบิดากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ นางนั่งพิงต้นไม้ ในมือถือผลไม้ป่าไว้ลูกหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเปรี้ยวมาก แต่เมื่อคืนไม่ได้กินอิ่ม ตอนเช้าก็ไม่ได้กินดี จึงจำใจต้องยอมกิน“ท่านพ่อ ท่านว่าฉู่เชียนหลีนั่นกำลังทำบ้าอะไรอยู่?” นางกำลังกัดผลไม้ป่าทางด้านนั้น อ
“อะไรนะ?!”สองพ่อลูกตกใจเป็นอย่างมาก ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินองครักษ์กล่าวอย่างร้อนใจ “เป็นความจริง! นายท่าน อ๋องเฉินออกคำสั่งห้ามแพร่ข่าว พวกเขาปิดข่าวเอาไว้เป็นอย่างดี เป็นเพราะข้าปลอมตัว ปะปนเข้าไปในคนของพวกเขา ถึงได้ล้วงข่าวออกมาได้”กู้ชิงชิงตกตะลึงเป็นอย่างมาก “เป็นไปได้อย่างไร...”ถ้ำเหมืองของพวกเขายังขุดแร่เหล็กออกมาไม่ได้ ฉู่เชียนหลีจะขุดออกมาก่อนได้อย่างไร?ฉู่เชียนหลีเก่งกว่าตระกูลกู้ของพวกเขาได้อย่างไร?เป็นไปไม่ได้!หรือว่าสิ่งของหน้าตาแปลกประหลาดนั่นในมือของนาง จะมีพลังเวทมนตร์จริง ๆ?“ท่านพ่อ ข้าไม่เชื่อ! นางเป็นมือสมัครเล่นคนหนึ่ง จะต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่นอน ถึงได้ขุดเจอแร่เหล็ก เป็นเพราะนางโชคดี ถ้ำเหมืองของพวกเรายังไม่มีอะไรออกมาเลย นางจะเร็วกว่าพวกเราไปได้อย่างไร?”เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!นายท่านรองกู้ขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึม สีหน้าหนักใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเขาประมาทศัตรูเกินไปในเมื่อพระชายาอ๋องเฉินกล้าเดิมพันกับเขา จะต้องซ่อนลูกไม้เอาไว้แน่นอน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าประสิทธิภาพของพระชายาอ๋องเฉินจะสูงขนาดนั้น ใช้เวลาแค่เพียงวันเดียว ก็สามารถขุดแ
“ถูกต้อง ไม่ขโมยไก่ ไม่ขโมยหมา แต่ขโมยเหล็ก” คำพูดที่เย็นชาประโยคหนึ่งของเฟิงเย่เสวียนลอยเข้ามา“...”นายท่านรองกู้ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ โมโหจนหน้าดำขโมยเหล็ก?เอาเหล็กที่ไหนมาให้เขาขโมย?“พระชายาอ๋องเฉินจงใจกระมัง!” เขากล่าวเสียงเย็นชา “ท่านไม่ได้ขุดได้แร่เหล็กอะไรหรอก ยังจงใจปล่อยข่าวออกไป บอกว่าขุดได้เยอะมาก ๆ ก็เพื่อต้องการดึงดูดให้ข้าติดกับ จากนั้นค่อยแว้งกัดข้า หาว่าข้าขโมยเหล็ก”“พฤติกรรมหลอกลวงของท่าน แตกต่างจากพฤติกรรมคนชั่วอย่างไร? วันนี้นับว่าข้าได้เห็นแล้ว!”ด้วยคำพูดที่เฉียบคมของเขา ตำหนิว่าเป็นความผิดของฉู่เชียนหลีทันทีฉู่เชียนหลีไม่ได้ผิดอะไรเลย ทั้งยังกระทำความผิดใหญ่หลวงอีกหรือ?แต่นายท่านรองกู้ที่ฉวยโอกาสขโมยของยามค่ำคืน ก็คือบริสุทธิ์สุด ๆ เลยหรือ?นี่มันเหตุผลอะไรกัน?“จงใจดึงดูดให้เจ้าติดกับ?” ฉู่เชียนหลีย้อนหลัง “ได้ฟังความหมายของเจ้า เจ้ามาเพื่อขโมยเหล็กจริง ๆ อย่างนั้นสินะ?”ใช่!ข้ามาเพื่อขโมย!แต่ท่านมีเหล็กให้ข้าขโมยหรือไม่? ท่านไม่มีถ้าอย่างนั้นจะยอมรับหรือ? ข้าไม่“พระชายาอ๋องเฉินพูดจาน่าขันยิ่งนัก ข้าไม่ระวังเดินผิดถ้ำแร่ ที่นี่ของท่านไม่ม
แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่นวันรุ่งขึ้น ตอนเย็น ทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าอยู่นอกตำหนักเจาหยางถอนกำลังจริงๆ ฉู่เชียนหลีอุ้มลูกไปถึงสถานที่นัดหมายกับฉู่เจียวเจียว ขึ้นรถม้าคันหนึ่งที่ออกจากวังเพื่อไปซื้อวัตถุดิบอาหารด่านตรวจประตูวังทหารรักษาพระองค์จะตรวจสอบ แต่ขันทีที่ขับรถม้ามีสิทธิพิเศษผ่านทาง จึงสามารถออกจากวังหลวงอย่างราบรื่นรถม้าแล่นไปถึงตรอกแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีรถม้าจอดอยู่หนึ่งคันรถม้าสองคันแล่นขนานกัน และตอนที่ไม่มีคนสังเกต คนบนรถม้ากระโดดจากรถม้าคันนี้ ไปยังรถม้าคันนั้นเวลานี้ รถม้าแยกทางกันที่ปลายถนนคันหนึ่งแล่นไปทางซ้าย คันหนึ่งแล่นไปทางขวาฉู่เจียวเจียวยืนอยู่บนหอคอยสูง มองดูจากระยะไกล เมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว เผยอมุมปากอย่างเย็นชาฉู่เชียนหลี เจ้ารนหาที่ตายเอง!“ลงมือ!”ทหารรักษาพระองค์เคลื่อนไหวทันที!ในเมืองหลวง ผู้คนสัญจรไปมา ใกล้จะปีใหม่แล้ว พ่อค้าขายของปีใหม่เยอะเป็นพิเศษ ถนนทั้งสายทั้งคึกคักทั้งเบียดเสียด“หยุดรถ”รถม้าจอดตรงหน้าตรอกแห่งหนึ่งที่มีคนค่อนข้างน้อย ฉู่เชียนหลีอุ้มลูกลงจากรถม้า วิ่งเข้าไปในตรอก หาร้านค้าร้านหนึ่งที่ไม่สะดุดตาป้ายหน้าประตูร้า
ฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้เฟิงเจิ้งหลีกักตัวนางนานเช่นนี้ ก็เพื่อใช้ประโยชน์จากนางกับจื่อเยี่ย ควบคุมเฟิงเย่เสวียนในวันข้างหน้า ฉู่เจียวเจียวกลับยินดีปล่อยนาง?“ข้าจริงจัง”น้ำเสียงฉู่เจียวเจียวเย็นชา“เจ้าเดินเตร่ไปเตร่มาใต้จมูกข้าทุกวัน มันขัดตาข้า มันกวนใจข้า ชีวิตเจ้าไม่มีความสุข ชีวิตข้าก็ไม่มีความสุข เหตุใดไม่สงเคราะห์กันและกันล่ะ?”นางส่งเขาออกไปนางคืนฝ่าบาทให้เขา“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่?” ฉู่เชียนหลีถาม “เมื่อฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ เจ้าจะดับความโกรธของเขาอย่างไร?”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ ข้ามีวิธีของข้า ไม่เช่นนั้น ข้าก็ไม่ต้องเป็นฮองเฮาแล้ว”ส่งฉู่เชียนหลีออกวัง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้นางยังทำได้“ฉู่เชียนหลี เจ้าลองคิดดูดีๆ”“ครึ่งปีมานี้ สถานการณ์สงครามคับขัน เพื่อที่จะช่วยเจ้า เฟิงเย่เสวียนยอมหันกระบี่ใส่ฝ่าบาท ถ้าหากเจ้ากลับไปอยู่ข้างกายเฟิงเย่เสวียน สองกองทัพสงบ เจ้ากับข้าก็จะมีชีวิตที่ดี”“เหตุใดเจ้าต้องจับฝ่าบาทไม่ยอมปล่อย?”ฉู่เจียวเจียววิเคราะห์เสียงเย็นนางทนไม่ไหวกับชีวิตแม่หม้ายเช่นนี้แล้ว มีเพียงฉู่เชียนหลัไ
เพียะ!ก่อนที่ฝ่ามือจะตบลงมา ฉู่เชียนหลีคว้าข้อมือของนางไว้อย่างแม่นยำ “ดูผู้ชายของตัวเองไม่ดีเอง ไม่ควรทบทวนปัญหาของตัวเองก่อนหรือ?”นางยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ฉู่เจียวเจียว เจ้านี่มันไม่ไหวจริงๆ รู้จักแต่ระบายความโกรธใส่ข้า มัดใจของผู้ชายไม่ได้ ต่อให้ข้าไปแล้ว ก็ยังมีข้าอีกเป็นหมื่นเป็นพัน”สีหน้าฉู่เจียวเจียวน่าเกลียดมาก“ฉู่เชียนหลี!”นางพูดเรื่องที่ไร้ยางอายเช่นนี้อย่างมั่นใจได้อย่างไร? น่ายกย่องมากเลย?นางยั่วยวนฝ่าบาทโดยที่หน้าไม่แดง ไม่รู้สึกผิด หน้าตายเช่นนี้ได้อย่างไร?ใต้ฟ้า เหตุใดจึงมีคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้?ฉู่เชียนหลียิ้ม “อีกอย่างนะ เขาเป็นฮ่องเต้ สามตำหนักหกเรือน เจ็ดสิบสองสนม ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? เจ้าในฐานะฮองเฮา จิตใจคับแคบเช่นนี้ได้อย่างไร?”“กรี๊ดๆ!”ฉู่เจียวเจียวโมโหจนกรีดร้อง ยกมืออีกข้างก็เหวี่ยงออกไปทันทีฉู่เชียนหลีเอี้ยวตัวไปด้านข้าง หลบพร้อมกับคว้ามือของนางไว้“ฉู่เชียนหลี เจ้ามันหน้าไม่อาย! เจ้ามันเป็นของเก่าที่เคยหลับนอนกับเฟิงเย่เสวียน มีสิทธิ์อะไรมาเข้าใกล้ฝ่าบาท! ต่อให้ฝ่าบาทมีสามตำหนักหกเรือน นั่นก็ล้วนเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์!”“ใช่สิ ฝ่า
“นม!”เจ้าหนูน้อยโบกมืออย่างจริงจังและดื้อรั้น เหมือนกำลังเป็นปรปักษ์กับนาง ใบหน้าน้อยๆ มุดเข้าไปในอก สองมือก็ดึงทั้งๆ ที่กินอิ่มแล้ว ยังจะมุดเข้าไปในอกนางอีกเมื่อนางกำนัลที่อยู่ข้างๆ เห็น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ“แม่นางฉู่ พระนัดดาองค์โตติดท่านจัง เหมือนท่านจึงจะเป็นแม่แท้ๆ ของเขา…”กล่าวจบ รู้ตัวว่าพลั้งปาก นางตกใจจนหน้าซีด รีบหุบปากทันที มีข่าวลือจากโลกภายนอกเกี่ยวกับตัวตนของพระนัดดาองค์โตราษฎรวิภากษ์วิจารณ์ มารดาบังเกิดเกล้าของพระนัดดาองค์โตคือฉู่เชียนหลี ไม่ใช่ฉู่เจียวเจียว และก็มีคนคิดว่าคือฉู่เจียวเจียวเช่นกัน แต่สำหรับสถานการณ์โดยรวม ทุกคนถกเถียงกันเงียบๆ ในวังก็มีข้อกังขาเช่นกัน คนที่รู้ความจริงก็มีน้อยมากฉู่เชียนหลีเพียงแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้ถือสาการพลั้งปากของนางกำนัล“อีอา…”เจ้าหนูน้อยมุดอยู่ในอ้อมแขนของนางครึ่งค่อนวัน ล้วงป้ายหยกมังกรชิ้นหนึ่งออกมาแกว่งเล่นฉู่เชียนหลีจับมือน้อยๆ ของเขาอย่างหมดหนทาง“ท่านบรรพบุรุษน้อย ของสิ่งนี้เล่นไม่ได้ นี่เป็นของที่ฮ่องเต้มอบให้ข้า”ป้ายหยกมังกร!เมื่อนางกำนัลอีกคนเห็นของสิ่งนี้ เบิกปากกว้างด้วยความตกใจ นี่เป็นของที่
หัวข้อสนทนาการเฉลิมฉลองปีใหม่ได้เปลี่ยนเป็นเรื่องสงคราม สีหน้าเฟิงเจิ้งหลีเคร่งขรึม“เจ้าคุยเล่นไม่เป็น”ฉู่เชียนหลียิ้มแล้วยิ้มอีก เสยผมที่ข้างหูขึ้น“เจ้าไม่คุยกับข้าก็ได้ แต่เหมือนเจ้ามักจะชอบมาหาเรื่องไม่สบอารมณ์ใส่ตัวเองที่ข้า”“...”ก็จริงทุกครั้งที่อยู่กับนาง ตอนมาอารมณ์ดี ตอนกลับยากจะควบคุมอารมณ์เฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองท่าทางที่คิดไม่ดีไม่ร้ายของนาง รู้ว่านางจงใจ ถ้าหากโมโหจริงๆ ก็สมใจนางแล้วเขาพ่นลมออกจากจมูกอย่างไม่สบอารมณ์“ข้าชอบถูกทรมาน”คำตอบนี้พอใจแล้วกระมังฉู่เชียนหลี ‘อืม’ คำหนึ่ง ยิ้มจนคิ้วโก่ง “ถ้าหากสู้กันขึ้นมาจริงๆ ถึงเวลาเจ้าผลักพวกเราสองแม่ลูกออกไปก็พอ มีข้ากับจื่อเยี่ยอยู่ เฟิงเย่เสวียนไม่มีทางชนะ”นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม ส่วนซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงอย่างไรไว้ในแววตา ไม่มีใครสามารถคาดเดา มองไม่ออก เดาไม่ถูกเฟิงเจิ้งหลีเงียบไปครู่หนึ่ง“ข้าไม่มีเจตนาใช้ประโยชน์จากเจ้า”ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่แล้ว เอาคำพูดที่น่าฟังเหล่านี้ไปพูดให้ผีฟังเถอะนี่ก็นานมากแล้ว จื่อเยี่ยนอนกลางวันน่าจะตื่นแล้วฉู่เชียนหลีถือตำราแพทย์ หมุนกายเดินลงจากหอคอย มุ่งหน้าไปยังทิศทางขอ
เวลาผ่านไปเร็วมาก วันแล้ววันเล่า พริบตาเดียว ก็กลายเป็นวันที่หนาวที่สุดของฤดูหนาวปีนี้หิมะตกแล้วสภาพอากาศมืดครึ้ม มีเกล็ดหิมะตกลงมาจากบนท้องฟ้า บางคนกางร่ม บางคนดึงเสื้อให้กระชับ บางคนซุกมืออยู่ในแขนเสื้อ ต่างคนต่างเดินอย่างเร่งรีบบนหอคอยของประตูวังฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ มีตำราแพทย์เล่มหนึ่งกางอยู่บนหัวเข่า เกล็ดหิมะที่เขาบริสุทธิ์ตกลงบนผมของนาง ดวงตาที่หลุบลงนั่น ท่าทางที่ตั้งใจอ่านตำรานั่น ดูสงบเป็นพิเศษเฟิงเจิ้งหลียืนห่างออกไปห้าหกเมตร เฝ้าดูอยู่ไกลๆ ไม่อยากเข้าไปรบกวนนางนางยกมือ รับเกล็ดหิมะสองสามก้อนไม่นานก็ละลายกลายเป็นน้ำบนฝ่ามือเย็นๆเวลาผ่านไปเร็วจริงๆ พริบตาเดียวก็ปีใหม่แล้วนั่งอยู่บนหอคอยทุกวัน เฝ้าดูราษฎรที่เดินผ่านไปมา ฟังพวกเขาสนทนากัน อ่านตำราแพทย์ เลี้ยงลูก แม้ชีวิตสงบ แต่ก็ไม่น่าเบื่อนางให้ความสนใจเรื่องสงครามอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากเมืองเทียนสู่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของแคว้นตงหลิง แตะต้องส่งเดช รากฐานเสียหาย ศึกนี้ยืดเยื้อมาเป็นเวลาสองเดือนเต็มๆ ยังไม่เริ่มปะทะกันถอนสายตากลับ มองตำราแพทย์ พลิกหน้ากระดาษอย่างไม่ใส่ใจ ตอนเหลือบม
อวิ๋นอิงหุบปาก หลุบตาลง ไม่ได้พูดอะไรต่อจิ่งอี้อุ้มเด็กไว้ สายตามองท้องที่นูนเล็กน้อยของนาง หมื่นพันคำพูดติดอยู่ในลำคอ มุมปากเผยอขึ้นอย่างขมขื่นเขาแค่อยากพูดคุยกับนางเป็นห่วงนาง มองดูนาง ต่อให้นางระบายอารมณ์ใส่เขา ในใจของเขาก็ยังรู้สึกดีขึ้น แต่ไม่ใช่ทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้าอาศัยเด็ก เขาเข้าใกล้นางอย่างระมัดระวัง“เจ้า…ช่วงนี้กินยาดีๆ หรือไม่? ร่างกายยังดีหรือไม่?”อวิ๋นอิงขมวดคิ้ว ไม่พูด ไม่ตอบ เหมือนไม่ได้ยิน“ลูกทรมานเจ้าหรือไม่?”“อวิ๋นอิง…”จู่ๆ นางก็เดินเข้าไปแย่งเด็กคืนมา หมุนกายกล่าว “ถ้าคุณชายจิ่งไม่มีธุระอะไร ก็รีบไปเถอะ ตอนนี้เหมือนทุกคนจะยุ่งมากกระมัง”นางส่งแขกอย่างห่างเหินนางยังคงไม่อยากพูดอะไรกับเขามากสีหน้าจิ่งอี้ขมขื่น มองแผ่นหลังที่ผอมบางของนาง “อวิ๋นอิง ขอบคุณมากที่เจ้ายอมเก็บเด็กคนนี้ไว้”เด็กคนนี้คือสะพานเพียงหนึ่งเดียวระหว่างพวกเขาเขาไม่กล้าคิดเลยว่านางจะยอมคลอดเด็กคนนี้ออกเขารู้ว่าความผิดที่ตัวเองทำไม่สมควรให้อภัย และไม่กล้าขอให้นางให้อภัย หวังเพียงสามารถมองดูนางกับลูกมีความสุข แม้เขาต้องสูญเสียทุกอย่างก็ยินดี“ขอบคุณมาก…”“ขอบคุณเจ้าจริงๆ…
อวิ๋นอิงเข้าไปในเรือนอีกหลังหนึ่งมีเสียงร้องไห้ของเด็กดังออกมาจากภายในห้อง เว่ยซีนอนอยู่ในเปลโยก เพิ่งกินอิ่ม เรียบร้อยมาก ไม่ร้องไห้ไม่งอแง กำลังเล่นกระดิ่งในมืออย่างมีความสุขกลับกันเป็นลู่ฉินที่ร้องไห้ไม่หยุดเสียวอู่อุ้มนางไว้ ทั้งป้อนนม ทั้งกล่อม ทั้งเดินไปเดินมา ทั้งอุ้ม ทั้งตบ วิธีที่ใช้ได้ก็ใช้จนหมดแล้ว ก็ยังไม่สามารถกล่อมนางหยุดร้องไห้ได้ เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัวเมื่อเห็นผู้มา ก็เหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิต รีบกล่าว“พี่อวิ๋นอิง คุณหนูรองร้องไห้ไม่หยุดเลย ข้าไม่รู้จะกล่อมอย่างไรแล้ว ควรทำอย่างไรดี!”“เอามาให้ข้าอุ้ม”อวิ๋นอิงวางถาดลงบนโต๊ะ รับลู่ฉินน้อยมา เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง เริ่มกล่อมเบาๆ“เอายามาให้ข้า”หัวใจของลู่ฉินไม่ปกติตั้งแต่เกิด ก่อนหน้านี้คิดว่าเพราะพระชายาตั้งครรภ์ลูกฝาแฝด ลู่ฉินได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ตอนนี้มาคิดดู น่าจะเป็นเพราะตอนที่ฉู่เจียวเจียวตั้งครรภ์ ขาดความสุข อารมณ์ไม่ดี กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ดังนั้นลูกที่เกิดมาจึงไม่แข็งแรงถูกฉู่เจียวเจียวบีบจนเป็นโรคความผิดของผู้ใหญ่ ส่งผลกระทบต่อเด็กที่ไม่รู้อะไรเสียวอู่ถือชามยาเข้ามา หลังจากเป่าจนเย็น ก
เวลานี้ห่างออกไปพันลี้ ดินแดนเจียงหนาน สี่ฤดูดั่งวสันตฤดู สภาพอากาศอบอุ่น เป็นสถานที่อยู่อาศัยและพักผ่อนชั้นเยี่ยม เจียงหนานทำเนียบมีการเฝ้าอย่างแน่นหนา คนแปลกหน้าห้ามเข้าใกล้ เหล่าทหารสวมชุดเกราะ อาวุธครบมือ เฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา มีคนวิ่งเข้าวิ่งออกเป็นระยะ แม้แต่ในอากาศก็เต็มไปด้วยอารมณ์ของความกดดันและเคร่งขรึม ภายในห้องหนังสือภาพแผนที่แคว้นตงหลิงติดอยู่บนกำแพง บนนั้นถูกทำเครื่องหมาย วาดวงกลม ปักธงเล็กๆ และอื่นๆหลายเส้นทาง สองมือเฟิงเย่เสวียนยันอยู่บนโต๊ะ กำลังอธิบายแผนการเดินทัพครั้งต่อไปอย่างเป็นระเบียบมีคนนั่งจนเต็มทั้งสองด้านของโต๊ะยาว พวกเขาตั้งใจฟัง พยักหน้าเป็นระยะ“รวบรวมกำลังทหารพร้อมแล้ว พวกเราจะโจมตีเมืองเทียนสู่เมื่อไร?” ผู้ว่าการเจียงหนานถาม“ผู้คนในเมืองเทียนสู่ล้วนเป็นราษฎรของแคว้นเรา เพื่อลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด ข้าขอแนะนำให้เจรจาก่อน แล้วค่อยโจมตี” จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมคนของสำนักอู๋จี๋ก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน ทุกคนช่วยกันออกแรงหานอิ๋งกล่าว“ตลอดทางที่ฝ่ามา พวกเราอยากใช้วิธีที่สันติ แต่เฟิงเจิ้งหลียอมหรือ? เขาไม่เพียงไม่ยอม และยังใช